วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1258 เลิกก่อเรื่องวุ่นวาย
“อาจารย์กู้คะ คุณนี่ไม่รู้จักล้อเล่นบ้างเลยนะคะ” จี้เหม่ยอี๋ว่าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“คุณเป็นนักศึกษา ผมเป็นอาจารย์ ระวังคำพูดของคุณด้วยครับ” กู้ชิงหลีเอ่ยก่อนที่จะเก็บหนังสือของเขาและบอกกับนักศึกษาในชั้นที่เหลือ “เลิกคาบได้ครับ”
โม่จื่อเหยียนดูออกว่าเขาเข้มงวดกับจี้เหม่ยอี๋อย่างกับระวังตัวกับเธออย่างอธิบายไม่ถูก
หลังจากนั้นจี้เหม่ยอี๋ก็หาทางไปห้องทำงานของกู้ชิงหลีเจอ แต่กลับไม่ได้เจอเขาที่นั่น
บ่ายวันนั้นโม่จื่อเหยียนได้รับสายจากเขา บอกว่าจะมารับเธอไปทายมื้อเย็นด้วย เธอใช้โอกาสนี้ถามเรื่องที่เธอสงสัยอยู่
“ฉันรู้สึกว่าคุณเข้มงวดกับจี้เหม่ยอี๋เป็นพิเศษน่ะค่ะ เธอเป็นคนที่คุณเคยรู้จักเมื่อก่อนเหรอคะ”
เขามองเธอด้วยความตกใจและหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าคุณเรียนรู้ที่จะสังเกตแม้แต่อารมณ์ที่เปลี่ยนไปเล็กๆ น้อยๆ ของผมแล้วสินะครับ”
“อย่าลืมว่าฉันคอยตามดูคุณมาสี่ปีนะคะ” เธอตอบ
เขาระบายยิ้มและจูบหน้าผากเธอก่อนบอกกลับ “ถ้าคุณเป็นจี้เหม่ยอี๋ คุณจะเสียเวลามาเรียนหลักสูตรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานปัจจุบันของคุณหรือเปล่าล่ะครับ”
โม่จื่อเหยียนส่ายหน้า “ฉันคงตั้งใจทำงานหาเงิน ทำไมต้องมาเสียเวลาด้วยล่ะคะ”
“งั้นมันไม่ใช่คำตอบของคุณแล้วเหรอ ยัยบื้อ ผมเกรงว่าที่จี้เหม่ยอี๋มาที่นี่จะเป็นการทดสอบจากคุณน้ากับคุณอาน่ะสิ”
“หือ” โม่จื่อเหยียนอึ้งไปเล็กน้อย
“คุณอึ้งอะไรขนาดนั้นล่ะครับ เป็นปกติที่คุณน้ากับคุณอาจจะเป็นห่วงลูกสาวตัวเอง แล้วส่งบททดสอบหาลูกเขยที่มีเหมาะสมมา มันก็เป็นสิ่งที่ผมคิดไว้อยู่แล้วละครับ” เขาหัวเราะพลางดึงเธอมานั่งบนตัก
เธอหน้าขึ้นสีขณะพยักหน้ารับ “ที่คุณว่ามาก็มีเหตุผลค่ะ ถ้ามันเป็นบททดสอบจากพ่อแม่ฉันจริงๆ งั้นคุณก็ควรจะรับมือให้ดีนะคะ”
“คุณพอใจกับผลงานของผมวันนี้หรือเปล่าล่ะครับ”
“คุณไม่คิดว่าจี้เหม่ยอี๋สวยจริงๆ เหรอคะ” โม่จื่อเหยียนถาม “ผู้ชายหลายคนก็หลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งนั้น”
“สำหรับผม คุณเป็นคนเดียวในโลกที่สมบูรณ์แบบครับ ผมไม่สนใจคนอื่นหรอก”
เธอตัดสินใจเด็ดขาดเมื่อได้คำตอบเช่นนี้ “ฉันจะย้ายคืนนี้เลยค่ะ ยังไงฉันก็เก็บของหมดแล้ว”
“คุณแน่ใจเหรอครับ”
“แน่ใจไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วละค่ะ ฉันเชื่อใจคุณนะคะ” เธอว่าอย่างหนักแน่นขณะคล้องแขนรอบลำคอเขา
ไม่ว่าพ่อแม่เธอจะคิดอย่างไร เขาก็เป็นผู้ชายที่เธอชอบมาสี่ปี มันไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ ซ้ำเธอยังไม่กลัวที่จะเจ็บปวด เธอจึงไม่ต้องถามความเห็นใดๆ อีก ถึงอย่างไรแม่ของเธอก็ไม่ได้บอกเองหรอกหรือว่าไม่ว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไร ไม่ว่าจะผิดหรือถูก เธอก็แค่ต้องกล้าพอที่จะยอมรับผลที่ตามมาให้ได้เท่านั้น
จากคำพูดเหล่านี้ เธอยังจะต้องลังเลใจอะไรอีกกันล่ะ
พ่อแม่ของเธอก็แต่งงานสายฟ้าแลบกัน และพวกท่านก็ยังรักกันดีมาจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่หรือ
เมื่อคิดเช่นนั้น โม่จื่อเหยียนก็ตัดสินใจแน่วแน่
หลังจากมื้อเย็นเธอจึงกลับไปที่หอและคว้ากระเป๋าของเธอไป
เพื่อนร่วมห้องเห็นดังนั้นก็ออกอาการงุนงง “ครั้งนี้เธอจะทำอะไรอีกล่ะเนี่ย”
“ฉันจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน!”
“เราไม่ได้จะยุ่งหรอกนะ แต่พักหลังๆ นี้เธอทำตัวแปลกๆ ไปหน่อยนะ” หนึ่งในเพื่อนร่วมห้องส่ายหน้าพลางมองโม่จื่อเหยียนอย่างเอือมระอา
โม่จื่อเหยียนทิ้งของเล็กๆ น้อยๆ ไว้และถือกระเป๋าออกมา รถของกู้ชิงหลีจอดรออยู่ชั้นล่าง ก่อนเขาจะขับกลับไปที่บ้านของเขาและช่วยเธอขนกระเป๋าเข้าไปในห้องนอน
“แขวนเสื้อผ้าของคุณไว้ในตู้นะครับ ผมเว้นที่ครึ่งหนึ่งไว้ให้แล้ว”
“แต่ว่าพี่สี่คะ ฉันไม่อยากขยับตัวไปไหนเลยค่ะ เก็บของมันเหนื่อยมากเลย”
เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นก็ตบพื้นที่ข้างตัวก่อนบอก “งั้นผมจะกอดคุณแล้วงีบสักหน่อย ทิ้งของคุณไว้ตรงนั้นแหละครับ เดี๋ยวผมจะจัดการมันทีหลังเอง”
โม่จื่อเหยียนดีใจกับคำตอบนี้ เพราะท่าทีที่เขาเอ็นดูเธอมันทำให้เธอรู้สึกโชคดีเหลือเกิน
ไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไปสนิท เขาส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้และอุ้มเธอไปที่เตียง ไปเตรียมสอนในวันพรุ่งนี้จนเสร็จก่อนจะช่วยโม่จื่อเหยียนจัดข้าวของของเธอและไปอาบน้ำ
โม่จื่อเหยียนตื่นขึ้นมาในขณะที่เขายังอยู่ในห้องน้ำ
หัวใจของเธอเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำด้วยกังวลว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในคืนนั้น หากแต่หลังจากเขาอาบน้ำเสร็จก็มานอนข้างเธออย่างเหนื่อยล้า และไม่ได้ทำเรื่องที่ล้ำเส้นแต่อย่างใด ทำเพียงวางมือบนเอวของเธอและช่วยเธอขยับผ้าห่มบนตัวเท่านั้น
เธอต้องการหาผู้ชายเหมือนอย่างโม่ถิงที่ทั้งมั่นใจ เด็ดเดี่ยว และยอมไม่สนใจใครหน้าไหนเพื่อทำให้ภรรยามีความสุขมาตลอด
แต่หลังจากได้พบกู้ชิงหลี โม่จื่อเหยียนเริ่มสงสัยว่าคนที่มีเสน่ห์อย่างเขาจะใช้ชีวิตสุนทรีย์ราวกับภาพวาดหรือไม่
และเป็นอย่างที่เธอคาดไว้ ชีวิตของเขาช่างไร้ที่ติ ทั้งยังอ่อนโยนเช่นที่เธอคิดไว้
บางครั้งโม่จื่อเหยียนถึงกับสงสัยว่าเธอโชคดีเกินไปหรือไม่ หรือว่าเขาปิดบังข้อบกพร่องของตัวเองได้แนบเนียนกันแน่
หากทุกอย่างเป็นเรื่องจริงและพระเจ้าประทานชายที่ยอดเยี่ยมคนนี้มาให้เธอ เธอควรจะหลั่งน้ำตาเพื่อแสดงความขอบคุณหรือไม่
กู้ชิงหลีไร้ซึ่งจุดบกพร่องไปหมดเสียทุกส่วน มันเป็นข้อดีที่เขาได้รับถ่ายทอดจากพ่อของเขา
ตอนนี้เธอกำลังใช้ชีวิตร่วมกับเขาแล้วหรือ
โม่จื่อเหยียนยังคงไม่เชื่อกระทั่งได้เห็นเสื้อผ้าของพวกเขาแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า รวมถึงเครื่องสำอางของเธอที่กองอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ในที่สุดถึงได้รู้สึกตัวว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง
มันเป็นเรื่องจริงเกินกว่าจะนึกกังขา!
…
วันต่อมาเธอตื่นขึ้นมาและพบว่าพื้นที่ข้างตัวว่างเปล่าแล้ว
เมื่อเธอสวมเสื้อคลุมและเดินลงมาชั้นล่าง กู้ชิงหลีก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมอาหารเช้าที่เตรียมไว้
“มาทานหน่อยสิครับ ผมจะไปมหาวิทยาลัยก่อน อย่าลืมว่าคุณมีเรียนคาบที่สองนะครับ”
“โอเคค่ะ” โม่จื่อเหยียนพยักหน้าให้ขณะมองเขาหยิบกระเป๋าเอกสาร “คุณกินแล้วเหรอคะ”
“ยัยบื้อ ดูเวลาหรือยังครับ” กู้ชิงหลีถามพลางรีบออกไปทางประตู
ตอนแรกเขาสงสัยว่าโม่จื่อเหยียนจะตื่นกี่โมง แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะหลับไปนานขนาดนี้
แก้มของเธอขึ้นสี เธอไปอาบน้ำหลังทานอาหารเช้าเสร็จ ก่อนแต่งตัวและออกจากบ้าน
หากแต่วันนี้ต่างไปจากวันก่อนมาก แม้ว่าจี้เหม่ยอี๋จะมาเข้าเรียนเหมือนเมื่อวาน เธอก็ไม่มีใครติดสอยห้อยตามมาอีกแล้ว
สายตาของเธอเพ็งเล็งไปที่กู้ชิงหลีอย่างเห็นได้ชัด เขาอ้างว่าเธอรบกวนทุกคนเมื่อวันก่อน ตอนนี้เธอปรับปรุงตัวแล้วเขาก็ควรจะชมเธอหน่อยไม่ใช่หรือ
อย่างไรก็ตามกู้ชิงหลียังคงมีท่าทีเฉยเมย…
การไม่รบกวนคนอื่นเป็นมารยาทขั้นพื้นฐาน มีอะไรให้ต้องชื่นชมกัน
จี้เหม่ยอี๋จึงหมดความอดทนและลุกขึ้นถามเขา “อาจารย์กู้คะ คุณอคติกับฉันหรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่ครับ เลิกก่อเรื่องวุ่นวายสักที วันนี้มีเท่านี้ เลิกชั้นได้”
เขาฉีกหน้าเธอต่อหน้าทุกคนอย่างเลือดเย็น หากเขาเป็นอาจารย์ที่หน้าตาไม่ดี คนอื่นอาจจะต่อว่าเขากับสิ่งที่ทำ หากแต่นี่เป็นกู้ชิงหลี…
…กู้ชิงหลีที่ไร้ที่ติราวกับเจ้าชายทรงเสน่ห์จากภาพวาด…
ทุกอย่างที่เขาทำล้วนควรค่าแก่การให้อภัย