วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1249 ถ้าเธอเป็นอัญมณีล้ำค่าตัวน้อยของคุณแล้วผมล่ะ
- Home
- วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
- ตอนที่ 1249 ถ้าเธอเป็นอัญมณีล้ำค่าตัวน้อยของคุณแล้วผมล่ะ
คืนนั้นบรรยากาศในบ้านตระกูลโม่สุดแสนชื่นมื่น ถังหนิงมองลูกชายทั้งสองคนของเธอและเห็นว่าพวกเขาต่างมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นโม่จื่อซียังได้เป็นพ่อคนอีกด้วย พาให้ความรู้สึกเกินบรรยายถาโถมเข้าหาเธอ
การแต่งงานสายฟ้าแลบในวัยยี่สิบหกปีลงเอยด้วยการมอบชีวิตครอบครัวสุขสันต์ให้กับเธอในวันนี้ เมื่อถังหนิงนึกถึงเรื่องนี้เธอก็เริ่มร้องไห้ออกมาต่อหน้าลูกๆ ของเธอ
“แม่คะ ร้องไห้ทำไมล่ะคะ เดี๋ยวพอพ่อกลับมาก็จะคิดว่าเรารังแกแม่เอานะ แล้วพ่อก็จะเล่นงานเราเรื่องนี้” โม่จื่อเหยียนช่วยแม่เช็ดน้ำตาทันที
“พี่ชายสองคนของลูกเป็นฝั่งเป็นฝากันแล้ว แล้วลูกล่ะ”
“หนูยังเด็กอยู่นะคะ” เธอเกาะแม่ตัวเองอย่างกับเด็กเล็ก
ถังหนิงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกันลูกคนนี้จึงเอ่ยสอน “ลูกเป็นถึงประธานบริหารไห่รุ่ยแล้วนะ เด็กงั้นเหรอ ตอนที่แม่เป็นวัยรุ่นแม่ก็เดินแบบแล้วนะ”
“หนูยังอยากเรียนไปอีกหน่อยนี่คะ”
“ก็ได้ เรียนต่อไปเถอะ แล้วลูกอยากจะทำอะไรล่ะ”
ถังหนิงไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามกับชีวิตรักของโม่จื่อเหยียน อย่างที่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความรักของโม่จื่อซีกับโม่จื่อเฉิน สำหรับเธอความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ถูกลิขิตไว้แล้วและไม่อาจฝืนใจกันได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องความรัก
เธอจึงปล่อยให้โม่จื่อเหยียนคลำหาทางด้วยตัวเอง ต่อให้หากศีรษะเธอกระแทกเข้าและเริ่มเลือดตกยางออกก็ไม่เป็นไร
คืนนั้นบ้านตระกูลโม่อบอวลไปด้วยมวลความสุขและเสียงหัวเราะ บทสนทนาทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับลูกเด็กเล็กแดง
ทั้งครอบครัวเอ็นดูซิงเจ๋อ เขาจึงไม่กลัวว่าจะมีน้องสาวมาแย่งความรักแต่อย่างใด
…
หนึ่งเดือนต่อมาเหยาอันฉีได้รับบัตรเชิญที่โต๊ะทำงาน มันเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดฝัน เฉินจิ้งหรงกำลังจะแต่งงานกับหลี่เซิ่งหยวน
เธอเอาบัตรเชิญกลับไปที่บ้านและยื่นให้โม่จื่อซีเพื่อให้เขาตัดสินใจว่าพวกเขาจะไปร่วมงานหรือไม่
ทว่าจิตใจของโม่จื่อซีกลับจดจ่อแต่กับเรือนร่างของเหยาอันฉี เขาจะมีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นได้อย่างไร
เขาจึงมอบหมายสิทธิ์ขาดในการตัดสินให้เธอกลับไป
เหยาอันฉีครุ่นคิดอย่างหนักก่อนในที่สุดจะตัดสินใจแวะไปร่วมงาน อย่างไรเสียเธอก็สัมผัสได้ถึงความรักของโม่จื่อซีจากใจจริง และเธอไม่ได้คิดมากหากเขาจะไปเจอเฉินจิ้งหรงอีกครั้ง ซ้ำตอนนี้เฉินจิ้งหรงก็มีนายแบบหนุ่มคู่หมั้นแล้ว เธอคงไม่ได้สนใจในตัวโม่จื่อซีอยู่ดี
หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง เหยาอันฉีกับโม่จื่อซีจึงไปปรากฏตัวที่งานแต่งงานยักษ์ใหญ่
เมื่อเฉินจิ้งหรงเห็นทั้งคู่ เธอก็ตื้นตันใจสุดขีดและเดินไปขอบคุณพวกเขาด้วยตัวเอง “ฉันคิดว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว”
“เขาอยู่บ้านพอดี เราเลยตัดสินใจจะมาร่วมฉลองน่ะ”
“อันฉี ฉันขอบคุณทั้งสองคนมากจริงๆ นะ รู้หรือเปล่า” เฉินจิ้งหรงยกแก้วให้เพื่อขอบคุณเหยาอันฉี หากแต่โม่จื่อซีห้ามเอาไว้
“เธอท้องอยู่ ลืมเรื่องไวน์ไปได้เลย”
เฉินจิ้งหรงนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีลูกคนที่สองเร็วขนาดนี้ เธอเผยรอยยิ้มโล่งใจออกมา “ยินดีด้วยนะแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนโชคดีด้วย ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงไม่ได้เจอความรักที่เป็นของฉันจริงๆ”
“ต่อไปนี้ก็อย่าทำเรื่องวู่วามอีกแล้วกัน” โม่จื่อซีเอ่ยเตือนเฉินจิ้งหรง
“อยู่แล้วค่ะ ฉันจะทะนุถนอมความรักที่ไม่ได้มาง่ายๆ ครั้งนี้ไว้ค่ะ”
หลังจากนั้นเฉินจิ้งหรงกับหลี่เซิ่งหยวนไปทักทายแขกคนอื่นๆ ต่อ ในขณะที่โม่จื่อซีแอบออกมาจากงานกับเหยาอันฉีด้วยรู้สึกไม่สบายใจนัก
“มีอะไรเหรอคะ”
“ผมรู้สึกผิดกับคุณน่ะ ตอนที่ผมแต่งงานกับคุณ เราไม่ได้ทำพิธีแต่งงานกันเป็นกิจจะลักษณะ และผมก็ไม่เคยขอคุณแต่งงานจริงๆ จังๆ เลย รวมถึงคุณยังไม่ได้สวมชุดเจ้าสาวสวยๆ ก่อนที่ผมจะทำคุณท้องอีกรอบด้วย” โม่จื่อซีรู้สึกแย่
“ฉันไม่ได้คิดมากนะคะ รักของเราไม่เคยเป็นไปตามประเพณีอยู่แล้วนี่คะ” เหยาอันฉีระบายยิ้ม “ดูคุณแม่กับคุณพ่อสิคะ พวกท่านก็ไม่เคยจัดงานแต่งงานกันใช่ไหมล่ะ แต่พวกท่านก็ยังอยู่ข้างกันมาจนกระทั่งแก่เฒ่า งานแต่งงานก็เป็นแค่พิธีเท่านั้นแหละค่ะ สำหรับฉันมันไม่ได้สำคัญอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ”
โม่จื่อซีลูบศีรษะเธอ เขายังคงรู้สึกว่าตัวเองติดค้างเธอเอาไว้
ตอนนี้เองที่ความคิดของพวกเขาถูกข่าวดีจากบ้านตระกูลโม่แทรกขัดขึ้น ว่าด้วยเรื่องเชียนหลานตั้งท้องแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเชียนหลานรู้สึกงุนงงไปบ้างเมื่อแรกครั้งที่เห็นผลการตรวจครรภ์ “ฉันมั่นใจว่าเราใช้ถุงยางกันนะคะ ฉันท้องได้ยังไงล่ะคะเนี่ย”
“ยัยทึ่ม ผมถอดออกไงล่ะ” โม่จื่อเฉินตอบ
“คุณไม่ได้ถามฉันด้วยซ้ำเลยนะคะว่าพร้อมหรือยัง”
“แล้วตอนนี้คุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ คุณท้องแล้วนี่ครับ” เขาเริ่มปลอบใจภรรยา “ผู้บัญชาการเชียนครับ ผู้หญิงที่มีลูกตอนอายุยังน้อยจะฟื้นตัวได้เร็วกว่านะครับ”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอกค่ะ”
ประเด็นสำคัญคือเชียนหลานเพิ่งจะรับมอบหมายหน้าที่ฝึกนายทหารเข้าประจำการใหม่ ตอนนี้เธอตั้งท้องเธอจะทำอย่างไรกันล่ะ
แน่นอนว่าแม้ดูผ่านๆ เธอจะต่อว่าโม่จื่อเฉิน หากแต่ลึกไปในใจของเธอนั้นกลับมีความสุขล้น อย่างไรเสียเธอก็ฝันถึงการมีลูกกับโม่จื่อเฉินมานานแล้ว
…
“ตอนนี้พี่ใหญ่มีลูกสองคนและเราก็มีหนึ่งคน และน้องสาวของคุณล่ะคะ”
เชียนหลานเริ่มเป็นห่วงโม่จื่อเหยียน
โม่จื่อเฉินส่งเสียงฟึดฟัดและเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมคุณต้องเป็นห่วงเธอด้วยล่ะ คุณห่วงว่าเธอจะไม่มีคนมาจีบเหรอครับ”
“ฉันไม่เคยเห็นจื่อเหยียนคบหาใครมาก่อนเลยนี่คะ”
“นั่นเพราะว่าเธอชอบคนที่มาตรฐานสูงกว่าปกติต่างหากครับ”
เมื่อพูดถึงเรื่องการสอดแนม ไม่มีอะไรที่โม่จื่อเฉินไม่รู้ เขาจึงรู้มาก่อนหน้านี้สักพักแล้วว่าเหตุผลที่จื่อเหยียนยังยืนกรานว่าจะเรียนมหาลัย เพราะว่าเธอตกหลุมรักอาจารย์คนหนึ่ง
หากแต่ชายคนนั้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
“จากที่คุณบอก หมายความว่าจื่อเหยียนจะคว้าน้ำเหลวเหรอ”
“ไม่เสมอไปหรอกครับ”
จากนิสัยของน้องสาวเขา หากเธอต้องการบางอย่างแล้วเธอจะอดทนเฝ้ารอมัน ไม่ว่าจะยาวนานเท่าไรก็ตาม
ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายว่าจะรู้ตัวหรือไม่เท่านั้น
“มันก็แค่น่าอายนิดหน่อยที่คนจากตระกูลโม่คอยตามผู้ชายคนหนึ่งไปทุกที่น่ะครับ”
สิ่งที่โม่จื่อเฉินหมายถึงคือโม่จื่อเหยียนไม่ได้ไม่มีเสน่ห์มากพอ ทำไมเธอยังคว้าชายคนนี้มาไม่ได้ต่างหาก
ไม่กี่วันต่อมาตระกูลโม่รวมตัวกันทานมื้อเย็นกันอีกครั้ง ครั้งนี้พวกเขาฉลองในวาระที่เชียนหลานตั้งท้อง ทุกครั้งที่พวกเขามีข่าวดีถังหนิงมักมีความสุขกับการเลี้ยงฉลอง ครอบครัวจะได้กลมเกลียวกันมากขึ้น
ทว่าด้วยเรื่องที่พี่ชายทั้งสองของเธอได้บรรลุเป้าหมายสำคัญทั้งสองในชีวิตแล้ว เป็นธรรมดาที่โม่จื่อ
เหยียนจะตกเป็นเป้าของการล้อเลียน
“ดูเธอสิ เธอยังไม่มีแฟนสักคนด้วยซ้ำ!”
“ใช่แล้ว เลิกอุ้มลูกชายพี่ตลอดเวลาแล้วไม่ยอมปล่อยเขาไปได้แล้วนะ เธอควรมีลูกสักคนเป็นของตัวเองสิ” โม่จื่อซีบ่นเข้าให้
โม่จื่อเหยียนไม่รู้จะตอบยังไง ดังนั้นในขณะที่ไม่มีใครเห็นเธอจึงรีบย่องออกไป
ถังหนิงเห็นเธอออกไปแต่ไม่ได้บอกให้ใครรู้ หลังจากมื้อเย็นเธอแอบถามสามีเงียบๆ “ถิงคะ…ทำไมคุณไม่ทาบทามเพื่อนของคุณแล้วดูว่ามีชายหนุ่มที่คุณสมบัติเข้าท่าคนไหนที่จะแนะนำให้ลูกสาวเราได้บ้างล่ะคะ”
“คุณคิดว่าลูกจะชอบอย่างนั้นเหรอครับ” โม่ถิงถามกลับ
“แต่ว่าเธอจะเอาแต่แอบรักข้างเดียวต่อไปไม่ได้นะคะ” ถังหนิงตอบ “ถึงปกติฉันจะไม่ชอบเข้าไปยุ่งเรื่องความรักของลูกๆ แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นอัญมณีล้ำค่าตัวน้อยของฉันต้องอายอย่างนี้นะคะ”
“ถ้าเธอเป็นอัญมณีล้ำค่าตัวน้อยของคุณ แล้วผมล่ะครับ”
ถังหนิงอดหัวเราะกับคำถามของเขาไม่ได้ “คุณเป็นทุกอย่างของฉันค่ะ…”
โม่ถิงพอใจกับคำตอบนี้ “รออีกหน่อยเถอะครับ ให้เวลาลูกสาวเราอีกสักหน่อยเถอะครับ…”
ในขณะเดียวกันโม่จื่อเหยียนหลบอยู่ในห้องตัวเองด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจเล็กน้อย
เธอเริ่มตั้งคำถามว่าหลังจากยึดมั่นมานานหลายปีเธอจะยังรอต่อไปได้หรือไม่