วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1234 มีศักดิ์ศรีบ้างไหม
โม่จื่อซีอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เมื่อเขาอุ้มซิงเจ๋อเข้ามาในห้องนอนก็เห็นเหยาอันฉีในชุดคลุมอาบน้ำเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เขาออกอาการประหม่าเล็กน้อยทว่าโชคดีที่เจ้าซิงเจ๋อในอ้อมแขนเข้าใจเขาดี ด้วยรู้ว่าพ่อตัวเองเขินอายอยู่บ้างจึงจับหลังมือของเขาไว้
โม่จื่อซีวางซิงเจ๋อไว้บนเตียงและร้องเพลงกล่อมเข้านอน สำหรับเขาสิ่งที่สำคัญที่สุดในคืนนั้นคือลูกชายของเขา
หากแต่เขาประมาทเรือนร่างของเหยาอันฉีไปเสียสนิท
หลังเธออาบน้ำเสร็จ เหยาอันฉีก้าวออกมาจากห้องน้ำทั้งชุดคลุม แต่ถึงกระนั้นโม่จื่อซีก็ยังจินตนาการออกว่าภายใต้ผืนผ้าเธอจะดูอ่อนหวานและเย้ายวนเพียงไหน
เขาจึงหันไปทางอื่นและเลื่อนสายตามายังเตียงของซิงเจ๋อ
เธอเดินไปแต่งตัวที่โต๊ะเครื่องแป้งราวกับไม่มีใครอยู่ด้วย ก่อนเริ่มทาครีมบำรุงผิวอย่างที่เคย ทว่าชายเสื้อคลุมของเธอได้หล่นลงมาจากต้นขา เผยให้เห็นเรียวขาของเธอสู่สายตาของเขา
โม่จื่อซีรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อยขณะเอ่ยเตือน “คุณช่วย…มัดเชือกให้แน่นกว่านี้ได้ไหมครับ”
เธอหันมามองเขาอย่างงุนงง ก่อนก้มลงมองเสื้อคลุมบนตัวแต่เธอไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด
“ผมเป็นผู้ชายเต็มตัวที่แข็งแรงดีนะครับ” โม่จื่อซีอธิบาย
ในฐานะที่เธอเป็นหมอ เธอเคยชินกับเรื่องเช่นนี้ไปเสียแล้ว เธอถึงไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองต้องระวังตัวกับเขา แต่ในเมื่อเขามีปัญหากับมันเธอก็มัดเชือกอย่างว่าง่าย
จากนั้นเหยาอันฉีเอนหลังบนเตียงและเริ่มพลิกดูบันทึกการผ่าตัดสำหรับวันพรุ่งนี้
เมื่อโม่จื่อซีกล่อมซิงเจ๋อเข้านอนเสร็จ เขามองเธอและรู้สึกประหม่าเล็กน้อย หากแต่เขาก็ยังเดินไปที่เตียง พลิกผ้าห่ม ก่อนนอนลงข้างๆ เธอ…
“ฝันดีนะคะ” เสียงดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เหยาอันฉีวางบันทึกในมือลง ล้มตัวนอน และปิดโคมไฟข้างหัวเตียง
โม่จื่อซีทำตามและปิดโคมไฟฝั่งตัวเองเช่นกัน ท่ามกลางความมืดมิด ไม่มีใครเอ่ยออกมาสักคำ มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังก้อง
กลิ่นกายของเหยาอันฉีซึ่งอยู่ข้างๆ ลอยปะทะโสตประสาทของเขา ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งคุ้นเคย ชวนให้ย้อนนึกถึงค่ำคืนแห่งโชคชะตาเมื่อสี่ปีก่อน แม้ว่าทั้งสองจะเมา ทว่ากลิ่นที่คุ้นเคยก็ได้กระตุ้นสัมผัสของเขาพาให้ร่างกายของเขาร้อนเร่าไปโดยปริยาย
ดังนั้นเขาจึงขยับตัวออกห่างจากเธอจะได้ไม่ถูกจับได้
หากแต่เหยาอันฉีรู้เข้าเสียแล้ว ด้วยเธอยังจดจำเรื่องราวในคืนนั้นได้เช่นกัน
ตอนนี้ผู้ชายที่คุ้นเคยกำลังนอนอยู่ข้างๆ เธอ พาให้ความเหนื่อยล้าที่มีแต่เดิมจางหายไปในทันตา
“จื่อซี…” เธอเรียกออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“หือ” เขาถามกลับทันที “ทำไมคุณไม่หลับล่ะครับ”
“ฉันนอนไม่หลับค่ะ” เธอตอบ “บางทีฉันอาจไม่ชินที่อยู่ๆ มีคนมานอนข้างฉันมั้งคะ”
“ถ้าอย่างนั้น…คุณอยากให้ผมไปนอนโซฟาด้านนอกไหมครับ” เขาเสนอ
“ไม่ค่ะ สุดท้ายฉันก็ต้องชินกับเรื่องแบบนี้” พูดจบเธอก็ตกอยู่ในความเงียบ และโม่จื่อซีก็ไม่ได้ย้ายออกไปนอนโซฟาด้านนอก
กว่าเขาจะได้เข้ามานอนในห้องนอนใหญ่นั้นไม่ง่าย เรื่องอะไรเขาจะออกไปง่ายๆ กัน
ในตอนนั้นซิงเจ๋อนอนหลับอยู่บนเตียงเล็กๆ ของตัวเอง และผู้หญิงที่เขาติดค้างอยู่สี่ปีก็กำลังนอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่
ครั้งนี้เขาไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่หลีกหนี โม่จื่อซีเอื้อมมือออกไปวางบนเอวเธอท่ามกลางความมืด แล้วก็ต้องแปลกใจที่เหยาอันฉีไม่ได้ขัดขืน
มันเป็นความเข้าใจและความยินยอมที่ตรงกัน
ทั้งคู่พยายามที่จะใกล้ชิดกันและกันมากขึ้นอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อโอกาสมาถึงพวกเขาจึงคว้ามันไว้!
…
ในคืนเดียวกัน เฉินจิ้งหรงเมาหนัก เธอไม่อาจได้เจอโม่จื่อซีและไม่สามารถโน้มน้าวเหยาอันฉีให้คืนเขากลับมาได้เช่นกัน เธอจึงแหกกฎทหารและดื่มจนเมานอกฐานทัพ
ผู้ชายมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามาจีบเธอที่บาร์ และหลายคนยังเสนอตัวไปส่งเธอที่บ้านด้วยซ้ำ
เฉินจิ้งหรงเรียกเลือกผู้ชายคนหนึ่งมาและเรียกเขาว่าโม่จื่อซีด้วยความขาดสติ เพราะส่วนสูงของเขานั้นใกล้เคียงที่สุด
สุดท้ายชายคนนั้นไม่ได้พูดสักคำขณะอุ้มเธอออกจากบาร์ไปยังโรงแรมละแวกนั้น…
มักมีกฎที่รู้กันทั่วในบาร์ หากฝ่ายชายเกี้ยวฝ่ายหญิงแล้วเธอยอมรับเขา มันหมายความว่าเธอตกลงที่จะหลับนอนกับเขา
ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ชายคนนั้นจะคิดว่าเธอต้องการใช้เวลายามค่ำคืนกับเขา
ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างเร่าร้อนบนเตียงอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อเขาพยายามรุกล้ำเข้าไปในกายเธอก็พบว่าที่จริงเธอยังบริสุทธิ์อยู่
เขายังสังเกตว่าเธอเอาแต่เรียกชื่อของโม่จื่อซี
เขาจึงได้รู้ตัวว่าตัวเองถูกทำเหมือนเป็นตัวแทน ชายคนนี้ไม่เคยมีสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับผู้หญิงบริสุทธิ์ เขาจึงลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าของทั้งสองให้เรียบร้อย จ่ายเงินค่าห้องก่อนจากไป
เฉินจิ้งหรงนอนเมาแอ๋อยู่บนเตียง แทบไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนนั้น เธอรู้เพียงว่าตัวเองเจ็บไปหมดยามที่ตื่นขึ้นมา!
โดยเฉพาะบริเวณจุดซ่อนเร้นของเธอ!
หรือว่า
เฉินจิ้งหรงวิ่งออกจากโรงแรมด้วยความตื่นตระหนก หากแต่เธอพบบทลงโทษที่รุนแรงเสียยิ่งกว่าเมื่อกลับมาถึงฐานทัพ อย่างไรเสียเธอก็ละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ทุกสิ่งดาหน้าเข้ามาหาเฉินจิ้งหรงในคราวเดียว มันช่างยากเกินกว่าจะรับมือได้
แต่เพื่อยืนยันว่าเธอถูกฉวยโอกาสเมื่อคืนก่อนหรือไม่ เธอตัดสินใจไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
“ถึงมันจะดูเหมือนมีใครพยายามลุกล้ำเข้าไปในร่างกายของคุณ แต่เยื่อพรหมจรรย์ของคุณก็ยังอยู่ดีค่ะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ คุณเฉิน” หมอบอก
หลังได้ยินเช่นนี้ เฉินจิ้งหรงแทบจะปล่อยโฮออกมา
หากรู้ว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นเธอคงไม่ไปที่บาร์ ตอนนี้เธอถูกคาดโทษและรอรับการลงโทษ เธอต้องทำให้ชีวิตตัวเองพังเพราะโม่จื่อซีจริงๆ หรือ
ไม่นานหลังจากนั้นคุณพ่อเฉินมาที่ฐานทัพเพื่อรับลูกสาวกลับบ้าน “ลูกทำร้ายตัวเองถึงขนาดนี้เพราะผู้ชายคนเดียว ลูกมีศักดิ์ศรีบ้างไหม”
เฉินจิ้งหรงเจ็บปวดมากเสียจนไม่สนใจศักดิ์ศรี
คนทั้งโลกรู้แล้วว่าเธอเปลื้องผ้าตัวเองแล้วไปนอนข้างโม่จื่อซี เธอจะมีศักดิ์ศรีที่ไหนหลงเหลืออยู่อีก
“กลับบ้านกับพ่อ พ่อจะหาที่อยู่ใหม่ให้ลูกจะได้เริ่มต้นใหม่ได้สักที” คุณพ่อเฉินสั่ง “ไม่อย่างนั้นแม่ของลูกกับพ่อจะคิดซะว่าไม่เคยมีลูก แล้วต่อจากนี้ลูกก็ตัดขาดกับเราไปซะ”
ครั้งนี้เธอยอมแต่โดยดี “หนูจะกลับไปกับพ่อค่ะ”
“ต้องอย่างนี้สิ!”
โม่จื่อซีจากไปแล้ว เธอมีเหตุผลอะไรต้องอยู่อีกล่ะ
อย่างไรก็ตามเธอนึกหงุดหงิดใจที่ไม่มีใครทำให้เหยาอันฉีเดือดร้อนได้
…
ในไม่ช้าเหยาอันฉีก็ได้ว่าเฉินจิ้งหรงลาออกจากการเป็นทหารไปแล้ว
หมายความว่าต่อไปนี้จะเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขใช่หรือไม่
น่าเสียดายที่เหยาอันฉีคิดผิด เพราะไม่นานเธอก็ได้รับแจ้งว่าเธอถูกย้ายไปประจำการที่แนวรบ
บางทีมันอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณพ่อเฉินสามารถทำเพื่อลูกสาวตัวเองได้โดยการแก้แค้นเหยาอันฉี
“หมอเหยาคะ ดูเหมือนผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะถูกกดดันมานะคะ ถ้าคุณไม่ย้ายไปแนวรบคุณก็จะต้องลาออกจากโรงพยาบาลทหารน่ะค่ะ” นางพยาบาลผู้ช่วยของเหยาอันฉีอธิบายอย่างลำบากใจ