วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1254 แต่ผมขาดคุณ
คืนนั้นโม่จื่อเหยียนกับกู้ชิงหลีมั่นใจในความคิดของพวกเขาและได้เป็นคู่รักกันอย่างเป็นทางการ
หลังกลับมาที่หอ โม่จื่อเหยียนนอนลงบนเตียงและพยายามนึกถึงใบหน้าของเขา ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อพร้อมหัวใจที่เต้นระรัว เธอนึกไม่ถึงว่าความฝันของเธอจะกลายเป็นจริง
กู้ชิงหลีมีเสน่ห์ล้นเหลือเกินไป มีเสน่ห์เสียจนเหมือนกับเขาก้าวออกมาจากภาพวาด หากแต่ชายคนนี้ก็กุมมือเธอไว้จริงๆ …
ดูเหมือนว่าโม่จื่อเหยียนจะถูกสาปไม่ให้ได้นอนทั้งคืน…
วันถัดมาโม่จื่อเหยียนลุกขึ้นมาจากเตียงพร้อมรอยคล้ำใต้ตาที่ชวนให้เพื่อนร่วมห้องเธอสะดุ้ง “จื่อเหยียน เธอไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือไง ทำไมใต้ตาเธอคล้ำขนาดนั้นล่ะ”
เธอไปเข้าห้องน้ำเพื่อส่องกระจกและพบว่าตาของเธอทั้งบวมและไม่น่ามองสุดๆ แต่เธอยังมีเรียนวิชาของกู้ชิงหลีวันนี้
แม้เธอจะอยากไปเข้าเรียนเธอก็ไม่อาจไปด้วยใบหน้าแบบนี้ได้ สุดท้ายเธอจึงลงเอยด้วยการโดดเรียนแม้รู้ว่าเขาคงจะโกรธก็ตาม…
ไม่นานหลังจากคาบเรียนจบลงเธอก็ได้รับสายจากกู้ชิงหลีอย่างที่คิดไว้ น้ำเสียงนิ่งถามขึ้นดังมาจากอีกฝั่งของปลายสาย “ทำไมคุณไม่มาเข้าเรียนครับ”
“ตาฉันมันดูไม่ได้เลยน่ะค่ะ ตั้งแต่กลับมาที่ห้องเมื่อคืนมันก็บวมขึ้นมา”
“มาที่ห้องสมุดตอนเที่ยงสิครับ” เขาว่าอย่างอ่อนโยน “ผมจะรอคุณที่นั่น”
โม่จื่อเหยียนไม่มีทางเลือกนอกจากแต่งหน้าปกปิดรอบคล้ำใต้ตา เมื่อมาถึงห้องสมุดและพบเขา เธอก็ก้มหน้าเพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาเห็นหน้าตาโทรมๆ ของเธอ
“เงยหน้าสิครับ” เขาบอก
เธอฝืนเงยหน้าขึ้นและพยายามลืมตาขึ้นเต็มที่ เธอจินตนาการออกว่าตอนนี้ภาพลักษณ์ของตัวเองคงป่นปี้ไปหมดแล้ว หากแต่เขาทำเพียงหัวเราะออกมาเบาๆ และช่วยเธอนวดตาให้
“เมื่อคืนคุณไม่ได้นอนเหรอครับ”
“อือฮึ” เธอพยักหน้า “ฉันนอนไม่หลับ ฉันกลัวว่าตัวเองจะกำลังฝันไป”
กู้ชิงหลีระบายยิ้มพร้อมมือที่เคลื่อนขยับอย่างอ่อนโยนกว่าเดิม “คุณต้องให้ผมเตือนคุณทุกวันว่าไม่ได้ฝันไปเลยเหรอครับ”
“มันไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงเลยนี่คะ”
เธอก้มหน้างทั้งดวงตาบวม หากแต่กู้ชิงหลีรู้สึกว่าโม่จื่อเหยียนคนนี้สุดแสนจะน่ารัก จนเขาห้ามใจประทับจูบริมฝีปากเธอไม่ได้ “ยังรู้สึกว่าไม่เป็นเรื่องจริงอีกไหมครับ”
“อีกจูบหนึ่งแล้วมันน่าจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงมากขึ้นนะคะ”
เขานวดดวงตาให้เธอก่อนตอบ “ให้ผมช่วยคุณชดเชยคาบที่คุณขาดเรียนไปก่อน แล้วคุณค่อยกลับห้องคุณได้ ต่อไปนี้คุณห้ามขาดเรียนคาบของผมอีก คนอื่นอาจไม่มาให้กำลังใจผม แต่ในฐานะแฟนของผม คุณจะไม่มาให้กำลังใจผมหน่อยเหรอครับ”
“คุณไม่ได้ไม่มีคนมาชอบสักหน่อย”
“แต่ผมขาดคุณไงครับ” เขาเอ่ยขณะพลิกหนังสือและเริ่มช่วยเธอชดเชยคาบที่เธอขาดเรียนไป
ความจริงแล้วโม่จื่อเหยียนไม่เดือดร้อนกับเรื่องนี้เพราะเธอรู้ว่ากู้ชิงหลีแค่จริงจังเพราะวิชาของเขาสอบตกได้ง่าย
เขาแค่ต้องการให้โม่จื่อเหยียนให้เธอสอบผ่านเธอจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับหลักสูตรโหดหินนี้อีกต่อไป
โม่จื่อเหยียนจ้องมองชายที่เธอรักและรู้สึกราวกับตัวเองมีเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยม ตาของเธอจึงไม่ได้ดูย่ำแย่นักอีกต่อไป
ตลอดช่วงเวลากระทั่งสอนจบ กู้ชิงหลีไม่ทำให้โม่จื่อเหยียนเสียเวลาสักนาทีเดียว เขาปิดหนังสือก่อนเอ่ย “กลับห้องไปพักผ่อนนะครับ ผมจะไม่โทรเรียกคุณมาทานมื้อเย็นด้วยกันวันนี้”
“ไม่ค่ะ…แต่ฉันอยากทานมื้อเย็นกับคุณนี่” เธอตอบกลับทันควัน
“งั้นผมจะโทรหาคุณหลังเลิกสอนแล้วกันนะครับ” เขาบอกก่อนจะเก็บหนังสือ ลูบศีรษะเธอและออกจากห้องสมุดไป ในขณะที่ความสุขเบิกบานในหัวใจของโม่จื่อเหยียน
เธอนอนเอาแรงทันทีที่กลับถึงห้อง และแน่นอนว่าฝันของเธอเต็มไปด้วยกู้ชิงหลีผู้ทรงเสน่ห์
โม่จื่อเหยียนนอนหลับไปจนกู้ชิงหลีโทรมาหาเธอ หากแต่เมื่อเธอก้าวลงมาจากเตียงก็เห็นเพื่อร่วมห้องของเธอกำลังอ่านข้อมูลที่กู้ชิงหลีพิมพ์มาให้เธออยู่
“จื่อเหยียน เธอพิมพ์อันนี้มาเองเหรอ”
“ใช่” โม่จื่อเหยียนเริ่มหลบตาเพื่อทันที
“ฉันเห็นลายมือของอาจารย์กู้เขียนอยู่บนนั้นนะ…” เพื่อนเธอถามอย่างจับผิด
“เธอเข้าใจผิดแล้ว” โม่จื่อเหยียนบอกขณะคว้ากระดาษจากมือเพื่อนมา “อย่างที่เธอรู้ว่าฉันหลงรักอาจารย์กู้ ฉันเลยชอบเลียนแบบเขาไง”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ ถ้ามีสอบเรื่องของอาจารย์กู้เธอคงได้คะแนนเต็ม” เพื่อนร่วมห้องเชื่อคำแก้ตัวของเธออย่างง่ายดายและไม่ได้ถามไปมากกว่านี้
โม่จื่อเหยียนถือกระดาษและหาที่เก็บใหม่ ก่อนจะออกไปหากู้ชิงหลี
ทั้งคู่นัดกันด้านนอกมหาวิทยาลัย วันนี้เขาไม่ได้ใส่สูทแต่กลับปรากฏตัวในเสื้อเชิ๊ตสีขาวกัลกางเกงยีน เขายังดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษในสายตาของเธอแม้จะอยู่ในชุดที่เรียบง่ายที่สุดก็ตาม
“คุณอยากได้ทิชชู่ไหมครับ” กู้ชิงหลีถามขณะที่มองแววตาเคลิบเคลิ้มของเธอ
“เลิกล้อฉันสักทีค่ะ” โม่จื่อเหยียนโวยวาย “คุณคงรู้สึกภูมิใจมากละสิท่า”
เขาหัวเราะและจับมือเธอไว้ “แน่นอนสิครับ ผมภูมิใจที่แฟนตัวเองชอบผมอย่างนี้”
เธอก้มมองมือที่กุมประสานกันไว้พร้อมกับหัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ ทว่าหลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวอยู่ๆ เขาก็หยุดและปล่อยมือเธอ
โม่จื่อเหยียนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่เห็นหญิงสาวในชุดสวยซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างออกไปพร้อมกับเด็กผู้ชายอายุราวๆ เจ็ดแปดขวบ
เธอมีลางสังหรณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงคนนี้กับกู้ชิงหลี
อย่างที่คาดไว้ ทันทีที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว หญิงสาวคนนั้นรีบเดินข้ามถนนมาหากู้ชิงหลีพร้อมกับเด็กชายตัวน้อย “คุณพอมีเวลาคุยเรื่องลูกไหมคะ”
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วครับ” เขาบอกพลางจับมือโม่จื่อเหยียนอีกครั้งและพาเธอไปให้ห่างจากสองแม่ลูก
ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันระหว่างที่พวกเขาเดิน กระทั่งเมื่อเดินมาห่างพอสมควรในที่สุดเขาถึงพูดออกมา “จื่อเหยียน คุณไปบางที่กับผมได้ไหมครับ”
“ค่ะ” เธอตอบ
เขาพาเธอขึ้นรถตัวเองและขับไปยังสุสานที่เงียบสงัดแห่งหนึ่ง
โม่จื่อเหยียนกลัวเล็กน้อยแต่เขาก็โอบเธอไว้ตลอดเวลา
“คุณกลัวเหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีคุณอยู่ด้วยนี่” โม่จื่อเหยียนบอกกลับ
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงหลุมศพของพ่อกู้ชิงหลี ดูจากรูปบนหลุมแล้ว พ่อของเขาเองก็ค่อนข้างมีเสน่ห์และเป็นกันเอง ไม่แปลกใจที่กู้ชิงหลีจะเป็นเช่นนี้ด้วย
“พ่อของผมเป็นประติมากรครับ แต่ตอนอายุได้สี่สิบเอ็ดก็ตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งปอด เพื่อรักษาเขาครอบครัวของผมต้องขายทรัพย์สินของเราทุกอย่าง แต่ก็ต้องอึ้งที่แม่ของผมเอาเงินเก็บทั้งหมดของเขาไปลงทุนในตลาดหุ้น สุดท้ายพ่อผมเลยต้องตายอย่างทรมาน
“ตั้งแต่นั้นผมก็อยู่ด้วยตัวเอง เพราะผมการเรียนที่ดีเลยได้รับทุนขนเรียนจบมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นผมก็เอาเงินไปลงทุนแล้วก็ได้ผลตอบแทนมาก้อนใหญ่
“ผมพาคุณมาที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะว่าเป็นวันเกิดของพ่อ แต่ยังอยากให้คุณเห็นตัวตนที่แท้จริงของผมที่ปิดบังเอาไว้
“ผมไม่คิดว่าตัวเองจะยอมรับแม่ตัวเองได้อีกในชีวิตนี้ คุณรับเรื่องนี้ได้ไหมครับ”