วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1267 คุณยังไม่ขอแต่งงานเลยด้วยซ้ำ
โม่จื่อเหยียนไม่รู้ว่ากู้ชิงหลีไปพบกับพ่อตัวเองกระทั่งหลังจากนั้น
เมื่อแรกครั้งที่เธอได้ยินเช่นนั้น เธอคิดว่าพ่อตัวเองมีเรื่องกับกู้ชิงหลี หลังเขารู้ว่าเธอคิดอย่างไรก็ถึงกับอึ้งไปพอสมควร “ผมเกรงว่านอกจากคุณแล้วคงไม่มีใครคิดกับครอบครัวของคุณอย่างนั้นหรอกครับ”
“คุณอาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอกนะครับ”
โม่จื่อเหยียนมาคิดเรื่องนี้และนึกได้ว่าเด็กในร่างผู้ใหญ่ที่บ้านคงอยากให้เธอแต่งงานออกไปให้เร็วที่สุด เธอจะได้ไม่ต้องมารบกวนถังหนิงตลอดเวลา
ดังนั้นสิ่งที่กู้ชิงหลีบอกจึงดูน่าเชื่อถือ โม่ถิงคงไม่มีทางทำเรื่องรุนแรงเพราะมันจะทำให้ลูกเขยของเขากลัวจนหนีไป!
“คุณทำให้ฉันกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องนะคะ!”
“ผมไม่เคยอยากให้คุณกังวลสักหน่อยครับ” กู้ชิงหลีหัวเราะ “คุณเป็นคนปล่อยให้ตัวเองเพ้อเจ้อไปเองนะครับ สิ่งที่ผมได้จากพ่อของคุณก็แค่เรื่องที่เขาไม่อยากให้เราจัดงานแต่งงานที่ใหญ่นักน่ะครับ…”
“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วละค่ะ ถ้าเราจัดงานแม่ของฉันก็จะต้องมานั่งเครียดเรื่องนั้น เขาคงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นหรอกค่ะ แล้วคุณว่าไงกับเรื่องนี้ล่ะคะ”
“ผมตามใจคุณครับ”
“เดี๋ยวนะคะ เรากำลังพูดถึงเรื่องงานแต่งอะไรกันคะ คุณยังไม่ขอแต่งงานเลยด้วยซ้ำนะคะ” โม่จื่อ
เหยียนพลันรู้ตัวว่าโดนล่อลวงอยู่ “คุณคิดว่าฉันซื่อบื้อจนโดนคุณหลอกได้เหรอคะ”
เขาหัวเราะและรีบปลอบเธอ “คุณแค่ไม่ทันได้ระวังตัวกับคนที่คุณใส่ใจเลยลงเอยด้วยการยกให้หมดใจคุณไง”
“ฟังดูเข้าท่านะคะ” โม่จื่อเหยียนพอใจกับความเห็นนี้ขณะที่ยื่นมือออกไป “ไหนๆ คุณก็พูดถึงงานแต่งงานของเราแล้ว คุณจะไม่ขอแต่งงานพร้อมแหวนหน่อยเหรอคะ”
เมื่อเขาได้ยินคำถามนี้ก็หยิบแหวนเพชรออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ทว่ามันกลับไม่ใช่แหวนวงใหม่เอี่ยม
“ปู่ของผมส่งต่อแหวนวงนี้มาให้พ่อ แต่พ่อก็ส่งต่อมันมาให้ผมอีกที คุณก็รู้ว่าพ่อมีความหมายกับผมมากแค่ไหน ผมเลยมอบสิ่งที่หวงแหนที่ล้ำค่าที่สุดให้คุณครับ”
เมื่อเธอได้ยินเขาพูดถึงพ่อก็ใจอ่อนยวบทันที ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรเธอก็คว้าแหวนมาสวมลงบนนิ้วตัวเอง
“ตกลงค่ะ!”
เมื่อเห็นว่าเธอน่ารักเพียงไหนเขาก็หัวเราะก่อนจะหยิบแหวนแต่งงานที่แท้จริงออกมาจากกระเป๋าเสื้ออีกด้าน และนั่งชันเข่าขึ้น “ยัยบื้อ ตกลง อะไรกันครับ ผมยังไม่ได้ขอแต่งงานเลยนะ”
โม่จื่อเหยียนออกอาการงุนงงเล็กน้อยก่อนจะรู้ตัวว่าถูกหลอก แต่เมื่อเห็นเขาชันเข่าบนพื้นเธอก็ไม่นึกโกรธ กลับสบตากับเขาด้วยท่าทีจริงจัง
“พระเจ้าไม่ยุติธรรมจริงๆ นะครับ คุณรู้จักผมมาสี่ปีแต่ผมรู้จักคุณแค่ไม่กี่เดือนเอง
“แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันสายไปนักหรอกครับ จื่อเหยียน คุณมีหัวใจที่อ่อนโยนที่สุดแล้วก็ยอมทุ่มเททุกอย่าง คุณมอบความอบอุ่นที่ขาดหายไปในชีวิตให้กับผม
“ผมเลยอยากใช้ชีวิตที่เหลือกับคุณ ถึงเราจะยังคบกันได้ไม่นานก็ตาม
“ในเมื่อเรายอมรับกันและกันแล้ว อย่างนั้น…ให้ผมได้เป็นสามีของคุณนะครับ ให้ผมได้ดูแลคุณ ปกป้องคุณ และอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป คุณจะว่ายังไงครับ”
โม่จื่อเหยียนนึกถึงช่วงเวลาสี่ปีที่เธอแอบรักกู้ชิงหลีมาและเริ่มน้ำตารื้น
อย่างน้อยเธอก็ได้รับทุกอย่างที่เธอต้องการในท้ายที่สุด
“ค่ะ ฉันตกลง แต่ว่าพี่สี่คะ ฉันขอเรื่องหนึ่งค่ะ ไม่มีใครในครอบครัวของเราจัดงานแต่งงานใหญ่โต เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่ามันจะเกี่ยวกับการมีชีวิตคู่ที่มีความสุข ดังนั้นจะโอเคไหมคะถ้าเราจะแค่จดทะเบียนแต่ไม่จัดงานแต่งงานกัน”
กู้ชิงหลีเข้าใจว่าเธอคิดอย่างไร
เขากุมมือเธอไว้ก่อนพยักหน้ารับ “พิธีการอย่างนั้นก็จัดขึ้นเพื่อผู้หลักผู้ใหญ่ ในเมื่อผู้อาวุโสของเราใจกว้างเราก็แต่งงานในแบบที่เราต้องการได้ครับ ผมไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหนนอกจากปู่ของผม ด้วยอาการของท่านตอนนี้ ผมไม่คิดว่างานแต่งงานมันสำคัญขนาดนั้นหรอกครับ แค่ไม่อยากให้คุณรู้สึกขาดน่ะครับ”
“ฉันไม่ได้รู้สึกขาดเลยค่ะ แค่เราอยู่ด้วยกันฉันก็ไม่ขาดอะไรทั้งนั้นค่ะ”
โม่จื่อเหยียนรู้สึกสุขล้นและโชดดีอย่างไม่ต้องสงสัย
อันที่จริงเธอไม่ทันตั้งตัวกับการขอแต่งงานของเขา
หากแต่ตอนนี้ที่เธอได้แหวนในห้องนั่งเล่น แล้วดอกไม้ล่ะ
หลังจากนั้นเธอเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วก็ถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นหลังบานประตู ทั้งเตียงถูกปกคลุมด้วยดอกกุหลาบแดงสีสด
กู้ชิงหลีห้ามใจกอดเธอไม่ได้ ก่อนจะเชยคางและจุมพิตริมฝีปากของเธอ
ระหว่างที่พวกเขากำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนหวาน ทั้งคู่ไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาแสนสมบูรณ์แบบนี้เสียเปล่า ทั้งสองคนเริ่มตกอยู่ในห้วงสเน่หาขณะที่เติมเต็มช่องว่างในหัวใจของกันและกันบนเตียงที่ปกคลุมด้วยกุหลาบแดง…
เขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนมาเสมอ หากแต่เมื่อเป็นเรื่องเช่นนี้เขากลับไม่รู้จักที่จะนุ่มนวล
ถึงกระนั้นโม่จื่อเหยียนก็ยังหลงใหลในท่าทีของเขาเมื่อพวกเขาแนบชิดลึกซึ้งกัน แววรักใคร่ในสายตาของเขาพาให้เธอลืมตัวตนยามปกติของเธอ ในขณะที่กระโจนเข้าไปในความร้อนเร่าของช่วงขณะนั้น…
กลีบกุหลาบใต้สองร่างถูกบดขยี้พร้อมคนทั้งคู่ที่เพลิดเพลินกันกระทั่งเช้าวันใหม่มาถึง
โม่จื่อเหยียนผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ในขณะที่กู้ชิงหลีช่วยเช็ดตัวให้เธอแม้เขาจะเหนื่อยล้าเช่นกัน จนเมื่อมั่นใจว่าเธอสบายตัวถึงได้นอนลงข้างเธอและกอดเธอจนหลับไป
คืนนั้นช่างตราตรึงใจและไม่ใช่เพียงเพราะว่ากู้ชิงหลีได้ขอแต่งงาน
โม่จื่อเหยียนกับกู้ชิงหลีไปจดทะเบียนสมรสในสองวันต่อมา และได้เป็นคู่แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้นโม่จื่อเหยียนชวนเพื่อนของเธอมาเพื่อไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ
เมื่อพวกเธอเห็นแหวนที่ส่องประกายบนนิ้วก็อ้าปากค้างด้วยความยินดี “ดีจังที่เธอได้แต่งงานอย่างนี้…”
“พวกเธอก็ควรรีบเหมือนกันนะ!” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเป็นสุข
“ว่าแต่กลับเข้าประเด็นหลักเถอะ จื่อเหยียน เธอยังเป็นลูกสาวของตระกูลโม่ เป็นคุณหนูที่เกิดบนกองเงินกองทอง ในทางกลับกันถึงอาจารย์อาจจะไร้ที่ติและหล่อเหลา แต่เขาก็ไม่ได้มีชาติตระกูลใหญ่โต หมายความว่าเขาจะกลายเป็นคนที่มาพึ่งพาเธอเหรอ”
เมื่อได้ยินดังนั้น โม่จื่อเหยียนอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ใครบอกว่าเขาไม่มีชาติตระกูลล่ะ”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“เขาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กว่าครึ่งที่กำลังก่อสร้างในปักกิ่งเลยนะ”
ทันทีที่เพื่อนของเธอได้ยินเช่นนั้น ดวงตาพวกเธอก็เบิกกว้างด้วยความอึ้ง “หมายความว่าอาจารย์กู้เป็นนักธุรกิจแฝงตัวมาเหรอ”
“ก็ประมาณนั้นแหละ” เธอตอบ
“เธอโชคดีจริงๆ ที่ได้เจอกับผู้ชายที่เยี่ยมยอดขนาดนี้”
“พวกเธอลองดูเหมือนกันก็ได้นะ”
พวกเธอล้อเลียนคล้ายไม่เข้าใจถึงชีวิตของคนมีฐานะ
ในท้ายที่สุดโม่จื่อเหยียนจึงไม่ได้บอกครอบครัวตัวเองว่าเธอแต่งงานกับกู้ชิงหลีแล้ว กลับบอกข่าวนี้กับเพื่อนของเธอแทน
ถึงอย่างไรแม้พวกเขาจะแต่งงานกันแล้วชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายนัก
จนกระทั่งสองเดือนต่อมา…
โม่จื่อเหยียนยุ่งมากเสียจนไม่ทันได้สังเกตรอบเดือนของตัวเอง กู้ชิงหลีจึงเตรียมที่ตรวจครรภ์ให้เธอและยื่นให้เมื่อเธอตื่นขึ้นมา
เมื่อดูผลการทดสอบ ในที่สุดเธอก็เห็นว่าหน้าท้องของเธอขยับขึ้นมาเล็กน้อย หรือว่าเธอจะตั้งท้องกัน