วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1232 ความปรานีเสี้ยวสุดท้ายของเขา
โม่จื่อซีไหวไหล่แต่เขายังคงไม่พูดถึงเรื่องแย่ๆ ของเฉินจิ้งหรง
นี่เป็นความปรานีเสี้ยวสุดท้ายของเขา
…
หลังมื้อเย็น โม่จื่อซีวางซิงเจ๋อตัวน้อยลงในอ่างอาบน้ำก่อนเริ่มอาบน้ำให้ ทว่าสุดท้ายเหยาอันฉีก็อุ้มลูกออกมา
เขาเดินตามไปด้วยความงุนงง
“ลูกยังอาบน้ำไม่เสร็จเลยนี่ครับ…”
“ซิงเจ๋อโลหิตจาง ระบบภูมิคุ้มกันของเขาอ่อนแอ เราให้เขาแช่น้ำนานไม่ได้น่ะค่ะ” เธอบอกขณะอุ้ม
ซิงเจ๋อเข้าไปในห้องนอนใหญ่และวางเขาลงบนเตียง
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเธอ เขาก็รู้สึกผิดเต็มที “ผมขอโทษครับ…”
เธอเงียบไปชั่วขณะแต่ในที่สุดก็ถอนหายใจและหันมาหา “ไปเปลี่ยนชุดก่อนที่คุณจะเป็นหวัดเถอะค่ะ”
เขามองเสื้อผ้าเปียกปอนของตัวเองและพยักหน้าให้ “รอผมกลับมาแล้วสอนผมว่าควรทำยังไงด้วยนะครับ”
เธอไม่ได้พูดอะไรขณะพยักหน้ารับ
โม่จื่อซีเป็นคุณพ่อมือใหม่ เขาจึงยังไม่ใส่ใจเท่าผู้หญิงในบางเรื่อง เขาถึงลืมว่าซิงเจ๋อป่วยอยู่บ่อยครั้ง จำเป็นที่เหยาอันฉีต้องอยู่ข้างๆ เขาเพื่อคอยดู
หลังโม่จื่อซีเปลี่ยนชุดและกลับมาที่ห้องนอน เหยาอันฉีอยู่ในห้องน้ำ กำลังเติมน้ำลงในอ่างและเปิดเครื่องทำความร้อน “ทำอย่างนี้ซิงเจ๋อจะรู้สึกดีกว่าน่ะค่ะ เข้ามาสิคะ”
เขามองอ่างอาบน้ำอย่างหนักใจ “ถ้าผมรู้ว่าคุณจะบอกให้ผมเข้าไป ผมคงไม่เปลี่ยนชุดหรอก”
เธอดูออกว่าเขาพยายามทำตัวสบายๆ เพื่อคลายเครียด
ความจริงแล้วตลอดสองวันที่ผ่านมา เหยาอันฉีเริ่มยอมรับเรื่องที่เธอนั้นแต่งงานแล้ว
เธอเคยชินกับการมีโม่จื่อซีเช่นกัน
ในขณะที่ซิงเจ๋อคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุด
บางทีถึงเขาไม่รู้ว่าพ่อคืออะไรแต่เขาก็สัมผัสได้ว่าอ้อมกอดนั้นอุ่นใจกว่าแม่ตัวเองแล้วเขาก็ชอบมัน
โม่จื่อซีรีบเข้ามาในอ่างอาบน้ำกับลูกชาย เมื่อเห็นดังนั้นเธอตัดสินใจไม่เข้าไปรบกวนพวกเขา เธอปิดประตูและปล่อยให้พ่อลูกได้สร้างสัมพันธ์กันตามลำพัง
อันที่จริงชีวิตแบบนี้ก็ดีไม่น้อย…
โดยเฉพาะเมื่อซิงเจ๋อมีความสุขกับชีวิตแบบนี้…
คืนนั้นในที่สุดโม่จื่อซีก็กล่อมซิงเจ๋อเข้านอนได้แม้จะใช้เวลาอยู่นาน ก่อนจะออกจากห้องนอนใหญ่ไป เขาหันมาบอกเหยาอันฉี “บอกให้พี่เลี้ยงมาดูแลซิงเจ๋อพรุ่งนี้เถอะครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปรายงานตัวกับกองกำลังพิเศษ”
“โอเคค่ะ” เธอตอบ
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ถึงเธอจะได้รับประกันว่าเป็นพี่เลี้ยงที่ดี แต่ผมก็ยังติดกล้องวงจรปิดไว้ในบ้าน คุณจะได้ตรวจดูทุกอย่างได้” โม่จื่อซีเอ่ยให้เบาใจ “พรุ่งนี้ผมจะซื้อของกินมาไว้ที่บ้าน มันน่าจะพอทำอาหารให้ทั้งสองคนอยู่พักหนึ่ง พี่เลี้ยงจะซื้ออย่างอื่นให้คุณเอง ผมทิ้งบัตรเครดิตของผมไว้ในโต๊ะข้างหัวเตียงคุณ คุณซื้อทุกอย่างตามต้องการได้เลยนะครับ”
เธอฟังเงียบๆ โดยไม่ได้ตอบ หลังผ่านไปพักหนึ่งในที่สุดเธอก็ถามขึ้น “มีอะไรอีกไหมคะ”
“แล้วก็…หลังจากไปรายงานตัวกักองกำลังพิเศษ ผมจะมีโอกาสเจอกับเฉินจิ้งหรงน้อยลง ดังนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
เธอส่งยิ้มและพยักหน้าให้ “โอเคค่ะ ฉันจะจำสิ่งที่คุณบอกไว้นะคะ”
“ถ้าอย่างนั้น…คุณกับซิงเจ๋อก็หลับเถอะครับ”
เมื่อเขาพูดจบก็หันออกจากห้องไป ทว่าเหยาอันฉีไม่ได้รั้งเขาไว้ แม้เขาจะผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พยายามฝืนใจแต่อย่างใด ถึงอย่างไรคืนนี้เขาก็ไม่ค่อยระวังสุขภาพของซิงเจ๋อและไม่มีความรับผิดชอบอยู่บ้าง ผิดกับสิ่งที่คนเป็นพ่อควรเป็นลิบลับ
มันจึงเข้าใจได้หากเหยาอันฉีจะไม่เชื่อใจเขา
หากแต่อยู่ๆ ขณะที่เขาล้มตัวลงนอน โม่จื่อซีรู้ตัวว่าตัวเองคิดถึงเรื่องของเหยาอันฉีและลูกชายมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนแทบจะครอบงำความคิดของเขาไปกว่าครึ่ง
เช้าวันต่อมาโม่จื่อซีตื่นแต่เช้า เมื่อเห็นว่าเหยาอันฉียังไม่ตื่น เขาย่องเข้าไปในห้องนอนใหญ่และโน้มตัวไปดูลูกแสนว่าง่ายในเตียงเล็กๆ ของลูกชายตัวเอง
ดูเหมือนซิงเจ๋อจะฝันหวานจนทำให้เขาโบกมือไปมาอยู่เป็นครั้งคราว
“ซิงเจ๋อ พ่อขอโทษเรื่องเมื่อคืนด้วยนะ พ่อเกือบทำให้ลูกป่วยซะแล้ว” เขาแนบหน้าลงกับแก้มของ
ซิงเจ๋อและกดจูบเบาๆ คล้ายไม่อยากพรากจากเขาไป “พ่อจะไปสักพักแล้วคงไม่ได้เจอหน้าลูก งั้นพ่อจะถ่ายรูปลูกไว้แล้วกันจะได้เอาไว้ดูตอนที่พ่อคิดถึงลูก”
เหยาอันฉีรู้สึกตัวเพราะแรงขยับตัวของโม่จื่อซี หากแต่เธอไม่ได้ลุกขึ้นมา
ทำเพียงฟังเขาคุยกับลูกชายตัวเองซึ่งกินเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง
เขายังถ่ายรูปไปเยอะมากอีกด้วย
ใครจะคิดว่าผู้ชายคนนี้จะอารมณ์อ่อนไหวขนาดนี้กัน
สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเปิดโคมไฟข้างหัวเตียง หยิบสมุดเล่มเล็กออกมา ด้านในมีรูปของเธอกับซิงเจ๋อ เธอหยิบรูปออกมาส่งให้โม่จื่อซี “ให้คุณค่ะ”
“ผมทำให้คุณตื่นเหรอครับ”
“ถ้าฉันไม่เปิดไฟคุณจะถ่ายรูปชัดได้ยังไงล่ะคะ” ห้องอยู่ในความมืดและเขาก็ไม่ได้เปิดแฟลช รูปของเขาจึงเป็นแค่รูปที่ดำมืด
“ผมแค่อยากได้บางอย่างให้คิดถึงระหว่างที่ผมไม่อยู่น่ะครับ” เขาตอบ
“ฉันรู้ว่าคุณทำมามากพอแล้วที่มอบชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกับเราขนาดนี้ คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกแบกรับกับอะไรอีกแล้วละค่ะ” เธอบอกกับเขาขณะมองซิงเจ๋อ “ถ้าคุณมีเวลาก็กลับมาบ้านบ่อยๆ นะคะ”
“แน่นอนครับ” จังหวะนั้นเองที่เขาไม่อาจห้ามใจดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนและกอดเธอแน่น
เขาไม่ได้ทำอย่างอื่น เพียงแค่รับรูปของภรรยาและลูกก่อนจะจากไป
เธอหวั่นไหวในใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่าโม่จื่อซีเป็นผู้ชายที่ดี ในขณะที่มองเขาเดินออกไป เธอจึงวิ่งออกไปทั้งเท้าเปล่าและรั้งเขาไว้ที่หน้าประตู “ซิงเจ๋อกับฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านนะคะ”
ถึงฟ้าจะยังมืดอยู่ หากแต่เมื่อก้มลงมองเขาก็ยังเห็นว่าเธอยืนเท้าเปล่าอยู่ที่ขั้นบันได เขารีบกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเอารองเท้าให้เธอเป็นอย่างแรก ก่อนจะคุกเข่าลงช่วยเธอใส่ในเวลาเดียวกัน “จำไว้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น โทรหาผมหรือไม่ก็ไปที่ไฮแอทรีเจนซีนะครับ”
“ค่ะ”
“กลับไปด้านในเถอะ ข้างนอกมันหนาวนะครับ”
เธอพยักหน้า หลังจากมองเขาจากไปเธอก็กลับมาในห้องนอน
ว่ากันตามจริงเหยาอันฉีไม่ได้ลืมเรื่องราวในคืนนั้นเมื่อสี่ปีก่อนไปเสียหมด ความจริงการเจอกันที่เร่าร้อนของพวกเขามักวนเวียนในความคิดของเธออยู่บ่อยครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้เธอถึงได้รู้สึกสนิทชิดเชื้อกับโม่จื่อซีไปโดยปริยาย
มันเป็นเพราะพวกเขายังมีกันและกันอยู่ในความทรงจำ
การตกหลุมรักกันจึงเป็นเรื่องง่ายดาย
มิหนำซ้ำทุกอย่างที่โม่จื่อซีทำเพื่อเธอกับซิงเจ๋อหลังจากรู้ถึงตัวตนของทั้งสองก็ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ เธอจึงพยายามเป็นภรรยาที่ดีอย่างถึงที่สุด อย่างน้อยเธอก็จะยอมให้เขานอนในห้องนอนใหญ่
ในขณะที่เฉินจิ้งหรงยังเอาแต่จมกับความฝันที่พังทลายที่จะได้เจอโม่จื่อซีทันทีที่เธอเป็นอิสระ…
เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเข้าร่วมกองกำลังพิเศษเรียบร้อยแล้ว!