วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1273 คุณรับได้ไหม
เช้าวันต่อมา โม่จื่อเหยียนตื่นขึ้นมาแต่เช้า กู้ชิงหลีช่วยเธอเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัด เขากุมมือเธอไว้ก่อนเอ่ย “ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”
ในขณะเดียวกันไม่เพียงแต่คนทั้งตระกูลจะมารวมตัวกันที่โรงพยาบาล ยังรวมถึงเพื่อนๆ ของเธอด้วย
ถังอี้เฉินเดินตามหลังลู่กวงหลีมา ในขณะที่เขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เห็นได้ชัดว่าหากไม่ใช่เพราะตระกูลโม่ เขาคงไม่มีทางยอมผ่าตัดอย่างนี้ให้ หากแต่มันก็เป็นเช่นนั้นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่เขากับถังอี้เฉินเป็นเหมือนกับหมอประจำตระกูลโม่ ทุกครั้งที่คนในตระกูลโม่เจ็บไข้ได้ป่วยพวกเขาก็มักมาหาถังอี้เฉิน และเธอก็จะลากเขามารักษาให้เสมอ
ทว่าอาการของโม่จื่อเหยียนในครั้งนี้อาจเป็นอาการที่สาหัสที่สุดที่เขาเคยรักษาให้กับตระกูลโม่
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วค่ะ หมอลู่” นางพยาบาลด้านในห้องผ่าตัดบอกลู่กวงหลี
“งั้นก็เข้าไปด้านในกันเถอะค่ะ” ถังอี้เฉินเอ่ยขณะเข็นเตียงของโม่จื่อเหยียนเข้าไป แต่ในจังหวะที่พวกเขาจะเข้าไปในห้องผ่าตัด ทั้งโม่จื่อเฉินกับโม่จื่อซีก็เข้ามาปลอบน้องสาว
“พี่สองคนจะรอเธออยู่ตรงนี้นะ อย่าเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในครอบครัวเราล่ะ”
โม่จื่อเหยียนหัวเราะออกมาและหันไปมองหน้ากู้ชิงหลี “พอได้ออกมาฉันอยากกินอาหารอร่อยๆ จังค่ะ”
“คุณอยากกินอะไรล่ะครับ ผมจะออกไปซื้อให้คุณเอง…”
“พี่สี่คะ…”
“คุณจะไม่เป็นไรครับ เชื่อผมนะ” กู้ชิงหลีกล่าวปลอบ “อย่ากลัวไปเลยครับ โอเคไหม”
“จื่อเหยียน ทุกคนรอเธออยู่นะ ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก” หนึ่งในเพื่อนของเธอบอกพร้อมรอยยิ้ม “ฉันรอเธอหายดีจะได้เอาบัตรคอนเสิร์ตมาให้ฉันได้อยู่ เธออย่ามากลับคำจะดีกว่านะ!”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก” โม่จื่อเหยียนหัวเราะ
“ดีมาก”
โม่จื่อเหยียนมองหน้าพี่ชายและเพื่อนๆ ของเธอ ก่อนเลื่อนสายตาไปทางถังหนิงกับโม่ถิง ในที่สุดเธอก็เบาใจเมื่อรู้ว่าทุกคนอยู่ที่นี่ ในขณะที่ถังอี้เฉินเข็นเธอเข้าไปในห้องผ่าตัด
ทุกคนต่างคาดการณ์ผลการผ่าตัดในครั้งนี้ไว้แล้ว เพียงแต่เสียดายที่สามารถเก็บเด็กไว้ได้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเรื่องราวในตระกูลโม่ราบรื่นมาเสมอ ถังหนิงจึงไม่อยากจะเชื่อว่าโม่จื่อเหยียนจะไม่สามารถรักษาลูกไว้ได้ในท้ายที่สุด
ทว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าชีวิตของลูกสาวเธอ
ถังหนิงมองกู้ชิงหลีเดินวนไปมาตามทางเดิน ก่อนเข้าไปตบบ่าเขา “เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เชื่อในฝีมือของคุณลุงสิ”
“ครับ คุณแม่”
ทุกคนรออยู่ด้านนอกตลอดสองชั่วโมงไปพร้อมกับโม่จื่อเหยียนที่อยู่ในห้องผ่าตัด แม้พวกเขาจะเชื่อในฝีมือของลู่กวงหลีก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้
ไม่นานไฟห้องผ่าตัดก็ดับลงพร้อมกับลู่กวงหลีที่ก้าวออกมา ท่าทีของเขายังคงเย็นชาอย่างที่เคย “เนื้องอกถูกผ่าออกไปแล้ว และการตั้งท้องก็สิ้นสุดลงแล้วเหมือนกัน เราต้องคอยดูอาการเธอไปอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้เพื่อดูว่าเธอจะมีลูกได้อีกหรือเปล่า เธอต้องเตรียมใจกับเรื่องที่อาจเกิดขึ้น”
“พี่เขย…ร่างกายของจื่อเหยียน…”
“มันก็ไม่น่ามีปัญหาหรอกนะ” เขาเอ่ยก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ถังอี้เฉินอธิบายในส่วนที่เหลือ
ความจริงทุกคนคิดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ น่าเสียดายสำหรับโม่จื่อเหยียน เธอชอบเด็กๆ มากแต่เธอกลับไม่สามารถมีลูกได้ในไประยะหนึ่ง และยังมีความเสี่ยงว่าจะไม่อาจมีลูกได้อีกต่อไป
“ชิงหลี เธอรับได้ไหม”
“แม่ครับ โม่จื่อเหยียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผม ผมจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เราบังคับมันไม่ได้หรอกครับ”
“ดีแล้ว” ในที่สุดถังหนิงก็เบาใจลงเมื่อได้ยินคำตอบจากกู้ชิงหลี
โม่จื่อเหยียนถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดในจังหวะต่อมา ถังอี้เฉินเดินตามหลังไป ก่อนบอกกับทุกคน “ไม่ต้องเป็นห่วง แค่เธอมาตรวจร่างกายเป็นประจำก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก อีกอย่างเธอยังอายุน้อยก็น่าจะฟื้นตัวได้ดี เธอคงไม่ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานนัก”
“ขอบคุณครับ คุณป้า” กู้ชิงหลีกล่าวขอบคุณพร้อมโค้งให้
“เธอเองก็เป็นหลานของฉัน ทำไมต้องมาขอบคุณล่ะ แค่ต้องดูแลจื่อเหยียนให้ดี ไม่ต้องมาขอบคุณหรอก ฉันไม่ได้เป็นห่วงสภาพร่างกายของเธอ แต่กังวลความรู้สึกของเธอมากกว่า ยังไงก็ปลอบเธอดีๆ แล้วกัน”
ถึงถังอี้เฉินจะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนก็ยังคงรู้เรื่องนี้ดี
หลังจากนั้นโม่จื่อเหยียนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เกือบเดือนก่อนจะออกมา
ส่วนเรื่องที่เธอไม่อาจตั้งท้องได้ช่วงหนึ่ง ไม่มีใครปิดบังเรื่องนี้กับเธอและเธอเองก็ดูไม่เดือดร้อนกับเรื่องนี้เช่นกัน
ทว่ากู้ชิงหลีรู้ว่าเธอเก็บงำความเศร้าไว้กับตัวเองมาตลอด เขาจึงลาออกจากการเป็นอาจารย์มาอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอ ระหว่างที่ทุ่มเทเวลาไปกับการศึกษาตำราแพทย์แผนจีน
ถึงอย่างไรเขาก็รู้ว่าโม่จื่อเหยียนต้องการเวลาฟื้นตัวอีกนาน
จนถึงขั้นที่โม่จื่อเหยียนเริ่มได้กลิ่นยาจีนอยู่บ่อยๆ พร้อมสารพัดขวดโหลเริ่มปรากฏอยู่ทั่วบ้าน โม่จื่อ
เหยียนไม่รู้ว่าจะมีท่าทีกับเรื่องนี้อย่างไร “พี่สี่คะ ไม่คิดว่ามันสายเกินไปที่คุณจะสนใจเรื่องยาจีนเหรอคะ”
“ตราบใดที่ผมมุ่งมั่น ไม่มีอะไรสายเกินไปหรอกครับ”
ผลจากยาจีนนั้นค่อนข้างน้อยและใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล โม่จื่อเหยียนจึงถูกขอให้ร่วมมือไปอีกนาน กู้ชิงหลีรู้เรื่องนี้ ซ้ำยังรู้อีกว่าหากเขาไม่อยู่กับเธอมันคงยากที่เธอจะตั้งใจแน่วแน่
สุดท้ายโม่จื่อเหยียนจึงยิ้มออกมาและปล่อยให้เขาทำตามใจ ถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่าเขาทำลงไปเพราะเป็นห่วงร่างกายของเธอ
มีหลายครั้งที่เธอบ่นว่ายาขม หากแต่เมื่อได้ยินเพียงบางคำจากกู้ชิงหลีเธอก็ยอมจำนนทันที “ผมไม่อยากให้คุณจากผมไปอย่างพ่อของคุณนะครับ ผมอยากให้คุณอยู่กับผมให้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้…”
เธอได้ฟังเขาว่าเช่นนั้นก็ยกมือก่อนเอ่ย “ก็ได้ค่ะ ฉันทนได้ ไม่ว่ามันจะขมแค่ไหนก็ตามค่ะ”
โม่จื่อเหยียนไม่เคยถามว่าเขาเลือกยาสมุนไพรด้วยตัวเองหรือไม่ หรือว่ามีแพทย์แผนจีนที่เชี่ยวชาญจัดให้
เธอทำเพียงดื่มมันเท่านั้น…
สามเดือนต่อมา โม่จื่อเหยียนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและพบว่าร่างกายของเธอฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี
ถังอี้เฉินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ป้าได้ยินมาว่ากู้ชิงหลีหาหมอแผนจีนที่เก่งที่สุดให้หลาน แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลขนาดนี้ ดูแลตัวเองอย่างนี้ต่อไปนะแล้วหลานอาจจะมีลูกได้อีกไม่ช้า”
“จริงเหรอคะ” โม่จื่อเหยียนถามอย่างแปลกใจ
“ผลที่ออกมาไม่ได้แย่เลย ทำแบบนี้ต่อไปนะ…”
ระหว่างนี้ไม่เพียงแต่กู้ชิงหลีจะให้เธอกินยา เขายังพาเธอท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ
ใจของทั้งคู่อยู่กับตระกูลโม่ หากแต่พวกเขาได้กลายเป็นคู่รักแสนอิสระไปเสียอย่างนั้น
ส่วนความรับผิดชอบอันหนักอึ้งที่ไห่รุ่ย โม่ถิงไม่มีทางเลือกนอกจากกลับมาดูแล อย่างไรเสียเขาก็ยังดูอยู่ในวัยสี่สิบต้นๆ จึงให้อิสระกับโม่จื่อเหยียนต่อไปอีกไม่กี่ปี
กู้ชิงหลีดูแลโม่จื่อเหยียนเป็นอย่างดีตลอดปีที่ผ่านมา ทำให้ร่างกายของเธอดีวันดีคืน
ทว่าเขาไม่ได้ต้องการมีลูก ไม่แม้กระทั่งหลังจากที่ผลตรวจครั้งล่าสุดของเธอระบุว่ามดลูกของเธอพร้อมกับการตั้งครรภ์อีกครั้งแล้ว
เขาไม่ได้อยากคุยเรื่องนี้กับเธอด้วยเพียงแค่ต้องการให้เธอมีความสุขอย่างที่เธอเป็นในตอนนี้
ไม่นานหลังจากนั้นข่าวที่โม่ถิงจะจัดงานแต่งงานให้ถังหนิงก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่วปักกิ่ง ด้วยเหตุนี้กู้ชิงหลีจึงถูกสั่งให้พาโม่จื่อเหยียนกลับบ้าน
เมื่อโม่จื่อเหยียนได้ยินข่าวนี้ก็ดีใจสุดขีด “พ่อแม่ของฉันแต่งงานกันมานานหลายปีแต่พวกกท่านก็ไม่เคยจัดงานฉลองเลยค่ะ ดีจังเลยที่ในที่สุดพ่อของฉันก็ชดเชยเรื่องน่าเสียดายระหว่างพ่อกับแม่ของฉันสักที”