วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1227 เธอควรปล่อยโม่จื่อซีไปสักที!
“ผมหวังว่าคุณจะเก็บเป็นความลับให้ผมนะครับ หัวหน้า”
“เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ฉันจะติดต่อพี่ชายของฉันแล้วดูว่านายจะย้ายไปหน่วยของเขาได้หรือเปล่า ขอบอกไว้เลยนะ พี่ชายของฉันเก่งมาก เขาเป็นหัวหน้ากองกำลังพิเศษของประเทศเชียวละ มาคอยดูไปก่อนแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ หัวหน้า” หัวหน้าเป็นครูฝึกของเขา แต่นอกจากเอ่ยขอบคุณไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้อีก
ส่วนเฉินจิ้งหรง ปล่อยให้เธอดิ้นไปคนเดียวแล้วกัน!
เมื่อครอบครัวของโม่จื่อซีรู้ว่าเขากำลังจะย้ายหน่วย พวกเขาต่างสนับสนุน โดยเฉพาะโม่จื่อเหยียน “พี่ใหญ่ เพราะอย่างนี้หนูถึงได้เชื่อใจพี่ไง พี่ทำอย่างที่พูดตลอดแล้วก็ไม่เคยลังเลใจเลย”
“ลูกได้ถามอันฉีว่าเธอยอมย้ายไปกับลูกหรือยัง” ถังหนิงถาม “ถ้าเธอไม่ยอมก็อย่าไปบังคับเธอ แค่ไม่ต้องไปโผล่หน้าที่โรงพยาบาลบ่อยๆ ก็พอ”
“ผมรู้ครับแม่ แล้วผมก็จะหาที่อยู่ใหม่ด้วย ผมกลัวว่ามันจะลำบากอันฉีปรับตัวให้ชินกับการอยู่กับคนเยอะๆ น่ะครับ อีกอย่างผมต้องหาที่ที่ใกล้กับหน่วยกองกำลังพิเศษอีกนิด ถึงจะไปดูแลอันฉีกับลูกชายของเราได้สะดวก”
เมื่อถังหนิงได้ยินเช่นนั้น เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ลูกตัดสินใจเองเถอะ แต่ต้องโน้มน้าวให้อันฉีย้ายเข้ามาอยู่ด้วยล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมค่อนข้างมั่นใจเรื่องนั้น”
ก่อนจะรายงานตัวกับกองกำลังพิเศษ โม่จื่อซีต้องไปรวบรวมเอกสารบางอย่างเสียก่อน การเข้าร่วมกองกำลังพิเศษไม่ง่ายนัก เขาจึงต้องผ่านการขั้นตอนการคัดเลือกและตรวจสอบอย่างเข้มงวด
หากแต่เขาก็ยังต้องการลอง
ในวันที่เขากลับไปที่ฐานทัพ โม่จื่อซีไม่ได้บอกใครเรื่องย้ายหน่วยแม้แต่น้อย ความจริงแล้วเขาจงใจจะหลบไม่ให้ทุกคนเห็นด้วยซ้ำ
หลังได้รับจดหมายแนะนำจากหัวหน้า โม่จื่อซีไปหาเพื่อนสนิทที่สุดของตัวเองเพื่อบอกลา
“ฉันรู้ว่าฉันห้ามนายไม่ได้ เราเจอกันข้างนอกได้ตลอดอยู่แล้วนี่”
“น่าหงุดหงิดชะมัดที่ต้องถูกบีบให้ออกจากหน่วยเพราะผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้น แต่ต่อให้ฉันเป็นนายก็คงจะทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
“เฉินจิ้งหรงน่ากลัว จื่อซีควรหลบจากเธอ เขาพูดแล้วก็ทำอย่างที่ควรทำแล้วเธอยังต้องการอะไรอีกกันล่ะ เธอทำตัวน่าขยะแขยงเองทั้งนั้น ทำเอาฉันตาสว่างเลยละ!”
โม่จื่อซีหัวเราะโดยไม่ได้ออกความเห็นกับปัญหาของเฉินจิ้งหรง ก่อนจะกอดลาเพื่อนและจากไป
เขาขับรถมาที่บ้านของเหยาอันฉี เคาะประตูและพบว่าเธอกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ เขาเดินไปยังโซฟา นั่งลงก่อนเอ่ย “ผมขอย้ายหน่วยไปแล้วนะครับ”
“อะไรนะคะ” เหยาอันฉีไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
“ผมออกจากฐานทัพแล้วครับ” เขาอธิบาย “อันฉี อีกเดี๋ยวผมจะต้องไปรายงานตัวกับกองกำลังพิเศษ ก่อนหน้านั้นผมอยากจะถามคุณว่าคุณจะยอมออกลาจากโรงพยาบาลทหารไหมครับ
“ผมอยากจะหาบ้านใกล้ๆ หน่วยปฏิบัติการพิเศษให้คุณกับซิงเจ๋อได้อยู่”
เหยาอันฉีชะงักไปชั่วขณะก่อนจะตอบ “ฉัน…ไม่คิดจะลาออกจากโรงพยาบาลทหารค่ะ”
“ผมรู้ว่าคุณต้องพูดอย่างนั้นครับ” เขาพยักหน้าและว่าต่อ “แต่…คุณก็ยังต้องย้ายบ้านใช่ไหมล่ะครับ ผมว่าจะพาซิงเจ๋อมากับผม เราจะได้ดูแลเขาได้ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลเขาช่วงที่เราไม่ว่างกัน
“คุณไม่ต้องห่วงว่าจะอึดอัดที่บ้าน ผมจะอยู่ในฐานประจำการและไม่ไปอยู่ที่บ้านจนกว่าคุณจะตกลงครับ”
แน่นอนว่าเหยาอันฉีอยากดูแลซิงเจ๋อด้วยตัวเองมากกว่า อย่างไรเสียคนตระกูลโม่ก็ต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง
ทว่างานที่โรงพยาบาลของเธอก็ยุ่งมากเช่นกัน
หากมีใครบางคนช่วยเธอได้ เธอก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะดูแลลูกชายด้วยตัวเอง นี่เป็นความฉลาดของ โม่จื่อซี เขารู้ว่าบ้านปัจจุบันของเธอคับแคบเกินไป ลำพังจุผู้ใหญ่หนึ่งคนกับเด็กอีกคนยังยาก ไม่ต้องพูดถึงการเข้ามาอยู่อีกคนเลย
ดังนั้นเพื่อซิงเจ๋อแล้ว เขารู้ว่าเธอจะตอบตกลง
ซ้ำเธอยังคิดเรื่องที่โม่จื่อซีบอกเมื่อวันก่อนแล้วด้วย
หากต้องเลือกสามีสักคน เธอก็สบายใจจะเลือกพ่อของลูกมากกว่าอยู่แล้ว
ดังนั้น…เธอจึงตัดสินใจที่จะลองดูสักตั้ง
“ถ้าคุณไม่พูดอะไร ผมจะถือว่าคุณตกลงนะครับ”
เหยาอันฉีทำความสะอาดห้องจนเสร็จก่อนพยักหน้า “คุณจัดการทุกอย่างแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องเลือกมากหรอกค่ะ”
“โอเคครับ ผมจะหาที่อยู่ให้เร็วที่สุดแล้วพาทั้งสองคนเข้าไปอยู่นะครับ”
กระทั่งถึงป่านนี้ เหยาอันฉียังเอาแต่คุยกับโม่จื่อซีจากมุมของคนเป็นแม่ เธอไม่เคยพูดกับเขาในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งสักครั้ง ดูเหมือนเธอจะไม่ได้มีใจจะสานต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา
โชคดีที่โม่จื่อซีเข้าใจว่าเธอสับสนในใจอยู่ อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชายที่เพิ่งเลิกกับแฟนมาหมาดๆ
โม่จื่อซีเจอบ้านหลังหนึ่งก่อนที่จะรายงานตัวกับกองกำลังพิเศษ อยู่ในพื้นที่ที่ทั้งเงียบและปลอดภัย เหมาะสมที่จะเป็นที่อยู่ของครอบครัว
ไม่นานเขาจึงซื้อบ้านหลังนี้ไว้และส่งที่อยู่ให้เหยาอันฉี ทั้งยังบอกให้เธอเก็บของตอนที่มีเวลา เพราะเขากำลังจะไปรับเธอในอีกไม่ช้า
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเลือกพี่เลี้ยงมาให้ซิงเจ๋อ เธอเป็นคนที่หาตัวจับยาก เดิมที่เธอเกษียณอายุมา แต่เธอรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่ที่บ้านจึงตัดสินใจกลับมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก
การย้ายบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น แต่มันก็ให้ความรู้สึกรวดเร็วมากเช่นกัน…
เฉินจิ้งหรงได้ยินจากเพื่อว่าโม่จื่อซีขอย้ายหน่วย
ด้วยเหตุนี้เธอจึงไปพบหัวหน้าของเธอด้วยตัวเองเพื่อยืนยันสิ่งที่ได้ยินมา
หัวหน้าของเธอพยายามเลี่ยงตอบคำถาม หากแต่สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้และบอกความจริงกับเธอ “จิ้ง
หรง เธอควรปล่อยโม่จื่อซีไปสักทีนะ คิดซะว่าเป็นโชคชะตาแล้วกัน”
“ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจจะคืนดีกับฉัน ทำไมเขาต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อแสดงความเป็นห่วงฉันด้วยล่ะคะ”
“เขาไม่ได้ไปโรงพยาบาลเพราะเธอ แล้วก็เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว” หัวหน้าของเธอกล่าวปลอบใจ “หาผู้ชายที่ดีกว่านี้เถอะ ฉันมั่นใจว่าเธอจะได้พบกับความสุขแน่ๆ”
เฉินจิ้งหรงทำใจเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เดิมทีความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีปัญหาอะไร อยู่ๆ มันเปลี่ยนไปได้อย่างไรกัน
“ถ้าเราไม่ได้ไปหาฉันที่โรงพยาบาล แล้วเขาไปหาใครล่ะคะ”
“เธอรู้ว่ามีคนคนนั้นอยู่จริงก็พอ”
เฉินจิ้งหรงพูดไม่ออก หลังจากเธอออกมาจากห้องทำงาน เธอตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อขอภาพกล้องวงจรปิดในวันที่โม่จื่อซีมา ทำไมเขาถึงมาโรงพยาบาลกัน
เธอตามดูภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงที่โม่จื่อซีขับรถออกจากโรงพยาบาลไป ถึงได้เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถเขา
ส่วนจะเป็นใครเธอไม่อาจระบุได้เพราะแสงไฟในลานจอดรถนั้นมืดเกินไป
หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่โม่จื่อซีของเลิกกับเธอ หรือจะเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น
ความกรุ่นโกรธอัดแน่นในใจเฉินจิ้งหรง…
จากที่เธอรู้มาเธอคิดว่าโม่จื่อซีเลิกกับเธอเพราะใจของเขาเปลี่ยนไป ทำไมเขาถึงได้พยายามโทษเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนกัน
เขาแค่ต้องการจะหาข้ออ้างมาขอเลิกกับเธอเท่านั้นแหละ!
เธอไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ เธอต้องหาว่าใครคือผู้หญิงคนนั้น…