วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 789 เป็นความผิดของผมเองที่ไม่จัดการการประชาสัมพันธ์ให้ดี
- Home
- วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
- ตอนที่ 789 เป็นความผิดของผมเองที่ไม่จัดการการประชาสัมพันธ์ให้ดี
‘เผย! ลูกของถังหนิงเข้าโรงพยาบาลถึงสามครั้งแต่ไม่ปรากฏตัวถังหนิงสักครั้ง!’
‘ลือสนั่น ถังหนิงไม่ได้รักลูกของเธอ ความสัมพันธ์กับโม่ถิงเป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์’
‘การคลุมถุงชนที่แนบเนียนที่สุด : ความสามารถในการแสดงของถังหนิงในคำโกหกของเธอ’
“จากข่าวล่าสุดของบันเทิงรายสัปดาห์ เผยว่าถังหนิงนั้นไม่ได้ได้รักลูกชายของตัวเอง ในขณะการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธอ มีการรายงานว่าลูกของเธอถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลถึงสามครั้ง ทว่าถังหนิงกลับไม่ปรากฏตัวแม้สักครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เป็นห่วงสุขภาพของลูกของเธอ ทั้งยังมีข่าวลือว่าที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโม่ถิงเป็นการแต่งงานคลุมถุงชนอีกด้วย
“หลังจากได้รับรายงานข่าว เราได้ส่งนักข่าวของเราไปสอบถามเรื่องนี้ที่โรงพยาบาลซึ่งลูกของถังหนิงรักษาตัวอยู่ ในที่สุดก็ได้รับการยืนยันจากบุคลากรทางการแพทย์ท่านหนึ่งว่าลูกชายของเธอล้มป่วยหลายครั้งจริง ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมากลับเห็นโม่ถิงเพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าข่าวลือเรื่องการแต่งงานคลุมถุงชนจะมีมูลเสียแล้ว
“นอกจากนี้เรายังได้สัมภาษณ์แพทย์ที่ทำการรักษาลูกของถังหนิงก่อนหน้านี้ รับชมข้อเท็จจริงจากวิดีโอต่อไปนี้ได้เลยครับ
“เป็นจรรยาบรรณของทางโรงพยาบาลที่ต้องรักษาข้อมูลส่วนตัวของคนไข้ ฉันจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วยของเด็ก แต่ระหว่างที่เด็กเข้ารับการรักษาหลายคร้ง ฉันมั่นใจว่าพบแค่พ่อและไม่เคยเห็นแม่ของเขาสักครั้งค่ะ” ถานซูหลิงเอ่ยด้วยท่าทีเรียบเฉยในขณะที่วิดีโอกำลังเล่น
“ไม่ว่าถังหนิงจะรักลูกของเธอหรือไม่ ฉันเกรงว่าคงมีแต่ตัวของเธอเองที่รู้เรื่องนี้ค่ะ”
หากเธอไม่ได้เอ่ยถึงข้อคิดเห็นใดๆ ในช่วงประโยคแรกๆ แน่นอนว่าเธอได้ทำมันในประโยคสุดท้าย
เห็นได้ชัดว่ามันมีความหมายแอบแฝง
จากคำพูดของเธอ ถานซูหลิงจงใจทำให้ผู้คนเข้าใจผิดในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ฉันคงไม่สะดวกในการพูดถึงเรื่องอื่นๆ ขอบคุณค่ะ”
หลังจากวิดีโอถูกปล่อยออกมา คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าถังหนิงไม่น่าจะทำแบบนั้นได้ มันดูไม่ใช่นิสัยของเธอ
อย่างไรก็ตาม หมอที่โรงพยาบาลก็ได้ออกมายืนยันด้วยตัวเองแล้ว ในขณะที่ลูกของเธอป่วยไม่เพียงแต่ถังหนิงจะไม่สนใจแล้วเธอยังไม่มาปรากฏตัวที่โรงพยาบาลแม้สักครั้ง ภาพลักษณ์ที่เธอสร้างมาก่อนหน้านี้เป็นเรื่องลวงโลกหรือ
แน่นอนว่าข่าวนี้จุดประกายความเกลียดชังของกลุ่มแฟนๆ ที่เป็นแม่คน ในหัวใจของพวกเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถังหนิงก็ได้ชื่อว่าเป็นแม่แล้ว พวกเขารับไม่ได้ที่เธอไม่ใส่ใจดูแลลูกของตัวเอง อย่างน้อยเธอควรมาเยี่ยมสักครั้งระหว่างที่เขาป่วยสิ ใช่ไหม
ทว่าเธอกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น
[เธอสมควรถูกวิจารณ์เสียบ้าง ก่อนหน้านี้ไม่นานตอนที่ลูกของเธอป่วยหนัก เธอยืนกรานจะส่งตัวเขาไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่นเพียงเพราะหมอถาน ผู้ชำนาญการด้านกุมารเวชศาสตร์ของเราไปวิพากษ์วิจารณ์เธอ สุดท้ายเธอก็ทำเฉยกับสุขภาพของลูกตัวเองและย้ายเขาไปรักษาที่อื่น]
[ถึงคำพูดของหมอถานจะรุนแรงไปบ้างแต่นั่นก็เพื่อตัวเด็กเองนะ เธอก็แค่ไม่ชอบพ่อแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบ ถ้าพวกเขาไม่อยากดูแลก็ไม่ควรให้เขาเกิดมาตั้งแต่แรกสิ]
[ดาราสมัยนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้วพวกเขายอมแลกทุกอย่างนั่นแหละ]
ในท้ายที่สุดสาธารณชนต่างมีความเห็นแย่ๆ เกี่ยวกับถังหนิง
เห็นดังนั้นโม่ถิงตบะแตกด้วยความโกรธเป็นครั้งแรกภายในห้องทำงานของเขา เขาไม่เคยสนใจเรื่องเกี่ยวกับการแพทย์ ใครเล่าจะไปคิดว่าเรื่องในวงการนี้จะวุ่นวายซับซ้อนและยากที่จะแยกแยะถูกผิดแบบนี้
ถังหนิงที่มองอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ก็เข้าใจได้ว่าเขาคงโกรธ เธอจึงกุมมือเบาๆ เพื่อปลอบเขา
“เป็นความผิดของผมเองที่จัดการการประชาสัมพันธ์ได้ไม่ดีและไม่ได้ปกป้องชื่อเสียงของคุณ ที่สำคัญคือผมควรบอกคุณเรื่องอาการป่วยของลูกชายของเราให้เร็วกว่านี้”
“ชีวิตนี้ฉันผ่านเรื่องราวร้ายๆ มากี่ครั้งแล้วคะ คุณคิดว่าฉันจะหวั่นกับคำว่าร้ายเล็กๆ พวกนี้หรือ” ถัง
หนิงส่ายหน้าด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
โม่ถิงวางมือของเขาบนศีรษะเธอก่อนดึงลงมาซบลงบนไหล่ของตัวเอง
“ไม่ต้องห่วง ผมจะทวงความยุติธรรมให้คุณเอง”
ตอนนี้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทำงานอย่างยากลำบาก แพทย์เป็นคนกลุ่มพิเศษและคำพูดที่ออกมาจากปากของพวกเขาล้วนน่าเชื่อถือ ด้วยภาระความรับผิดชอบในการช่วยรักษาชีวิตคนของพวกเขาและการกล่าวถึงสิ่งที่เห็นออกมาตรงๆ นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่มีความเกี่ยวข้องที่จะโจมตีถังหนิงจึงไร้ซึ่งเหตุจูงใจที่จะทำให้เธอเสียชื่อ
ประกอบกับสภาพสังคมสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความกดดันและการที่ผู้คนส่วนใหญ่มีความกังวลใจมากขึ้น จึงเข้าใจได้ว่าพวกเขาจะคาดเดาในแง่ลบไปต่างๆ นานาโดยปริยาย
ไม่นานโม่ถิงก็ได้รับสายจากผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่อง ‘ผู้รอดชีพ’ “ประธานโม่ครับ ตอนนี้สถานการณ์ของถังหนิงยากที่จะรับมือแล้ว ช่วยรีบแก้ไขก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินการถ่ายทำของหนังด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ” โม่ถิงตอบกลับเพียงสั้นๆ
ในขณะเดียวกันถังหนิงยังคงใจเย็นอย่างเคย นอกจากโทรหาถังอี้เฉินเพื่อถามอาการของกั่วกั่วเป็นครั้งคราวแล้วเธอก็ไม่ได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นมาใส่ใจ หลังจากโดนโจมตีชื่อเสียงมาหลายครั้งเธอเองชินชากับมันเสียแล้ว
ทว่าโม่ถิงรู้ว่าหากไห่รุ่ยออกมาแถลงตอนนี้คงเหมือนเป็นการออกมาแก้ต่าง เขาจึงนึกถึงถังอี้เฉินแทน
หลังจากเห็นข่าวถังอี้เฉินสบถคำหยาบคายใส่ถานซูหลิง แม้หากโม่ถิงจะไม่ได้ขอแต่เธอก็จะยืนยันความบริสุทธิ์ให้ถังหนิงอย่างแน่นอน “ตอนนี้กั่วกั่วได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารด้วยอาการภูมิต่ำซึ่งทำให้เขาเป็นไข้ อาการของเขาไม่ได้รุนแรงอย่างที่ร่ำลือกันและไม่ได้ถึงแก่ความเป็นความตาย” ถังอี้เฉินปล่อยสำเนารายงานการรักษาของกั่วกั่วออกมา
“นอกจากนี้ฉันยังอยากจะชี้แจงเหตุผลที่ถังหนิงตัดสินใจย้ายลูกชายของเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น แรกเริ่มกั่วกั่วมีไข้และติดเชื้อที่ปอดเล็กน้อยถังหนิงจึงขอความช่วยเหลือจากหมอถานซึ่งเป็นหมอเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม เพราะอารมณ์ส่วนตัวของเธอหมอคนนี้ได้ทำตัวสั่งสอนถังหนิง เดิมทีเธอไม่ได้ตอบโต้แต่อีกฝ่ายกลับประพฤติผิดจรรยาบรรณและพูดออกมาในท้ายที่สุดว่าเธอจะไม่รักษาเด็กเพราะว่ามีแม่อย่างถังหนิง เธอไม่มีทางเลือกนอกจากหาหมอที่เชี่ยวชาญคนอื่นจึงได้ติดต่อฉันมา เธอทำผิดอะไรหรือคะ
“ในฐานะหมอที่ต้องการให้พ่อแม่ดูแลลูกของพวกเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอไม่คิดเลยหรือว่าเธอจะต้องรับผิดชอบกับคำพูดเหล่านี้บ้าง สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ จะมีสักกี่คนที่สามารถตามดูแลลูกได้ตลอดทั้งวันยี่สิบสี่ชั่วโมงมันไม่เหนื่อยเกินไปหน่อยหรือคะ…
“จากสิ่งที่ฉันพูดวันนี้แล้วพวกคุณมีสิทธิ์ที่จะเชื่อได้ตามต้องการ แต่คนที่เผยแพร่ข่าวลือเรื่องที่หลานของฉันป่วยหนักควรหยุดและรอรับผลของการกระทำของพวกเขานะคะ”
…
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามความจริงได้ปรากฏแล้วว่าอาการป่วยของกั่วกั่วไม่ได้รุนแรงนัก
ด้วยคำคำพูดของถังอี้เฉิน พวกเขาได้เตือนพ่อแม่ทุกคนในประเทศนี้ว่าไม่ใช่หมอทุกคนที่จะมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะพ่อแม่ที่เคยโดนถานซูหลิงประพฤติหยาบคายใส่ซึ่งรู้เรื่องนี้ดี
[ฉันไม่เคยคิดว่าหมอคนนี้จะยังอยู่ แม้ว่าฝีมือของเธอในการรักษาจะไม่แย่นักแต่เธอต้องมีอาการผิดปกติแน่ๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่แม่ของฉันพาลูกของฉันไปตรวจกับเธอก็บอกให้อยู่ดูเขาทั้งคืนโดยที่ห้ามหลับ แม้ว่าแม่ของฉันจะแก่แล้ว เธอก็ยังบอกว่าเธอจะไม่ปล่อยให้เด็กรู้สึกว่าไม่มีใครสนใจ เธอป่วยทางจิตไปหรือเปล่า]
[หมอคนนี้รับมือยากมาก ฉันว่าถังหนิงต้องถูกใส่ร้ายแน่ๆ]