วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 844 ฉันเห็นถังหนิงท่ามกลางผู้ชมใช่ไหม
“แน่นอนอยู่แล้ว” นี่คือคำพูดสุดท้ายของถังหนิงหลังจากได้พบลัวเซิงในคืนนั้น ก่อนที่จะถูกโม่ถิงบังคับลากตัวกลับมาที่ไฮแอทรีเจนซี่
วันพรุ่งนี้เป็นวันเข้าประกวดของซิงหลาน และเป็นวันที่ถังหนิง นายใหญ่ของจู้ซิงมีเดียวางแผนที่จะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่
ตั้งแต่รอบหนึ่งร้อยคนสุดท้าย กฎการแข่งขันก็เปลี่ยนไปรวมถึงการเปิดตัวชุดเครื่องแบบด้วย
ในรอบนี้ผู้เข้าแข่งขันจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มละห้าคน นับจากนี้ไปพวกเขาจะถูกจัดอันดับจากสูงสุดไปต่ำสุด และจะมีเพียงผู้ที่ติดสามอันดับแรกเท่านั้นที่จะผ่านเข้าไปในรอบถัดไป ผู้เข้าแข่งขันอีกสองคนจะถูกคัดออกหรือพิจารณาในภายหลัง
สี่อันดับสุดท้ายมีไว้ในกรณีที่ได้อันดับเสมอกันหรือหากคณะกรรมการเห็นตรงกันว่ามีคนที่มีความสามารถเกินกว่าจะตกรอบ จากนั้นไม่นานจะมีการคัดออกรอบสองเกิดขึ้น
ผู้เข้าแข่งขันในปีนี้มีความสามารถสูสีกัน ไม่มีใครโดดเด่นออกมานอกจากซิงหลาน
ดังนั้นทุกคนจึงมองซิงหลานเป็นศัตรู โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับเธอ
เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอไม่จำเป็นต้องมาอยู่ตรงนี้…
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงยังยืนกรานจะเข้าร่วมการประกวดนี้นะ แต่ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงจะอยากชนะด้วยความใสสะอาดเหมือนกัน
“แม้ว่าทุกเอเจนซี่จะบอกว่าเธอมีศักยภาพและสามารถขึ้นมาโด่งดังได้ แต่เธอก็ไม่เคยชนะมาก่อน ถ้าวันหนึ่งเธอกลายเป็นแค่อดีต นี่อาจถูกใช้เป็นเรื่องที่ใช้กำจัดเธอก็ได้” เด็กสาวในกลุ่มเดียวกับซิงหลานเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
ซิงหลานอึ้งไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่เข้าใจตัวเองอยู่ด้วย
เมื่อมองไปที่เด็กสาวคนนั้นอีกครั้ง ซิงหลานก็สังเกตเห็นว่าเธอทั้งตัวเล็กและมีแววตาเป็นมิตร จากประสบการณ์ในฐานะครูของเธอ ซิงหลานดูออกว่าเด็กคนนี้ไม่น่าเป็นคนไม่ดี
“ไง ฉันจะเฝ้ารอการแสดงของเธอนะ” ซิงหลานยิ้มตอบกลับไป
แต่ทว่าเธอกลับถูกคนอื่นหัวเราะเยาะใส่
“ฉันคิดว่าเธอจะฉลาดเสียอีก ดูไม่ออกเลยเหรอว่าเธอประจบอยู่น่ะ”
“จะว่าไปก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้นนี่ ไม่ว่ายังไงเอเจนซี่ของเธอก็เป็นแค่เอเจนซี่เล็กๆ อยู่แล้ว…”
“จริงๆ แล้ว…”
เอเจนซี่เล็กๆ อย่างนั้นเหรอ!
ซิงหลานหัวเราะกับตัวเอง หากคนพวกนี้รู้ว่าใครเป็นเจ้านายของ เอเจนซี่เล็กๆ นี้ พวกเขาคงจะเสียสติแน่ๆ
“ฉันได้ยินมาว่าคืนนี้จะมีแขกพิเศษมาเป็นผู้ชมล่ะ”
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเป็นใคร”
“ไม่แน่ใจ ฉันแค่ได้ยินผู้กำกับพูดตอนที่เดินผ่านห้องพักของเขาน่ะ”
“ต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตขนาดไหน ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราหรอก”
หลังซิงหลานได้ยินที่ทุกคนพูดกัน ท่าทีของเธอยังคงนิ่งเฉยและดูไม่ได้สนใจอะไร อย่างไรถังหนิงก็ไม่ได้บอกใครว่าเธอจะเข้าร่วมงานในคืนนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะคิดว่านายใหญ่ของเอเจนซี่ทำเพลงสักแห่งจะมาที่นี่เพื่อตามหาศิลปินหน้าใหม่ พวกเขาไม่รู้ว่าการปรากฏตัวของถังหนิงจะเป็นเหตุให้เกิดเรื่องใหญ่
ทำไมกันล่ะ
เพราะว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ในทุกที่ที่เธอไปน่ะสิ
ในเวลาเดียวกัน คืนนี้เป็นคืนที่การแข่งขันที่แท้จริงจะเกิดขึ้น ในที่สุดทุกคนก็จะได้เริ่มเผยจุดแข็งของตัวเอง กลายเป็นว่าซิงหลานไม่ใช่คนเดียวที่ซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ โชคดีที่เธอฟังคำของถังหนิงและไม่เปิดเผยตัวตนออกไป ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกฝังอยู่ใต้ความตกตะลึงวันนี้แน่
อีกไม่นานการแข่งขันก็กำลังจะเริ่มขึ้น
ทว่าคนในวงการกลับต้องตื่นตะลึง ด้วยก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น ทั้งคณะกรรมการและแขกรับเชิญกำลังส่งข่าวผ่านโทรศัพท์ต่อๆ กันไป
“ทายซิว่าฉันเจอใคร”
“นี่ฉันเห็นถังหนิงท่ามกลางผู้ชมใช่ไหมเนี่ย”
“ทำไมถังหนิงถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
“นี่ฉันตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย”
ในตอนนี้เอง หลงเจี่ยกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเองที่จู้ซิงมีเดีย ทันทีที่เห็นช่องความคิดเห็นของการถ่ายทอดการประกวดเต็มไปด้วยเรื่องของถังหนิง เธอก็เริ่มหัวเราะออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว หนิงของฉันยังไม่เปลี่ยนไปเลย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ปรากฏตัวมานาน แต่เหตุโกลาหลที่เธอสร้างขึ้นก็ไม่สามารถประเมินต่ำไปได้เลย…
“ถึงเวลาที่เราจะได้ประกาศศักดาแล้วสินะ” พูดจบหลงเจี่ยก็กดปุ่มเอนเตอร์บนแป้นลงไปอย่างแน่วแน่ และปล่อยข่าวเรื่องการก่อตั้งจู้ซิงมีเดีย
“โอ้ พระเจ้า…”
“พวกเธอเห็นข่าวหรือยัง”
“พระเจ้าช่วย!”
“ถังหนิงเป็นคนก่อตั้งจู้ซิงมีเดีย!”
ทันใดนั้นเอง ข่าวเรื่องการประกวดและถังหนิงก็ปะทุขึ้นในแวดวงบันเทิง
ที่ถังหนิงเก็บตัวเงียบมาตลอดไม่ใช่เป็นเพราะเธอลาวงการไป แต่กลับเป็นเพราะตัดสินใจก่อตั้งเอเจนซี่เป็นของตัวเอง อันที่จริงตอนนี้เธอมีศิลปินในสังกัดที่ดูแลอยู่ถึง 2 คนแล้ว ลัวเซิงและซิงหลานนั้นเอง
ถังหนิงกลายมาเป็นนายใหญ่หรือ
[มิน่าล่ะ เรื่องของซิงหลานถึงถูกจัดการอย่างราบรื่น มาตอนนี้มันก็ดูเป็นไปได้อยู่พอรู้ว่าถังหนิงเป็นเจ้าของจู้ซิงมีเดีย เธอเก่งเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว]
[โห ถังหนิงทำอะไรไม่ได้บ้างเนี่ย เธอผันตัวจากนางแบบมาเป็นนักแสดงแล้วก็กลายมาเป็นผู้จัดการอีก เป้าหมายในชีวิตของเธอคืออะไรกันแน่นะ]
[ทุกคนลืมว่าเธอเป็นต้นเหตุของการฆ่าตัวตายของสวี่ซินแล้วเหรอ]
[สวี่ซินฆ่าตัวตายเองต่างหาก เกี่ยวอะไรกับถังหนิงด้วย เรื่องผ่านมานานขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกเหรอ]
มีทั้งความคิดเห็นที่ดีและแย่ในวงการนี้ หากแต่ไม่ว่าพวกเขาจะสนับสนุนหรือต่อต้านถังหนิง สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือความน่าประทับใจของถังหนิงที่ไม่เคยจางหายไปไหน มันแค่ถูกซ่อนเอาไว้ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง
ผู้คนบนโลกออนไลน์ต่างถกเถียงกันอย่างดุเดือดเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นใครที่ยืนหยัดได้ยาวนานอย่างถังหนิง
ดูแทบจะเหมือนว่าเธอจะไม่เคยแพ้ใครเลย
“เธอยังปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำแล้วยังจะมาช่วยคนอื่นอีก ฉันว่าเธอไปได้ไม่ไกลหรอก”
“อย่าลืมสิ ทั้งลัวเซิงและซิงหลานต่างเคยเป็นคนที่ไม่มีใครเห็นค่า ถังหนิงเป็นคนที่ช่วยให้พวกเขามาถึงทุกวันนี้ได้นะ”
“เห็นได้ชัดว่าถังหนิงช่วยแค่คนที่มีความสามารถแต่เคยถูกมองข้ามไป ถ้าเราดูลัวเซิงและซิงหลานดีๆ ก็จะรู้ว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง เธอจะช่วยแค่คนที่เธอเห็นศักยภาพเท่านั้น”
“ทำไมอยู่ๆ ฉันถึงรู้สึกอยากไปอยู่เอเจนซี่ของเธอกันนะ”
ในขณะที่การประกวดดำเนินต่อไป ข่าวที่ถังหนิงก่อตั้งจู้ซิงมีเดียก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่วปักกิ่ง เธอไม่ได้เป็นนางแบบหรือนักแสดงอีกต่อไปแล้ว เธอปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะนายใหญ่ และดูเหมือนเรื่องของสวี่ซินจะทำอะไรเธอไม่ได้อีก
เป็นเพราะว่าไม่มีใครจะเทียบเทียมเธอได้
ด้วยแรงสนับสนุนของถังหนิง ซิงหลานผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างง่ายดายด้วยเพลง ดอกไม้ไฟ
ทุกคนต่างจ้องมองมาในขณะที่ถังหนิงยกนิ้วชื่นชมให้ซิงหลาน ในช่วงเวลานี้ถังหนิงทำให้เธอได้สัมผัสกับความรู้สึกที่สุดแสนจะยินดี เธอไม่เคยมั่นใจบนเวทีขนาดนี้มาก่อน
ผู้เข้าแข่งขันหลายคนได้แสดงออกถึงความชื่นชม ทว่าบางคนกลับมาพร้อมกับความริษยา และบางคนถึงกับต้องการเซ็นสัญญากับถังหนิง
หากแต่ถังหนิงไม่ได้สนใจแค่ใครก็ได้ เมื่อเป็นเรื่องของจู้ซิงมีเดียแล้วถังหนิงนั้นทั้งเด็ดขาดและทรงพลัง
ครั้งนี้เธอไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนโยนหรือยิ้มเงียบๆ ต่อหน้าสาธารณชนอย่างที่เคยเป็นแล้ว การกลับมาครั้งนี้ของเธอเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง
อย่างน้อยเมื่อถึงคราวที่เธอต้องปกป้องศิลปินของตัวเอง ถังหนิงจะไม่ยอมละเว้นให้ศัตรูหน้าไหนเหมือนอย่างที่เธอทำในยามที่เธอตกเป็นเหยื่อ หากใครเห็นชะตากรรมของหลี่ชั่น พวกเขาก็จะรู้ว่าถังหนิงได้เล่นงานพวกเขาจนถึงที่สุด
…
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนในวงการอีกมากที่ไม่ได้มองเธอด้วยความชื่นชม