วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1236 รักแรกร่วมเตียง
เมื่อเหยาอันฉีได้ยินเสียงพูดเซ็งแซ่รอบตัว เธอเดินไปหาโม่จื่อซีในทันที
โม่จื่อซีตอบสนองโดยการรั้งเธอเข้ามาในอ้อมแขนและกันฝนให้เธอช่วงที่เดินไปที่รถ ระหว่างทางกลับบ้านทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้คุยกันเพราะโม่จื่อซีขับรถเร็วมาก
เธอดูออกว่าเขาหงุดหงิดอยู่เพราะครั้งที่แล้วที่เขาเป็นอย่างนี้ เขาก็แสดงออกชัดเจนให้เธอรู้
“ทำไมคุณไม่บอกผมครับ”
“หือ” เหยาอันฉีตอบอย่างงุนงง
“ผมพูดถึงเรื่องที่ตระกูลเฉินไปกดดันผู้อำนวยการโรงพยาบาล” เขาถามอย่างใจเย็น “ครั้งนี้คุณมีเหตุผลที่ต้องทนและไม่บอกผมอีก”
“ฉันแค่ไม่อยากให้คุณตกอยู่ที่นั่งลำบากระหว่างฉันกับตระกูลเฉินไงคะ!” เธออธิบาย
“แต่คุณก็แบกรับความทุกข์ทรมานทุกอย่างเอาไว้คนเดียวไม่ได้นะครับ!” โม่จื่อซีย้ำเสียงหนัก “คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีเหตุผลที่คุณต้องรองรับความผิดของพวกเขา ครั้งนี้พวกเขาเอางานของคุณมาข่มขู่ แล้วถ้าครั้งหน้าพวกเขาขู่ให้คุณหย่ากับผม คุณก็จะยอมเหรอครับ”
“ฉันอยากลาออกจากโรงพยาบาลทหารอยู่แล้วด้วยค่ะ ถึงได้…”
“ความต้องการกับถูกบีบบังคับมันผิดกันลิบลับนะครับ” เขาเอ่ยแทรก ทั้งคู่นิ่งเงียบกระทั่งก้าวเข้ามาในบ้าน
พี่เลี้ยงกล่อมซิงเจ๋อเข้านอนไปแล้ว เมื่อเธอเห็นทั้งคู่กลับมาก็รีบทำงานให้เสร็จและจากไป
โม่จื่อซีมองหน้าเหยาอันฉีที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะเดินไปหา ช้อนตัวอุ้มเธอไว้ในวงแขนไปยังห้องนอนแขก และโยนเธอลงบนเตียง
ไม่ทันที่เธอจะได้ตอบโต้ ร่างของเขาก็ทาบทับเหนือกายเธอ เนื้อแนบเนื้อ แก้มแนบแก้ม “อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าการทำให้คุณเปิดใจให้ผมมันยากเหลือเกิน ความจริงคุณไม่ได้เปิดช่องให้สักนิดด้วยซ้ำ
“พอเกิดเรื่องผิดปกติขึ้น ผมกลับต้องรู้เรื่องจากคนอื่น มันเหมือนกับผมไม่เป็นที่ต้องการ สำหรับคุณสามีคนนี้เป็นแค่เครื่องประดับงั้นเหรอครับ
“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมรับผม
“หรือบางทีผมต้องครอบครองร่างกายคุณอย่างเมื่อสี่ปีก่อนแล้วสร้างสัมพันธ์ทางกาย คุณถึงจะเห็นผมเป็นสามีไม่ใช่แค่พ่อของลูก อย่างนั้นเหรอครับ”
เหยาอันฉีไม่ได้ขยับตัวขณะที่เขาค่อยๆ แนบกายเหนือร่างของเธอ เธอรอจนเขาระบายความในใจออกมาจนเสร็จก่อนตอบ “ฉันชินกับการพึ่งพาตัวเองแล้วก็อยู่ตัวคนเดียว มีหลายอย่างที่ฉันไม่รู้ว่าต้องคิดยังไงค่ะ
“ฉันไม่แน่ใจว่าต้องคิดถึงเรื่องอะไรบ้าง
“ฉันต้องตามติดคุณเหมือนอย่างผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า แล้วถ้ามันเป็นสิ่งที่ฉันทำไม่ได้ล่ะ แต่ฉันก็คิดถึงคุณตอนที่ฉันผ่านช่วงที่ลำบากมา ต้องคิดเรื่องนั้นด้วยไหมคะ”
หลังได้ยินดังนั้นโม่จื่อซีก็งุนงง
ก่อนค่อยๆ ปล่อยมือของเธอ
“อย่างที่คุณรู้ว่าฉันเป็นหมอ ฉันชอบทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีอะไร ฉันไม่ได้รู้สึกว่ามีเรื่องมากมายในชีวิตที่จะต้องไปสู้รบตบมือหรือหมกมุ่นกับมัน พอเป็นเรื่องความรักฉันเลยชอบที่จะทำให้เป็นเรื่องเรียบง่าย
“ถ้ามันทำให้คุณไม่สบายใจงั้นฉันก็ขอโทษนะคะ…”
เขาจ้องลึกลงไปในแววตาของเธอก่อนในที่สุดจะผละตัวจากเธออย่างยอมแพ้ เขายังดึงเธอขึ้นนั่งอีกด้วย “ผมแค่ใจร้อนไปหน่อย งั้น…”
“ฉันไม่โทษคุณหรอกค่ะ” เธอตอบ
“ผมไม่แน่ใจว่าทำไมอยู่ๆ ถึงรู้สึกหวังในตัวคุณขึ้นมา” โม่จื่อซีอธิบาย “ฉันหวังไว้จากก้นบึ้งจิตใจจริงๆ นะครับว่าเราจะเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกันได้…ชีวิตที่เป็นของพวกเราสามคน ชีวิตที่เราไม่ต้องสนใจคนอื่น”
“โอเคค่ะ” เหยาอันฉีพยักหน้ารับด้วยท่าทีจริงจัง
คำตอบห้วนๆ ของเธอชวนให้เขาหงุดหงิดในใจเล็กน้อย มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สำคัญพอ
หากแต่เขาไม่รู้ว่าเมื่อเธอตกลงปลงใจกับบางอย่าง เธอจะทำทุกอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ได้มันมา
“ออกไปทานข้าวกันเถอะครับ พอซิงเจ๋อตื่นคุณจะยุ่งเอา”
“โอเคค่ะ” ทั้งคู่ออกไปจากห้องนอนแขก คนหนึ่งไปในครัวในขณะที่อีกคนไปยังห้องนอนใหญ่
โม่จื่อซีมองซิงเจ๋อนอนหลับสนิทบนเตียงด้วยความหวังเต็มเปี่ยม ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะทำให้ทั้งสามคนเป็นครอบครัวที่แท้จริงให้ได้
หลังมื้อเย็น โม่จื่อซีอาบน้ำให้ซิงเจ๋อและกล่อมเข้านอนในระหว่างที่เหยาอันฉีอาบน้ำ
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน แน่นอนว่าไม่ได้อึดอัดอย่างแต่ก่อน
ทว่าโม่จื่อซีเป้นผู้ชายและภรรยาของเขาก็กำลังนอนอยู่ข้างๆ มิหนำซ้ำกลิ่นหอมจากตัวเธอยังลอยเข้าจมูกของเขาไม่หยุด
เป็นปกติที่ร่างกายของเขาจะมีปฏิกิริยา
ด้วยเหตุนี้เมื่อเธอพลิกตัวจึงบังเอิญสัมผัสเข้ากับร่างกายส่วนอุ่นร้อนก่อนใบหน้าของเธอจะขึ้นสีระเรื่อ
โม่จื่อซีไม่ได้ตอบสนอง เขาทำเพียงปิดโคมไฟข้างหัวเตียงและพยายามสงบใจลง ทว่าในเวลานี้เองที่อยู่ๆ เธอก็บอกกับเขา “คืนนี้นอนที่ห้องนอนแขกกันเถอะค่ะ”
เขาเข้าใจคำบอกใบ้นี้และอึ้งไปเล็กน้อย “คุณหมายความว่า…”
เธอไม่ปริปากสักคำพลางลุกขึ้นเดินไปยังห้องนอนแขก เธอไม่อยากรบกวนการนอนหลับของซิงเจ๋อ
เขาตามหลังเธอไปด้วยท่าทีเคอะเขิน
เหยาอันฉีไม่ได้เปิดไฟในห้องไว้ หากแต่คำพูดเป็นนัยของเธอก็ถือว่าชัดเจน
โม่จื่อซีตามเธอขึ้นเตียงไปแต่ไม่ได้ฉวยโอกาสกับเธอ กลับโอบกอดเธอไว้และกระซิบข้างหู “ผมไม่อยากครอบครองคุณไปผ่านๆ ผมอยากรอจนกว่าคุณจะเชื่อใจผมเต็มที่”
“เรามีลูกชายด้วยกันแล้ว คุณคิดว่าคำพูดพวกนี้ยังจำเป็นอยู่เหรอคะ”
โม่จื่อซี : “….”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ลงมือสักที เธอจึงเริ่มก่อนและปลดเสื้อคลุมของเขา บางทีอาจเพราะช่วงนี้เขาฝึกหนัก ร่างกายของเขาถึงกระชับและแน่นเป็นพิเศษ
“คุณเป็นสามีของฉันนะคะ ฉันมั่นใจเรื่องนั้นอยู่แล้วค่ะ”
ครั้งนี้เขาไม่ห้ามใจอีก ถึงอย่างไรภาพค่ำคืนเมื่อสี่ปีก่อนก็ยังวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาบ่อยครั้ง ร่างกายสัมผัสกันและกันอย่างในครั้งนั้นไม่ต่างกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้
เขารู้สึกราวกับมีกระแสไฟแล่นพล่านไปทั่วร่าง
เป็นจังหวะที่เขาแน่ใจว่าความรู้สึกที่เขามีให้เฉินจิ้งหรงนั้นมาจากความทรงจำและลุ่มหลงในคืนนั้นล้วนๆ
คนที่เขาชอบคือผู้หญิงที่เขาแนบชิดด้วย และเฉินจิ้งหรงแค่แสร้งเป็นเธอคนนั้น
ตอนนี้หญิงสาวตัวจริงมาอยู่ข้างกายเขา ในที่สุดความทรงจำทั้งหมดของเขาถึงถูกปลุกให้ตื่น ความรู้สึกแสนพิเศษที่เขาได้สัมผัสในวันนั้นย้อนกลับมา และเขาก็จดจำห้วงอารมณ์ที่กระตุ้นความรู้สึกของเขาได้ในท้ายที่สุด
ทว่าสิ่งที่ทำให้โม่จื่อซีมีความสุขที่สุดคือการที่สุดท้ายได้รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
ทำไมเขาถึงได้มีความหวังกับเหยาอันฉี
แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกตื่นตัวยามที่อยู่ใกล้เธอเพียงนี้
มันเป็นเพราะว่าเหยาอันฉีเป็นคนที่เขาชอบตั้งแต่แรกมาโดยตลอด แม้ว่าตามหลักการแล้วมันจะเรียกว่ารักแรกร่วมเตียงก็ตาม
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก…
มือที่อ่อนโยนในตอนแรกของเขาพลันลูบไล้ผ่านเรือนร่างของเหยาอันฉีอย่างดุเดือด ทิ้งร่องรอยของความปรารถนาที่เร่าร้อนของเขาไว้…