วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 935 ฉันจะรอคุณเสมอ
“ผมได้ยินแล้วครับ” เสียงโม่ถิงดังขึ้นด้านหลังหญิงสาวทั้งสองคน
ถังหนิงตกใจไปเล็กน้อยขณะที่หันไปและเห็นว่าโม่ถิงมองมาที่เธออย่างเป็นห่วง “ฉันแค่มีอาการเหมือนคนท้องทั่วไปนั่นแหละค่ะ”
“ไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะครับ”
ถังหนิงมองสามีตัวเองอย่างจนปัญญา แต่เธอไม่ได้ขัดความต้องการของเขา เธอรู้ว่าถ้าโม่ถิงไม่ได้ผลตรวจเขาคงไม่อาจเบาใจลงได้
ลัวอิงหงมองคู่รักตรงหน้า เมื่อครู่นี้ถังหนิงยังเป็นหญิงสาวที่เก่งกาจและเฉลียวฉลาดอยู่แท้ๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าโม่ถิงเธอพลันดูเปราะบางและต้องการการปกป้อง
“ถ้าอย่างนั้นเราขอตัวก่อนนะคะ พี่หง”
“ค่ะ รีบไปเลยนะคะ” ลัวอิงหงพยักหน้าก่อนกลับไปตั้งใจกับการฝึกของตัวเอง แม้ว่าถังหนิงจะได้ปูทางไว้แล้วเธอก็ไม่อาจผ่อนมือได้ เธอรู้ว่าหากเธออยากอยู่รอดในวงการนี้นานๆ เธอต้องแสดงสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจให้ทุกคนได้เห็น
ถังหนิงหงุดหงิดเล็กน้อย ดึกป่านนี้แล้วเธอยังต้องมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีก
ระหว่างนั้นเอง ทั้งคู่ได้เจอกับโจวชิงอย่างไม่คาดคิดแต่อีกฝ่ายไม่เห็นพวกเขา
“ดูจากที่เขางอไหล่ขนาดนั้น น่าจะบาดเจ็บไม่ใช่น้อยๆ นะคะ”
โม่ถิงไม่ได้ตอบพลางส่งสายตาบอกให้ถังหนิงมองไปตรงไปด้านหน้า เมื่อมองตามสายตาโม่ถิง ถังหนิงเห็นซย่าหันโม่ในชุดสูทสีดำเข้ารูปพร้อมเสื้อคลุมกำลังเดินเข้ามาทางพวกเขา
ถังหนิงคิดว่าซย่าหันโม่กับโจวชิงยังคงมีความสัมพันธ์กันอยู่ หากแต่ซย่าหันโม่มองถังหนิงก่อนเอ่ยทักทาย “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
เมื่อถังหนิงนึกย้อนกลับไป ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้วตั้งแต่ที่พวกเธอเจอกันครั้งสุดท้าย ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่นานไม่น้อย
“เธอ…กับโจวชิง…”
“เราไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้วค่ะ ฉันแค่ตามมาดูว่าเขาจะมีชีวิตรอดไปได้ถึงเมื่อไหร่แค่นั้น อย่างที่พวกคุณรู้นั่นแหละค่ะว่าลูกชายของผู้จัดการจ้างใครบางคนมาทำร้ายเขา ฉันว่านี่คงเป็นวิธีเดียวที่จะลบล้างความรู้สึกผิดในใจของฉันที่มีต่อหลินเฉี่ยนได้บ้าง” ซย่าหันโม่แจง “ฉันรู้มาว่าจู้ซิงมีเดียเพิ่งออกมาเคลื่อนไหวไม่นานมานี้ รวมถึงเรื่องของหลินเฉี่ยนด้วย ฉันหวังว่าเธอจะผ่านความยากลำบากไปได้นะคะ…
“ฉันรู้สึกเสียใจมากจริงๆ ค่ะ…”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังหนิงไม่ได้ใจอ่อนและให้อภัยซย่าหันโม่ในทันที อย่างไรเสียคนที่เธอติดค้างมากที่สุดก็คือหลินเฉี่ยน
“อย่างนั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้วนะคะ”
พูดจบซย่าหันโม่ก็หันหลังเดินจากไป เธอรู้ว่าต่อให้ถังหนิงเลิกเกลียดเธอ มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้อภัยเธอ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแอบช่วยหลินเฉี่ยนและจู้ซิงมีเดียทำเรื่องง่ายๆ เล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเท่านั้น
“ถ้าเธอฉลาดพอ เธอจะใช้อิทธิพลของประธานหลิวในการลุกขึ้นมาอีกครั้ง”
“ไปกันเถอะครับ” โม่ถิงไม่เคยมีสิ่งใดจะพูดเกี่ยวกับคนที่ทรยศ ไม่แม้แต่คำเดียว
ทั้งตอนนี้พวกเขายังให้ความสำคัญกับลัวอิงหงและ มดราชินี เป็นหลัก
…
ลัวอิงหงเพิ่งชนะในการต่อสู้ครั้งแรกของเธอและผลได้ออกมาเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้คน ดังนั้นเฝิงจิ้งจึงไม่อาจทำอะไรได้ ต่อให้เธอต้องการใช้แฟนคลับของตัวเองเพื่อใส่ร้ายลัวอิงหง ทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ เธอจะคาดหวังให้แฟนๆ ของเธอลงมือทำอะไรได้ทั้งที่พวกเธอไม่ได้เป็นคู่แข่งกัน และเธอเองก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องอิจฉาอีกฝ่ายแต่อย่างใดได้อย่างไร
นับว่าเป็นความชาญฉลาดของถังหนิง เธอมีวิธีการมากมายที่จะทำให้ศิลปินของตัวเองมีคุณค่า ลัวอิงหงไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนักแสดง ด้วยถังหนิงเข้าใจสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าคนจะต้องการทำอะไร หากพวกเขาไม่มีชื่อเสียงที่จะเอาสิ่งนั้นกลับคืนมาได้ พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้
ในทางกลับกันเมื่อเขากลับมามีชื่อเสียง ทุกอย่างที่พวกเขาเลือกทำมักจะเป็นไปอย่างราบรื่น
ดังนั้นเฝิงจิ้งจึงไม่มีทางเลือกนอกเสียจากเฝ้ามองลัวอิงหงเบ่งบานมาจากกองขี้เถ้า
เฝิงจิ้งเป็นหัวขโมยมาตั้งแต่แรก นอกจากใบหน้าที่มีตำหนิของลัวอิงหง เธอไม่อาจหาข้อบกพร่องใดๆ ไปใช้โต้ตอบอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้ลัวอิงหงตอกกลับเธอได้ง่ายยิ่งขึ้น
ทว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการที่ถังหนิงเตรียมพร้อมที่จะตอบโต้กลับอยู่ทุกเมื่อทันทีที่เฝิงจิ้งคิดจะลงมือ หลินเฉี่ยนอดใจรอให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นแทบไม่ไหวในขณะที่เฝ้ามองจุดจบของเฝิงจิ้ง
ในเวลาเดียวกันหลังจากที่เฝิงจิ้งพยายามล้มงานแต่งของหลินเฉี่ยน ตระกูลหลี่กลับตัดสินใจเร่งมือเตรียมงานแทน
ไม่นานคุณนายหลี่จึงได้จัดการให้หลี่จิ่นกับหลินเฉี่ยนมาลองชุดแต่งงาน
หากแม้แต่ในตอนที่หลินเฉี่ยนมาถึงร้านชุดแต่งงาน ทุกอย่างก็ยังรู้สึกราวกับฝันไป ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าเธอจะได้สติ
เมื่อเห็นว่าเธอใจลอยไปไหนต่อไหน หลี่จิ่นก็เอ่ยถาม “คุณไม่ชอบร้านนี้เหรอครับ เราไปร้านอื่นกันก็ได้นะ…”
หลินเฉี่ยนส่ายหน้า “ฉันแค่ตั้งตัวไม่ทันน่ะค่ะ…”
“ถึงยังไงงานแต่งงานของเราก็ได้รับการอนุมัติแล้ว…” เขาว่าพลางโอบแขนรอบกายเธอ “ถ้าคุณไม่อยากทำ เรากลับบ้านกันก็ได้นะครับ…”
“แต่ว่า…”
หลี่จิ่นไม่ได้ปริปากสักคำขณะที่พาหลินเฉี่ยนตรงกลับมาที่บ้าน “มีช่างภาพตามแอบถ่ายเราอยู่ ไว้มาใหม่ครั้งหน้าเถอะครับ”
หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ
“แต่ว่าคุณอาจจะต้องรออีกสิบวันนะครับ ผมต้องกลับไปทำภารกิจที่ฐานทัพตอนตี 5 วันพรุ่งนี้”
“ฉันจะรอคุณค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วเบา
หากแต่มีบางอย่างที่เธอต้องบอกให้เขารู้
“หลี่จิ่น ฉันขอโทษนะคะที่เป็นแม่บ้านให้คุณไม่ได้ ฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ฉันได้แต่อยู่บ้านรอสามีกลับมาทั้งวันไม่ได้หรอกค่ะ และฉันก็ไม่ได้ให้เวลากับการเตรียมงานแต่งงานด้วย ฉันว่า…”
“ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ ถ้าคุณไม่อยากทำอย่างนั้นให้พ่อแม่ผมทำก็ได้ครับ” ทำไมหลี่จิ่นจะไม่เข้าใจเธอกันล่ะ
สำหรับหลินเฉี่ยนพิธีการไม่ได้สำคัญแต่อย่างใด เธอต้องการบางสิ่งที่มั่นคงต่างหาก ไม่ว่าเธอจะทุ่มเทกับงานแต่งแค่ไหน ไม่ว่าจะจัดงานใหญ่โตเพียงใด มันก็ไม่อาจเทียบได้กับเพียงแค่หลี่จิ่นได้ใช้เวลาอยู่ที่บ้านกับเธอเพิ่มขึ้นอีกหลายวัน
หลินเฉี่ยนพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง หากแต่เธอกลับใช้เวลาทั้งคืนที่เหลือนั่งอยู่บนเตียงอย่างเหม่อลอย
แม้ว่าเธอจะอยู่บ้านของหลี่จิ่น แต่เขาเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน และต่อให้เขาอยู่บ้าน พวกเขาก็นอนแยกกันคนละฝั่งเพื่อจะได้ไม่มีทางล้ำเส้นกันอยู่ดี
ทว่าในคืนนี้หลินเฉี่ยนจ้องมองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทด้วยสายตาแน่วแน่
หลังจากนั้นจึงถอดชุดนอนออกก่อนรีบเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อหลี่จิ่นเห็นดังนั้น เขาหันหน้าหนีทันที “เฉี่ยนเฉี่ยน ออกไปนะ”
หลินเฉี่ยนเบียดกายเข้าหาเขาพลางโอบกอดเขาก่อนเอ่ยขึ้น “ฉันจะไม่เสียใจกับเรื่องนี้หรอกนะคะ…”
ภายใต้สายน้ำที่ไหลรินมาจากฝักบัว หลี่จิ่นพยายามฝืนใจตัวเอง หากแต่เธอกลับเป็นฝ่ายเริ่มขยับเข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น ในที่สุดเขาจึงเริ่มอดใจไม่ไหว ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นคู่รักจะพบว่าพวกเขากำลังกอดก่ายกันบนเตียงนุ่ม
“คุณแน่ใจว่าต้องการแบบนี้ใช่ไหมครับ” เขาฝืนตัวเองขณะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความปรารถนา
หลินเฉี่ยนโอบแขนรอบคอหลี่จิ่นก่อนพยักหน้า “มั่นใจที่สุดเลยค่ะ…”
ทันทีที่ได้รับคำตอบจากเธอ เขาค่อยๆ โน้มกายบนร่างของเธอ…
ไฟปรารถนาลุกโชนในขณะที่เจ้าของร่างทั้งสองพลิกเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน ท่ามกลางเสียงจุมพิตแผ่วเบาที่ดังแทรกขึ้นมาเป็นระยะเคล้าเสียงครางทุ้มด้วยความพึงพอใจที่ได้เติมเต็มอบอวลไปทั่ว เสียงที่ชวนให้ใบหน้าคนฟังขึ้นสีพร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นระรัว
คืนนั้นหลินเฉี่ยนนอนหลับสนิทในอ้อมแขนของหลี่จิ่น จนกระทั่งตื่นขึ้นมาในตอนตีห้าในขณะที่เขากำลังจะออกไป
“คุณจะไปแล้วเหรอคะ”
หลี่จิ่นหันกลับมากดจูบที่ริมฝีปากของเธอ “เหลือเวลาอีกหน่อยกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น ยังเช้าตรู่อยู่เลยนะครับ นอนต่อเถอะ ตื่นแล้วก็อาบน้ำอุ่นด้วยนะครับ”
“ขอให้คุณปลอดภัยนะคะ”
ในฐานะว่าที่ภรรยาของนายทหาร สิ่งที่หลินเฉี่ยนพูดได้มีเพียง “ฉันจะรอคุณเสมอนะคะ”