วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1256 เธอไม่ได้ชอบอาจารย์กู้แล้วเหรอ
กู้ชิงหลีตัดสินใจได้รอบคอบและเฉียบขาด เขาจึงให้คำแนะนำกับโม่จื่อเหยียนได้ดี หากแต่ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยู่ที่บ้านของเขานานกว่าที่คิดไว้ เมื่อถึงเวลาที่เธอจะกลับเข้ามหาวิทยาลัยประตูจึงได้ปิดไปแล้ว
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากพาเธอกลับมาที่บ้านของตัวเอง
“พี่สี่ ทำไมฉันไม่กลับไปที่ไฮแอทรีเจนซีล่ะ…”
เขาไม่สนใจเธอขณะที่หาชุดนอนและบอกเธอว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน
“ไม่ต้องกังวลที่จะอยู่ที่นี่หรอกครับ ผมไม่มีทางล้ำเส้นถ้าคุณไม่เต็มใจเด็ดขาด”
โม่จื่อเหยียนยังคงรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ที่นี่เป็นบ้านของแฟนเธอมันจะผิดอะไรถ้าเธอจะอยู่ที่นี่กันล่ะ
เธอจึงไม่ต่อต้านอีกต่อไปและเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ก่อนจะก้าวออกมาและเห็นว่าไฟห้องทำงานยังคงเปิดอยู่
เมื่อเห็นกู้ชิงหลีกำลังเตรียมการสอนสำหรับพรุ่งนี้ โม่จื่อเหยียนตัดสินใจไม่ไปรบกวนเขา ทว่าเขากลับยังเห็นเธอจนได้ “จื่อเหยียนเหรอ”
“ฉันจะไปนอนแล้วค่ะ” เธอบอกพร้อมหน้าขึ้นสีระเรื่อ ถึงอย่างไรเธอเองก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เธอตกลงปลงใจคบหากับกู้ชิงหลีไปนานสักเท่าไรกันเชียว แต่กลับมานอนที่บ้านของเขาแล้ว หากตระกูลโม่รู้เข้าเธอคงถูกดุหนักอย่างแน่นอน
หากแต่กู้ชิงหลีไม่ปล่อยให้เธอหนีไปได้
เขารีบลุกขึ้น คว้ามือเธอไว้และรั้งเธอเข้ามาในอ้อมกอด
แม้จะทำเช่นนี้เธอก็ยังรู้สึกว่ามันช่างมีเสน่ห์และชวนให้เคลิบเคลิ้ม
“คุณกลัวผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
โม่จื่อเหยียนสูดหายใจลึก เธอตอบออกมาแผ่วเบาหลังจากเคยชินกับกลิ่นน้ำหอมจากกายเขา “ฉัน…ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน…ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงควรทำเรื่องแบบนี้เร็วขนาดนี้น่ะค่ะ…”
“ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาล่ะครับ” เขาถามอย่างอ่อนโยน
“ฉันไม่รู้ค่ะ…”
“คุณรู้จักผมมาสี่ปีแล้ว คุณจะให้ผมเห็นและเข้าใจคุณให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอครับ” เขาท้วง
โม่จื่อเหยียนได้ยินเช่นนั้น เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร กู้ชิงหลีได้ขโมยใจทั้งดวงของเธอไปเสียแล้ว
“อยู่เป็นเพื่อนผมตอนที่กำลังเตรียมสอนก่อนสิแล้วผมค่อยปล่อยคุณไปนอน”
เธอซบลงกับแขนของเขาและพยักหน้าให้ เธอนั่งอยู่เป็นเพื่อนเขาอยู่ที่โซฟาพิงศีรษะกับไหล่ของเขาและค่อยๆ ผล็อยหลับไป
รอยยิ้มเอ็นดูเผยออกมาเมื่อเขาเห็นดังนั้น เขาไล้นิ้วกับจมูกของเธอก่อนจะอุ้มเธอไปในห้องนอน ห่มผ้าคลุมตัวให้ก่อนจะปิดไฟและเดินออกมา
โม่จื่อเหยียนลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ก่อนจะเบาใจลงและปิดตาลงอีกครั้ง กู้ชิงหลีทำตามที่เขารับปากไว้จริงๆ
หากแต่โม่จื่อเหยียนเป็นห่วงว่าคนจะหาว่าเธอทำตัว ง่าย ที่ไปนอนค้างอ้างแรมที่บ้านแฟนหนุ่มเร็วขนาดนี้
โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนร่วมห้องของเธอถามขึ้นในวันต่อมา “เมื่อวานเธอไปไหน เธอไม่ได้กลับมาที่ห้องแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”
“ฉันไปนอนบ้านเพื่อนเมื่อวานน่ะ” เธออธิบายอย่างรู้สึกผิด
“พูดอีกอย่างก็คือเธออยู่ที่บ้านของแฟนใช่ไหม เราเข้าใจดีน่า แต่มันหมายความว่าเธอไม่ได้ชอบอาจารย์กู้แล้วเหรอ ถึงเธอจะแอบรักเขามาตั้งสี่ปีก็เถอะ”
กู้ชิงหลีกำลังสอนอยู่บนเวทีบรรยายด้วยท่าทีจริงจัง หากแต่ด้านล่างเวทีกลับมีนักศึกษาสองคนที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง
เขาจึงชี้มาที่โม่จื่อเหยียนกับเพื่อนร่วมห้องของเธอ
“ตั้งใจฟังหน่อยสิครับ…อยากจะสอบตกหรือยังไงครับ”
“ขอโทษค่ะ” โม่จื่อเหยียนรีบขอโทษทันที
“ขอโทษค่ะ อาจารย์กู้” เพื่อนร่วมห้องของโม่จื่อเหยียนกล่าวขอโทษเช่นกัน ทว่าทันทีที่กู้ชิงหลีหันไปอีกทาง เธอก็แอบพูดกับโม่จื่อเหยียน “อาจารย์กู้อาจจะอ่อนโยนแต่ก็ดุสุดๆ เลยล่ะ”
“พอแล้วน่า!” เธอท้วงพลางดึงแขนเสื้อเพื่อนร่วมห้องตัวเอง
“ก็ได้ กลับหอเมื่อไหร่เธอต้องอธิบายกับฉันให้ละเอียดนะ”
เขากระแอมก่อนที่จะส่งข้อความไปหาโม่จื่อเหยียน [คุณต้องถูกลงโทษที่ไม่ได้ตั้งใจเรียนนะครับ]
[ทั้งหมดเป็นความผิดของคุณนั่นแหละ เพื่อนร่วมห้องของฉันเอาแต่ถามว่าฉันอยู่ที่ไหนเมื่อคืน]
[คุณบอกเพื่อนคุณไปตามตรงได้นี่ว่าคุณไปนอนบ้านแฟน]
[อาจารย์กู้คะ เราอยู่ระหว่างคาบเรียนนะคะ]
หลังจากเธอพิมพ์ข้อความสุดท้ายเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง ตอนนี้เองที่เขาเหลือบมองเธอและยกยิ้ม
หลังจากคาบเช้าจบลง โม่จื่อเหยียนกลับไปที่หอ อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเพื่อนร่วมห้องของเธอตามตื๊อเธอแจอีกครั้งก่อนถาม “หรือว่าจะเป็นผู้ชายที่ขับรถเมย์แบชคนนั้น เธอเปิดใจให้เขาแล้วเหรอ”
“เปล่า”
“งั้น…ผู้ชายที่ทั้งครอบครัวเป็นทนายความเหรอ”
“ไม่ใช่เขาเหมือนกัน” โม่จื่อเหยียนส่ายหน้า “ฉันไปเจอซิงเจ๋อที่บ้านพี่สะใภ้เมื่อคืนต่างหาก”
“ก็ได้ คำตอบของเธอมันน่าเบื่อชะมัด”
โม่จื่อเหยียนยังไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับกู้ชิงหลี เพราะเธอไม่ได้อยากให้ใครมาตราหน้าเขา
ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็สมบูรณ์แบบแล้ว…
ทว่าหลังจากไม่ได้เจอลูกสาวหลายวัน เป็นธรรมดาที่ถังหนิงจะเริ่มคิดถึงลูกสาว จึงต่อสายหาโม่จื่อ
เหยียนและบอกให้กลับบ้านมาทานมื้อเย็น
แม้จะเห็นว่ากู้ชิงหลีสำคัญ โม่จื่อเหยียนก็ต้องไปเจอแม่ของเธอก่อน
ดังนั้นเมื่อเขาโทรมาหาเธอทีหลังในคืนนั้น เธอจึงกลับไปที่ไฮแอทรีเจนซีแล้ว “พี่สี่คะ คืนนี้คุณคงต้องทานข้าวเย็นคนเดียวแล้วล่ะค่ะ ฉันกลับมาบ้านแล้ว”
“เสียดายจังครับ ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะทานมื้อเย็นใต้แสงเทียนกับคุณซะอีก”
เมื่อเธอได้ยินคำว่า มื้อเย็นใต้แสงเทียน ดวงตาของเธอก็เป็นประกายทันที “งั้นรอฉัน…”
“ไม่ต้องรีบหรอกครับ ผมรอได้จนถึงสี่ทุ่ม ใช้เวลากับแม่ของคุณเถอะครับ” เขาตอบอย่างใส่ใจ
หากแต่โม่จื่อเหยียนไม่สนใจจะอยู่บ้านอีกต่อไป จิตใจของเธอล่องลอยไปไกลเสียแล้ว…
เมื่อถังหนิงเห็นว่าลูกสาวใจลอยไปที่อื่น เธอก็รู้ตัวว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อยจึงถามขึ้น “เมื่อไหร่ลูกจะพาเขามาเจอเราที่บ้านล่ะ”
“เดี๋ยวหนูจะหาโอกาสนะคะ”
“ผู้ชายที่ลูกตกหลุมรักมาหลายปีน่ะเหรอ” ถังหนิงถาม
“อือฮึ” เธอพยักหน้ารับ
“ก็ได้ งั้นลูกก็ควรไปนะ” ถังหนิงไม่ได้รั้งลูกสาวตัวเองไว้ ตอนนี้เธอโตและมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ซ้ำเธอยังชอบผู้ชายคนนี้มาสี่ปี ไม่มีทางที่เธอจะตัดใจจากเขาได้ง่ายๆ
แต่หลังจากที่โม่จื่อเหยียนออกไป ถังหนิงก็บอกกับสามี “ลูกสาวไม่เหมือนกับลูกชาย ฉันถึงต้องทดสอบว่าที่ลูกเขยให้ดีๆ น่ะค่ะ”
“ครับ เอาตามที่คุณบอกเลย” โม่ถิงตอบ
อย่างไรเสียการแต่งงานกับลูกสาวของเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจะยกลูกสาวของตัวเองให้ง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน
โม่จื่อเหยียนไม่รู้ถึงความคิดของพ่อแม่ตัวเองขณะรีบออกมาพบกับกู้ชิงหลี
เมื่อเขาเห็นเธอเหงื่อซกก็ปวดใจจึงถามขึ้น “ผมไม่ได้บอกว่าไม่ต้องรีบเหรอครับ”
“ฉันไม่ได้อยากให้คุณรอนานนี่คะ!”
“ในเมื่อผมกำลงรอแฟนตัวเองอยู่ มันไม่สำคัญว่าจะต้องรอนานเท่าไหร่หรอกครับ” กู้ชิงหลีบอกพลางหยิบทิชชูออกมาช่วยเช็ดเหงื่อให้เธอ ก่อนจะดึงเก้าอี้ออกมาให้เธออย่างสุภาพบุรุษ “มาสิครับ”
โม่จื่อเหยียนนั่งลงและพูด “แม่ของฉันถามว่าเมื่อไหร่จะพาคุณไปเจอกับครอบครัวที่บ้านน่ะค่ะ…”