วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1262 คุณแค่ผ่านบททดสอบของฉันวันนี้เท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นอาจารย์กู้รู้จักสามีของฉันไหมคะ” ถังหนิงถามกู้ชิงหลีต่อไป
“มีใครในปักกิ่งไม่รู้จักเขาบ้างล่ะครับ” เขาตอบอย่างไหลลื่น “ประธานโม่ทำธุรกิจมาหลายปีและก็แทบไม่มีใครเอาชนะเขาได้”
“งั้นคุณคิดว่าตัวเองใกล้เคียงกับสามีของฉันไหมคะ” ถังหนิงถามก่อนที่จะอธิบาย “ฉันมั่นใจว่าคุณเข้าใจว่าฉันพยายามจะพูดอะไรอยู่ ฉันกลัวว่าจื่อเหยียนอาจจะพยายามหาภาพพ่อของเธอในตัวคุณและเธอไม่ได้รักคุณจริงๆ น่ะค่ะ”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ กู้ชิงหลีก็ก้มหน้าครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะเงยหย้าขึ้นมาตอบ “พูดตามตรงนะครับ คุณน้า ผมคิดว่าประธานโม่กับผมต่างกันมาก อีกอย่างผมก็มั่นใจว่าจื่อเหยียนแยกระหว่างเราสองคนออก ที่สำคัญที่สุดคือความรักเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ถ้าผมสัมผัสว่าเธอรักผมจริงๆ ไม่ได้อย่างนั้นผมคงไม่เสียเวลากับความสัมพันธ์นี้เหมือนกันครับ”
ถังหนิงมองพิจารณาเขาอย่างละเอียด เธอดูออกว่าเขาจริงจังเพียงไหน ทั้งยังเป็นคนสุขุมที่ไม่หวั่นไหวได้ง่ายๆ
เขาเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่งเลยทีเดียว
“อย่างนั้นต่อไปคุณจะทำยังไงล่ะ อย่างที่คุณรู้ว่าโม่จื่อเหยียนเป็นผู้สืบทอดไห่รุ่ย ต่อไปในอนาคตเธอคงจะต้องยุ่งมาก”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ คุณน้า นอกจากการสอนหนังสือ ผมเองก็ลงทุนไว้หลายที่เหมือนกัน ผมมั่นใจว่าจะช่วยเธอจัดการเวลาได้ครับ
คำตอบของชายคนนี้ไร้ที่ติ
ถังหนิงไม่อาจคิดหาเหตุผลมาปฏิเสธเขาได้ และไม่ได้คิดหาทางก่อกวนเขาอีกต่อไปจึงยอมแพ้
“คุณต้องเข้าใจนะคะ ในฐานะแม่ที่รู้ว่าลูกสาวตัวเองหลงรักผู้ชายคนหนึ่งมาสี่ปีโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย เป็นธรรมดาที่ฉันจะเป็นห่วงและไม่สบายใจ”
“ผมขอโทษด้วยครับ คุณน้า เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ได้อ่านจดหมายของจื่อเหยียนและรู้ความรู้สึกของเธอก่อนหน้านี้ แต่ยังไงผมก็จะชดเชยให้ดีที่สุดครับ”
ทั้งสองคุยกันที่ห้องนั่งเล่นอยู่นาน ในที่สุดโม่จื่อเหยียนก็กลับออกมาจากห้องนอนของพ่อแม่และเข้ามาหาทั้งคู่ “แม่พูดเรื่องอะไรแย่ๆ ลับหลังหนูหรือเปล่าคะเนี่ย”
“คุณแค่ผ่านบททดสอบของฉันวันนี้เท่านั้น แต่ยังไม่ผ่านการทดสอบจากพ่อของเธอหรอกนะ!” ถังหนิงว่าพลางลุกขึ้นยืน
“ผมรู้ครับ คุณน้า”
“แล้วตอนนี้พ่อของเธอก็ป่วยอยู่ ไม่มีใครอยู่รักษาการที่ไห่รุ่ย เธอจะทำตัวเป็นเด็กๆ ไม่ได้ เธอต้องไปรายงานตัวที่บริษัท”
“โอเคครับ ผมจะจัดตารางเรียนและทำงานของเธอให้ดีครับ” กู้ชิงหลีรีบออกตัวรับผิดชอบ
“อย่างนั้นก็ตามสบายนะ ฉันจะกลับไปดูแลพ่อของเธอด้านใน” ว่าจบถังหนิงก็เข้าไปในห้องนอน ส่วนโม่จื่อเหยียนเธอรู้ว่าต้องทำอย่างไร เธอเพียงแค่ต้องไปไห่รุ่ยวันพรุ่งนี้เท่านั้น
“แม่ของฉันพูดอะไรกับคุณบ้างคะ” เธอถามทันทีที่ถังหนิงเดินออกไป “แม่ทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่า”
“มันก็เป็นธรรมดาที่แม่ยายจะทำให้ลูกเขยลำบากใจไม่ใช่เหรอครับ” เขาถามก่อนจะเผยรอยยิ้มชวนให้สบายใจ “จริงๆ แล้วคุณน้ามีเหตุผลมากนะครับ คุณไม่ต้องกังวลหรอก”
“ดีค่ะ” โม่จื่อเหยียนพอใจกับคำตอบนี้พลางหันออกไปพร้อมกับกู้ชิงหลี
ในขณะเดียวกัน โม่ถิงนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทีเย็นชา เขายังคงเป็นประธานบริหารที่เหี้ยมโหดคนเดิมแม้ร่างกายของเขาจะไม่แข็งแรงอย่างแต่ก่อนแล้วก็ตาม
“จื่อเหยียนไปแล้วเหรอครับ”
“ถิงคะ…ฉันคุยกับอาจารย์กู้แล้ว เขาดูเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถไม่น้อยเลยนะคะ ไม่น่าล่ะลูกสาวของเราถึงสนใจในตัวเขา แต่ยังไงเขาก็ต้องได้รับการยอมรับจากคุณก่อน ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่สบายใจซะทีเดียวหรอกค่ะ”
โม่ถิงเอื้อมมือออกไปทัดผมที่หลังหูถังหนิง ก่อนจะมองหน้าเธอและเอ่ย “คุณชอบผมก็ชอบครับ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เธอแต่งงานเราจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเธออีก”
“เราทำแบบนั้นง่ายๆ ขนาดนั้นไม่ได้หรอกนะคะ มันเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตเธอเลยนะคะ…”
โม่ถิงกอดภรรยาอย่างรักใคร่ ดูเหมือนว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงไหนเขาก็ยังเอ็นดูผู้หญิงที่ล้ำค่าของเขาคนนี้ไม่เปลี่ยนไป
“สำหรับผมคุณคือที่หนึ่งในชีวิตของผมครับ”
…
แม้ว่าโม่ถิงจะประกาศมานานแล้วว่าโม่จื่อเหยียนจะมาสืบทอดไห่รุ่ย หากแต่เธอก็ยังไม่ได้มาปรากฏตัวที่บริษัทในฐานะประธานบริหาร จึงไม่มีใครในบริษัทเคารพเธอ
ทว่าตอนนี้ที่โม่ถิงป่วย เขาหมายมั่นว่าจะส่งต่อทุกอย่างให้กับโม่จื่อเหยียน และไม่ปล่อยให้เธอเลี่ยงได้อีกต่อไป
แม้ว่าโม่จื่อเหยียนจะตื่นตระหนกอยู่บ้าง เธอก็ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่น อย่างไรเสียเป้าหมายหลักที่เรียนที่มหาวิทยาลัยของเธอก็สำเร็จแล้ว จึงไม่สำคัญว่าเธอจะเข้าเรียนหรือไม่อีกต่อไป
“พี่สี่คะ ฉันจะต้องไปไห่รุ่ยพรุ่งนี้ คุณต้องช่วยฉันนะคะ”
“โอ๊ะ คุณนี่…ประธานโม่ให้คุณรับผิดชอบ หมายความว่าคุณต้องมีความสามารถสิครับ อีกอย่างคุณก็รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับแผนธุรกิจที่เอาให้ผมดูคราวก่อน คุณก็แค่ขี้เกียจเท่านั้นเอง” กู้ชิงหลีบอก
“น่าเสียดายที่ต่อไปนี้ฉันไปมหาวิทยาลัยอย่างอิสระไม่ได้แล้ว”
“ที่คุณเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยก็เพราะผม ตอนนี้คุณก็ทำตามความต้องการสำเร็จแล้ว จะเสียเวลาอีกทำไมล่ะครับ” กู้ชิงหลีถามขณะลงที่ขอบเตียง
โม่จื่อเหยียนหัวเราะก่อนพยักหน้าให้ “ฉันว่าก็ถูกของคุณค่ะ”
สุดท้ายโม่จื่อเหยียนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากสวมสูทขาวและไปปรากฏตัวที่ไห่รุ่ยในวันต่อมา
ในขณะที่กู้ชิงหลีไปมหาวิทยาลัยอย่างเคย
อย่างไรก็ตามเพราะเพื่อนของโม่จื่อเหยียนไม่ได้เจอเธอมาหลายวันแล้ว พวกเธอจึงเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่ากู้ชิงหลีจะฉวยโอกาสเธอทุกคืนจนทำให้เธอลุกจากเตียงไม่ขึ้นกัน
สุดท้ายพวกเธอจึงไปถามเขาหลังจากเลิกคาบเพราะอดรนทนไม่ไหว “อาจารย์กู้คะ เกิดอะไรขึ้นกับจื่อเหยียนคะ ทำไมเธอถึงไม่มาเข้าเรียน”
“ผมเกรงว่าเธอคงไม่ได้มาเรียนอีกแล้วล่ะครับ เธอต้องกลับไปทำงานน่ะ”
“แต่เธอไม่เคยบอกเราว่าเธอหางานได้แล้วเลยนะคะ”
กู้ชิงหลีแย้มยิ้มอย่างมีความนัย ดูเหมือนว่าโม่จื่อเหยียนจะทำตัวเงียบๆ และไม่ได้บอกใครถึงตัวตนของเธอในฐานะประธานบริหารคนใหม่ของไห่รุ่ย”
“เดี๋ยวผมจะให้เธอบอกเรื่องนี้กับพวกคุณทีหลังแล้วกันครับ”
“ลึกลับจังเลยนะเนี่ย…” เพื่อนของเธอมองหน้ากัน หากแต่เขาไม่ได้บอกข้อมูลลับให้พวกเธอไปมากกว่านี้
พวกเธอทำได้เพียงรอให้โม่จื่อเหยียนกลับมามหาวิทยาลัยจะได้ถามให้รู้เรื่อง
ในเวลาเดียวกันนั้นประธานบริหารคนใหม่ของไห่รุ่ยเป็นอย่างไรบ้างล่ะ
โม่จื่อเหยียนไม่มีส่วนไหนที่เย็นชาและน่าเกรงขามอย่างโม่ถิงแม้แต่น้อย ความจริงแล้วเธอดูเด็กเกินไปที่จะนำการประชุมคณะกรรมการบริหารของไห่รุ่ยเสียด้วยซ้ำ
หากแต่เธอก็ตั้งใจฟังพนักงานรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับบริษัทคร่าวๆ ถึงเธอจะดูเหมือนเด็กฝึกงานมากกว่าประธานบริหารคนใหม่ก็ตาม
ในที่สุดโม่จื่อเหยียนเอ่ยขึ้นหลังจากทุกคนรายงานจบ “แผนกประชาสัมพันธ์คะ มันอาจจะเป็นการรายงานคร่าวๆ แต่ฉันก็ไม่ได้อยากได้ยินเรื่อโกหกนะคะ งานประชาสัมพันธ์สองงานที่พวกคุณดูแลรับผิดชอบเมื่อสองเดือนก่อนได้กระแสตอบรับไม่ดีนัก คุณพอจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดได้ไหมคะ”