วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 210 : คุณคือสุดที่รักของฉัน
เย่เฉ่าเฉินก้มมองที่หน้าอก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “นี่เป็นปัญหาเล็กน้อย วันนี้ฉันจะไปเยี่ยมโรงงานสองสามแห่ง ประมาณการสูญเสียคร่าวๆ สักเล็กน้อย แผ่นดินไหวครั้งนี้ ยังไม่รู้ว่าจะเสียไปเท่าไหร่”
มู่เวยเวยก้มหน้ากินข้าว เย่เฉ่าเฉินกำลังคำนวณผลกำไรของเขา ทว่าเธอเสียใจสำหรับผู้ที่สูญเสียบ้านเหล่านั้นในแผ่นดินไหว สูญเสียญาติพี่น้อง
“คิดอะไรอยู่? ” เย่เฉ่าเฉินเห็นเธอใจลอยเล็กน้อย ก็อดถามไม่ได้
มู่เวยเวยพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันคิดว่าฉู่เซวียนพวกเขาเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า โทรศัพท์ฉันทิ้งไว้ในห้องทำงาน ตอนนี้ติดตามไม่ได้”
“โทรศัพท์ของฉันก็ทิ้งไว้ที่ห้องทำงาน กลับไปค่อยไปเอา ถือโอกาสไปดูสำนักงานของบริษัทMKด้วย”
เดิมทีมู่เวยเวยบอกว่าจะไปในเมืองเอง เย่เฉ่าเฉินก็จะพูดขัดขวางเธอ เธอเลยจำใจพูดว่า “งั้นก็ดี”
“สองสามวันมานี้ในเมืองค่อนข้างวุ่นวาย ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้ก็อยู่แต่ในบ้าน ปลอดภัยหน่อย”
มู่เวยเวยกลอกตา “ฉันก็ไม่มีที่จะไป”
เย่เฉ่าเฉินยิ้มอย่างไม่ได้ใส่ใจมาก
ตลอดวันนี้ เย่เฉ่าเฉินกำลังดำเนินการระหว่างสถานที่ก่อสร้างและเขตโรงงานหลายแห่ง ใช้คำว่าน่าเวทนาสี่คำนี้ก็ไม่มากเกินไป แต่ยังดี ตัวเลขยังอยู่ในขอบเขตการยอมรับของเย่เฉ่าเฉิน
พบอาฟเตอร์ช็อกสองครั้งในตอนกลางวัน ไม่รู้ว่าผู้คนมึนงงหรือไม่สามารถจัดการดูแลได้ ไม่ได้ตื่นกลัวมากเกินไป
การจราจรในเมืองค่อยๆ ฟื้นตัว เย่เฉ่าเฉินต้องการขึ้นไปชั้นบนเพื่อรับโทรศัพท์ด้วยตนเอง แต่ถูกจางเฮ่อขัดขวางไว้ ยี่สิบกว่าชั้น หัวเข่าและหน้าอกยังมีอาการบาดเจ็บ ไม่ว่าจะมองอย่างไรนี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ดี
“หลังจากคุณหาโทรศัพท์ของฉันเจอ ไปที่แผนกออกแบบอีกครั้ง แล้วนำโทรศัพท์ของฉู่เหยียนลงไปด้วย”
“รับทราบ”
ผ่านไปกว่าสิบนาที จางเฮ่อลงมาและมอบโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องให้เย่เฉ่าเฉิน เขามองไปที่โทรศัพท์ของมู่เวยเวยก่อน มีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย เป็นสายของฉู่เซวียนทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีอีกหรึ่งข้อความ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เย่เฉ่าเฉินก็กดเปิดข้อความ
อาเหยียนได้รับข้อความแล้วโปรดรีบโทรกลับหาฉัน ฉันเป็นห่วงคุณมาก
ดวงตาของเย่เฉ่าเฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชา เป็นห่วงมาก ร้อนใจจนแม้แต่เครื่องหมายวรรคตอนก็ไม่ได้ใส่
คิดอยากจะลบข้อความที่ไม่เข้าตานี้ออกไป แต่เขาคิดอยู่สองสามวินาที ก็ช่างมันเถอะ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามู่เวยเวยรู้เมื่อเธอโทรหาฉู่เซวียนอีกครั้ง?
ใจแคบอย่างนี้ไม่ได้
ปิดโทรศัพท์ของเธอ เย่เฉ่าเฉินดูโทรศัพท์ของตนเอง ก็มีสายที่ไม่ได้รับจำนวนมาก มีของเย่เฉ่าเหยียน ยังมีของเพื่อนอีกหลายคน
เย่เฉ่าเฉินมองไปที่ฝูงชนที่พลุกพล่านอยู่นอกรถ รวมทั้งตำรวจจราจรที่อยู่ทุกคนทุกแห่ง อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและทหาร
โทรศัพท์ดังเป็นเวลานานจึงจะถูกรับ เสียงด้านนั้นจ้อกแจ้กจอแจมาก
“เลขาจาง ฉันคือคุณชายเย่” เย่เฉ่าเฉินรายงานตัว
“ฉันทราบว่าเป็นคุณ มีธุระอะไรเหรอ? ” เสียงของจางฉี่ตงเลขาธิการคณะกรรมการพรรคแหบพร่าเล็กน้อย
เย่เฉ่าเฉินพูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันจะทำอะไรได้บ้าง? ”
จางฉี่ตงตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนจะโล่งใจปลื้มใจเล็กน้อย “ฉันขอขอบคุณ คุณนะ ในนามของผู้ประสบภัย เรากำลังพบกับความลำบาก ทางด้านชิงโจวนั้นเต็มไปด้วยภูเขา มีดินถล่มหลายแห่ง ปิดกั้นถนนอย่างแน่นหนา รถขุดรถเจาะทำการเกลี่ยถนนตลอดทั้งคืน ฝ่ายกองกำลังทหารก็ส่งเฮลิคอปเตอร์มาสองสามลำ แต่สถานที่ประสบภัยพิบัติต้องทำทันทีรอช้าไม่ได้ ฉันได้ยินมาว่าคุณมีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว สามารถให้พวกเรายืมใช้หน่อยได้ไหม? ”
ท่าทีของเลขาจางนอบน้อมมาก เย่เฉ่าเฉินไม่สามารถปฏิเสธได้แน่นอน เครื่องบินของเขาจอดอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ไม่ดีเท่ากับช่วยเหลือผู้คนได้มากมาย นับว่าเป็นการสร้างสมบุญให้ลูก
“ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่จะเพียงพอได้อย่างไร มีคนรวยมากมายในเมืองAที่มีเฮลิคอปเตอร์ เวลานี้ควรจะเอาออกมา เดี๋ยวเลขาจางส่งที่อยู่ให้ฉันด้วย ฉันจะติดต่อพันธมิตรทางธุรกิจอีกสองสามราย ให้พวกเขาเอาไปให้ทั้งหมด”
“เช่นนี้ก็ดีมากๆ เลย ขอบคุณจริงๆ ” เลขาธิการคณะกรรมการพรรคพูดออกมาเช่นนี้ เห็นว่าเขาก็เดือดเนื้อร้อนใจจริงๆ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก นี่คือสิ่งที่ฉันควรทำในฐานะพลเมือง ขอถามเลขาจางหน่อย สิ่งของยังชีพต้องต้องการไหม? ”
“ด้านของยังชีพมีจำนวนเพียงพอแล้ว เมื่อคืนย้ายเข้ามาจากรอบๆ เมืองจำนวนมาก”
เย่เฉ่าเฉินโล่งอก “งั้นก็ดี ถ้ามีเรื่องให้ฉันช่วย กรุณาสั่งได้เลย ไม่รบกวนการทำงานของท่านเลขาแล้ว”
“โอเค ไว้เจอกัน”
วางสายไปแล้ว เย่เฉ่าเฉินก็ค้นหาหมายเลขในโทรศัพท์แล้วโทรออกไป
“คุณอาหลี่ ฉันเอง คุณสบายดีไหม? ”
“เฉ่าเฉิน คุณจำฉันได้ด้วยเหรอ ฉันไม่เป็นไร แม้ว่าเมื่อวานจะหกล้ม เท้าแพลง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” คุณอาหลี่กล่าวอย่างร่าเริง
เย่เฉ่าเฉินพูดอย่างเป็นทางการว่า “คุณอาหลี่ คุณมีเฮลิคอปเตอร์อยู่ใช่ไหม? ”
“มีอยู่ คุณต้องการใช้เหรอ? ”
ไม่ว่าฉันต้องการใช้หรอก เลขาจางต้องการสักสองสามเครื่อง ด้านชิงโจวนั้นประสบภัยพิบัติอย่างหนัก ถนนถูกปิดกั้น คนเข้าไปไม่ได้” เย่เฉ่าเฉินกล่าวอย่างรวบรัด
คุณอาหลี่ลังเลเล็กน้อย ถ้าเป็นเย่เฉ่าเฉินใช้ แน่นอนว่าเขาให้ แต่พูดว่าช่วยเหลือผู้ประสบภัย เขาไม่เต็มใจ เครื่องบินของเขาเคยใช้งานมาไม่กี่ครั้ง
คุณอาหลี่พูดหลีกเลี่ยงว่า “เฉ่าเฉิน ฉันจำได้ว่าคุณเอาแต่ผลกำไรมาตลอด กับทางด้านเมืองนั้นติดต่อน้อยมาก ทำไมคราวนี้คุณถึงระดมทุนให้กับเลขาจางอย่างจริงจังล่ะ? ”
เย่เฉ่าเฉินฟังการปฏิเสธของเขาออก ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณอาหลี่ เราทำธุรกิจ ข้อต่อที่สำคัญที่สุดก็คือราชการ ฉันได้ยินมาว่าหนึ่งในโครงการของคุณถูกแผนกก่อสร้างเมืองทำล่าช้าไม่ได้ประทับตรา คุณอาหลี่ลองคิดดูดีๆ ถ้าครั้งนี้คุณช่วยเลขาจาง เกรงว่าตรงนี้จะไม่ถูกประทับหรือเปล่า? ”
คุณอาหลี่เข้าใจได้ทันที ใช่สิ โครงการของเขานั้นเกี่ยวข้องกับการลงทุนหลายสิบล้าน เฮลิคอปเตอร์หนึ่งลำจะมูลค่าเท่าไหร่กัน?
“เฉ่าเฉิน คุณช่างปลุกความฝันให้คนจริงๆ ไม่มีปัญหา คุณจะใช้เครื่องบินเมื่อไหร่ ก็โทรหาฉันได้เลย คุณอาหลี่สนับสนุนงานบรรเทาสาธารณภัยอย่างเต็มที่”
“ขอบคุณ คุณอาหลี่มาก รอสักครู่ฉันจะโทรหาคุณ”
“โอเคโอเค”
เป็นเช่นนี้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เย่เฉ่าเฉินระดมเฮลิคอปเตอร์ห้าลำ หลังจากติดต่อเลขาจาง เฮลิคอปเตอร์ห้าลำบินขึ้นบินไปยังชิงโจวพร้อมของยังชีพและเจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัย
ยุ่งตลอดจนถึงฟ้ามืด เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ เย่เฉ่าเฉินให้คนขับรถขับอ้อมไปที่ร้านเค้กครั้งที่แล้ว ผิดหวัง ประตูร้านเค้กปิดแน่นแล้ว
กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ มู่เวยเวยก็ดูข่าวอยู่ที่ห้องรับแขก มีรายงานล่าสุดเกี่ยวกับการบรรเทาสาธารณภัย เห็นเขาเข้ามา ก็ตกตะลึงเล็กน้อย เพราะว่าในมือเขาถือกุหลาบสีสดช่อใหญ่ แค่บรรจุภัณฑ์ก็แปลกแล้ว แต่ละชิ้นห่อด้วยกระดาษพลาสติกราคาถูก เหมือนช่วงฉลองเทศกาลวันหยุด เป็นชนิดที่สาวน้อยขายอยู่ข้างถนน
“ให้คุณ” เย่เฉ่าเฉินพูดแล้วยิ้มอย่างอบอุ่น
มู่เวยเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณเอามาให้ฉันทำไม? ”
“ตอนกลับมา มีเด็กชายขายดอกไม้อยู่ข้างถนน แม่เขาบาดเจ็บที่ขาจากแผ่นดินไหว ต้องการค่ารักษาพยาบาล เขาเลยเอาดอกไม้ที่บ้านมาขาย ฉันเห็นว่าเขาน่าสงสารเลยซื้อมาทั้งหมด”
มู่เวยเวยมาเชื่อคำพูดของเขา “คุณใจดีขนาดนี้เลยเหรอ? ”
เย่เฉ่าเฉินถือดอกไม้ ดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ของฉันในใจคุณจะแย่มาก”
“คุณเพิ่งรู้เหรอ? ” มู่เวยเวยเลิกคิ้ว
“เอาเถอะ ฉันไม่อยากยอมรับมันก็เท่านั้น รับไปเถอะ ดอกไม้นี้ซื้อเพื่อช่วยเด็กจริงๆ ถ้าฉันวางแผนที่จะซื้อดอกไม้ให้คุณ แน่นอนว่าจะซื้อให้สวยกว่านี้ร้อยเท่า”
“นี่ก็เช่นกัน เห็นแก่หน้าเด็กขายดอกไม้หรอก ฉันจะรับไว้” มู่เวยเวยหยิบดอกไม้ช่อใหญ่นี้ มองดูโดยรอบ แล้วสั่งเขา “คุณช่วยหยิบแจกันดอกไม้นั้นมาหน่อย”
สำหรับคำสั่งนี้ เย่เฉ่าเฉินยินดีรับใช้มาก ไปหยิบโถเคลือบเงามาสองสามใบ วางบนโต๊ะน้ำชาในห้องรับแขก มู่เวยเวยฉีกห่อดอกกุหลาบออก
“ดอกไม้นี่ยังดีอยู่เลย น่าจะบานได้นาน” มู่เวยเวยฉีกดอกไม้ช่อแรกออกมาใส่แจกันทีละดอกๆ แล้วเริ่มฉีกช่อที่สอง
ข่าวกำลังแพร่ภาพพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างรุนแรงที่สุดในเมืองA ชิงโจว ในภาพ เฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือภูเขา นำสิ่งของยังชีพให้กลุ่มผู้ประสบภัยพิบัติ
“ผู้รายงานทราบจากกองบัญชาการบรรเทาสาธารณภัย เพื่อขนส่งของยังชีพและเจ้าหน้าที่ไปยังชิงโจวโดยเร็วที่สุด ผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงหลายรายในเมืองAได้สนับสนุนกำลังของตนเอง หนึ่งในนั้นรวมถึงเย่เฉ่าเฉินประธานเย่ฮวางกรุ๊ป หลี่เส้าปินผู้จัดการใหญ่อสังหาริมทรัพย์เกาลี่ ได้จัดหาเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของตนเอง ในฐานะผู้ประกอบกิจการชั้นนำในเมืองA พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร ยื่นมือเข้าช่วยภัยพิบัติตนถึงที่สุด……”
มู่เวยเวยคิดว่าตนเองฟังผิด เย่เฉ่าเฉิน? จัดหาเฮลิคอปเตอร์ให้?
“บอกว่าคือคุณ? ” มู่เวยเวยรู้สึกประหลาดใจ
เย่เฉ่าเฉินเย่อหยิ่งเล็กน้อย “มีเย่ฮวางกรุ๊ปอื่นในเมืองAเหรอ? ”
มู่เวยเวยเห็นแววตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ “คาดไม่ถึง คุณไม่ใช่นักธุรกิจที่แสวงหาแต่ผลกำไรเท่านั้นเหรอ? ทำไมทำใจบุญใจกุศลขึ้นมาล่ะ? ”
เย่เฉ่าเฉินแกล้งทำเป็นถอนหายใจ “วันนี้ฉันผ่านใจกลางเมืองมา เงียบเหงาเล็กน้อย ฉันเกิดและเติบโตในเมืองAเหมือนกับคุณ อีกทั้งยังทำให้เย่ฮวางกรุ๊ปยิ่งใหญ่และเติบโตอยู่ที่นี่ จะไม่ผูกพันกับเมืองAได้อย่างไร ในเมื่อสามารถที่จะช่วยได้ ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ? ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อย”
อีกอย่างหนึ่งพูดด้วยความชอบธรรม ความรังเกียจในสายตาของมู่เวยเวยดูเหมือนจะน้อยลงมาก เธอรู้สึกว่าตนเองเหมือนไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้
“ไอ๊ยา——” ปลายนิ้วเวยเวยถูกหนามทิ่ม เผลอไปหน่อย หนามบนกุหลาบทิ่มไปที่ปลายนิ้ว เลือดออกทันที
เย่เฉ่าเฉินดึงมือเธอมา ตำหนิว่า “ทำไมประมาทแบบนี้? ” หลังจากพูดจบก็เอานิ้วที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปในปากของเขา การกระทำที่รวดเร็วมู่เวยเวยไม่ทันได้ต่อต้าน
ปลายลิ้นของเขาเลียปลายนิ้วของเธออย่างแผ่วเบา ราวกับเลียบนหัวใจของเธอ ชั่วพริบตา”ใจก็สั่น” เสียงดังตุ๊บตุ๊บตุ๊บ มู่เวยเวยไม่กล้ามองสายตาที่ลึกซึ้งของเขา รีบดึงนิ้วออกมาอย่างรวดเร็ว หน้าแดงไม่พูดอะไร
“อยู่เฉยๆ ฉันจะไปเอาปลาสเตอร์ยามา” เย่เฉ่าเฉินลูบๆ หัวของเธอ แล้วลุกขึ้นไปห้องพยาบาล
จนกระทั่งฝีเท้าของเขาหายไป มู่เวยเวยจึงหายใจอย่างแรง ใช้มือที่ไม่ได้บาดเจ็บโบกพัด แน่นอนว่าวันนี้สภาพอากาศร้อนเหลือเกิน ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจมากขึ้น ทำไมเธอถึงใจสั่นกับเย่เฉ่าเฉินได้นะ?
น่ากลัวเหลือเกิน แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
เมื่อเย่เฉ่าเฉินกลับมาที่ห้องรับแขก มู่เวยเวยก็กลับมาเป็นปกติแล้ว เย่เฉ่าเฉินต้องการช่วยเธอติดปลาสเตอร์ยา ก็ถูกเธอปฏิเสธ “นี่แค่บาดเจ็บเล็กน้อย มาฉันทำเอง”
จากนั้นก็หยิบปลาสเตอร์ยาจากในมือเขาโดยไม่พูดอะไร แกะห่อแล้วติดสติกเกอร์ ทำแผลด้วยมือข้างเดียว
“โอเค ดอกไม้เหล่านี้ฉันทำเอง คุณนั่งข้างๆ อย่างเชื่อฟังเถอะ” อันที่จริงเย่เฉ่าเฉินให้คนรับใช้ทำเรื่องเหล่านี้ก็ได้ แต่หาได้ยากที่เขากับมู่เวยเวยจะมีช่วงเวลาที่มีอ่อนโยนเช่นนี้ จะให้ถูกทำลายไปได้ยังไงล่ะ?
จัดดอกไม้โดยคนคนเดียว แล้วดูข่าวอย่างใจจดใจจ่อ
เย่เฉ่าเฉินนึกเรื่องขึ้นมาได้ จึงถามเธอว่า “ใช่แล้ว อีกสองวันหอการค้าจะเรียกร้องเงินบริจาคของทุกคนอย่างแน่นอน คุณบอกว่า เราจะบริจาคเงินเท่าไหร่ดี? ”
“คุณอยากบริจาคเท่าไหร่ก็บริจาค” มู่เวยเวยโต้แย้งโดยจิตใต้สำนึก แต่ไม่ได้พบว่าเย่เฉ่าเฉินพูดคำว่า”เรา”
เย่เฉ่าเฉินพูดตามปกติว่า “เราเป็นสามีภรรยา ทรัพย์สินของฉันเป็นของคุณครึ่งหนึ่ง แน่นอนฉันต้องคุยกับคุณว่าจะบริจาคเท่าไร”
“คุณ……” มู่เวยเวยหันกลับมาจ้องมองเขา ท้ายที่สุดพวกเขาไม่ได้หย่าร้างกัน เย่เฉ่าเฉินก็ไม่ได้พูดผิด แต่เธอได้ยินก็ไม่สบายใจอย่างมาก
“ห้าล้านหรือแปดล้านดี? ” เย่เฉ่าเฉินยังถามต่อ
“ในเมื่อคุณมีเงินขนาดนั้น” มูเวยเวยชี้ไปที่ข่าวโรงเรียนที่พังทลาย “งั้นก็ช่วยเด็กๆ เหล่านี้สร้างโรงเรียนที่มีคุณภาพสูงเถอะ”
เย่เฉ่าเฉินเงยหน้าขึ้นมองทีวี พยักหน้าพูดว่า “ที่คุณพูดก็ถูก แม้ว่าฉันจะบริจาคสิบล้าน สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าเงินถูกนำไปใช้ที่ไหน ดูแลการสร้างโรงเรียนสักสองสามแห่งดีกว่า”
มู่เวยเวยคาดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับข้อเสนอแนะของตนเอง ในใจก็ยุ่งเหยิงเล็กน้อย “ฉันเพียงแค่แนะนำ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ คุณต้องตัดสินใจเอง”
เย่เฉ่าเฉินก้มหน้าจัดดอกไม้ต่อไป สามารถตัดสินใจได้ในเวลาสั้นๆ โดยไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ “”ฉันรู้สึกว่าที่คุณพูดค่อนข้างถูก ก็ให้สร้างโรงเรียนเถอะ”
“คุณชาย คุณฉู่ ทานข้าวได้แล้ว” ฉินหม่าเข้ามาเชิญพวกเขา
“เสร็จแล้ว” เย่เฉ่าเฉินหยิบดอกไม้สองดอกสุดท้าย
แจกันดอกไม้ ปัดๆ ผงบนร่างกาย แล้วหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาจากกระเป๋าเสื้อส่งให้เธอ “จางเฮ่อเอาโทรศัพท์กลับมาให้คุณ ฉู่เซวียนติดต่อคุณไว้หลายสาย”
มู่เวยเวยตื่นเต้นอยู่ไม่กี่วินาที จากนั้นก็ทำหน้าเคร่งขรึม “คุณมาดูโทรศัพท์ฉันทำไม”
เย่เฉ่าเฉินพูดอย่างหน้าไม่อายว่า “ฉันไม่สามารถควบคุมมือได้ หากว่าคุณโกรธ” เย่เฉ่าเฉินยื่นมือสองมือออกมาตรงหน้าเธอ “อะ ตีมันเถอะ ฉันรับรองว่าจะไม่ตอบโต้”
มู่เวยเวยหัวเราะเมื่อถูกเขาทำเรื่องตลกใส่ มือของเขาถูกตีเสียงดัง “อย่าให้มีครั้งต่อไปอีก”
เย่เฉ่าเฉินยิ้ม ไม่ได้ตอบกลับเธอ เพราะรู้ว่าเขายังคงมีครั้งต่อไปแน่นอน
มู่เวยเวยโทรกลับหาฉู่เซวียน ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของเขา
“ฮัลโหล? พี่ชาย โทรศัพท์ฉันวางอยู่ที่ห้องทำงาน วันนี้เพิ่งเอากลับมา” มู่เวยเวยไม่รอให้ฉู่เซวียนพูด ก็สารภาพด้วยตนเองเลย
“คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันเป็นห่วงอยู่นานเลย” คำพูดของฉู่เซวียนมีความจริงใจมาก
“คุณเป็นอย่างไรบ้าง? ทุกคนสบายดีใช่ไหม? ”
“พวกเราไม่เป็นอะไร ถึงแม้ว่าหลายคนจะหวาดกลัวอยู่มาก บอกว่าจะกลับฮ่องกงชั่วคราว รอทางด้านนี้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ฉันกำลังปวดหัวกับสิ่งนี้อยู่” ฉู่เซวียนกล่าวอย่างขมขื่น
มู่เวยเวยมาถึงร้านอาหารแล้วนั่งลง “งั้นคุณก็ให้พวกเขากลับไปเถอะ”
“ฉันก็กำลังพิจารณาอยู่” ฉู่เซวียนไม่ได้เจตนาจะพูดเรื่องของบริษัทกับเธอมากมายขนาดนี้ จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนา “ทางคุณนั้นเป็นยังไงบ้าง? ”
“ฉันก็ค่อนข้างดีนะ”
ฉู่เซวียนนิ่งเงียบไปสองสามวินาที พูดเสียงเบาๆ ว่า “ฉันหมายถึงเรื่องนั้น มีต้นสายปลายเหตุไหม? ”
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นและมองไปที่คนที่กำลังตักซุปให้เธอ จงใจพูดกระซิบว่า “มีเบาะแสเล็กน้อย ฉันกำลังพยายามอยู่”
“คุณจะต้องเพิ่มความรวดเร็วนะ เวลามีไม่มากแล้ว”
“ฉันรู้แล้ว” มู่เวยเวยถามหนึ่งวินาทีก่อนที่เขาจะวางสาย “เขาโทรให้คุณมาเร่งรัดฉันเหรอ? ”
“ใช่ ความเกินคาดหมายในโลกใบนี้มีมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขารู้เรื่องแผ่นดินไหวในเมืองA กังวลว่าเย่ฉ่าวเฉินจะเสียชีวิตในภัยพิบัติครั้งนี้ พวกเขาขาดเพียงแค่เบาะแสเดียวเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงกังวลใจเล็กน้อย”
มู่เวยเวยพูดอย่างไม่แสดงอารมณ์ว่า “ทำไมเขาถึงไม่บอกฉันโดยตรง ต้องฝากบอกคุณด้วยล่ะ? ”
ฉู่เซวียนไม่ได้ตกหลุมพราง พูดโดยตรงว่า “ไม่ว่าจะบอกใคร ท้ายที่สุดจุดประสงค์ก็เหมือนกัน คุณดูแลตนเองให้ดีๆ ฉันกำลังยุ่ง ต้องวางสายก่อน”
เย่ฉ่าวเฉินด้วยอารมณ์โมโหจนหายใจไม่ทัน กล่าวปลอบใจว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ทำ ฉู่เซวียนเป็นคนที่เก่งกาจขนาดนั้น จะพูดกับคุณออกมาง่ายๆ ได้ยังไง? ”
มู่เวยเวยยังไม่หายโกรธ ยกมือดื่มน้ำอึกใหญ่ จึงพูดว่า “ฉู่เซวียนก็ไม่ใช่คนดีงามอะไร”
ผู้ชายเห็นด้วยกับคำพูดนี้มาก เอาล่ะ เขาไม่ต้องกังวลใจมากเกินไปที่ภรรยาถูกชายคนนั้นทำให้สับสนงุนงง
นึกถึงเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก เย่ฉ่าวเฉินรีบกล่าวว่า “คุณและชายหน้ากากสีเงินติดต่อกันยังไง? มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาไหม? ”
มู่เวยเวยตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ใช่แล้ว เธอลืมเบาะแสที่ดีขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน?
“มีเบอร์หนึ่ง” มู่เวยเวยพลิกเบอร์โทรมาแสดงตรงหน้าเย่ฉ่าวเฉิน “ฉันโทรหาเขาคือเบอร์นี้ เขาโทรหาฉันก็เบอร์นี้เช่นกัน”
เย่ฉ่าวเฉินนำเบอร์บนมือถือส่งไปให้เหยี่ยวราตรี จากนั้นก็ต่อสายไปยังโทรศัพท์ของเขา
“เหยี่ยวราตรี ไปหาเจ้าของเบอร์โทรศัพท์นี้ เด็กอยู่ในมือของเขา ระวังด้วย อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“รับทราบ”
……
วันที่สามหลังจากแผ่นดินไหว อาฟเตอร์ช็อกก็ค่อยๆ สลายหายไป
พนักงานของเย่ฮวางกรุ๊ปก็กลับมาบริษัทอีกครั้ง เริ่มงานวันแรก ก็คือจัดระเบียบห้องทำงานที่ยุ่งเหยิงรอบหนึ่ง รายงานการชำรุด รายงานการซ่อมแซม รอทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินการเป็นปกติ การแจ้งการเลื่อนตำแหน่งและการขึ้นเงินเดือนจะออกจากห้องทำงานของท่านประธานอย่างต่อเนื่อง
เหอเหม่ยหลิงแผนกออกแบบเลื่อนขั้นเป็นรองประธานบริษัท รวมทั้งแผนกออกแบบ
ผู้จัดการแผนกสองสามคนที่ช่วยชีวิตคนและ ร.ป.ภ. สิบห้าคนล้วนได้รับการเพิ่มเงินเดือนทั้งหมด
กับเงินรางวัลในครั้งนี้ ทั้งหมดของบริษัทต่างเลื่อมใสอย่างสุดจิตสุดใจ นั่นเป็นการใช้ชีวิตแลกมา ไม่ยอมรับการโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
หลังจากผ่านภัยพิบัตินี้ไปแล้ว ความรู้สึกระหว่างพนักงานก็คล้ายกับจะเพิ่มความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ในที่สุดแล้วแทบมองไม่เห็นฝ่ายตรงข้าม มู่เวยเวยก็กลับมาทำงาน ยังนั่งในตำแหน่งเดิมก่อน เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอกลัดกลุ้มใจคือ เย่ฉ่าวเฉินวิ่งลงมาอย่างจริงใจอยู่หลายต่อหลายครั้ง ตกลงเขารู้ไหมว่าอะไรที่เรียกว่าหลีเลี่ยง? และเพื่อนร่วมงานนักออกแบบก็คล้ายกับยอมรับในความจริงนี้ โดยเฉพาะเหอเหม่ยหลิง เห็นสายตาของเธอมีเลศนัยเป็นอย่างมาก
นี่ทำให้มู่เวยเวยสงสัยว่า เหอเหม่ยหลิงรู้อะไรหรือเปล่า
เวลากลางวัน มู่เวยเวยไปทานข้าวที่ห้องทำงานเย่ฉ่าวเฉิน เห็นเขาจ้องมองภาพการออกแบบภาพนึกอยู่ มู่เวยเวยก็ถือโอกาสมองให้มากขึ้นเป็นครั้งที่สอง เอ้ ลักษณตึกสูงนี้ มันคุ้นตาจัง
“นี่คือภาพแบบการก่อสร้างของโรงเรียน ฉันหาคนมาออกแบบ เป็นยังไงบ้าง? ”
มู่เวยเวยตกใจเล็กน้อย “ทำไมรวดเร็วอย่างนี้? ฉันยังคิดว่าต้องรออีกนาน”
“การก่อสร้างหลังภัยพิบัติจะต้องรวดเร็ว เสร็จเร็วขึ้นหนึ่งวัน พวกเด็กๆ ก็จะสามารถมีความสุขได้เร็วขึ้นอีกหนึ่งวัน”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า มู่เวยเวยถูกคำพูดและการกระทำของมู่ฉ่าวเฉินทำให้ซาบซึ้งใจ “ฉันรู้สึกว่า เหมือนว่าเมื่อก่อนคุณจะไม่ได้มีเมตตาแบบนี้”
เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่โต้แย้ง เก็บภาพออกแบบขึ้นแล้วพูดว่า “ที่คุณพูดก็ไม่ผิด ฉันไม่เคยสนใจความเป็นความตายของคนอื่นมาก่อน เพียงแค่ตัวฉันเองผ่านไปได้ด้วยดีก็พอ แต่ตอนนี้ ทุกครั้งเวลาที่ฉันทำเรื่องเหล่านี้ ก็จะนึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่คุณพูด”
“คำพูดอะไร? ”
น้ำเสียงเย่ฉ่าวเฉินนุ่มนวล “คุณบอกว่า ทำเรื่องเลวร้ายกรรมจะตามสนองที่ลูกของเรา ฉันไม่อยากให้ลูกชายได้รับความทุกข์เพราะฉัน เช่นนั้น ถ้าฉันทำเรื่องที่เป็นบุญกุศลไว้มากๆ พระเจ้าจะได้ดีกับลูกสักหน่อย ให้เขาป่วยน้อยลง อยู่เย็นเป็นสุขสมความปรารถนาตลอดชีวิต”
มู่เวยเวยไม่กล้าฟังอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับลูก ไม่คาดคิดว่าเย่ฉ่าวเฉินพูดไปมากๆ จะรู้สึกสะเทือนใจเช่นนี้ น้ำตาของเธอก็อดที่จะคลอเบ้าไม่ได้
“อย่าร้องไห้ คุณร้องไห้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง” เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือมาจะเช็ดน้ำตาให้เธอ ถูกมู่เวยเวยปัดฝ่ามือออก “คุณไม่ต้องสนใจ”
“คุณเป็นภรรยาฉัน ฉันไม่สนใจคุณแล้วให้สนใจใคร? ” เย่ฉ่าวเฉินหยอกเย้าเธอ
เป็นอย่างที่คิดไว้ มู่เวยเวยจ้องมองสายตาทันที “ไม่ต้องได้คืบเอาศอก ยังจะให้ฉันทานข้าวไหม? ”
เย่ฉ่าวเฉินชอบมองท่าทีระเบิดอารมณ์ของเธอ ” คุณก็ไม่ให้ฉันสักคืบ ฉันจะเข้าศอกได้ยังไง? ”
“หน้าด้านจริงๆ ” มู่เวยเวยจิ้มข้าวในถ้วย ขี้เกียจที่จะพูดกับเขาแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มด้วยความรักที่ล้นเปี่ยมอยู่ในใจ สองสามวันมานี้ไม่ได้พบเธอ สีหน้าของเธอยิ่งดูดีขึ้น ในสีขาวเจือสีแดง ไม่ใช่บอกว่า ผู้หญิงมีความรักและทะนุถนอมของผู้ชาย สีหน้าจึงจะดียิ่งขึ้นใช่ไหม?
กำลังคิดเพ้อเจ้ออยู่ เสียงมือถืออันแสบแก้วหูก็ดังขึ้น เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นอย่างไม่รื่นเริงเดินไปยังหน้าห้องทำงาน แต่เมื่อเขามองชื่อบนมือถือ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ฮัลโหล เจ้านาย”
“เหยี่ยวราตรี ได้ข่าวแล้วเหรอ? ” ในเสียงของเย่ฉ่าวเฉินปรากฏความตึงเครียด มู่เวยเวยได้ยินคำพูดของเขา วางตะเกียบในมือแล้วรีบเดินไปยังตรงหน้าเขา ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
น้ำเสียงเหยี่ยวราตรีเร่งรีบเล็กน้อย “มีนิดหน่อย เบอร์โทรศัพท์ที่คุณให้เป็นของเขตไมโครนีเซียของแปซิฟิก พวกเราสืบสวนอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว แน่ใจว่าเป็นหมู่เกาะหนึ่งในจำนวนนั้น เรียกว่าBonisi หมายเลขโทรศพท์ของBonisiนี้สามารถซื้อขายได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน เจ้าของหมายเลขโทรศัพท์นี้ก็คือคนของBonisiคนหนึ่งที่ชื่ออเล็กซ์ พวกเราหาตัวอเล็กซ์เจอแล้ว เพียงแต่ เขาพักอาศัยอยู่ในท้องที่ ทั้งยังอายุมากแล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องอย่างมากกับข้อมูลที่คุณให้มา”
เย่ฉ่าวเฉินพิงนั่งที่บนโต๊ะทำงาน ขมวดคิ้วแน่น “พวกคุณค้นหาบริเวณใกล้เคียงของBonisi ว่ามีคนจีนที่มีอิทธิพลอย่างมากไหม”
“ฉันกำลังจะพูดเรื่องนี้ คนพื้นที่ที่อยู่บนเกาะบอกพวกเราว่า มีเกาะหนึ่งที่ห่างจากพวกเขาไม่ไกล มีคนจีนคนหนึ่งร่ำรวยมาก ไม่มีใครรู้ชื่อของเขา ทุกคนต่างเรียกเขาว่าเซี่ยซื่อเย่ เขาเกือบจะยึดครองเกาะเล็ก ๆ หลายสิบเกาะในบริเวณใกล้เคียง ยังหล่อเลี้ยงกองกำลังส่วนตัว ได้ยินมาว่าเก่งกว่ากองกำลังทหาร ฉันกำลังคิดอยู่ว่าใช่เขาไหม”
“คุณสามารถเข้าไปหาได้ไหม? ” เย่ฉ่าวเฉินถาม
เหยี่ยวราตรีค่อนข้างทุกข์ใจเล็กน้อย “เกรงว่าไม่ได้คุณชาย น้ำเสียงเขากังวลมาก ฉันเพิ่งถามเกี่ยวกับเซี่ยซื่อเย่เพียงคำเดียว ก็ถูกคนสองสามคนตามไปหลายเส้นทาง ยากมากกว่าจะหลบหลีกออกมาได้”
“ฉันรู้แล้ว คุณอย่าเพิ่งเคลื่อนกำลังพล อย่าทำให้พวกเขาสนใจ สองวันนี้ฉันจะเข้าไป” เย่ฉ่าวเฉินทำการตัดสินใจนี้อย่างรวดเร็ว เหยี่ยวราตรีเข้าไม่ได้ เขามีวิธี
“โอเคเจ้านาย”
“ติดต่อได้ตลอดเวลา” เย่ฉ่าวเฉินวางโทรศัพท์แล้ว สายตามองไปยังมู่เวยเวยอย่างลึกซึ้ง “ได้ยินหมดแล้วใช่ไหม? คุณเห็นว่ายังไง? ”
มู่เวยเวยก็ไม่กล้าชี้ขาด แต่เธอก็ค่อนข้างสนับสนุน “ตอนที่ฉันถูกพาเข้าไปในคฤหาสน์หลังนั้น เห็นทหารติดอาวุธเยอะมากจริงๆ ไม่รู้ว่าใช่กองกำลังส่วนตัวที่ลูกน้องคุณพูดไหม เรื่องอื่นๆ ฉันก็ไม่กล้าพูด”
“ต่อให้มีความหวังเพียงเล็กน้อย ฉันก็จะไม่ยอมลดละ ฉันจะจัดการงานเล็กน้อย ก็จะเข้าไปทันที”
“ฉันจะไปด้วยกันกับคุณ ฉันรู้จักที่นั่น” มู่เวยเวยพูดอย่างร้อนใจ
แต่ฉันไม่สามารถให้คุณเสี่ยงอันตรายได้ “ไม่ได้ คุณไปไม่ได้ อันตรายเกินไป ฉันมีความสามารถที่แตกต่าง สามารถหนีออกไปได้ทันที ฉันรับรู้ความรู้สึกภายในใจของเขา ถึงเวลาฉันจะส่งรูปให้คุณ คุณอยู่ที่นี่ค้นคว้าให้ฉันก็เหมือนกัน”
มู่เวยเวยกัดริมปาก พยักหน้าซ้ำๆ เมื่อเธอไม่สามารถช่วยเหลือได้ เธอก็จะไม่เป็นตัวถ่วง
“เอาล่ะ ทานข้าวก่อน เรื่องนี้มอบให้ฉัน อย่ากังวลเลย”
……
ห้าวันต่อมา เที่ยวบินระหว่างประเทศลำหนึ่งแล่นผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก ลงจอดที่สนามบินบนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง
บรรยากาศชื้นเค็มและอบอุ่นปะทะเข้ามาที่ใบหน้า พอเย่ฉ่าวเฉินลงเครื่องก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสีสันสวยงามเป็นคนพื้นที่ ซื้อหมวกกันแดด สวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ ผิวของเขาที่เดิมที เป็นสีน้ำตาลอ่อนดูร่างกายแข็งแรงนั้น ดังนั้นมองจากไกลๆ ก็คล้ายคนพื้นที่อย่างมาก อาจจะหล่อเกินไปหน่อย ดูมีอำนาจมากเกินไปหน่อย
จากสนามบินออกมานั่งเรือ นั่งเรือยอชต์ เปลี่ยนเป็นเรือเล็กอีกครั้ง ในที่สุดก็มาถึงBonisiก่อนฟ้ามืด
เหยี่ยวราตรีรออยู่ที่ท่าเรือตามที่นัดกันไว้ เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินลงมา คิดว่ารู้จักก็ไม่กล้าคิด ชายที่สวมกางเกงขาสั้นลายดอกไม้ใหญ่นี้แล้วยังสวมรองเท้าแตะ จะเป็นเจ้านายสุดหล่อของตนเองได้อย่างไร?
“ไม่รู้จักแล้วเหรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่ตรงหน้าเขา รอยยิ้มที่เป็นกันเอง
“เจ้านาย ทำไมคุณ….” เหยี่ยวราตรีกล่าวถามอย่างประหลาดใจ
“กลับไปแล้วค่อยบอก”
ถึงที่อยู่ เย่ฉ่าวเฉินโยนหมวกแล้วแว่นกันแดดออก พุ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำ อากาศที่นี่เดินสองก้าวก็เหงื่อออกชุ่มแล้ว
คนดูแล้วก็สดชื่นอย่างมาก แต่ว่าหนวดเคราบนคาง…..
“เดิมทีสองวันก่อนก็จะมาแล้ว แต่เพื่อรอเวลาให้หนวดเครายาวขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ ผลลัพธ์ก็ไม่เลว” เย่ฉ่าวเฉินกล่าวอธิบาย
“เหยี่ยวราตรีคิดขึ้นได้ในทันที เออใช่ เซี่ยซื่อเย่น่าจะรู้จักลักษณะหน้าตาเย่ฉ่าวเฉินดี บางทีเจ้าตัวเล็กที่อยู่ใต้มือเขาก็มีรูปถ่ายด้วย ปลอมตัวสักหน่อย ก็จะปลอดภัยสักเล็กน้อย
“ครั้งที่แล้วเซี่ยซื่อเย่คนนั้นที่คุณพูด เขาอยู่บนเกาะไหนเหรอ? จากที่นี่ไปนานแค่ไหน? ” เย่ฉ่าวเฉินใช้ผ้าขนหนูเช็ดผม เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ถามเหยี่ยวราตรี
“อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะลูกนั้น นั่งเรือเข้าไปล่ะมากที่สุดก็หนึ่งชั่วโมง”
“โอเค คืนนี้พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เช้าตรู่พวกเราค่อยเข้าไป ก็ปลอมตัวเป็นคนมาเที่ยวชมที่นี่ คนจีนที่มาที่นี่ค่อนข้างเยอะ น่าจะไม่เป็นที่สนใจของคนอื่น”
“รับทราบ เจ้านายคุณพักผ่อนก่อนเถอะ” เหยี่ยวราตรีเดินไปถึงหน้าประตูแล้วก็หยุดลง “เจ้านาย คุณต้องการทานอะไรสักหน่อยไหม? ”
เย่ฉ่าวเฉินกำลังจะพูดว่าไม่หิว แต่อยากรู้มากว่าห้าหกเดือนที่เวยเวยอยู่ที่นี่ทารอะไร ด้วยเหตุนี้จึงพูดว่า “ที่พิเศษของท้องถิ่นมีอะไร ก็เอามาได้เลยตามสะดวก”
“โอเค จะส่งให้เดี๋ยวนี้”
เย่ฉ่าวเฉินเอนกายบนเตียง ผ่อนคลายแขนขาที่ขดมาตลอดทั้งวัน จ้องมองเพดานอยู่สักครู่หนึ่ง เขาก็ล้วงมือถือออกมา ด้านบนนอกจากข้อความธุรกิจแล้ว ไม่มีข้อความส่วนตัวใดๆ
เขาลังเลใจอยู่ชั่วขณะ เริ่มส่งข้อความไปให้มู่เวยเวย ฉันถึงแล้ว
ตามประสบการณ์ในอดีต มู่เวยเวยก็จะเบือนหน้าให้กับข้อความนี้ ดังนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ได้มีความหวังภายในจิตใจ ใครจะรู้ว่าผ่านไปสองนาทีเสียงข้อความมือถือก็ดังขึ้น รีบหยิบขึ้นมาอ่าน คือมู่เวยเวย
โอเค
เพียงคำเดียว แต่หัวใจของเย่ฉ่าวเฉินก็ผลิบาน ส่งข้อความต่อไปว่า: อากาศที่นี่ร้อนมาก คุณทานข้าวแล้วหรือยัง?
หลังจากส่งไปมากมาย ก็รอตอบมา
ทานแล้ว
ท่าทีแบบขอไปทีอย่างมาก แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่ถือสา พิมพ์อีกอย่างเบิกบานใจ: พรุ่งนี้ฉันจะไปดูบนเกาะ แล้วจะส่งภาพให้คุณ คุณตรวจรับอย่างระมัดระวัง
คุณส่งให้ฉันทางวีแชต ค่อนข้างสะดวกกว่า
เย่ฉ่าวเฉินมองข้อความที่เธอส่งกลับมา ทันทีก็เปิดมือถือโหลดแอปวีแชต เขาไม่ใช่คนล้าสมัย เพียงแต่เขารู้สึกว่าไม่จำเป็น การติดต่อทางโทรศัพท์ก็สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องราวได้ ทำไมต้องใช้ภาษาซับซ้อนแบบนั้นด้วยล่ะ? อีกทั้งเขาก็ไม่มีกลุ่มเพื่อนอะไรที่ต้องส่อง
หลังจากดาวน์โหลดโปรแกรมติดตั้งเรียบร้อย เย่ฉ่าวเฉินก็ป้อนข้อมูลเบอร์มือถือของมู่เวยเวย หาวีแชทเธอเจอแล้ว ชื่อเล่นเรียบง่าย เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินคิดๆแล้ว ก็ใส่ชื่อเล่นของตนเอง ฉ่ายเวย (แปลว่าถอนขน)
อย่างไรก็ตามเพื่อนวีแชทของเขาจะมีเพียงเธอคนเดียว ชื่ออะไร คนอื่นก็ฟังไม่เข้าใจ
พอเพิ่มเป็นเพื่อนวีแชท มู่เวยเวยก็ส่งข้อความหนึ่งเข้ามา โมโหอย่างมาก: เย่ฉ่าวเฉินคุณเปลี่ยนชื่อเล่นเลยนะ
เย่ฉ่าวเฉินอยู่บนเตียงยิ้มมีความสุขราวกับเด็ก
“ฉันไม่เปลี่ยน”
“คุณมันบ้า” จากคำพูดสามารถฟังออกว่าใครบางคนหงุดหงิดมากแค่ไหน
แต่เย่ฉ่าวเฉินก็ยิ่งลำพองใจ กล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “คุณด่าฉันเหรอ”
มู่เวยเวยร้องเชอะอย่างเย็นชา “รอให้จัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ฉันจะบล็อกคุณทันที ให้คุณกำเริบเสิบสาน”
เย่ฉ่าวเฉินคิดในใจ ถึงเวลาแล้วค่อยเปลี่ยน พูดกับเธอว่า “ฉันคิดว่านี่ค่อนข้างดีนะ มันเข้ากับการติดต่อของพวกเราในสองสามวันนี้”
คนทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เหยี่ยวราตรีก็ถืออาหารมื้อดึกกลับมา เย่ฉ่าวเฉินพูดคำหนึ่ง ฉันจะไปทานข้าวแล้ว คุณนอนเร็วหน่อยนะ
เป็นอย่างที่คิดทางด้านนั้นไม่ตอบกลับข้อความแล้ว ช่างเป็นผู้หญิงที่ขี้น้อยใจและใจร้ายจริงๆ
อาหารมื้อดึกดูด้วยตาแล้วก็ไม่เลว แต่พอเปิดออกก็มีกลิ่นผงกะหรี่แรงมาก เย่ฉ่าวเฉินลองชิมข้าวผัด หลังจากฝืนใจกลืนลงคอไปแล้วก็ไม่แตะอีก แต่รสชาติของกุ้งมังกรและหอยสองสามอย่างก็ไม่เลว
ก่อนนอน เย่ฉ่าวเฉินคิดถึงผู้หญิงคนนั้นที่อยู่อีกฟากฝั่งมหาสมุทร เวลานี้เมืองAก็ดึกแล้ว เขาไม่อยากรบกวนการนอนของเธอ พูดเบาๆ ในใจกับเธอว่า ราตรีสวัสดิ์
บนแปซิฟิกมีเกาะเล็กๆ อยู่สองหมื่นกว่าเกาะ ในจำนวนนั้นมีเพียงครึ่งเดียวที่มีคนอาศัยอยู่ เหยี่ยวราตรีและเย่ฉ่าวเฉินแต่งตัวเป็นนักท่องเที่ยวและไปยังฐานที่มั่นที่ซื่อซื่อเย่อยู่
บนเรือนำเที่ยว เหยี่ยวราตรีอดไม่ได้ที่จะมองเย่ฉ่าวเฉินอยู่หลายครั้ง แทบจะหัวเราะออกมา เพราะบนใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินมีหนวดเคราดกดำ แล้วก็คิ้วที่ทั้งหนาทั้งดำที่เขาวาดเป็นพิเศษในตอนเช้า หนวดเคราอาจทำให้เขามีเสน่ห์ของผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ แต่บวกกับขนคิ้วที่หนานี้แล้ว ทำให้คนอดทอดถอนใจไม่ได้ พระเจ้ายุติธรรมกับทุกคน
“น่าขำขนาดนี้เลยเหรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินถามเขาอย่างไม่พอใจมาก
เหยี่ยวราตรีหันหน้าหนีเพื่อระงับอารมณ์ แล้วหันกลับมาพูดว่า “พี่ชาย วันนี้อากาศดีจริงๆ ”
เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองเขา เพื่อไม่ทำให้เกิดความสนใจ ตอนนี้เหยี่ยวราตรีจึงเรียกเขาว่าพี่ชาย