วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1272 ฉันไม่เคยเห็นคุณวิตกกังวลมาก่อนเลย
“แต่ว่าฉันต้องการลูกคนนี้นะคะ…ฉันต้องการเขาจริงๆ นะคะ” โม่จื่อเหยียนเอ่ยพลางสะอื้นไห้
กู้ชิงหลีเอื้อมแขนออกไปกอดเธอ ลูบหลังพลางกล่าวปลอบ “เชื่อการตัดสินใจของป้าคุณนะครับ”
โม่จื่อเหยียนร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งในอ้อมแขนเขาก่อนผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าในท้ายที่สุด
ในขณะที่กู้ชิงหลีเฝ้าเธออยู่ทั้งคืนอย่างไม่ละสายตาไปไหนแม้แต่น้อย
เพื่อทำให้โม่จื่อเหยียนสบายใจขึ้น เขาต่อสายหาเพื่อนของเธอและขอให้แวะมาเยี่ยมเธอ
เมื่อเธอได้เจอเพื่อนก็มีท่าทีสบายใจ แต่มันก็ทำให้เธอหนักใจด้วยเช่นกัน “พวกเธอถึงต้องดูแลร่างกายตัวเองให้ดีไง ไปตรวจร่างกายเป็นประจำจะได้ไม่เจออาการผิดปกติก่อนจะสายเกินไปอย่างฉัน”
“สาธุ…อาการเธอจะแย่ขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะ คิดถึงคุณป้ากับคุณลุงของเธอสิ ว่าพวกท่านเป็นคนระดับไหน อาการของเธอก็เป็นแค่เรื่องเด็กๆ สำหรับพวกเขาเท่านั้นแหละ เธอเป็นคนเดียวที่ทำใหญ่โตไปเอง ถ้าเธอเก็บลูกไว้ไม่ได้เธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เธอคงไม่อยากให้พ่อแม่กับอาจารย์กู้เป็นห่วงเธอใช่ไหมล่ะ เธอจะทำให้พวกเขารู้สึกอย่างนั้นได้ลงคอเหรอ”
หลังได้ยินคำตอบของเพื่อนๆ โม่จื่อเหยียนก็มองกู้ชิงหลีและส่ายหน้า “ฉันไม่มีทางอยากให้พวกเขารู้สึกอย่างนั้นเด็ดขาด”
“แล้วทำไมเธอยังเอาแต่ยึดติดกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ล่ะ”
“ถูกของเธอ” โม่จื่อเหยียนเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก เพื่อนของเธอจี้ปัญหาของเธอได้ถูกจุด หากเธอยังทับถมตัวเองและจมปลักกับเรื่องนี้ต่อไป พี่สี่ของเธอคงปวดใจไปอีกนาน มันเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้ต้องการอย่างแน่นอน
“เธอเป็นผู้หญิงโตเต็มตัวแล้วนะ เลิกทำตัวเป็นเด็กๆ ได้แล้ว โอเคไหม”
“เพียงเพราะเธอเป็นลูกสาวตระกูลโม่ เธอคิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
เพื่อนของเธอสาธยายปัญหาของโม่จื่อเหยียนออกมา หากแต่พวกเธอก็มีเจตนาดี
โม่จื่อเหยียนดูออกว่าครอบครัวตัวเองกำลังปกป้องเธออยู่ ทว่าเธอเองก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรย่อท้อเพราะเธอเป็นคนตระกูลโม่
เพื่อนของเธอทำสิ่งที่กู้ชิงหลีหวังไว้ได้อย่างดีและพาให้อารมณ์ของโม่จื่อเหยียนดีขึ้นทันตา เขามองภรรยาและยกยิ้มหลังจากพวกเธอจากไป “ดูเหมือนทั้งแม่คุณกับผมจะเทียบกับเพื่อนของคุณไม่ได้เลยนะครับ”
“คนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์มักจะมองไม่เห็นหนทางค่ะ ฉันเลยหลงทิศไปชั่ววูบ แต่ตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว ฉันจะทำตามที่ป้าบอกค่ะ”
กู้ชิงหลีรั้งเธอเข้ามาในอ้อมแขนและเอ่ยในขณะที่ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว “เด็กดี…”
ด้วยเธอมีสติดีแล้ว โม่จื่อเหยียนจึงให้ความร่วมมือขึ้นมาก ทว่าเพราะสองวันต่อมานั้นได้อัดแน่นไปด้วยการตรวจและทดสอบที่แตกต่างกันไปมากมาย ครั้งนี้ผลการตรวจจึงแม่นยำขึ้นมาก “มันเป็นเนื้อร้าย เราต้องทำการผ่าตัดให้เร็วที่สุด”
เมื่อทราบผลโม่จื่อเหยียนถึงกับถอนหายใจออกมา
กู้ชิงหลีกอดเธอและเอ่ยปลอบใจ “คุณจะไม่เป็นไร โอเคไหมครับ”
“ค่ะ ฉันรู้ ฉันแค่ทำใจไม่ได้น่ะค่ะ”
“ยิ่งเราผ่าตัดเร็วเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีกับตัวหลานมากขึ้น ป้าปรึกษาเรื่องนี้กับแม่หลานแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ หลานยังมีลูกได้อีกในอนาคต”
“หนูไม่เป็นไรค่ะป้า” โม่จื่อเหยียนพยักหน้าขณะย้ำให้ถังอี้เฉินสบายใจ
ระหว่างนั้นคนทั้งตระกูลโม่ไม่นิ่งนอนใจหลังจากรู้ถึงอาการสาหัสของโม่จื่อเหยียน และรีบมาที่โรงพยาบาล ในเวลาเดียวกันหลายคนที่ไห่รุ่ยก็ได้มาเยี่ยมเธอเช่นกัน
แน่นอนว่าสิ่งที่ตระกูลโม่กังวลมากที่สุดคือจะมีความเสี่ยงในการผ่าตัดของโม่จื่อเหยียนหรือไม่ เธอจะมีอาการเปลี่ยนไปหรือไม่ เธอจะฟื้นตัวหลังจากนั้นได้อย่างไร รวมถึงเธอจะมีลูกในอนาคตได้อีกหรือไม่
ถังอี้เฉินเอือมระอากับคำถามเหล่านี้ เธอจึงโยนหน้าที่ให้เหยาอันฉีเป็นคนอธิบาย
อัตราความสำเร็จในการผ่าตัดมีสูงมาก หากแต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าโม่จื่อเหยียนจะดูแลร่างกายตัวเองได้ดีแค่ไหนหลังจากนั้นด้วยเช่นกัน
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ลุงของหลานจะทำการผ่าตัดด้วยตัวเอง”
ในขณะที่มีหลายคนรายล้อมในวันนั้น โม่จื่อเหยียนควบคุมอารมณ์ตัวเองและไม่ได้มีท่าทีตื่นกลัวต่อหน้าพวกเขา ทว่าเธอกลับนั่งลงบนเตียงและเริ่มร้องไห้ออกมาหลังจากทุกคนออกไป
กู้ชิงหลีทำได้เพียงเข็นเธอไปที่สวน “ทำไมคุณยังไม่กังวลอยู่ล่ะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณผมก็จะดูแลคุณให้ดี คุณกังวลเพราะไม่เชื่อใจผมเหรอครับ”
โม่จื่อเหยียนส่ายหน้าพลางหันไปหาเขา “ฉันยังกลัวนิดหน่อยน่ะค่ะ อีกอย่างฉันก็รู้สึกผิดกับลูกในท้องด้วย”
“ผมได้ยินคนร่ำลือถึงฝีมือของคุณลุง เขาไม่เคยล้มเหลวในการช่วยชีวิตคนไข้ของเขาเลยสักครั้ง แล้วเมื่อก่อนเขาก็รักษาคนที่มีอาการเดียวกับคุณมามาก คุณไม่ต้องกลัวหรอกครับ…
…ส่วนเรื่องลูก เขาก็แค่มาหาเราเร็วเกินไปครับ เรากำลังส่งเขากลับไปเป็นการชั่วคราว และเราพาเขากลับมาได้หลังจากคุณหายดี”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่จื่อเหยียนอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ “คุณดูใจเย็นได้ตลอดเลยนะคะ ฉันไม่เคยเห็นคุณวิตกกังวลมาก่อนเลย”
“จริงๆ ผมก็กังวลแหละครับ” เขาตอบ “แต่ไม่ว่าผมจะกังวลแค่ไหน ผมก็ไม่มีทางแสดงออกให้คุณเห็นหรอกเพราะผมรู้ว่าคุณมีผมเป็นที่พึ่ง”
โม่จื่อเหยียนเอื้อมมือออกไปแตะใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเขา ช่วงนี้เขาทำงานหนักมากเหลือเกิน
เธอปวดใจจึงรู้ว่าต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อทำให้เขาสบายใจ….
การผ่าตัดจะเกิดขึ้นในอีกสองวัน นอกจากการทำแท้ง โม่จื่อเหยียนยังต้องผ่าเอาเนื้องอกออกด้วย
กู้ชิงหลีฟังคำแนะนำของถังอี้เฉินในระหว่างนี้ หากแต่เขาก็ได้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนเช่นกัน เขารู้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถรับประกันความปลอดภัยของภรรยาเขาได้ หากแต่ยาแผนปัจจุบันนั้นทั้งรุนแรงและเป็นอันตรายกับร่างกาย เธอจึงอาจต้องใช้ยาจีนเพื่อบรรเทาความอันตราย
มันเป็นสิ่งที่ถังอี้เฉินไม่ได้มีโอกาสได้แนะนำ
ทว่ากู้ชิงหลีนำหน้าไปหนึ่งก้าวและได้พบกับหมอ รวมถึงวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว
มันทำให้ถังอี้เฉินรู้สึกผิดไม่น้อย เมื่อก่อนเธอเข้าใจผิดกู้ชิงหลี และสบประมาทการให้ความสำคัญกับโม่จื่อเหยียนของเขา
กู้ชิงหลียังซื้อหนังสือทางการแพทย์มาศึกษาที่บ้าน เขาพร้อมจะเลิกเป็นอาจารย์แล้วมาดูแลร่างกายของโม่จื่อเหยียนได้ทุกเมื่อ
สำหรับโม่จื่อเหยียน เขายินดีเสียสละคำสั่งเสียสุดท้ายของพ่อตัวเอง
…
โม่จื่อเหยียนเฝ้ามองกู้ชิงหลีหัวหมุนอยู่ทุกวันเงียบๆ แต่เธอทำได้เพียงนั่งอยู่บนเตียง มันทำให้เธอรู้สึกแย่ไม่น้อย หากเธอไม่ได้เข้าไปหาเขาในวันที่เธอตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยและเปิดเผยความรู้สึกของเธอกับเขา กู้ชิงหลีอาจยังใช้ชีวิตสบายๆ อยู่ที่มหาวิทยาลัยและไม่เหนื่อยอย่างที่เป็นในตอนนี้
กู้ชิงหลีวิ่งวุ่นไปทั่วเพราะเธอ แล้วเธอกำลังทำอะไรอยู่กันล่ะ
ถังหนิงดูออกว่าลูกสาวคิดอะไรเพราะมันเป็นท่าทีเหมือนกับที่เธอเคยมีต่อโม่ถิง
“ชิงหลีดีกับลูกมากขนาดนี้ ลูกต้องรักเขาให้หมดทั้งใจนะ โอเคไหม”
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ชั่วชีวิตนี้หนูไม่มีวันทิ้งเขาไปเด็ดขาด” โม่จื่อเหยียนตอบอย่างหนักแน่น “หนูจะอยู่ข้างเขาอย่างที่แม่อยู่ข้างพ่อมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราจะรักกันสุดหัวใจเลยค่ะ”
เมื่อถังหนิงได้ยินเช่นนั้น เธอลูบแก้มลูกสาวอย่างภาคภูมิใจ “อย่ากลัวการผ่าตัดพรุ่งนี้เลยนะ เราทั้งหมดอยู่ข้างลูกนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูเชื่อใจคุณลุงแล้วก็เชื่อว่าหนูไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้นด้วยค่ะ”
“พูดไร้สาระอะไรของลูกกันเนี่ย”
ในขณะเดียวกัน กู้ชิงหลีคิดอย่างไรอยู่น่ะหรือ ทุกครั้งที่เขาสบตากับโม่จื่อเหยียน มันก็มักฉายแววเต็มไปด้วยความรักและเชื่อใจ
ราวกับเขากำลังบอกเธอว่าเขาไม่เคยมีวันไหนที่เขานึกเสียใจที่ได้อยู่กับเธอ และเขาไม่มีทางเป็นเช่นนั้น