วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1269 คุณควรบอกครอบครัวคุณก่อน
หลังจากค่ำคืนสุขสันต์ กู้ชิงหลีพาโม่จื่อเหยียนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในวันต่อมา
ด้วยเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เป็นพ่อแม่คน ทั้งคู่จึงตื่นเต้นไม่น้อย
หากแต่หลังจากตรวจร่างกายเสร็จ ทั้งสองนั่งอยู่ในห้องตรวจและเห็นคิ้วขมวดมุ่นของคุณหมอ “พวกคุณไม่ได้คุมกำเนิดและตั้งท้องตามธรรมชาติใช่ไหมคะ”
“ครับ” กู้ชิงหลีตอบ “มีปัญหาอะไรเหรอครับ คุณหมอ”
“เรามักจะแนะนำให้คู่รักหนุ่มสาวมาตรวจร่างกายก่อนจะมีลูกน่ะค่ะ อย่างนั้นเราถึงจะรับประกันสุขภาพของเด็กได้ ด้วยการตรวจว่าพ่อแม่มีปัญหาสุขภาพที่น่าเป็นห่วงบ้างหรือเปล่า”
“แต่เราทั้งสองคนแข็งแรงดีนะครับ”
“คุณสันนิษฐานเองอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะคะ อย่างที่เราเพิ่งจะไม่ได้แค่พบตัวอ่อนในผลอัลตราซาวนด์ของภรรยาคุณ แต่กลับเจอเนื้องอกในมดลูกของเธอด้วยไงคะ” หมอสาวเอ่ยขณะชี้ไปที่ผลอัลตราซาวนด์
ทันทีที่พวกเขาได้ยินคำว่า เนื้องอก ทั้งโม่จื่อเหยียนและกู้ชิงหลีถึงกับชะงักงัน
“แต่ว่าฉันไม่เคยรู้สึกถึงอาการผิดปกติเลยนะคะ”
“โรคหลายอย่างก็แสดงอาการ แต่บางโรคก็ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ” หมออธิบาย “ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการรู้ถึงบริเวณที่เกิดเนื้องอกให้ชัดเจนเพราะมันอาจส่งผลกับตัวเด็กได้ค่ะ”
“ผมแค่อยากรู้ว่าร่างกายของภรรยาผมจะ…”
“คุณกู้คะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ปัจจุบัน การผ่าเนื้องอกออกไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แล้วมันก็ดูจะไม่ได้เป็นเนื้อร้าย คุณไม่ต้องห่วงมากนักหรอกนะคะ ตอนนี้เราแค่ต้องดูให้แน่ใจว่าเนื้องอกอยู่ที่ไหน และมีก้อนอื่นอยู่ที่ไหนอีกหรือเปล่า เราเลยต้องตรวจให้ละเอียดกว่านี้ค่ะ”
“แล้วลูกของเราล่ะคะ” โม่จื่อเหยียนอดกังวลเรื่องนี้ไม่ได้
“ถ้าเราพบว่าบริเวณที่เกิดเนื้องอกอาจทำให้แท้งหรือคลอดก่อนกำหนด คุณก็ต้องคิดเรื่องทำแท้งเพื่อจะได้รับการรักษาค่ะ พวกคุณทั้งสองคนยังอายุน้อย ต่อไปยังมีลูกได้อีกหลายคนค่ะ”
เมื่อได้ยินคำว่าทำแท้ง โม่จื่อเหยียนก็ส่ายหน้า “นี่เป็นลูกของฉัน ฉันไม่อยากยอมแพ้หรอกนะคะ”
“คุณนายกู้ คุณยังไม่ต้องตัดสินใจหรอกนะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ”
ทั้งคู่นึกไม่ถึงว่าการปล่อยไปตามธรรมชาติจะน่าหวั่นใจขนาดนี้
กู้ชิงหลีโอบเอวโม่จื่อเหยียนและกล่าวขอโทษ “ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง…ถ้าผมรอบคอบมากกว่านี้ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น”
“พี่สี่คะ ถ้าฉันยืนกรานว่าจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ คุณก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีแหละค่ะ ประเด็นก็คือสุดท้ายเป็นฉันเองที่คิดน้อยเกินไป”
“สถานการณ์มันยังไม่แย่ขนาดนั้นนะครับ โอเคไหม อย่าเพิ่งคิดมากและรักษาตัวก่อนนะ”
“แต่ว่า…”
“เชื่อผมนะ” กู้ชิงหลีเอ่ยอยางอ่อนโยน
จิตใจของเธอพร่าเลือน เธอไม่คาดคิดว่าตัวเองจะมีเนื้องอกในร่างกาย ที่แย่ที่สุดคือเธอไม่รู้จนกระทั่งพบว่าตัวเองมีลูก…
“ฉันกลัวค่ะ…”
“คุณไม่ต้องกลัวนะครับ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว” กู้ชิงหลีปลอบ “หลังจากตรวจร่างกายวันนี้ เรากลับบ้านกันก่อนนะครับ หลังจากที่หมอแจ้งผลค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไป”
โม่จื่อเหยียนมองหน้าเขาและสูดหายใจลึก ก่อนจะสงบใจลงได้ “ฉันจะทำตามที่คุณบอกค่ะ”
หากแต่การที่เหตุการณ์ชื่นมื่นพลันกลับกลายเป็นเรื่องเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา
แน่นอนว่ากู้ชิงหลีเป็นห่วงโม่จื่อเหยียนและสภาพร่างกายของเธอมากกว่า
ลูกนั้นสำคัญ ทว่าโม่จื่อเหยียนคนดีของเขาจะเป็นที่หนึ่งของเขาเสมอ
หลังจากกลับมาถึงบ้าน โม่จื่อเหยียนเดินกลับไปในห้องนอนและนอนลงบนเตียงโดยไม่พูดไม่จาใดๆ
เดิมทีกู้ชิงหลีอยากจะบอกให้ถังหนิงกับโม่ถิงรู้ แต่โม่จื่อเหยียนห้ามเขาไว้ “ก่อนที่จะรู้ผล อย่าเพิ่งบอกเลยค่ะ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง คอยดูว่าหมอว่ายังไงก่อนเถอะค่ะ”
“ยัยบื้อ พอเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นคุณก็ควรบอกครอบครัวคุณก่อนสิ คุณแม่คุณพ่อผ่านประสบการณ์ชีวิตมามาก พวกท่านไม่ตกใจง่ายๆ หรอกครับ ถ้าคุณเอาแต่ปิดบังพวกท่าน คุณจะมีแต่ดูงี่เง่านะครับ จะปิดบังเรื่องสำคัญขนาดนี้กับพวกท่านได้ยังไงกันล่ะครับ” กู้ชิงหลีอธิบายอย่างใจเย็น
เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้นเธอก็ไม่ดื้อแพ่งอีก ถึงอย่างไรกู้ชิงหลีก็อายุมากกว่าเธอ ซ้ำยังตัดสินใจได้รอบคอบและดี
หากกู้ชิงหลีรู้สึกว่ามันจำเป็นที่เธอต้องบอกครอบครัว เช่นนั้นเธอก็จะทำตามคำแนะนำของเขา
ท้ายที่สุดชายคนนี้ก็มักทำให้เธอสบายใจอยู่เสมอ เธอจึงไม่ได้ห้ามเขา
เขาลูบศีรษะเธอและต่อสายหาถังหนิง ก่อนเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลให้ฟัง ถังหนิงบอกกับกู้ชิงหลีทันทีเมื่อรู้ถึงเหตุการณ์ “ส่งตัวเธอเข้ารักษาที่โรงพยาบาลทหาร เรามีหมอในตระกูลหลายคนอยู่ที่นั่น ฉันมั่นใจว่าต้องมีคนสามารถรักษาอาการป่วยเล็กๆ ของเธอได้แน่”
นี่เป็นเหตุผลที่เขาต้องการบอกให้ถังหนิงทราบเรื่อง ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้มีเพียงเหยาอันฉีในตระกูล แต่ยังมีถังอี้เฉินกับลู่กวงหลีด้วย ทั้งสองมีฝีมือทางการแพทย์ขั้นสูง มีโรคอะไรที่พวกเขาไม่เคยเจอบ้าง
ถังหนิงจึงโทรหาถังอี้เฉินไม่นานหลังจากนั้น
เมื่อโม่จื่อเหยียนได้ยินคำตอบของถังหนิง เธอก็อดโทษตัวเองไม่ได้ “ฉันเกือบทำพลาดครั้งใหญ่ซะแล้วค่ะ…”
“การปิดบังเรื่องนี้กับครอบครัวนับเป็นเรื่องที่ต้องคิดมากไปได้ยังไงล่ะครับ ต่อให้มันจะทำให้ผมเครียด ผมก็อยากจะรู้ถึงอาการป่วยของคุณ เข้าใจไหมครับ” เขาบอก
เธอพยักหน้ารับ เธอจะไม่เข้าใจได้อย่างไรกัน
โม่จื่อเหยียนถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลของถังอี้เฉินในไม่ช้า ทันทีที่ถังหนิงเห็นกู้ชิงหลีเธอก็เอ่ยชมเขา “เธอรับมือเรื่องนี้ได้ดีนะ”
“แม่คะ หนูผิดไปแล้ว” โม่จื่อเหยียนยอมรับผิด
“ตอนนี้แม่จะไม่ลงโทษลูกหรอกนะ แต่จะตามคิดบัญชีหลังจากที่ลูกหายดี”
เธอเข้ารับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทันที แน่นอนว่าคุณป้าถังอี้เฉินของเธอตั้งใจตรวจหลานสาวของตัวเองเป็นพิเศษ เมื่อเห็นผลตรวจก็อธิบายกับถังหนิง
“ผลการวินิจฉัยจากโรงพยาบาลก่อนก็ถูก แต่พวกเขาช้าไปหน่อย มันเห็นชัดแล้วว่าเนื้องอกอยู่ด้านในผนังมดลูก แล้วมันส่งผลกับการตั้งท้องของจื่อเหยียน แต่เรายังยืนยันไม่ได้ว่ามันอันตรายหรือเปล่า”
“ฉันเชื่อใจเธอนะ บอกฉันมาว่าเราควรรักษายังไงบ้าง” ถังหนิงตอบ
“คอยเฝ้าสังเกตไปก่อนว่าเนื้องอกนั้นมันใหญ่ขึ้นหรือเปล่า จะได้ตัดความน่าจะเป็นที่มันจะเป็นเนื้อร้ายได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นการรักษาก็จะง่ายขึ้นมาก แต่ถ้ามันมีขนาดเปลี่ยนไป เราก็ต้องตัดมันออกมาตรวจดู”
“แล้วเด็กล่ะ…”
“ฉันรู้ว่าจื่อเหยียนชอบเด็กๆ มาก ฉันจะพยายามทุกทางเพื่อช่วยให้เธอเก็บลูกไว้ให้ได้ เธอไม่ต้องถามเรื่องนี้กับฉันเลย” ถังอี้เฉินระบายยิ้ม “ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้เจอหลานเขยฉันเลยนี่”
“ชิงหลี มาเจอป้าของเธอสิ” ถังหนิงบอกขณะหันไปมองชายด้านหลังตัวเอง