วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1233 นอนด้วยกัน
หลังถูกกักบริเวณมาเจ็ดวัน เฉินจิ้งหรงกลับเข้าร่วมกองทัพอีกครั้งทันที หากแต่เธอไม่อาจไปคุกคามเหยาอันฉีได้อีกแล้ว เพราะเธอสัญญากับหัวหน้าของเธอไว้ว่าหากเธอทำเช่นนั้นจะโดนไล่ออกจากการเป็นทหาร
ระหว่างนี้เหยาอันฉียุ่งอยู่ทุกวัน หากแต่ก็ได้รับสายจากโม่จื่อซีและข้อความมารายงานความเป็นไปของเขากับเธอ
เธอไม่เคยตอบข้อความของเขาสักครั้งและทุกครั้งก็จะคุยโทรศัพท์น้อยคำ ด้วยมักถูกรบกวนเพราะคนไข้ฉุกเฉินและบีบให้ต้องวางสาย
ด้วยเหตุนี้ นางพยาบาลผู้ช่วยของเหยาอันฉีจึงถามขึ้น “หมอเหยาคะ คุณไม่คิดว่าตัวเองเย็นชากับนายพลโม่เกินไปหน่อยเหรอคะ”
“ฉะ ฉันเหรอ”
นางพยาบาลพยักหน้ารับอย่างขึงขัง “คุณสุดแสนจะเย็นชาสุดๆ เลยละค่ะ”
“ฉันก็เป็นอย่างนี้นี่คะ” เธออธิบาย “ฉันพูดจาอ่อนหวานไม่เป็นหรอก”
หลังนางพยาบาลได้ยินดังนี้ เธอก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย หากอยู่ๆ เหยาอันฉีกลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมาเธอคงสงสัยว่าอีกฝ่ายประสาทกลับไปแล้ว หากแค่ในความเป็นจริงเหยาอันฉีเกิดมาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนหวานและนุ่มนวล หากเธอนั่งอยู่ในห้องทำงานเงียบๆ คงมีคนเข้าใจผิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งบอบบางและเรียบร้อย
“ฉันขอแนะนำคุณแค่สักนิดนะคะ ยังไงคุณกับนายพลโม่ก็มีความสัมพันธ์ อย่างนั้น กันแล้ว คู่รักก็ควรใส่ใจกันเวลาที่คุยกันไม่ใช่เหรอคะ คุณน่าจะทำเหมือนมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ให้น้อยลงหน่อยนะคะ”
แม้เหยาอันฉีจะไม่ได้ตอบ เธอก็เก็บเอาคำพูดของนางพยาบาลมาใส่ใจ
โม่จื่อซีหายไปเจ็ดวัน เธอได้รับเพียงสายโทรศัพท์จากเขาและไม่ได้เห็นหน้า
พวกเขาเป็นคู่รักภาษาอะไรกัน
หากแต่เธอเข้าใจโม่จื่อซีเพราะว่าเขาเป็นทหาร
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเลิกงานและกำลังจะกลับบ้านไปหาลูกชายในเย็นวันนั้น เฉินจิ้งหรงในชุดนอกเครื่องแบบก็มาขวางเธอไว้ “ตอนนี้ฉันไม่ได้สวมเครื่องแบบอยู่ ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง มาคุยกับฉันหน่อยสิ”
เหยาอันฉีอยากจะทำเมินเฉยใส่เฉินจิ้งหรงเธอจึงโบกรถกลับบ้าน ทว่าเฉินจิ้งหรงดันประตูรถไว้และไม่ปล่อยให้เธอเปิด “ต่อให้เธอจะเมินฉันตอนนี้ เราก็ยังต้องสะสางเรื่องนี้กันไม่ช้าก็เร็ว หลบหน้าฉันไปจะมีประโยชน์อะไรกันล่ะ ใครบอกว่าฉันจะไม่ปล่อยไปหลังจากที่เราคุยกัน”
“แต่ฉันไม่อยากเสียเวลากับคุณค่ะ”
“เธอชนะแล้ว จื่อซีเป็นของเธอแล้ว เธอจะเห็นใจคนแพ้หน่อยไม่ได้หรือยังไง” เฉินจิ้งหรงคว้าตัวเธอไว้พร้อมดวงตาแดงก่ำเปื้อนน้ำตา “ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่เหลือคนรัก ไม่เหลือความสาว ไม่เหลือความรัก…”
เหยาอันฉีปิดประตูรถก่อนเดินไปยังพื้นที่พักผ่อน ก่อนนั่งลงกับเฉินจิ้งหรง “พูดมา คุณต้องการอะไรอีก”
“ฉันรู้ว่าเธอกับจื่อซีมีลูกด้วยกัน แต่ฉันมั่นใจว่าเธอไม่ต้องการให้เขาคบกับเธอเพียงเพราะรับผิดชอบหรอก ฉันมาเธอที่นี่เพราะเชื่อว่าจื่อซียังรักฉันอยู่ ฉันทำได้แค่ขอให้เธอคืนเขามาให้ฉัน ถ้าเป็นไปได้ฉันยินดีที่จะรับเลี้ยงลูกชายของเธอ”
เมื่อเหยาอันฉีได้ยินดังนั้นเธอหลุดขำออกมา “คุณควรไปคุยกับโม่จื่อซีว่าเขารักคุณหรือเปล่า ไม่ใช่มาคุยกับฉัน
“อีกอย่างฉันก็คืนเขาให้คุณเพราะคุณมาขอร้องแค่นี้ไม่ได้หรอก เขาไม่ใช้สิ่งของที่จะโยนไปมา ที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นคนที่มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจค่ะ
“แล้วฉันก็เลี้ยงลูกตัวเองได้ เขาไม่ต้องการแม่เลี้ยงหรอกค่ะ คุณคิดไกลเกินไปแล้ว
“สุดท้าย ดูเหมือนคุณจะไม่เข้าใจเหตุผลที่แท้จริงที่เขาบอกเลิกคุณเลยนะคะ มันไม่ใช่เพราะฉันกับ
ซิงเจ๋อ แต่เพราะคำโกหกของคุณต่างหาก
“ฉันมั่นใจว่าคุณรู้ว่าตลอดสี่ปีมานี้ตัวเองโกหกเขามากแค่ไหน ลองคิดดูจากมุมของเขานะคะ ถ้ามีใครมาโกหกคุณอย่างที่คุณโกหกเขา คุณจะรู้สึกยังไง คุณคิดว่าเขาจะนอกใจมาหาฉันลับหลังคุณจริงๆ เหรอคะ”
เฉินจิ้งหรงปล่อยโฮออกมาในจังหวะนี้…
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่รักเขามากเกินไป”
“คนที่คุณรักที่สุดก็คือตัวคุณเองนั่นแหละค่ะ”
“ฉันไม่เคยบีบบังคับโม่จื่อซี เขามีอิสระที่จะจากไปได้ทุกเมื่อตามต้องการ ใจของคนมันบังคับกันไม่ได้ ไม่ว่าจะเพราะเธอหรือฉันก็ตาม!”
หลังสิ้นประโยคสุดท้าย บทสนทนาจบลงอย่างเป็นทางการ เหยาอันฉีเข้าใจว่าเฉินจิ้งหรงกำลังโกรธ หากแต่บางอย่างนั้นไม่อาจหวนคืนกลับมาได้ อย่างไรเสียความเจ็บปวดที่เธอพบพานมาในอดีตก็ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้ และคนที่ผิดก็ไม่ใช่โม่จื่อซี
คืนนั้นระหว่างที่เธออาบน้ำให้ซิงเจ๋อตัวน้อย เขาเอาแค่เรียกหา “พ่อ พ่อ” บางทีโม่จื่อซีอาจรู้ว่าลูกชายกำลังคิดถึงเขาจึงกลับมาบ้านในคืนนั้น หลังกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่ทำคือการอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนก่อนจุมพิตเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อเธอเห็นเช่นนี้จึงอดบอกออกมาไม่ได้ “ทำไมคุณดูคล้ำขึ้นล่ะคะ”
“ฝึกโหดน่ะครับ ผมมีเวลาแค่แปดชั่วโมงก่อนต้องกลับไปที่ฐานตอนตีห้าวันพรุ่งนี้ เลยถือโอกาสกลับบ้านมาหาซิงเจ๋อ…กับคุณ”
เธอได้ฟังอย่างนี้ก็เอ่ยขึ้น “วันนี้เฉินจิ้งหรงมาหาฉัน ขอร้องให้ฉันปล่อยคุณไปค่ะ”
“ผมเลือกจะอยู่กับคุณกับลูก คุณไม่ได้ผิดอะไร เธอมาหาคุณก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกครับ”
“ฉันก็บอกเธอไปอย่างนั้นแหละค่ะ” เธอตอบ
“เลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะครับ ผมหิว มีอะไรให้กินบ้างไหมครับ” เขาเปลี่ยนเรื่อง ไม่ต้องการเสียเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดของเขาไปกับคนที่ไม่ได้มีความหมายอะไร
“ช่วยซิงเจ๋ออาบน้ำไปนะคะ ฉันจะไปทำอาหารให้คุณ” เธอตอบ “แป๊บเดียวค่ะ”
“โอเคครับ” เขาพยักหน้ารับขณะวางลูกชายในอ่างอาบน้ำอย่างระมัดระวังและอาบน้ำให้
ซิงเจ๋อตื่นเต้นมากที่รู้ว่าพ่อตัวเองกลับบ้านจนเกือบจะเริ่มเต้นในอ่างอาบน้ำ โม่จื่อซีจึงถือโอกาสนี้อาบน้ำเช่นกัน ในที่สุดทั้งสองพ่อลูกก็ออกมาจากห้องน้ำอย่างสะอาดสะอ้านและหล่อเหลา
“ส่งเขามาให้ฉันสิคะ คุณน่าจะไปทานข้าวก่อน” เธอเสนอตัว
“ผมอุ้มเขาไประหว่างกินได้ครับ” โม่จื่อซีทนห่างจากลูกชายตัวเองไม่ได้ เขาไม่เคยรู้ว่าตัวเองจะคิดถึงสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเช่นนี้ได้มากขนาดนี้ มันทำให้เขามุ่งมั่นที่จะฝึกให้เสร็จสิ้นในเร็ววันจะได้สามารถคุยแบบเห็นหน้ากับเหยาอันฉีและเจอหน้าลูกได้
“เขาจะอึดอัดเอานะคะ!”
“เขาไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรู้ว่าต้องอุ้มเขายังไง”
เธอไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้เขาทำตามใจ
ในขณะเดียวกัน โม่จื่อซีมีความสุขที่ได้เห็นภรรยาและลูกมากเสียจนซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่อยู่
เขาไม่อาจอธิบายความสุขนี้ได้เป็นคำพูด หากแต่ความอิ่มเอมก็ท่วมท้นในใจของเขา…
“สี่ทุ่มแล้ว ซิงเจ๋อควรเข้านนอนได้แล้วค่ะ”
“ขอผมอุ้มเขาอีกนิดนะครับ…”
“คืนนี้คุณจ้องเขาได้มากเท่าที่ต้องการเลยค่ะ แต่ตอนนี้ส่งเขามาให้ฉันก่อนนะคะ” เหยาอันฉีว่าอย่างเหนื่อยหน่าย “คืนนี้นอนในห้องนอนใหญ่นะคะ อย่างนั้น…คุณถึงจะมองเขาได้ทั้งคืน”
“แล้วคุณล่ะครับ”
“แค่คุณไม่รบกวนการนอนของฉัน ฉันไม่ถือหรอกค่ะ” เธอบอกขณะก้มหน้าลง
หมายความว่าพวกเขากำลังจะนอนด้วยกันอย่างนั้นหรือ เธอหมายความว่าอย่างนั้นใช่ไหม
โม่จื่อซีกลัวว่าตัวเองจะเข้าใจผิดจึงถามย้ำ “แล้วคุณก็จะนอนในห้องนอนใหญ่เหมือนกันเหรอครับ”