วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 215 ตกหลุมรักเธอเข้าให้แล้ว
เมื่อเสี่ยวซีหร่านเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเขา เธอก็รีบละริมฝีปากออกจากเขา ในเวลานี้ ดวงตาของมู่เทียนเต็มไปด้วยเปลวไฟร้อนแรง
เธอเลียริมฝีปาก และดันเขาออก ยิ้มพร้อมกับพูดอย่างเรียบๆว่า “จูบได้ไม่เลวนี่”
มู่เทียนเย่รู้ว่าเขาไม่ควรรีบร้อน จึงตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คุณก็เหมือนกันครับ”
“ขอบใจสำหรับคำชม” เธอว่ายน้ำเข้ามาที่ขอบสระ ทิ้งให้ชายมองอย่างอาไรอาวรณ์ “แต่ฉันจะไม่ยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว”
มู่เทียนเย่ว่ายเข้ามาอยู่ขอบสระข้างๆเธอ และพูดกับเธอว่า “ผมยังไม่แต่งงาน และผมยังไม่มีแฟน” เขาหันไปมองเธอและพูดต่อว่า “คุณคือคนแรกและจะเป็นคนสุดท้าย”
เสี่ยวซีหร่ายิ้ม และเงยหน้ามองเขา “คุณพูดแบบนี้รู้มั้ยหมายความว่ายังไง?”
“รู้ครับ” มู่เทียนเย่ตอบ เขามองเธอครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นของเขา
“แต่ฉันอาจจะไม่ชอบนาย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะทำให้คุณชอบผม” เมื่อเขาพูดจบก็ปีนขึ้นออกจากสระ จากนั้นยื่นมือไปทางเธอ “มาครับ”
เสี่ยวซีหร่านไม่ลังเลที่จะจับมือเขา และให้เขาดึงเธอขึ้นจากสระ
“ทำไมคุณไม่ถามว่าผมเป็นใครมาจากไหน?” มู่เทียนเย่นั่งลงและยื่นน้ำมะนาวให้เธอ
เสี่ยวซีหร่านดื่มไปหนึ่งอึก และตอบกลับว่า “ถ้านายอยากพูดเดี๋ยวก็พูดเอง ทำไมฉันต้องถาม”
จากนั้นมู่เทียนเย่ก็ยื่นผ้าเช็ดตัวให้เธอ และพูดต่อว่า “ไปกันเถอะครับ วันนี้อากาศดี ผมมีเรื่องจะพูดอีกเยอะเลยครับ”
“ฉันกำลังคิดนะว่า อดีตของนายน่าจะโหดเหี้ยมทารุณน่าดู” เสี่ยวซีหร่านดื่มไปได้ครึ่งขวดก็ยื่นให้เขาดื่มต่อ เขาดื่มต่อจนหมด ไม่แสดงท่าทีรังเกียจที่ดื่มต่อจากเธอ
จากนั้นก็พูดล้อเล่นกับเธอว่า “คุณจะกลัวไหม?”
“เฮอะ” เสี่ยวซีหร่านพูดต่อว่า “ในพจนานุกรมของฉัน ไม่มีคำว่ากลัว แต่ถ้าจะมีก็คงเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากๆเท่านั้นแหละ”
“อ่อ ดูเหมือนผมมองคนไม่ผิด” มู่เทียนเย่รีบใส่ชุด และเดินไปยืนข้างเธอ และทำสีหน้ายียวน
เสี่ยวซีหร่านมองเขา จากนั้นก็พูดว่า “มู่เทียนเย่ นายอย่าชมฉันมาก เดี๋ยวฉันเหลิง”
“คุณสมควรได้รับคำชมครับ” เขาโพล่งออกมา
เสี่ยวซีหร่านได้ยินดังนั้นก็แอบหน้าแดง รีบเปลี่ยนเรื่อง “นายเข้ามาได้อย่างไร น้อยคนมากที่เดินเข้ามาถึงในนี้ได้ แต่ก่อนมีชายอวดดีคนหนึ่งเข้ามาในบ้านฉัน บังคับให้ฉันไปกินข้าวกับเขา ฉันเลยบอกกับเขาว่าถ้าเขาหาทางออกมาได้ ฉันจะไปกินข้าวด้วย แล้วนายรู้ไหมเกิดอะไรขึ้น?”
“เขาหาทางออกไม่เจอครับ” มู่เทียนเย่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เสี่ยวซีหร่านตอบกลับและหัวเราะก้าก “ไม่แค่เขาหาทางออกไม่เจอนะ แต่เขากลัวจนร้องไห้เลย”
มู่เทียนเย่ประหลาดใจถามกลับ “ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ คุณทำอะไรผู้ชายคนนั้นครับ?”
“เขาติดอยู่ข้างในหนึ่งวันเต็มๆ จนเขาจะเป็นบ้า พอฟ้าเริ่มมืด ฉันก็ให้เป้ยเปยกับโต้วโตวเข้าไปหาเขา ตอนเขาเห็นเป้ยเปยกับโต้วโตว เขาคิดว่าพวกมันจะกัดเขา เขาร้องไห้โหวกเหวกโวยวายใหญ่เลย ตอนสุดท้ายคุณอาโจวทนไม่ไหว เลยเข้ามาพาเขาออกไป จากนั้นเขาก็ไม่เคยมาให้ฉันเห็นหน้าอีกเลย”
“เป้ยเปยกับโต้วโตวคือ….”
“โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่ฉันเลี้ยงไว้” เสี่ยวซีหร่านขำไปพักหนึ่งและถามต่อ “แล้วนายล่ะเข้ามาได้อย่างไร?”
มู่เทียนเย่ตอบอย่างภูมิใจว่า “ผมลองเดินดูพักหนึ่งถึงได้รู้เขาวงกตนี้ออกแบบมาให้เป็นรูปดอกทานตะวัน และสระน้ำก็น่าจะต้องอยู่ตรงกลาง เลยเดินมาเรื่อยๆ จนถึงที่นี่”
เสี่ยวซีหร่านอึ้งกับคำที่เขาพูด เวลาแค่ไม่นานเขาก็สามารถได้ว่าที่นี่ออกแบบมาเป็นรูปอะไร เขาเป็นคนแรกที่ทำแบบนี้ได้
“พวกเราไปกินข้าวก่อนแล้วกัน กินเสร็จค่อยมาฟังเรื่องของนาย” เสี่ยวซีหร่านเดินนำเขาออกมา จากนั้นพึมพัมว่า “มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าฉันเล่าอะไรให้นายฟังบ้าง”
“คุณพูดอะไรนะครับ?” มมู่เทียนเย่ได้ยินที่เธอพูดไม่ชัด
“ไม่มีอะไร”
เมื่อทั้งสองออกมาได้แล้ว ก็แยกย้ายเดินไปทางห้องของตัวเอง ตั้งแต่ที่เขาฟื้นขึ้นมา อาโจวก็เปลี่ยนให้เขาไปนอนที่ห้องรับแขก
………………….
รุ่งเช้า พระอาทิตย์สาดแสงจ้า
ในคฤหาสต์ มีบาร์เล็ก ๆ บนชั้นสอง เสี่ยวซีหร่านนั่งและฟังเขาเมื่อได้ยินเขาเล่าเรื่อง เมื่อได้ยินชื่อ “เย่ฉ่าวเฉิน ” เธอก็ตกใจเล็กน้อย
มู่เทียนเย่สังเกตเห็นอาการของเธอ จึงถามว่า “คุณรู้จักเย่ฉ๋าวเฉินหรือครับ?”
เสี่ยวซีหร่านส่ายหัว “ไม่รู้จัก แค่เคยได้ยินเพื่อนพูดถึงชื่อนี้ นายเล่าต่อ”
มู่เทียนเย่เล่าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเแ็นเรื่องที่พ่อแม่เขาเสียชีวิต เรื่องที่ทะเลาะบาดหมางกับเย่ฉ่าวเฉิน รวมไปถึงเรื่องของน้องสาวเขา มู่เวยเวย
“ดีกว่าที่ฉันคิดไว้” เสี่ยวซีหร่านพูดอย่างโล่งอก
“คุณคิดว่าผมเป็นอย่างไร?”
เสี่ยวซีหร่านตอบกลับว่า “ฉันคิดว่านายโดนพวกยากูซ่าไล่ตามฆ่า ที่ไหนได้คือหัวหน้าพรรคมูชิของเมืองเอ”
“ตอนนี้ผมเป็นห่วงน้องสาวของผมมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง”
“ให้ฉันทายนะ ฉันคิดว่าเธอไม่ได้อยู่กับเย่ฉ่าวเฉิน”
มู่เทียนเย่มองเธอด้วยความสงสัย “ทำไมคุณรู้?”
เสี่ยวซีหร่านครุ่นคิดเล็กน้อย และตอบกลับว่า “มีครั้งหนึ่งฉันไดยินมาว่าเมืองเอมีหมอเก่งๆอยู่ท่านหนึ่ง ฉันเลยไปที่เมืองเอ เพื่อตามหาเขามาดูอาการของนาย และฉันก็ได้พบสาวคนหนึ่ง หน้าตาสะสวย เธอเหมือนจะคนของบริษัทเอ็มเค ที่มาจากฮ่องกง และจากที่ฉันดู ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเย่ฉ่าวเฉินก็เหมือนจะไม่แย่ และที่ฉันหาหมอมารักษานายได้ ก็เพราะความช่วยเหลือจากเธอ ครั้งก่อนที่เธอมาคุยธุรกิจกับเย่ฉ่าวเฉินที่เมืองเอส เธอก็เคยมาหาฉันที่นี่ เคยเจอนายด้วย”
มู่เทียนเย่คิดหนัก “หรือว่าเขาจะทิ้งมู่เวยเวย?” จากนั้นก็พูดต่อว่า “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี ผมกลัวว่าน้องผมจะเป็นอะไรไป”
เสี่ยวซีหร่านยื่นโทรศัพท์ให้เขา “จะคิดอะไรเยอะแยะ นายโทรหาเธอก็รู้แล้ว”
“ผมเคยโทรแล้วครับ แต่ติดต่อไม่ได้” มู่เทียนเย่กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล
เสี่ยวซีหร่านเห็นสีหน้าของเขาก็อดห่วงไม่ได้ “ความสัมพันธ์ของฉันกับฉู่เหยียนค่อนข้างดี แต่ฉันไม่เคยได้ยินเธอพูดเรื่องของมู่เวยเวยเลย”
“ฉู่เหยียน?” มู่เทียนเย่ถาม
“อ่อเธอก็คือผู้หญิงที่ฉันเล่าเมื่อกี้ไง” เสี่ยวซีหร่านอธิบายต่อว่า “เอาแบบนี้ไหม ฉันถามกับเธอให้ ว่ารู้จักมู่เวยเวยหรือเปล่า?”
มู่เทียนเย่ลังเลสักพัก และตอบกลับว่า “ผมไม่อยากให้คุณลำบาก”
เสี่ยวซีหร่านยิ้มและตอบกลับว่า “ลำบากอะไรกัน วันก่อนที่เมืองเอเกิดแผ่นดินไหว นายน่าจะยิ่งอยากรู้ว่ามู่เวยเวยปลอดภัยดีไหม”
คำพูดของเสี่ยวซีหร่านจี้ใจเขา วันก่อนข่าวออกว่า ที่เมืองเอเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงมาก และเขาก็ไม่รู้เลยว่าที่ติดต่อมู่เวยเวยไม่ได้ เพราะเธอหนีจากเย่ฉ่าวเฉินตั้งนานแล้ว หรือเพราะว่าแผ่นดินไหว ถ้าเป็นเพราะอย่างหลัง….. เขาไม่อยากจะคิดต่อเลย
“ขอบคุณครับ”
เสี่ยวซีหร่านเลื่อนหาชื่อฉู่เหยียนเพื่อจะโทรหาเธอ “เรื่องเล็กน้อย อย่าคิดมาก…… ฮัลโหล อาเหยียน ฉันเห็นข่าวเมืองเอเกิดแผ่นดินไหว เธอโอเคไหม? ไม่กี่วันมานี้ฉันติดต่อเธอไม่ได้เลย”
“ฉันโอเค ยังดีอยู๋ คุณไม่ต้องห่วง” เสียงของฉู่เหยียนลอดออกมา
“งั้นก็ดีแล้ว” เสี่ยวซีหร่านกล่าวจบก็หันไปมองอาการของมู่เทียเย่เล็กน้อย และถามต่อว่า “อาเหยียน ฉันมีคำถามอยากจะถาม แต่ไม่รู้ว่าจะถามได้ไหม”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว ถามมาซิ”
“เธอคบกับเย่ฉ่าวเฉินแล้วหรือ?” เสี่ยวซีหร่านไม่อ้อมค้อม ถามไปตรงๆ
อีกฝากสายเงียบไปสองวิ จากนั้นก็ตอบกลับมาว่า “ใช่ คบกันแล้ว”
“อาเหยียน เมื่อสองวันฉันได้ยินข่าวว่า เย่ฉ่าวเฉินแต่งงานแล้ว แล้วพวกเธอ….” เสี่ยวซีหร่านหยุดไว้แค่นั้น แล้วให้เธอคิดต่อไปเอง บางเรื่องไม่ต้องพูดออกมาหมดก็ได้
ฉู่เหยียนเงียบไปพักหนึ่ง และตอบกลับว่า
“ซีหร่าน ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกเธฮเรื่องนี้นะ แต่เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเย่ฉ่าวเฉิน ฉันเลยพูดอะไรมากไม่ได้ เย่ฉ่าวเฉินเคยบอกว่า ภรรยาของเขาไปเรียนต่อที่ยุโรป ถ้ามู่เวยเวยภรรยาของเขากลับมา วันนั้นฉันก็ต้องหายตัวไป”
เสี่ยวซีหร่านได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ และคิดว่าผู้หญิงอย่างเธอมีทุกอย่างที่ผู้ชายต้องการ แล้วทำไมเธอกลับยอมเย่ฉ่าวเฉินมาอยู่ในฐานะแบบนี้
แต่เพราะเธฮเป็นแค่เพื่อนทั่วไป จึงไม่สามารถพูดเยอะเกินไป “อาเหยียน นี่เป็นเรื่องของเธอ แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำให้ตัวเองเสียใจนะ”
“อืมๆ ฉันรู้”
“มีอะไรโทรหาฉันนะ”
“โอเค”
หลังจากวางสาย เสี่ยวซีหร่านก็ได้พูดกับมุ่เทียนเย่ว่า “ครึ่งปีก่อนมู่เวยเวยได้ไปเรียนต่อที่ยุโรปแล้ว จากที่ฟังเธอพูด เหมือนเขาท้งคู่มีเรื่องที่ปกปิดไว้อยู่”
มู่เทียนเย่ส่ายหัวไม่อยากจะเชื่อ “ตอนนั้นเย่ฉ่าวเฉินบอกว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอไปไหน แม้ตายไปแล้วเขาก็จะอยู่ข้างเธอ แล้วเขาจะยอมให้มู่เวยเวยไปเรียนต่อได้อย่างไร อีกอย่างตอนนั้นมู่เวยเวยกำลังท้อง ยิ่งทำให้เขาไม่น่าจะปล่อยให้เธอไปได้”
“ท้อง?” เสี่ยวซีหร่านตกใจ “ต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาแน่ๆ แต่ตอนนี้มั่นใจได้อย่างหนึ่งก็คือ เธอหายไปก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว”
มู่เทียนเย่พยักหน้าเห็นด้วย แต่จากนั้นเขาก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า ” มู่เวยเวยเป็นคนหัวรั้นมาก ตอนนั้นเธอเห็นผมจมลงไปในทะเล ผมกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตายตามผมไป”
“ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก” เสี่ยวซีหร่านเอ่ยปลอบเขา “เพราะถ้าน้องสาวนายฆ่าตัวตายแล้วจริงๆ เย่ฉ่าวเฉินคงจะประกาศว่าเธอเป็นโรคร้ายและตายไปแล้ว แต่ทำไมเขากลับประกาศว่าเธอแค่ไปเรียนต่อล่ะ?”
“คุณพูดก็ถูก มันน่าจะเป็นแบบนั้น” มู่เทียนเย่กล่าว ในใจเริ่มมีความหวังขึ้นมา
เสี่ยวซีหร่านถามกลับเขา “นายอยากกลับไปที่เมืองเอไหม?
มู่เทียนเย่หันไปมองเธฮ “คุณไล่ผมหรือ?”
เสี่ยวซีหร่านขำและพูดว่า “แล้วแต่จะคิด อย่างไรซะบ้านฉันก็ใหญ่โตกว้างขวาง”
“ช่วงนี้คงยังไม่กลับไปครับ รอให้ทุกอย่างชัดเจนกว่านี้ก่อน ค่อยว่ากันอีกทีครับ”
เขาหายไปเป็นปีๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกน้องเขาอยู่ที่ไหนบ้าง บริษัทที่เขาเคยดูแลอยู่ ก็ไม่รู้เปลี่ยนเจ้าของหรือยัง เขาต้องหาข้อมูลพวกนี้ให้แน่ใจก่อน เพราะถ้าเขากลับไปตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย
เสี่ยวซีหร่านรู้ว่าเธอไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้มากเกินไป แต่เธอก็มั่นใจว่ามู่เทียนจะสามารถจัดการทุกอย่างได้ “มีอะไรอะไรก็บอกฉัน ไม่ต้องเกรงใจ”
“พอดีตอนนี้ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยครับ”
“พูด”
“ผมขอใช้คอมพ์ของคุณครับ”
เสี่ยวซีหร่านเกือบพ่นเหล้าออกมา เธอนึกว่าเขาจะขอยืมคนของเธอไปจัดการใคร ที่ไหนได้เขาแค่จะยืมคอมพ์เธอ?
“ไม่มีปัญหา ใช้ได้ตามสบาย ฉันไม่ได้ใส่รหัส”
“ขอบคุณมากครับ” พูดจบ เขาก็วางแก้วเหล้าลงบนบาร์ จากนั้นเตรียมจะเดินออกไป
“มู่เทียนเย่” เสี่ยวซีหร่านเรียกเขา และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฉันไม่รู้ว่าระหว่างนายกับเย่ฉ่าวเฉินมีความแค้นอะไรกัน แต่ขอล่ะอย่าทำร้ายเพื่อนฉัน ฉู่เหยียน”
มู่เทียนเย่ ก็ตอบกลับเธอด้วยท่าทางจริงจังว่า “ไม่แน่นอนครับ”
“โอเค คอมพ์วางอยู่ที่ห้องฉัน ฉันพานายไป”
ภายนอกเสี่ยวซีหร่านดูเป็นคนกระแข็งด้าง แต่เมื่อมู่เทียนเย่เห็นโน้ตบุ้คของเธอก็อึ้งไปเล็กน้อยกับสีชมพูหวานแว๋วของโน้ตบุ้คเธอ
“ทำไม ฉันจะมีอารมณ์ผู้หญิงหวานบ้างไม่ได้?”
มู่เทียนเย่ยิ้มเล็กน้อย และตอบกลับว่า “เปล่าครับ แค่คิดไม่ถึง….”
เฮอะ” เสี่ยวซีหร่านหมุนตัวจะเดินออกไป หันมาถามเขาว่า “เอากาแฟไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
มู่เทียนเย่รีบเปิดโน้ตบุ้ค และล็อกอินรหัสธนาคาร เห็นยอดเงินคงเหลือก็ยิ้มออกมา จากน้นเขาก็เปิดเข้าเว็บไซต์อีกธนาคารหนึ่ง ก็เห็นยอดเงินคงเหลือเหมือนเดิม
ดูเหมือนว่า เขาจะเลือกคนไม่ผิด
ตอนนั้นที่เขาเตรียมจะสะสางกับเย่ฉ่าวเฉิน เขาได้เตรียมมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทุกๆเดือนเขาจะโอนเงินเข้าไปในบัญชีพวกนี้ อีกอย่างบัญชีพวกนี้ เขาใช้ชื่อของมู่เวยเวยเปิด เพราะเขากลัวว่าวันหนึ่งเขาตายไป มู่เวยเวยก็ยังจะมีเงินพวกนี้ซัพพอร์ตอยู่
แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ทีมที่เขาจ้างมาทำจากต่างประเทศ จะสามารถหาเงินได้เยอะขนาดนี้
เขาเปิดอีเมล์ที่ไม่ใช้มานาน จากนั้นส่งข้อความให้ชายรูปหล่อที่ชื่อไมเคิลว่า “ฉันกลับมาแล้ว”
สองนาทีผ่านไป เขาก็ได้รับอีเมล์อีก ยิ่งทำให้เขาขำหนักกว่าเดิม เนื้อความเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “นายหลอกฉันไม่ได้หรอก”
พระเจ้า ผู้ชายต่างชาติคนนี้เคยเจอเหตุการณ์อะไรที่จีน?
มู่เทียนเย่ขำกับคำที่เขาได้รับ และตอบกลับว่า ไมเคิล ผู้หญิงที่นายเคยชอบมากที่สุดเเป็นคนฝรั่งเศส นายชอบกินกม้อไฟที่สุด และงานที่ชอบมากที่สุดก็คือเล่นเกมออนไลน์
พิมเสร็จเขา็กดส่งไป รอไม่นานทางนั้นก็ตอบกลับมา “พระเจ้าช่วย โฮลลี่ชิต”
อีกครู่นึงก็มีข้อความส่งมาอีกว่า
มู่ นี่นายจริงๆหรือ? พระเจ้า ไม่อยากจะเชื่อ นายยังมีชีวิตอยู่ นายอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปหานาย”
มู่เทียนเย่ตอบกลับว่า “เอาเบอร์นายมา เดี๋ยวฉันโทรหา”
ไม่นานก็มีข้อความส่งเบอร์มือถือกลับมา
มู่เทียนเย่ท่องหนึ่งรอบ และปิดโน้ตบุ้ค
จากนั้นเขาก็เดินไปหาเสี่ยวซีหร่าน เธอกำลังให้อาหารปลาอยู่ เมื่อเธอเห็นเขาก็ถามว่า “เสร็จแล้วหรือ?”
“โทรศัพท์ละครับ ผมขอยืมหน่อย” มู่เทียนเย่กล่าว
“อยู่ในกระเป๋า นายหยิบเอาเอง” มือของเสี่ยวซีหร่านเต็มไปด้วยอาหารปลา หยิบให้เขาไม่ได้
มู่เทียนเย่เดินไปข้างหน้าเธอ และล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงเธอเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ หน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนได้กลิ่นหอมของอีกฝ่าย เขาใจเต้นตึกตัก
เมื่อเขาหยิบออกมาได้แล้ว ก็กดโทรออกหาเบอร์ที่ท่องมาเมื่อกี้
ไม่นานก็มีคนรับสาย
มู่เทียนเย่สนทนากับเขาโดยใช้ภาษาอังกฤษ “ไมเคิล ไม่เจอกันนาน”
“พระเจ้า พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เป็นนายจริงๆด้วย ฉันนึกว่าฉันกำลังฝัน” ไมเคิลตกใจไม่หยุด และหยิบโทรศัพท์ออกห่างจากหู
เมื่อเขาเห็นว่าไมเคิลสงบลง จึงถามต่อ “บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ปกติดีทุกอย่าง มู่ ปีที่ผ่านมานายหายไปไหนมา? พวกเขาบอกว่านายจมลงทะเลไปแล้ว”
มู่เทียนหันไปมองสี่ยวเย่หร่าน จากนั้นตอบกลับว่า “มีนางฟ้าคนสวยคนหนึ่งช่วยฉันไว้”
เสี่ยวซีหร่านได้ยินที่เขาพูด ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้ามองหน้าเขาแล้วหัวเราะเบาๆ
“ต้องเป็นคนที่สวรรค์ตั้งใจส่งลงมาให้ช่วยแน่ๆ” ไมเคิลพูด “มู่ แล้วนายจะกลับมาตอนไหน? หรือว่าจะให้ฉันไปหานาย?”
“ไม่ ตอนนี้ฉันยังไม่กลับไป ยังไม่ถึงเวลา”
“อ่อ พระเจ้า ทำไมพวกนายเอาแต่พูดเรื่องโอกาสเรื่องเวลา ไม่เข้าใจจริงๆ”
มู่เทียนเย่ขำ “ไมเคิล คนของฉันเมื่อก่อน ยังอยู่ไหม?”
“หลังจากที่ทุกคนคิดว่านายตาย ก็แยกย้ายกันไปหมด ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนกัน” ไมเคิลตอบกลับ
ทุกอย่างเป็นอย่างที่เขาเดาไว้ ไม่ได้ผิดหวังอะไร เพราะแบบนี้ก็เป้นเรื่องปกติของทุกคน มันคงไม่มีใครภักดีตลอดไปเมื่อรู้ว่าเจ้านายตายแล้วหรอก น่าขำเกินไป
“ไมเคิล ฉันอยากให้ช่วยฉันสืบเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร?”
มู่เทียนเย่ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ช่วยไปสืบว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวฉัน”
“โอเค แล้วฉันจะติดต่อกับนายอย่างไร? เบอร์นี้หรือ?”
“รอแปป ฉันถามนางฟ้าก่อนว่าได้ไหม””มู่เทียนเย่หันไปถามเสี่ยวซีหร่านว่า “ถ้าเพื่อนผมอยากจะติดต่อกับผม สามารถโทรเข้าเบอร์คุณได้ไหม?”
“โอเค” เสี่ยวซีหร่านตอบ
มู่เทียนเย่หันไปคุยโทรศัพท์กับไมเคิลต่อ “พระเจ้า นางฟ้าอยู่ข้างนายหรือ? เธอสวยมากไหม?”
“สวยมากๆ” มู่เทียนกล่าว
“มู่ นายนี่มันโชคดีจริงๆ”
มู่เทียนเย่ไม่พูดกับเขาต่อ รีบตัดบทว่า “ไมเคิล นายส่งรายงานสำคัญของบริษัทช่วยครึ่งปีมาให้ฉันทางอีเมล์ที”
“ได้ ไม่มีปัญหา ฉันส่งให้ตอนนี้แหละ”
คุยได้สักพัก มู่เทียนเย่ก็วางสาย จากนั้นวางโทรศัพท์คืนใส่กระเป๋ากางเกงเธอ และมองดูปลาที่อยู่ในบ่อ พร้อมพูดว่า “สวยมาก”
“แน่นอน นี่เป็นปลาที่ฉันหามาจากทั่วโลก” เสี่ยวซีหร่านพูดอย่างภาคภูมิใจ
มู่เทียนเย่ฟังเธอพูดจบ ก็หันหน้าไปหาเธอ ตอนนี้หน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ เขาคิดในใจ อยากจะกัดริมฝีปากเธอสักคำ
“เก็บไปเลยนะสายตาแบบนั้น” เสี่ยวซีหร่านพูด ใจเธอเต้นแรงมาก เธอรู้สึกว่าหน้าของเธอร้อนผ่าวๆ
“คุณก็สวยมากเหมือนกัน” มู่เทียนเย่กล่าวชม
“ฉันรู้แล้ว” เสี่ยวซีหร่านตอบกลับ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็ได้รับคำชมแบบนี้
มู่เทียนเย่แอบยิ้ม และหันไปมองดูปลาต่อ
……………………..
ไม่นานไมเคิลก็ส่งข่าวมา ยิ่งทำให้เขาเป็นกังวลมากขึ้น ใจคิดว่าอยากจะเอาปืนไปยิ่งไอ้สารเลวหนานกงทิ้งซะ ทำไมทุกที่มีแต่มัน”
แต่ว่า ใครเป็นคนลักพาตัวมู่เวยเวย? พวกมันคิดจะทำอะไร?
โลกนี้กว้างมาก ถ้าคิดจะตามหาคนที่หายตัวไป แม้จะใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาเจอ
พอเสี่ยวซีหร่านรู้เรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้เข้าใจความหมายที่ฉู่เหยียนเคยพูด
มู่เทียนเย่ออกกำลังมากขึ้นทุกวันทุกวัน เพียงแค่อาทิตย์เดียว ร่างกายของเขาก็ฟื้นตัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่วันนี้เสี่ยวซีหร่านสังเกตว่าเหมือนจิตใจของเขาหดหู่
ตกกลางคืน เสี่ยวซีหร่านยกเหล้ามาที่ลานกว้างหน้าบ้าน มองหน้าเขาและยื่นแก้วเหล้าส่งให้เขา จากนั้นก็นั่งลงข้างๆเขา
“วันนี้คุณอารมณ์ไม่ค่อยดีหรือ?”
มู่เทียนเย่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหดหู่ “วันนี้เป็นวันตายของพ่อแม่ผม”
เสี่ยวซีหร่านชะงักไปชั่วครู่ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง เธอเป็นพวกปลอบคนไม่เก่ง เลยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเขา
“พ่อแม่ของผมเขารักกันมาก รักกันมานานมาก ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมไม่เคยเห็นพ่อว่าแม่เลยสักครั้ง กลับกันแม่มักจะเป็นฝ่ายว่าพ่อ” พูดถึงตรงนี้ มู่เทียนเย่ก็ยิ้มออกมา “ปีนั้นผมต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียน พอพ่อรู้เรื่องเข้า ผมขอให้ท่านอย่าบอกแม่ พ่อก็สัญญาว่าจะไม่พูด พ่อบอกผมว่าผู้ชายก็เป็นแบบนี้ แต่คิดไม่ถึงว่ามีวันหนึ่งแม่เกิดรู้เขา สั่งให้พ่อกับผมล้างจานไปหนึ่งอาทิตย์ โชคดีนะที่ตอนนั้นเป็นหน้าร้อน น้ำเลยไม่เย็นเท่าไหร่”
“ทำไมต้องสั่งให้ล้างจาน” เสี่ยวซีหร่านถาม
มู่เทียนเย่จิบเหล้าไปหนึ่งอึก และตอบว่า “เพราะพ่อผมเกลียดการล้างจานมาก ตั้งแต่ตอนนั้น พ่อก็ไม่ช่วยผมปิดแม่อีกเลย เด็กผู้ชายบ้านอื่นจะโดนพ่อตี แต่ผมกลับโดนแม่ตี ไม่เพียงแค่นั้นนะ พ่อผมยังยืนอยู่ข้างๆ ยื่นไม้ให้แม่ตีผมอีกด้วย”
“ดูอบอุ่นมากเลย” เสี่ยวซีหร่านบอก บ้านของเธอไม่มีสถานการณ์แบบนี้ เพราะงานบ้านทุกอย่างมีคนจัดการไว้ให้หมดแล้ว
“ใช่ครับ อบอุ่นมาก” มู่เทียนเย่กล่าว และนึกย้อนไปเรื่องวันวาน “แต่ถึงพวกเขาจะดีมากแค่ไหน พวกเขาก็ไปจากโลกนี้แล้วครับ”
“พวกเขาเป็นอะไรเสียหรือ?” เสี่ยวซีหร่านทนไม่ไหวถาม
“รถชนครับ” มู่เทียนเย่ถอนหายใน “พวกท่านไปพร้อมกันก็ดีครับ จะได้ไม่เหงา”
แต่เขาก็ไม่คิดไม่ฝันว่า หลังจากที่พวกท่านจากไปแล้ว ที่บ้านจะอยู่แตกแยกออกไปแบบนี้ แม้กระทั่งวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพวกท่าน พวกเขายังรวมตัวกันไปวางดอกไม้หน้าหลุมศพไม่ได้
เสี่ยวซีหร่านพยายามพูดปลอบเขา “ฉันเชื่อนะว่า แค่นายนึกถึงพวกท่าน จดจำพวกท่านไว้ในหัวใจ แม้ว่านายจะไม่สามารถทำสิ่งพวกนั้นได้ พวกท่านก็จะไม่มีทางโทษนาย”
“ผมรู้ครับ” มู่เทียนเย่ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แต่ภายในใจผมก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน พ่อกับแม่ไว้ใจฝากฝังน้องสาวไว้กับผม แต่ผมก็ไม่สามารถดูแลเธอได้ ผมนี่เป็นพี่ชายที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี”
เสี่ยวเย่หร่านมองไปที่เขา รู้สึกปวดใจที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ภายนอกดูแข็งแกร่งจะมีช่วงเวลาที่ใจอ่อนแอ แบบนี้ยิ่งทำให้เธอชอบเขามากขึ้น
“นายทำดีแล้ว มู่เวยเวยต้องไม่เป็นอะไร” เสี่ยวซีหร่านกล่าวปลอบ
มู่เทียนเย่ยกแก้วดื่ม และเทใส่แก้วเพิ่ม จากนั้นถามเธอ “ทำไมคุณกลับประเทศหรือครับ?”
“ที่นี่อิสระ ฉันอยากจะทำอะไรก็ทำ เวลาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ พวกเขาชอบจับตาดูฉัน และก็ชอบแนะนำผู้ชายคนนั้นคนนี้มาให้ฉันรู้จัก เร่งให้ฉันแต่งงาน” เสี่ยวซีหร่านนึกถึงช่วงเวลานั้นก็รุ็สึกปวดหัว
มู่เทียนเย่ตอบสั้นๆ “อ่อ” และพูดต่อว่า “งั้นก็อยู่นี่แหละดีแล้ว”
เสี่ยวซีหร่านเหลือบมองไปทางเขา และพูดต่อว่า “ฉันน่ะไม่สนใจเรื่องทำธุรกิจหรอก ฉันชอบไปเที่ยวรอบโลก สำรวจความมหัสจรรย์ของธรรมชาติ แต่พวกท่านมักจะบอกกับฉันว่ามันอันตรายเกินไป ฉันรู้นะว่าพวกท่านกลัวว่าฉันจะเป็นอะไรไปแล้วจะไม่มีคนสืบต่อกิจการ ฉันเคยล้อเล่นกับพวกท่านว่าให้มีลูกอีกคนซิ แม่นี่มองฉันตาเขม็งเลย ฮ่าๆๆ ท่านเป็นแม่ที่น่ารักคนหนึ่งเลยแหละ”
ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน พลางดื่มเหล้าไป เมื่อเหล้าหมด อาโจวก็ยกมาเสิร์ฟอีก
หลังจากที่พวกเขาได้เล่าประสบการณ์ของตัวเอง มู่เทียนเย่ก็รู้สึกสนใจและหลงใหลในประสบการณ์ของเสี่ยวซีหร่านมาก เพราะเธอมีประสบการณ์ที่ค่อนข้างจะหลายหลาย และตื่นเต้นกว่าคนทั่วไปมาก
เหล้าหมดไปสองขวด มู่เทียนเย่ผู้ที่ไม่เคยเมา เริ่มมีความรู้สึกมึนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาเมาเหล้าหรือเมาบรรยากาศกันแน่
เสี่ยวซีหร่านเมาหนักกว่ามู่เทียนเย่ เธอลุกขึ้นเต้นบัลเลต์บนสนามหญ้า แสงจันทร์ที่ส่องกระทบลงมาบนร่างเธอ ช่างทำให้คนหลงใหลยิ่งนัก ประกอบกับท่าทางการเต้นของเธอ ไม่นานหัวใจของมู่เทียนเย่ก็ถูกเธอตกไปเป็นที่เรียบร้อย
เต้นเสร็จ เธอก็เซกลับมาที่โต๊ะ เตรียมจะเทเหล้าใส่แก้วตัวเอง เธอเมาจนขาอ่อนและจะล้ม มู่เทียนเย่เห็นดังนั้นจึงรีบคว้าเธอเข้าและนั่งลงบนตักของเขา
“ทำไมคุณดีกับผมขนาดนี้ครับ?” มู่เทียนเย่จ้องที่ตาของเธอ
เสี่ยวซีหร่านใช้มือยกคางของเขา จากนั้นขยับเข้าไปพูดใกล้ปากของเขาว่า “นายเป็นคนของฉัน ฉันก็ต้องดีกับนายซิ”
มู่เทียนเย่ตอบกลับว่า “ผมเป็นคนของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เสี่ยวซีหร่านมองดูลำคอที่ยาวสง่าของเขา อยากจะกัดเสียจริง
“อ่า ฉันคิดออกแล้ว ครั้งก่อฉนช่วยผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมาจากทะเล เขาหล่อมาก จากนั้นฉันก็ประกาศออกไปว่าเขาคือคนของฉัน” พูดจบ เธอก็ยื่นมือไปจับหน้าของเขา และพูดว่า “นายดูซิ สายตาฉันนี่เฉียบมากๆเลย”
“ครับ สายตาคุณดีมาก สายตาของผมก็ดีมากเหมือนกัน”
เสี่ยวซีหร่านมองตาเขา และไม่รู้ว่าถูกสายตาของมู่เทียนเย่ดึงดูด หรือเธอเมามากกันแน่ เมื่อเธอเห็นเขาก้มหัวลงมา เธอก็รีบเงยขึ้นไปประกบปากเขา
มู่เทียนเย่เห็นดังนั้น เขาก็กอดเธอแน่นขึ้น จูบลึกขึ้นๆ…
มู่เทียนเย่ตกหลุมรักในความอ่อนโยนของเธอเสียแล้ว ก่อนที่เขาจะคุมตัวเองไม่อยู่ เขารีบควบคุมสติพาเธอไปส่งที่ห้อง
เมื่อถึงห้อง เสี่ยวซีหร่านถามเขาว่า
“นายจะไปไหน?”
พระเจ้ารู้ว่ามู่เทียนเย่ อยากจะได้เธอมาก แต่เขาจะทำแบบนั้นกับเธอตอนนี้ไม่ได้
“คุณเมามากแล้ว นอนพักผ่อนนะครับ”
เสี่ยวซีหร่านได้ยินแบบนั้นก็เอาแขนพาดไปที่คอของเขา และพูดว่า “ไม่ นายต้องนอนกับฉัน”
“ซีหร่าน คุณรู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา?” มู่เทียนเย่ถามกลับ พร้อมกับจ้องเธอตาเขม็ง
เสี่ยวซีหร่านยื่นหน้าเข้าไปกัดที่ติ่งหูเขาเบาๆ และกระซิบว่า “รู้ซิ มู่เทียนเย่ นายคือคนของฉัน ฉันไม่อนุญาตให้ไปไหนทั้งนั้น”
“เพล้ง”
ความอดทนเส้นสุดท้ายของเขาขาดลง
จากนั้นการดวลที่ดุเดือดของเขาทั้งสองก็เริ่มขึ้น
มู่เทียนเย่อยากจะควบคุมเธอ แต่ดูเหมือนกับว่าบางคร้ังก็โดนเสี่ยวซีหร่านควบคุม เธอมัดใจผู้ชายคนนี้ได้อยู่หมัดเสียแล้ว
เมื่อการดวลจบลง พวกเขาก็หลับไปในเวลาเที่ยงคืน
เที่ยงของอีกวัน เสี่ยวซีหร่านลืมตาตื่นมา ก็เห็นว่ามู่เทียนเย่กำลังแอบมองเธออยู่
เสี่ยวซีหร่านนึกย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอไม่ได้แสดงอาการตกใจใดๆออกมา และถามพร้อมกับยิ้มเบาๆว่า “กี่โมงแล้ว?”
มู่เทียนเย่ถอนหายใจและเอื้อมไปคว้ามือเธอมาทาบที่อกซ้าย “บ่ายโมงแล้วครับ คุณฟังเสียงใจผมเต้น”
“ตึกๆๆๆๆ….” เสียงใจเขาเต้นรัว เขาตื่นเต้นมาก
เสี่ยวซีหร่านยิ้มหวานและถามเขากลับว่า “กลัวอะไร?”
มู่เทียนมองนัยตาเธอและยิ้มออกมา ตอบว่า “กลัวคุณไม่รับผิดชอบผม ผมเป็นผู้ชายของคุณ ผมกลัวคุณตื่นมาแล้วจะลืมคำนี้ไป”
เสี่ยวซีหร่านได้ยินดังนั้น ก็หน้าแดงเล็กน้อย ไม่กล้าจะสบตาเขา และตอบกลับด้วยท่าทีเขินอายว่า “ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”
“แล้วคุณจะรับผิดชอบไหมครับ?” มู่เทียนเย่แกล้งถามต่อ
เสี่ยวซีหร่านเขินจนทำตัวไม่ถูก เมื่อวานเธอเมามาก มากจนกล้าพูดคำพวกนี้ออกมา แม้ว่าเธอจะชอบเขามากก็ตาม
“พูดซิครับ รับผิดชอบไหม?” มู่เทียนเย่ถามต่อ และค่อยๆก้มหัวลง
เสี่ยวซีหร่ายิ้มอ่อน
“ซีหร่าน พูดซิว่าคุณจะรับผิดชอบ ผมอยากได้ยินคุณพูดคำนี้หลังจากที่คุณมีสติ” มู่เทียนเย่ยังพูดต่อ
“มู่เทียนเย่ นายอย่าทำแบบนี้…”
มู่เทียนเย่หัวเราะและแกล้งถามว่า “อย่าทำแบบไหนครับ?หืม?”
เสี่ยวซีหร่านโแพ้ทางเขาอย่างราบคาบ
“ว่าไงครับ รับผิดชอบผมไหม?” มู่เทียนเย่ถามต่อ
“รับ..รับผิดชอบ” เสี่ยวซีหร่านตอบกลับ แม้เธอจะดื้อดันแค่ไหน แต่ก็ต้องแพ้ทางให้คนอย่างเขา
เหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้น ขณะที่ทั้งสองเมา ทำให้จำได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็มีสติดีพอที่จะจดจำช่วงเวลานี้
ในที่สุดเกมนี้ก็จบลง มู่เทียนเย่สารภาพกับเธอก่อนว่า “ซีหร่าน ผมตกหลุมรักคุณเข้าให้แล้ว”
เสี่ยวีหร่านตะลึงไปชั่วครู่ เธอมองเห็นความรักในตาของเขา เธอไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วและตรงไปตรงมาขนาดนี้ แต่เธอก็ชอบมันมาก
เสี่ยวซีหร่านตอบกลับด้วยความรู้สึกเบิกบานใจ “มู่เทียนเย่ นายไม่รู้หรือว่าการสารภาพรักขณะที่อยู่บนเตียง กับสารภาพหลังจากเสร็จเรื่องบนเตียง เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจริงใจ?”
“ไม่ครับ ผมยิ่งรู้สึกว่ามันจริงใจมากกว่าเดิม แบบนี้ทำให้คุณเข้าใจในตัวผม ภายภาคหน้าจะได้ไม่กังวล”
เสี่ยวซีหร่านถาม “กังวลอะไร?”
“กังวลว่าผมไม่สามารถทำให้คุณพอใจได้” มู่เทียนเย่ยิ้มเจ้าเล่ห์
เสี่ยวซีหร่านจ้องเขาเขม็ง เขาพูดราวกับว่าเขาเหมือนทั่วไปๆ เพราะแท้จริงเขาพลังเยอะมาก
“แต่คุณรู้จักฉันแค่ไม่กี่วัน ก็มั่นใจแล้วหรือ?”
“ซีหร่าน มีบางคนรู้จักกันมาสิบปีก็ยังไม่รักกัน และมีบางคนแค่มองครั้งเดียวก็รัก เพราะแค่มองก็รู้ว่านี่คือคนที่ใช่ วันนั้นวันที่ผมตื่นขึ้นมา ผมรู้สึกเหมือนคุ้นหน้าคุณมาก เหมือนเคยเจอกันที่ไหน ช่วงนี้ผมลองคิดทบทวนดู น่าจะเป็นชาติที่แล้วที่เราเคยเจอกัน ก็เหมือนกับเจี่ยเป่าอวี้ตอนเจอหลินไต้อวี้ครั้งแรก เขายังพูดเลยว่า เคยเจอเธอมาก่อน”