วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 771 ไป๋อวี๋ถูกกำจัด!
ไป๋อวี๋คิดว่าจะมีใครสักคนออกมาปลอบโยนเธอสักประโยคสองประโยคก็ยังดี แต่ทั้งสี่คนที่เหลือต่างเห็นคิดแบบเดียวกัน เพราะพวกเขาทำเพียงแค่ปิดหูแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น พวกเขาทำเหมือนไป๋อวี๋เป็นคนเสียสติคนหนึ่งและไม่คิดจะให้ความสนใจอะไรผู้หญิงคนนี้
ดังนั้นการแสดงละครของไป๋อวี๋จึงสูญเปล่า แต่กระนั้นในเช้าวันต่อมา ไป๋อวี๋ตื่นแต่เข้าก่อนทุกคนเพื่อมาเตรียมอาหารเช้า
ถูกต้อง เธอใช้วัตถุดิบอันมีค่าของทุกคนมาเตรียมอาหารมื้อเช้าสุดหรูหราอย่างฟุ่มเฟือย
หลังหวงฝู่ซั่วได้เช่นนั้น ก็เพียงแต่ยิ้มอย่างหยามเหยียดและไม่พูดอะไร นักร้องอาวุโสตื่นขึ้นหลังจากนั้น สิ่งแรกที่เขาทำคือการพาสัตว์เลี้ยงที่เขาพามาด้วยออกไปเดินเล่นใกล้ๆ
หลังจากนั้นคู่รักหนุ่มสาวตื่นขึ้นและไปอาบน้ำล้างตัวอย่างเร็วๆ
ทันทีที่พวกเขาเห็นอาหารเช้าที่ไป๋อวี๋เตรียมไว้ พวกเขาก็เพียงแค่มองหน้ากันและกัน แม้ทุกคนจะไม่พูดอะไร ทุกคนต่างรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่…
“ทุกคนตื่นแล้วสินะคะ เยี่ยมเลย! ฉันเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว” ไป๋อวี๋กล่าวพลางส่งยิ้มให้ทุกคน “รีบมากินเถอะ หลังจากกินเสร็จแล้วเราจะได้เดินทางกันต่อ”
ไป๋อวี๋รอรับคำชมจากทุกคน แต่ไม่มีใครคิดจะทำเช่นนั้น หญิงสาวถึงกลับไปนั่งข้างไป๋อวี๋และเอ่ยถาม “เอาละเรามีอาหารเช้า ว่าแต่อาหารกลางวันล่ะ คุณใช้วัตถุดิของเราไปหมดแล้ว”
ไป๋อวี๋ตัวแข็งทื่อและชี้ไปที่ช่างกล้องคนหนึ่ง “ไม่ใช่ว่าจะมีคนมาเติมวัตถุดิบให้เราหรอกเหรอ”
“คุณไป๋ครับ ก่อนที่คุณจะมาออกรายการนี้ คุณได้อ่านกติกาดีหรือเปล่า ใครบอกคุณว่าคุณจะมีตัวช่วยจากโลกภายนอกในขณะที่คุณกำลังเอาตัวรอดในป่างั้นเหรอ”
ไป๋อวี๋พูดอะไรไม่ออกขณะที่ดวงตาของเธอเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ “ฉันเห็นทุกคนทุ่มเทกันมาก ฉันเลยพยายามให้รางวัลกับทุกคน ฉันถึงขนาดตื่นแต่เช้า…”
“งั้นคุณก็ทุ่มเทมากสินะ คุณอยู่กินอาหารเช้าไปแล้วกัน พวกเราจำเป็นต้องรีบมุ่งหน้าไปแล้ว ในเมื่อเท้าของคุณได้รับบาดเจ็บ คุณก็อยู่ในที่ปลอดภัยตรงนี้แล้วเราจะกลับมาหาคุณทีหลัง”
“เท้าของฉันหายดีแล้ว” ไป๋อวี๋รีบลุกขึ้นยืนหลังได้ยินว่าเพื่อนร่วมทีมต้องการจะทิ้งเธอไว้ข้างหลังอีกครั้ง จากนั้นเธอจึงเดินสองสามก้าวเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่เป็นไร
“แจ๋ว ในเมื่อเป็นแบบนั้น พวกเราก็รองท้องสักหน่อยแล้วรีบออกไปหาคำใบ้เพิ่มกันเถอะ” ชายหนุ่มทำราวกับไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นขณะย้ำเตือนให้ทุกคนไม่ลืมที่จะเติมพลังงานให้ร่างกาย
สุดท้ายไป๋อวี๋ก็ได้ในสิ่งที่เธอต้องการและได้รับอนุญาตให้เดินทางมุ่งหน้าไปพร้อมกับทีม แต่กระนั้นเธอก็ยังจำเป็นต้องแบกสัมภาระของตัวเอง
ในความเป็นจริงแล้วเมื่อไม่มีอาหารและเต็นท์ น้ำหนักที่ทุกคนต้องแบกก็ลดน้อยลงไปมาก แต่ไป๋อวี๋ยังคงเหนื่อยง่ายและจำเป็นต้องพักอยู่เป็นระยะ
คนอื่นๆ พากันออกไปหาคำใบ้ แต่ไป๋อวี๋กลับวิ่งวนไปมาราวกับไก่ไม่มีหัว ขณะที่เธอเดินตามหลังเพื่อนร่วมทีม เธอรู้สึกว่าการมีตัวตนของเธอหมดความจำเป็นไปอย่างง่ายดาย
“ในที่สุดเราก็เจอคำใบ้แรกแล้ว เรายังต้องหาอีกสาม ถ้าเราหามันไม่เจอก่อนมืด เราก็จะแพ้”
“แต่ฉันหิวแล้ว แล้วในกระเป๋าของพวกเราก็ไม่มีอาหารเหลือ ทุกอย่างถูกเอาไปทำเป็นอาหารเช้าหมดแล้ว” หญิงสาวกล่าวพลางชำเลืองตามองไปยังไป๋อวี๋
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ” ไป๋อวี๋รีบขอโทษทันที
“ช่างมันเถอะ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้เวลาที่ต้องพยายามเอาตัวรอดในป่า เราโทษไป๋อวี๋ไม่ได้หรอก เราต้องเดินหน้าต่อไป” ชายหนุ่มรีบออกมาแก้สถานการณ์อย่างรวดเร็ว
“แต่เราต้องปีนขึ้นไปบนภูเขาเพื่อหาคำใบ้…” พูดง่ายๆ คือหญิงสาวไม่ต้องการพาไป๋อวี๋ไปกับพวกเขาด้วย การพาผู้หญิงคนนี้ไปด้วยนั้นแย่ยิ่งกว่าการพานักร้องอาวุโสไปด้วยเสียอีก แม้นักร้องอาวุโสจะไม่ได้มีแรงเฉกเช่นคนหนุ่มสาว อย่างน้อยเขาก็ฉลาดและมีประโยชน์อยู่หลายครั้ง ในขณะที่ไป๋อวี๋เป็นเพียงแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น
“ฉันไปต่อได้…” ไป๋อวี๋รีบพูดขึ้น “ฉันจะไม่เป็นภาระของทุกคน”
หญิงสาวมองชายหนุ่ม ส่วนชายหนุ่มมองไกลออกไป
ขณะเดียวกัน หวงฝู่ซั่วเดินตามหลังนักร้องอาวุโสมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นทั้งสองจึงมุ่งหน้าต่อไปด้วยกันด้วยความเข้าใจกันเป็นอย่างดี
สุดท้ายหญิงสาวจึงทำได้เพียงกล่าวกับไป๋อวี๋ “รีบหน่อยก็แล้วกัน”
เส้นทางขึ้นไปยังภูเขานั้นยากลำบาก แต่เพราะต้องรอไป๋อวี๋ทำให้ความก้าวหน้าของทุกคนล่าช้าออกไป สุดท้ายหญิงสาวไม่อาจทำอีกต่อไปและบอกทุกคนว่าเธอจะเดินล่วงหน้าไปก่อน และเพื่อปกป้องคู่รักของเขา ชายหนุ่มจึงเดินเร่งความเร็วตามอีกฝ่ายไปด้วย
เมื่อสังเกตเห็นว่าคู่รักทั้งสองมุ่งมั่นกับชัยชนะเป็นอย่างมาก ไป๋อวี๋จึงเสนอขึ้น “พวกคุณวิ่งนำไปก่อนได้เลย ฉันจะดูแลทุกอย่างให้เอง พวกคุณจะได้ประหยัดเวลามากขึ้น”
หญิงสาวกลอกตา ไป๋อวี๋จะช่วยหยุดเล่นละครสักทีได้ไหม ในเวลาแบบนี้ยังจะอุตส่าห์สร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนมีน้ำใจอยู่อีก
ขณะนั้นเอง เฮลิคอปเตอร์ของรายการได้ลงจอดตรงหน้าของพวกเขา ในที่สุดก็ถึงเวลากำจัดสมาชิกออกหนึ่งคนเสียที หญิงสาวเฝ้ารอเวลานี้มาตลอด เธอต้องดวงซวยมากแน่ที่ต้องมาออกรายการนี้ร่วมกับไป๋อวี๋
ทีมงานส่งปากกากับกระดาษให้แขกรับเชิญแต่ละคนพร้อมอธิบาย “เขียนชื่อสิ่งของหรือบุคคลที่คุณอยากจะกำจัดออกไป ไม่เช่นนั้นถ้าคุณอยากจะเป็นทีมแบบนี้ต่อไป นี่คือเวลาที่คุณจะต้องตัดสินใจแล้ว”
ไป๋อวี๋มองหน้าทุกคน เธอเข้าใจดีว่ารายการเป็นอย่างไร ทีมจะต้องก้าวหน้าไปด้วยกันโดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ ดังนั้นเธอจึงสละสิทธิ์และไม่เขียนชื่อใครลงไปทั้งสิ้น
จากนั้นทีมงานได้รวบรวมกระดาษของแต่ละคนและประกาศ “ตอนนี้ถึงเวลาเปิดเผยผลการลงความเห็นแล้ว พวกคุณจะต้องเตรียมใจที่จะถูกกำจัดได้ทุกเมื่อ…”
ไป๋อวี๋ไม่รู้สึกกังวลเลยสักนิด แต่คนอื่นๆ ต่างรู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
หลังจากนั้น ทีมงานได้ลุ่มหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่งก่อนจะเปิดเผยผลที่เขียนอยู่ในนั้น
“กำจัดไป่อวี๋ หนึ่งเสียง”
ไป๋อวี๋อึ้งไปเล็กน้อยขณะที่เธอส่งยิ้มให้กับทุกคนอย่างกระอักกระอ่วนก่อนโบกปัดมือทั้งสองข้าง “ไม่เป็นไรๆ”
จากนั้น ทีมงานเปิดกระดาษใบที่สองและเผยรอยยิ้มที่มีความหมายแอบแฝง “กำจัดไป๋อวี๋ สองเสียง”
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพวกคุณจะไม่ชอบฉันขนาดนี้”
“กำจัดไป๋อวี๋ สามเสียง! ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องดูใบโหวตใบสุดท้ายแล้วนะครับ ไป๋อวี๋จะต้องถูกกำจัดเป็นที่แน่นอนแล้ว พวกคุณแน่ใจนะว่านี่คือสิ่งที่พวกคุณต้องการจะเห็น” ทีมงานเอ่ยถาม
ทุกคนมองหน้ากันและพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
ส่งผลให้ไป๋อวี๋ถูกกำจัดอย่างเป็นทางการ!
ไป๋อวี๋ไม่เคยคาดคิด หลังจากที่รายการนี้ฉายมาหลายปี เธอจะเป็นคนดังคนแรกที่ถูกโหวตให้ออกโดยเพื่อนร่วมทีมของตัวเอง ใช่แล้ว เธอถูกกำจัดทิ้ง พูดอีกอย่างคือทุกสิ่งหลังจากนี้ไม่เกี่ยวกับเธออีกต่อไป
“ฉันรู้ว่าฉันสร้างปัญหามากมาย ทำให้ทุกคนไม่ชอบฉัน แต่ฉันเลวร้ายมากอย่างที่สุดคนคิดจริงๆ เหรอคะ”
หญิงสาวไม่พูดอะไร ขณะที่หวงฝู่ซั่วย่อตัวลงไปเล่นกับสุนัขของนักร้องอาวุโส ส่วนนักร้องอาวุโสกำลังศึกษาคำใบ้ต่างๆ ในที่สุดชายหนุ่มก็พูดขึ้น “คุณเหมาะที่จะเป็นนักแสดง เหมาะกับแสงสีสิ่งเย้ายวนต่างๆ แต่คุณไม่เหมาะกับรายการเรียลลิตี้ เพราะตั้งแต่เริ่มรายการคุณแค่เอาแต่แสดงละครเท่านั้น”
“ไป๋อวี๋ เชิญขึ้นเฮลิคอปเตอร์ครับ”
“ไป๋อวี๋ คุณถูกกำจัดแล้ว”
ส่งผลให้ทุกคนที่ได้ดูรายการดังกล่าวถอนหายใจออกมา “ทำไมไป๋อวี๋ถึงได้ปลอมเปลือกขนาดนี้นะ”