วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 926 เธออาจเป็นลูกสาวตระกูลมั่งคั่งก็ได้
สิ่งเดียวที่ยังอยู่คือความเกลียดชังต่อโจวชิงของซย่าหันโม่ที่ไม่จางหายไปไหน
ว่ากันตามจริงประธานหลิวดีกับเธอไม่น้อย แทบจะเหมือนกับว่าเขากำลังพยายามชดเชยกับการกระทำที่ดูถูกเหยียดหยามเธอของตัวเองในคืนนั้น ทว่าต่อให้เธอต้องการลืมเรื่องคืนนั้น หากแต่บางสิ่งนั้นยากจะลืมเลือนไปง่ายๆ
นอกจากการทำงานแล้ว ซย่าหันโม่ผ่านไปทางจู้ซิงมีเดียอยู่บ่อยๆ เธอรู้ว่าหลินเฉี่ยนไม่มีทางให้อภัยเธอ แต่การได้เห็นเธอก็เพียงพอที่จะลบล้างความไม่สบายใจของตัวเองได้บ้างแล้ว
ช่วงระหว่างนั้นเธอเห็นหลี่จิ่นมาส่งหลินเฉี่ยนที่ทำงานบ่อยขึ้นมาก หมายความว่าหลินเฉี่ยนกำลังจะแต่งงานแล้วหรือ
ซย่าหันโม่เดาถูก เพราะในวันนั้นเมื่อหลินเฉี่ยนมาถึงบริษัท เธอบอกข่าวดีกับถังหนิงและหลงเจี่ยให้รู้ทันที
เมื่อหลงเจี่ยได้ยินดังนั้น รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “นานแล้วนะเนี่ยที่จู้ซิงมีเดียไม่ได้มีเรื่องน่าเฉลิมฉลอง แล้วจะรออะไรอยู่กันล่ะ”
“ตัดสินใจได้แล้วเหรอ” ถังหนิงยินดีกับหลินเฉี่ยน ในที่สุดเธอก็ได้พบกับผู้ชายที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีและยอมทำเพื่อเธอทุกอย่าง
“ค่ะ” หลินเฉี่ยนพยักหน้า “ตระกูลหลี่เองก็ดีกับฉันมาก ฉันว่าการแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่นักหรอกค่ะ”
“เธอมีความสุขก็ดีแล้วล่ะ”
“ตระกูลหลี่ยอมให้เธอทำงานต่อไปเหรอ” หลงเจี่ยยังคงเอ่ยถามเธออย่างไม่แน่ใจ
“ค่ะ ฉันพูดเรื่องนี้กับพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่ได้ขัดข้องอะไรเลยค่ะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยก่อนตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง “แต่ล่าสุดฉันเองก็ตามสืบเรื่องอดีตของตัวเองเหมือนกันค่ะ”
“ฮ่าๆ ใครจะไปรู้ล่ะ เธออาจเป็นลูกสาวตระกูลมั่งคั่งจากไหนก็ได้นะ อย่าเป็นห่วงเรื่องนั้นมากนักเลยนะ”
หลงเจี่ยเป็นคนมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ถังหนิงกับหลินเฉี่ยนจึงหัวเราะออกมากับคำตอบของเธอ
“ประธานถังคะ คุณลัวมาถึงแล้วค่ะ” เลขาเอ่ยขึ้นพร้อมเสียงเคาะประตูห้องทำงาน ถังหนิงพยักหน้าก่อนบอกหลินเฉี่ยน “ไปกันเถอะ ศิลปินของเธอมาถึงแล้ว”
หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับและตามถังหนิงออกไปจากห้องทำงาน เมื่อมาถึงห้องประชุมและได้พบหน้าลัวอิงหง พวกเขาทักทายกันทันที
เป็นครั้งแรกที่หลินเฉี่ยนและหลงเจี่ยได้พบผู้หญิงคนนี้ต่อหน้า จากรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ เธอเป็นผู้หญิงท่าทางใจดีและอ่อนโยน ผมยาวเป็นลอนคลื่นพร้อมกับดวงตาคู่สวยราวกับนกฟีนิกซ์ น่าเสียดายที่มีรอยแผลเป็นบางๆ พาดเป็นทางยาวอยู่บนใบหน้าซีกซ้ายของเธอ
นี่คงเป็นรอยแผลเป็นที่เฝิงจิ้งทิ้งเอาไว้
“ถังหนิง คุณเองก็รู้สถานการณ์ของฉันแล้ว ตลอดหลายปีมานี้ฉันเลิกคิดจะสู้กับเธอไปแล้วนะคะ แต่ผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวจริงๆ คุณรู้ไหมว่าช่วงหลังมานี้เธอพยายามเข้ามาใกล้ชิดลูกชายของฉันด้วยค่ะ!
“ลูกชายของฉันอายุแค่ยี่สิบสอง เขายังเด็กอยู่เลย แต่เขากลับบอกฉันว่าเขาตกหลุมรักนักแสดงอายุสี่สิบ…
“ฉันจะยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไงกันคะ เฝิงจิ้งไม่คิดว่าการกระทำของเธอน่าขยะแขยงบ้างเลยเหรอ เธอแย่งทุกอย่างจากฉันไปแล้ว ยังจะมาพยายามขโมยลูกชายของฉันไปอีก!
“เธอแทบจะเอาชีวิตฉันมาล้อเล่นเป็นงานอดิเรกของตัวเองอยู่แล้ว ฉันจะทำยังไงดีละคะ…
“ตอนนี้ฉันไม่มีหนทางไปแล้ว ได้แต่กลับเข้าวงการบันเทิงและทวงคืนความรักในฐานะคนเป็นแม่ที่ลูกชายของฉันยกให้ผู้หญิงคนนั้นไป ฉันอยากจะปกป้องครอบครัวของฉันเลยมาหาคุณค่ะ”
เมื่อได้ยินเรื่องราวของลัวอิงหง ทุกคนต่างเงียบกริบ พวกเขานึกไม่ถึงว่าเรื่องจะซับซ้อนกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้เสียอีก
พ่อแม่ทุกคนในโลกสมควรได้รับความรักความเข้าใจ แต่ลูกชายของลัวอิงหงกลับไปเข้าข้างฝ่ายตรงข้าม…
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม่ลัวอิงหงถึงต้องการกลับมาแจ้งเกิดหลังจากห่างหายจากวงการไปนาน
“ฉันรู้ค่ะว่าตอนนี้โลกในเป็นของคนหนุ่มสาว แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คนอายุเท่าฉันจะกลับมาดังได้ แต่เพื่อลูกชายของฉันแล้ว ฉันยอมทำทุกอย่างค่ะ”
คำพูดอาจไม่เพียงพอที่จะอธิบายความอำมหิตของเฝิงจิ้งได้ด้วยซ้ำ
หากแต่เมื่อใครบางคนคิดที่จะขโมยชีวิตของอีกคน และตอนนี้ยังพยายามแย่งคนที่รักที่สุดของพวกเขาไปอีก คงคาดเดาได้ไม่ยากว่าเธอเป็นคนร้ายกาจเพียงใด
ถังหนิงนิ่งเงียบอยู่ชั่วขณะพลางมองสำรวจลัวอิงหงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“คุณยังมีทางออกนะคะ”
“หือ” ลัวอิงหงไม่อยากจะเชื่อ ถังหนิงบอกว่าเธอมีทางออกอย่างนั้นจริงๆ หรือ
“แต่ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คุณต้องลองทำสิ่งใหม่ๆ นะคะ มันคงจะไม่ง่ายนัก”
“ฉันมาถึงจุดนี้และผ่านทุกอย่างมาเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว ฉันพร้อมทุ่มสุดตัวค่ะ” ลัวอิงหงยิ้มอย่างขมขื่น “คุณวางแผนจะทำยังไงเหรอคะ ตราบใดที่คุณคิดว่าฉันยังมีโอกาส งั้นมาลงมือทำกันเถอะค่ะ ฉันยอมทุกอย่าง”
“ฉันเชื่อคุณค่ะ”
การพูดคุยกับลัวอิงหงพาให้ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจถังหนิง ที่แท้ยังมีคนอีกมากมายที่เป็นเหมือนเธอในอดีต ทำงานหนักเพื่อผลประโยชน์ของคนอื่น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะตอบโต้กลับเหมือนอย่างที่เธอทำ
ลัวอิงหงอดทนมากว่าสิบสองปี แต่เธอกลับไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอย่างที่ต้องการ จนกระทั่งตอนนี้ เธอก็ยังถูกเฝิงจิ้งกดขี่ข่มเหงอยู่
การพุ่งเป้าไปที่ลูกชายของเธอทำให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจแค่ไหน
“ฉันตาสว่างแล้วค่ะ มีผู้หญิงในโลกใบนี้ที่เข้าหาผู้ชายที่อ่อนกว่าเพื่อความพอใจของตัวเองจริงๆ ด้วยสินะ” หลงเจี่ยถอนหายใจ แน่นอนว่าเธอพูดเช่นนี้หลังจากที่ลัวอิงหงจากไป “เฝิงจิ้งต้องเกลียดพี่หงขนาดไหนถึงขั้นพุ่งเป้าไปที่ลูกชายของเธอกันนะ”
“มันอาจจะไม่เกี่ยวกับความเกลียดหรอก เธออาจแค่ทำไปเพื่อความพอใจของตัวเองก็ได้” ถังหนิงตอบ
“คุณวางแผนจะทำยังไงคะ”
ในที่สุดพวกเขาหารือเรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการกัน ถังหนิงมองหน้าหลินเฉี่ยนก่อนออกปากสั่ง “ไปตามหาครูสอนออกกำลังกายและครูฝึกส่วนตัว พี่หงจำเป็นต้องทำให้ลูกชายของเธอมองเธอซะใหม่ เธอต้องปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเธอด้วย…
“สถานการณ์ของเธอตอนนี้แย่กว่าพวกหน้าใหม่ เพราะทุกคนต่างรอที่จะทำกับเธอเหมือนเป็นตัวตลกอยู่”
“คุณคิดว่าเธอเป็นยังไงคะ” หลินเฉี่ยนถาม
“ฉันว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มุ่งมั่นและสง่างาม พร้อมที่จะเสียสละและพยายามทำทุกอย่างเพื่อลูกชายของตัวเอง” ถังหนิงอธิบาย “แน่นอน นี่เป็นสิ่งที่สื่อทำให้เกิดขึ้นได้ เธอต้องคอยดูจังหวะเวลาให้ดี ที่สำคัญที่สุด เฝิงจิ้งจะต้องก่อเรื่องและตอบโต้กลับแน่…
“ครั้งนี้เราจะไม่ให้ลัวอิงหงเป็นนักแสดงอีก มันไม่มีประโยชน์อะไร เฝิงจิ้งไม่สะทกสะท้านแน่ๆ เราต้องทำบางอย่างที่น่าทึ่งกว่านั้น!”
ในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ของลัวอิงหง หากแต่ยังเป็นโอกาสของจู้ซิงมีเดียที่จะก้าวหน้าไปอย่างยิ่งใหญ่ เพราะทุกคนต่างคิดว่าโอกาสที่ลัวอิงหงจะกลับมาได้นั้นไม่ง่ายดายนัก
ทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่พวกเขา!
ถังหนิงจะงัดไม้ไหนออกมาสู้อีกนะ
เฝิงจิ้งคิดว่าถังหนิงตั้งตัวเธอให้เป็นศัตรูกับลัวอิงหง ทว่าแต่ความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น ลัวอิงหงเกิดมาพร้อมกับประวัติไร้รอยด่างพร้อย และมีความสามารถมาตั้งแต่อายุน้อย ในขณะที่เฝิงจิ้งเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยที่ไม่ได้มีตัวตน ต่อให้เธอมีประสบการณ์โชกโชนในวงการเพียงไหน บางอย่างก็ไม่อาจเรียนรู้กันได้ในเวลาสั้นๆ แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ถังหนิงจึงต้องการให้ลัวอิงหงเล่นกับข้อได้เปรียบนี้…
ไม่ว่าตอนนี้เฝิงจิ้งจะได้รับการชื่นชมขนาดไหน เจ้าตัวก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวของเธอมาเสมอ นี่เป็นสิ่งที่ถังหนิงต้องการใช้เพื่อตอกกลับอีกฝ่าย