วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 236 ความจริงที่ถูกเปิดเผย
มู่เทียนเย่ ยืนพิงขอบรั้ว ถามว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
เสี่ยวซีหร่านมองไปข้างหน้า พูดด้วยน้ำเสียงสับสน “คนที่นั่งข้างๆเย่ฉ่าวเฉินคนนั้น อ้วก”
มู่เทียนเย่ตาโต ด้วยความตกใจ
จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน โดยไม่ได้นัดหมาย
“ฮ่าๆๆเย่ฉ่าวเฉินต้องเกลียดฉันมากแน่ๆ พระเจ้าเขาคงจะเป็นบ้าตายแล้ว” เสี่ยวซีหร่านหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในอ้อมกอดของมู่เทียนเย่
ทางมู่เทียนเย่ก็ไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานมากแล้ว เขารู้สึกเหมือนความทุกข์ในใจเบาบางลง
ตรงกับสิ่งที่เสี่ยวซีหร่านคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด
ตอนที่รถไฟเหาะเคลื่อนที่ไปได้แค่ครึ่งทาง คนที่นั่งข้างๆเย่ฉ่าวเฉินก็อ้วกออกมา เสื้อของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยอ้วก…..
เย่ฉ่าวเฉินท่าทางเหมือนคนจะคลั่ง เขาไม่ได้เป็นคนรักสะอาดขนาดนั้น แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็เกินที่จะทนจริงๆ
พระเจ้า เขาคงกินอะไรไม่ได้ไปสามวัน
แต่ก็จะโทษใครไม่ได้ เพราะตอนแรกมีสาวสวยเลือกจะนั่งข้างเขา แต่เขากลับปฏิเสธ และหันไปเลือกให้ชายหนุ่มที่ดูเรียบร้อยให้นั่งข้างๆแทน
รถไฟเหาะยังคงเคลื่อนที่ต่อ ชายหนุ่มยังมีอาการกระอักกระอ่วนอยากจะอ้วกอยู่ เย่ฉ่าวเฉินได้แต่คิดในใจ เขาอยากตายมันซะตอนนี้เลย ทำไมมันนานแบบนี้ เมื่อไหร่รถไฟจะหยุดวิ่ง
ในที่สุดรถไฟก็หยุดวิ่ง เย่ฉ่าวเฉินใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิด ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออก และโยนเสื้อลงบนพื้น
ภาพลักษณ์ที่เขาสั่งสมมาตลอดสามสิบปี บัดนี้มันได้พังทลายลงไปในพริบตา
จางเห่อที่ยืนรออยู่ข้างล่าง เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น จึงเตรียมถอดสูทไว้ให้เย่ฉ่าวเฉิน เมื่อเห็นเย่ฉ่าวเฉินถอดเสื้อเสร็จก็รีบวิ่งเอาเสื้อเข้าไปให้คุณชาย
เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆไม่ถึงนาที เขาก็ได้ยินเสียงชื่นชมหุ่นของเย่ฉ่าวเฉินแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินใส่เสื้อสูทอย่างรวดเร็ว จากนั้นพูดกัดฟันกรอดๆว่า “ไปอาบน้ำ”
ถึงแม้จะเป็นแค่สูทธรรมดาๆตัวหนึ่ง แต่พอมันมาอยู่บนตัวของเย่ฉ่าวเฉินแล้ว กลับดูไม่ธรรมดาเลย สีเสื้อตัดกันกับผิวอกขาวๆของเขา ไม่ว่าผู้ชายผู้หญิงต่างก็พากันจับจ้องและรีบถ่ายรูปเก็บไว้
จบกัน เย่ฉ่าวเฉินคงเป็นเป็นหัวข้อข่าวพรุ่งนี้แน่นอน
สวนสนุกของเขาที่เพิ่งเปิดตัวให้เข้าเล่นวันนี้วันแรก แต่เจ้าของกลับถูกอ้วกใส่ และเดินแก้ผ้า ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน เรื่องนี้ก็ต้องเป็นข่าวแน่นอน
เย่ฉ่าวเฉินเดินเดินด้วยสีหน้าบึ้งตึง จางเห่อที่อยู่ข้างๆ กระซิบบอกเขาว่า “คุณชายครับ ข้างหน้ามีสวนน้ำอยู่ ภายในมีห้องอาบน้ำด้วย คุณชายไปที่นั่นไหมครับ ถือโอกาสเล่นเครื่องเล่นอันสุดท้ายพอดี”
เย่ฉ่าวเฉินหันไปจ้องเขาตาเขม็ง ตอนนี้อกเขาจะแตกตายอยู่แล้ว จางเห่อยังมีหน้ามาชวนให้เขาเล่นเครื่องเล่นอีก ช่างกล้ามาก…..
จางเห่อรับรู้ได้ถึงพลังงานอำมหิต รีบพูดต่อว่า “คุณชายครับ ผมสั่งให้คนไปเอาชุดให้แล้วนะครับ”
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้มีแต่คนมอง เขาคงจะตะโกนลั่นแล้ว
เขาหายใจเข้าออกสงบจิตสงบใจ จากนั้นกัดฟันพูดต่อว่า “นายหุบปาก!”
จางเห่อรีบรับคำสั่ง จริงๆแล้วเขาก็มีความสุขอยู่ไม่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เขาอยู่กับเย่ฉ่าวเฉินมา เขาไม่เคยเห็นเย่ฉ่าวเฉินตกอยู่ในสภาพย่ำแย่แบบนี้มาก่อน
เมื่อถึงห้องอาบน้ำของสวนน้ำ เย่ฉ่าวเฉินรีบดุ่มๆเข้าไป จากนั้นก็โยนเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยความอับอายและความเหม็นอยู่ออกมาข้างนอก
จางเห่อรีบเก็บเสื้อผ้าพวกนั้นออกไป จากนั้นเร่งให้คนเอาเสื้อผ้าใหม่มาให้
ที่สวนสนุกแห่งนี้ ถูกออกแบบให้สร้างห้องพักออกมาหนึ่งห้อง เพื่อที่บางครั้งเย่ฉ่าวเฉินจะเข้ามาอยู่ และจางเห่อก็ได้จัดเตรียมเสื้อผ้าไม่กี่ชุดกับรองเท้าไม่กี่คู่วางไว้ในห้องนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าของที่เขาเตรียม จะได้ใช้เร็วขนาดนี้
ในห้องอาบน้ำ
เย่ฉ่าวเฉินชะล้างตัวด้วยอย่างแรง อารมณ์ฉุนเฉียวในใจยังไม่จางลง
“เสี่ยวซีหร่าน ฝากไว้ก่อนเถอะ” เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันกรอด
เขาล้างสบู่สามรอบ สระผมอีกสองรอบ จากนั้นยังประโคมครีมเข้าไปอีกครึ่งขวด ถึงได้รู้สึกว่ากลิ่นของ”มัน”จางลง
เมื่อเขาออกมาก็รีบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่จางเห่อเตรียมให้ จากนั้นเรียกเขามาถามว่า “นายดมซิ ยังมีกลิ่นไหม?”
จางเห่อ เดินเข้ามาใกล้เขา จากนั้นดมอยู่พักหนึ่ง ตอบกลับว่า “คุณชายครับ ตอนนี้มีแต่กลิ่นของโลชั่นครับ”
เย่ฉ่าวเฉินได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขานั่งพักอยู่ในห้องครู่หนึ่งเสร็จ เตรียมจะออกไปทำธุระต่อให้เสร็จ เสี่ยวซีหร่านก็โทรเข้ามา
เขารับสายด้วยความโกรธแค้น ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร ปลายก็มีเสียงหัวชอบใจดังออกมา “เย่ฉ่าวเฉิน กลิ่นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
เย่ฉ่าวเฉินนึกภาพและความรู้สึกตอนนั้น ก็รู้สึกได้กลิ่นขึ้นมา เขาค่อยๆพูดกับเธอด้วยความแค้นว่า “เสี่ยวซีหร่าน ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสี่ยวซีหร่านยังคงหัวเราะชอบใจ จากนั้นตอบกลับว่า “เย่ฉ่าวเฉิน นายก็อย่าเพิ่งรีบด่วนจบซิ พักพอหรือยัง? ตอนนี้นายยังมีอีกอันหนึ่งยังไม่ได้เล่นเลย รีบมาเล่นซิ ฉันยอมหิวเพื่อที่จะเฝ้าดูนายแสดงเลยนะ ถ้านายเล่นเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราไปกินข้าวด้วยกัน”
เย่ฉ่าวเฉินโกรธจนจะปาโทรศัพท์ทิ้ง ถามกลับว่า “เธอบอกว่าไม่กินข้าวกับฉันไม่ใช่หรือ?”
“พี่สาวตอนนี้ฉันสนใจจะไปแล้วอ่าค่ะ” เสี่ยวซีหร่านยั่วให้เย่ฉ่าวเฉินโกรธจัด
“เสี่ยวซีหร่าน หน้าของเธอใหญ่จริงๆ”
“เฉยๆน้า ทำไมคำพูดนายแลดูไร้สาระจัง? หรือว่าเพราะเครื่องเล่นเมื่อกี้ทำสมองนายเอ๋อไปแล้ว ลุกไหวไหมจ้ะ”
เย่ฉ่าวเฉินมองดูขาของเขาที่เกือบจะหมดแรงลุกยืน ตอบกลับว่า “ก็แค่นี้เอง ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“นายแน่ใจ?”
เย่ฉ่าวเฉินกลัวว่าเธอจะเล่นอะไรบ้าๆอีก จึงรีบพูดต่อว่า “ฉันกับเธอไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แล้วทำไมเธอต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย”
“ฉันมีความสุขนี่นา” เสี่ยวซีหร่านตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวน
เย่ฉ่าวเฉินได้ยินแบบนั้น ก็ยิ่งโกรธจนควันออกหู “ดี ดีมาก คำตอบนี้ฉันชอบ เสี่ยวซีหร่าน เธอระวังตัวเอาไว้แล้วกัน”
“เย่ฉ่าวเฉิน นายอย่าเอาโม้ นายอยากจะทำอะไรก็รีบทำ ฉันรออยู่” เสี่ยวซีหร่านตอบกลับอย่างจองหองและอวดดี เธอเป็นคนมีความมั่นใจสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกับเงินหรือกับคน เพราะฉะนั้นเธอไม่กลัวคำที่เย่ฉ่าวเฉินพูดสักนิดเดียว และเมื่อได้ยินเสียงเย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจอย่างแรง ก็พูดขึ้นว่า “เย่ฉ่าวเฉิน นายรีบจัเการธุระของนายให้เสร็จดีกว่า ไม่งั้นพวกฉันจะกลับละ แล้วข้อตกลงของเราก็จะกลายเป็นโมฆะ”
“เสี่ยวซีหร่าน!!” เย่ฉ่าวเฉินตะโกนด้วยความโกรธ เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย
“นายจะเรียกฉันหาสวรรค์วิมานอะไร รีบไปซิ ฉันให้เวลานายแค่ 2 นาที ถ้ายังไม่ออกมาเสนอที่สวนสนุก ฉันก็จะไม่อยู่ดูแล้วน้า”
เย่ฉ่าวเฉินตัดสายไปด้วยความแค้นและเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียง พลางเดินออกไปสบถไป “แม่งเอ้ย! ยัยคนนี้ อย่าให้ฉันจับตัวได้นะ ไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำได้อย่างที่ใจคิดไหม เพราะมู่เวยเวยคงไม่ยอม และอีกด่านที่สำคัญก็คือมู่เทียนเย่ เพราะถ้าเขาแตะต้องภรรยาของมู่เทียนเยาแม้แต่ปลายเล็บ เขาคงโดนฆ่าตายแน่ๆ
ถึงสวนน้ำ เครื่องเล่นนี้ดูเหมือนจะไม่ง่าย แต่ไม่ยากเท่ารถไฟเหาะ
สมรภูมิใหญ่ๆ เขาก็ผ่านมันมาได้หมดแล้ว นับประสาอะไรกับอันนี้ เย่ฉ่าวเฉินเตรียมตัวใส่ชุดกันฝนจากนั้นหลับตานั่งรอรถไฟมา “ซ่า~” เสียงน้ำกระเซ็น
ถึงแม้เขาจะใส่ชุดกันฝน แต่ก็ยังทำให้กางเกงของเขาเปียกชุ่มอยู่ดี
“มีชุดเปลี่ยนอีกไหม?” เย่ฉ่าวเฉินถามจางเห่อ พลางสะบัดน้ำออก
“ไม่มีแล้วครับ ไม่ได้พกมาด้วย วางไว้ที่ห้องครับ” จางเห่อตอบ
“จางเห่อ นายทำดีมาก ทำดีมากจริงๆ” เย่ฉ่าวเฉินกล่าวประชดเสียงแข็ง จากนั้นถามว่า “โทรศัพท์อยู่ไหน?”
จางเห่อยื่นโทรศัพท์ให้เขา
เย่ฉ่าวเฉินรีบกดโทรหาที่เบอร์นั้น ไม่ถึงอึดใจปลายสายก็รับ “เสี่ยวซีหร่านล่ะ?”
“ฮ่า เสร็จละหรือ?”
“ฉันถามเธอว่าอยู่ไหน เสี่ยวซีหร่านนี่เธออย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้จริงๆแน่” เย่ฉ่าวเฉินพูดพลางหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหน้าเช็ดตา
“ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว นายหันมามองทางขวาซิ เห็นดาดฟ้าของโรงแรมไหม? ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่”
เย่ฉ่าวเฉินมองตามไปทางดาดฟ้าของโรงแรมและถามว่า “คนที่ฉันต้องการล่ะอยู่ไหน?”
“นายมาถึงเดี๋ยวก็เห็นเองแหละหน่า”
เย่ฉ่าวเฉินกัดฟัดกรอด และบอกเธอว่า “หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”
ยังไม่ทันที่เย่ฉ่าวเฉินจะพูดจบปลายก็ “ตู้ดๆๆๆ”ไปซะก่อน ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยไว้หน้าเขาเลยสักครั้ง
เย่ฉ่าวเฉินโยนผ้าเช็ดตัวให้จางเห่อ จากนั้นรีบดิ่งไปทางโรงแรมนั้น
“คุณชายครับ ต้องการกำลังคนเพิ่มไหมครับ?” จางเห่อรีบถาม
“ไม่ต้อง” เย่ฉ่าวเฉินปฏิเสธทันควัน เพราะถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาที่ต้องจัดการ คนยิ่งเยอะยิ่งจะทำให้วุ่นวาย
สิบนาทีผ่านไป เย่ฉ่าวเฉินก็เดินมาถึงชั้นหนึ่งของโรงแรม เขารู้สึกกดดันและเครียด เหมือนกำลังจะไปสัมภาษณ์งานครั้งแรก เขาเกรงว่าถ้าคนคนนั้นไม่ใช่มู่เทียนเย่ขึ้นมาจะทำอย่างไร? เรื่องขายขี้หน้าทั้งหมดที่เขายอมทำในวันนี้ก็จะเสียเปล่างั้นหรือ?
ลิฟต์ขึ้นไปถึงแค่ชั้นบนสุดเท่านั้น แต่ถ้าต้องการจะขึ้นไปที่ดาดฟ้า ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่ง
เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆเดินขึ้นไปทีละก้าวๆ ขาเริ่มอ่อนแรง เมื่อถึงเขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่กล้าที่จะเปิดออกไป
จากตั้งแต่ที่บริษัทมู่ซือแย่งงานของบริษัทเขาไป จากตั้งแต่ที่มู่เวยเวยบอกว่าเห็นมุ่เทียนเย่ และจากตั้งแต่เขามองเคยมองเห็นด้านหลังของมู่เทียนเย่ด้วยตาตัวเอง เย่ฉ่าวเฉินก็เริ่มมีความหวังว่าเขาจะยังคงมีชีวิตอยู่จริงๆ แต่ยิ่งคาดหวังสูงเท่าไหร่ ความผิดหวังก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น เย่ฉ่าวเฉินกลัวว่าสิ่งที่เดาเอาไว้มันจะไม่ใช่เรื่องจริง กลัวว่ามู่เทียนเย่จะตายไปแล้วจริงๆ
เขายอมรับผลที่มันจะเกิดได้ แต่เวยเวยล่ะ เขาไม่อยากให้เธอเกลียดเขาไปชั่วชีวิต
เขาหายใจเข้าออกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นรวบรวมความกล้าและเปิดประตูออกไป
ดาดฟ้าว่างเปล่ามาก เย่ฉ่าวเฉินมองไปรอบๆ เห็นเสี่ยวซีหร่านยืนพิงขอบรั้วอยู่ ใบหน้าเธอกำลังขำเขา
ใจของเย่ฉ่าวเฉินตกไปอยู่กับพื้น
“เป็นอะไรไป? เห็นหน้าฉันแล้วไม่สบายใจหรือ?” เสี่ยวซีหร่านถามเขา
เย่ฉ่าวเฉินปรี่เข้าไปเข้าไปหาเธอ และถามด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เขาล่ะ?”
“เขาไหน?” เสี่ยวซีหร่านยั่วโมโห
เย่ฉ่าวเฉินเตรียมจะกระชากแขนเธอ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายจากข้างหลังพูดว่า “แกกล้าแตะเธอหรือ?”
สมองของเย่ฉ่าวเฉินเหมือนถูกถอดปลั๊ก เขาช็อกและยืนนิ่งอยู่กับที่ จนเกือบลืมหายใจ
เสียงนี้ เขาคุ้นหูมาก ถึงแม้จะห่างหายไปเป็นปี แต่เขาก็ไม่เคยลืม
“อยู่ให้ห่างจากเธอไว้” มู่เทียนเย่พูดต่อ
เย่ฉ่าวเฉินถอยกลับไปยืนที่เดิม จากนั้นค่อยๆหันหลังไปมอง ชายที่อยู่ตรงหน้า ยืนห่างจากเขาไปประมาณสองเมตร เขาใส่เสื้อและกางเกงสีดำ ใบหน้ายังเหมือนเดิม เหมือนตอนครั้งสุดท้ายที่เขาหายตัวไปไม่มีผิด อีกทั้งสายตาที่มองเย่ฉ่าวเฉินด้วยความเกลียดชังก็ไม่ได้ลดลงไปเลย
“นายยังมีชีวิตอยู่” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงแหบพล่า
“ฉันยังไม่ตาย แกคงผิดหวังมากซินะ?” มู่เทียนเย่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“ใช่ ผิดหวัง ฉันนึกว่าแกจะโดนฉลามกัดตายไปแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินโกหกกลับ เพราะนิสัยจองหองอวดดีของเขาทำให้เขาไม่พูดสิ่งที่ใจคิดออกมา
มู่เทียนเย่หัวเราะอย่างเย็นชา “เย่ฉ่าวเฉิน ถ้าฉันตาย แกก็จะสบายขึ้นเยอะซินะ”
“ถูกต้อง ตั้งแต่นายตาย ฉันก็ไม่มีคู่แข่งที่เมืองเออีก เหงาจริงๆ” เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับอย่างอวดดี
มู่เทียนเย่รู้จักนิสัยของเย่ฉ่าวเฉินดี เพราะฉะนั้นเขารู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะพูดคำพวกนี้ออกมา เขาขี้เกียจจะเล่นลิ้นต่อ จึงถามกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เย่ฉ่าวเฉิน เวยเวยล่ะ? แกเอาน้องสาวฉันไปไว้ที่ไหน?”
“เธอก็อยู่ตลอด อีกอย่างพวกนายก็เคยเจอเธอแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับ
มู่เทียนเย่ตอบกลับด้วยความงงงวย “แกอย่ามาโกหก ตั้งแต่ฉันกลับมาที่นี่ ฉันก็ไม่เคยเจอเธอเลย”
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ พร้อมส่ายหัวเบาๆ และตอบเขาว่า “ดูเหมือนนายจะไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่นะ เพราะถึงเธอจะยืนอยู่ตรงหน้านาย นายก็จำเธอไม่ได้”
มู่เทียนเย่งงหนักกว่าเดิม “เย่ฉ่าวเฉิน แกกำลังพูดบ้าอะไรกัน?” ฉันขอเตือนแกนะ ถ้าวันนี้แกบอกฉันไม่ได้ว่าน้องสาวฉันไปอยู่ที่ไหน เรื่องที่แกทำกับฉันเมื่อก่อน ตอนนี้ฉันจะเอาคืนสองเท่า”
“นายเดือดอะไรเนี้ย” เย่ฉ่าวเฉินเหลือบตาไปมองทางเสี่ยวซีหร่าน จากนั้นก็พูดออกมาว่า “พวกนายเคยเจอเธอแล้วจริงๆ อีกอย่างเธอยังเป็นเพื่อนรักของเสี่ยวซีหร่านด้วย เพื่อนสนิทเลยแหละ”
“เพื่อนสนิท? ฉันอยู่ที่เมืองเอมีแค่ฉู่เหยียนเป็นเพื่อน…..” เสี่ยวซีหร่านพูดถึงแค่นั้น จากนั้นก็ก็หันไปมองทางมู่เทียนเย่ด้วยความตกตะลึง หรือว่าฉู่เหยียนจะเป็นมู่เวยเวย?
“เย่ฉ่าวเฉิน แกกำลังสร้างเรื่องหรือ? ฉู่เหยียนหน้าตาไม่เหมือนมู่เวยเวยเลยสักนิด แกคิดว่ากำลังพวกฉันเป็นเด็กอมมือหรือไง?” มู่เทียนเย่พูด
เย่ฉ่าวเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย “เรื่องจริงก็คือ ฉู่เหยียนคือมู่เวยเวย นี่นายไม่สังเกตเลยหรือ ว่าลักษณะท่าทางของเธอเหมือนกับมู่เวยเวยทุกอย่าง คนเราจะเปลี่ยนไปยังไงก็ได้ แต่อย่างไรซะนิสัยและความเคยชินก็เปลี่ยนไม่ได้”
มู่เทียนเย่ถามกลับ “น่าขำ ฉันเจอเธอแค่ไม่กี่ครั้ง ฉันจะไปรู้จักการใช้ชีวิตของเธอได้อย่างไรกัน และที่แกบอกว่าฉู่เหยียนคือมู่เวยเวย แกมีหลักฐานไหม?”
เย่ฉ่าวเฉินรู้ดีว่าสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่ ยากมากที่คนจะเชื่อ ทางสุดท้ายที่เขาจะทำได้คือหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า จากนั้นเปิดรูปภาพเด็กคนหนึ่งให้มู่เทียนเย่ดู “นายดูดีๆนะ นี่คือลูกชายของฉัน และเขาก็เรียกนายว่าลุง”
มู่เทียนเย่ช็อกไปครู่หนึ่ง ค่อยๆสังเกตรูปเด็กคนนั้นอย่างละเอียด หน้าของเด็กคนนั่นเหมือนเย่ฉ่าวเฉินมาก ส่วนตาและคิ้วก็เหมือนกับมู่เวยเวยมากเหมือนกัน มองอย่างไรก็รู้ว่า นี่คือลูกของเย่ฉ่าวเฉิน
ภายในใจเขาเต้นรัวด้วยความดีใจ เวยเวยคลอดเด็กได้อย่างปลอดภัยแล้ว
“ชัดหรือยัง ตอนนี้จะเชื่อฉันได้หรือยัง?” เย่ฉ่าวเฉินเตรียมจะหยิบโทรศัพท์คืน ก็โดนเสี่ยวซีหร่านแย่งโทรศัพท์ไปดูด้วยความสงสัย
“ฉันขอดูหน่อย” เมื่อเสี่ยวซีหร่านเห็นรูป ก็กล่าวชมออกมา “โอ้โห น่ารักมากเลย เย่ฉ่าวเฉิน นายมีลูกหน้าตาน่ารักแบบนี้ได้อย่างไร ฟ้าไม่ยุติธรรมเอาซะเลย”
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นและถามเธออย่างไม่พอใจ “ทำไมหรือ? ฉันดูแย่หรือ?”
เสี่ยวซีหร่านพยักหัว “ใช่ แย่มาก หน้าตาขี้เหร่มาก”
เย่ฉ่าวเฉินโกรธอีกครั้ง และตอบเธอว่า “เฮ้ นี่เธอเอาตาที่ไหนดูถึงได้กล้าบอกว่าฉันขี้เหร่หะ”
“ขอโทษนะก็ใช้ตาสองข้างนี้แหละ” พูดจบก็โยนโทรศัพท์คืนเขา
“งั้นก็คงเพราะว่าเธอตาบอด” เย่ฉ่าวเฉินกล่าว
มู่เทียนเย่ทนมองเหตุการณต่อไปไม่ได้แล้ว จึงแทรกขึ้นมาว่า “เย่ฉ่าวเฉิน แกพูดอะไร?”
เย่ฉ่าวเฉินสู้ฝ่ายตรงข้ามที่มีสองคนไม่ไหว จึงทำได้แค่กลับไปเงียบเหมือนเดิม
มู่เทียนเย่ยังรู้สึกไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เขาคิดว่าทำไมน้องสาวต้องเปลี่ยนหน้าและเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัว เรื่องนี้ฟังแล้วดูเหมือนละครหลังข่าวยังไงยังงั้น จะกลายมาเป็นเรื่องจริงได้อย่างไร?
“ในรูปคือลูกของแกฉันเชื่อ แต่นั่นไม่ใช่หลักฐานที่บอกว่าฉู่เหยียนคือมู่เวยเวย”
“มู่เทียนเย่ ความฉลาดของนายโดนปลากินไปแล้วหรือ? ถ้าฉู่เหยียนไม่ใช่เวยเวย แล้วทำไมฉันต้องดีกับเธอขนาดนี้ นายจำไม่ได้หรือ เสี่ยวซีหร่านเคยบอกนายเรื่องที่อาเหยียนโดนลักพาตัวไป ฉันไม่ได้บอกเธอทั้งหมด แต่ว่าถ้าพวกนายอยากจะฟัง พวกเราต้องไปหาที่คุยกันที่อื่นเพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างจะซับซ้อน”
มู่เทียนเย่และเสี่ยวซีหร่านมองหน้ากัน จากนั้นคิดว่าลองเชื่อเย่ฉ่าวเฉินดูสักครั้ง อย่างไรซะเขาก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราสองคนแน่นอน
“โอเค ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าแกจะสร้างเรื่องอะไรมาอีก”
ทั้งสามเดินลงมาข้างล่าง ก็พบกับบอดี้การ์ดและจางเห่อที่ยืนสแตนบายด์อยู่
มู่เทียนตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นจางเห่อ เขายืนนิ่งไปชั่วครู่และกล่าวว่า
“จางเห่อ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นายคิดจะมาจับฉันหรือ?” มู่เทียนเย่พูดพร้อมกับหัวเราะหึหึ
“ประ..ประธานมู่ คุณ….”
“ขอโทษนะที่ทำให้นายผิดหวัง แต่ฉันยังไม่ตาย”
“เปล่า..เปล่านะครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
จางเห่ออยากจะอธิบายต่อ แต่มู่เทียนเย่ก็ไม่ได้อยู่รอฟัง เขาเดินผ่านจางเห่อไป ตอนที่เย่ฉ่าวเฉินบอกให้เขาตามหามู่เทียนเย่ จางเห่อคิดแค่ว่าปีก่อนเขาเห็นมู่เทียนเย่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และตกลงไปในทะเลกับตาตัวเอง แล้วเขาจะมีชีวิตได้อย่างไร
แต่วันนี้ มู่เทียนเย่มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา มันเป็นคำพูดที่แสดงออกมาไม่ถูกจริงๆ เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรเลย อีกอย่างหน้าตาท่าทางของเขาดูสง่างามกว่าเมื่อก่อนมาก
จางเห่อนึกขึ้นมาได้ ถ้ามู่เทียนเย่ยังไม่ตาย งั้นคุณหนูก็คงจะไม่เกลียดคุณชายแล้วซินะ
ณ ห้องทำงานของเย่ฉ่าวเฉิน
“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดี”
มู่เทียนเย่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่างพูดอย่างเย็นชาว่า “ก็เริ่มพูดตั้งแต่ที่ฉันตายนั่นแหละ”
“โอเค” เย่ฉ่าวเฉินดื่มน้ำและเล่าต่อ
แสงแดดค่อยๆเปลี่ยนสี มองดูนาฬิกาถึงรู้ว่า สี่โมงเย็นแล้ว ในที่สุดเย่ฉ่าวเฉินก็เล่าเรื่องทั้งให้พวกเขาฟังเรียบร้อย แน่นอนว่าเขาช็อตต่างๆ หลายช็อตไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มู่เวยเวยคิดสั้น หรือจะเป็นเรื่องที่มู่เวยเวยเกลียดชังเขา แต่สิ่งที่เขาไม่ลืมเล่าก็คือเรื่องที่เขาพยายามตามหามู่เวยเวยตลอดมา
เขาค่อนข้างที่ระมัดระวังสิ่งที่เล่า เขาหวังว่าจะสามารถลดทิฏฐิของมู่เทียนเย่ลงได้บ้าง อย่างไรซะมู่เทียนเย่ก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของมู่เวยเวย สมมติวันนึงจะพามู่เวยเวยหนีไป เธอก็คงคิดไม่ตกแน่นอน ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่ามู่เวยเวยจะฟังคำพูดเขา เพราะฉะนั้นแล้วเขาต้องระวังให้มาก
มู่เทียนเย่ตั้งใจฟังที่เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเงียบๆ เขาไม่เอ่ยหรือขัดใดๆ ภายในใจคิดว่า เรื่องที่เขาตาย คงจะสร้างบาดแผลใหญ่ให้กับใจของเธอ เพราะฉะนั้นเธอถึงอยากหนีไปให้ไกลจากเย่ฉ่าวเฉิน คนที่ฆ่าพี่ชายเธอ คนที่เธอรักๆค่อยล้มหายตายจากไปทีละคนๆ เธอต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอยู่บนโลกนี้คนเดียว ตอนนั้นเธอคงจะเศร้ามากจริงๆ
หลังจากที่เย่ฉ่าวเฉินเล่า ทั้งมู่เทียนเย่กับเสี่ยวซีหร่านต่างมองหน้ากัน เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกินสิ่งที่พวกเขาคิดไว้ อีกเรื่องคือมู่เทียนเย่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในบ้านของเย่ฉ่าวเฉินจะมีแผนที่สมบัติ
สุดท้ายเสี่ยวซีหร่านก็ได้ทำลายความเงียบด้วยการถามว่า “ถ้าฉู่เหยียนคือเวยเวย แล้วทำไมครั้งก่อนที่มาบ้านฉัน เธอก็เคยเจอเทียนเย่ ทำไมเธอจำเขาไม่ได้?”
“อันนี้ผมก็ไม่รู้นะ รอช่วยเวยเวยออกมาได้พวกเราถึงจะรู้ความจริง”
“แล้วทำไมนายถึงสงสัยว่าเทียนเย่ยังไม่ตาย? ฉันเหมือนไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเวยเวย ว่าแฟนฉันชื่อว่าอะไร อีกอย่างเทียนเย่ก็ออกมาปรากฎตัวน้อยมาก”
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองมู่เทียนเย่ และพูดว่า “ตั้งแต่ที่บริษัทมู่ซือแย่งงานฉันไป ฉันก็คิดแล้วว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล มู่เทียนเย่ไม่อยู่ จะมีใครอีกในมู่ซือที่ต่อต้านฉัน? ครั้งแรกอาจจะมองว่ามันคือเรื่องบังเอิญ แต่ครั้งที่สองล่ะ? แค่นี้ดูก็รู้ว่าต้องการจะแข่งกับฉัน และในมู่ซือก็มีแค่คนเดียวที่ทำแบบนี้ ก็คือมู่เทียนเย่”
เหตุผลแบบนี้เหมือนจะไม่มีหลักเกณฑ์อะไรเลย เธอถามต่อว่า “ทั้งหมดนี่เกิดจากการคาดเดาของนาย…”
“ไม่ ไม่ใช่แค่การคาดเดา” เย่ฉ่าวเฉินแทรกขึ้น “จริงๆเวยเวยเคยเจอพวกเธอแล้ว”
เสี่ยวซีหร่านตกใจ แม้กระทั่งมู่เทียนเย่ก็ยังตกใจ
“ตอนไหนเมื่อไหร่? ที่ไหน? ทำไมเธอไม่เข้ามาทัก”
“มีอยู่วันหนึ่งฝนตกหนักมาก หน้าร้านขนมหวานที่ถนนเฉินซี พวกเธอกับเวยเวยอยู่ห่างกันคนละฝากถนน เวยเวยมองเห็นหน้าของมู่เทียนเย่ และก็พยายามเรียกเขา แต่ฝนตกหนักมากทำให้มู่เทียนเย่ไม่ได้ยิน”
เสี่ยวซีหร่านไม่ใช่คนท้องที่ จึงไม่รู้และจำไม่ได้ถนนเฉินซีอยู่ตรงไหน แต่มู่เทียนเย่จำได้ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “บ่ายวันนั้นที่พวกเราไปซื้อเครื่องประดับให้กับคนในบ้านคนที่ถนนเฉินซี แล้วตอนเราออกมาฝนก็ตกหนักพอดี จำได้ไหม?”
“อ๋ออ ฉันจำได้แล้ว เป็นครั้งนั้นเองหรือเนี้ย” เสี่ยวซีหร่านถามต่อ “ถ้างั้นเธอไม่เห็นฉันหรือ? ทำไมเธอไม่เคยถามฉันเรื่องนี้”
“น่าจะมองเห็นแค่มู่เทียนเย่น่ะ” เย่ฉ่าวเฉินตอบ ถ้าเวยเวยเห็นหน้าเธอก็คงจะไม่ซับซ้อนขนาดนี้ เขาพูดต่อว่า
“ต่อมาฉันก็พยายามหาจนทั่วเมืองเอ แต่หายังไงก็หาไม่เจอ แต่มีครั้งหนึ่ง ฉันเห็นรูปถ่ายของเพื่อนที่อยู่บนเรือสำราญ ในรูปฉันมองเห็นชัดแค่หน้าของเธอ แต่ข้างๆเธอมีเงาดำๆผู้ชายอยู่ เซ้นท์ของฉันมันบอกว่าคนที่อยู่ข้างๆเธอต้องเป็นมู่เทียนเย่แน่ๆ”
เสี่ยวซีหร่านมองไปทางเขาแล้วขำ “เย่ฉ่าวเฉิน ใครๆก็บอกว่าเซ้นท์ของผู้หญิงมักจะแรงและจริง คิดไม่ถึงเลยว่าเซ้นท์นายจะดีกว่าผู้หญิงเสียอีก”
“ฉันถือเป็นคำชมแล้วกัน”
มู่เทียนเย่ฉุกนึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง จึงถามเขาว่า “ตอนเดือนกรกฎา นายไปที่สุสานหรือ?”
เย่ฉ่าวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้ว่าเขากำลังถามถึงเรื่องอะไร จึงตอบกลับด้วยท่าทีจริงจังว่า “ใช่ วันนั้นเป็นวันครบรอบวันตายของพ่อตาแม่ยาย ฉันกับเวยเวยซื้อดอกเดซี่ที่คุณแม่ชอบไปให้ พวกฉันไปตอนเช้ามืดน่ะ”
มู่เทียนเย่ได้ยินเย่ฉ่าวเฉินเรียก “แม่” ก็รู้สึกไม่ชอบใจ “นั่นพ่อกับแม่ฉัน ไม่ใช่พ่อกับแม่นาย อย่าเรียกเหมือนสนิทขนาดนั้น”
เย่ฉ่าวเฉินขำเล็กน้อย “ไม่รู้ไม่ชี้ วันนั้นที่ฉันพูดกับพวกท่าน พวกท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“ไร้สาระ!” มู่เทียนเย่ด่าเขา “พวกเขาจะบอกยังไง?”
เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับด้วยท่าทียิ้มแย้ม “มู่เทียนเย่ ฉันเป็นสามีของมู่เวยเวยนะ พ่อแม่ของเธอก็คือพ่อแม่ของฉัน มันมีตรงไหนไม่ถูกหรือ?”
“เหอะ!อย่าคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้น ขอแค่เวยเวยบอกฉันว่าไม่อยากอยู่กับนายแล้ว ฉันจะรีบพาเธอหนีไปให้ไกลที่สุด”
นี่ก็คือสิ่งที่เย่ฉ่าวเฉินกำลังกังวลอยู่ตอนนี้ เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆพูดกับเขาว่า “มู่เทียนเย่ นายก็จะยุ่งมากเกินไปแล้ว นี่มันเรื่องของสามีภรรยา ไม่ต้องให้นายมาแทรก”
มู่เทียนเย่ตอบกลับทันควัน “ตอนนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องของเวยเวย ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง ถึงแกจะแต่งงานกับเธอได้ แต่ฉันด็สามารถทำให้เธอเลิกกับแกได้เหมือนกัน”
“มู่เทียนเย่ นายอย่าทำเกินไปหน่อยเลย”
“ฉันทำเกินไป? คนที่ทำเกินไปคือแก เย่ฉ่าวเฉิน แกลืมเรื่องทุกอย่างแล้ว? แบบนั้นไม่เรียกว่าเกินไปหรือ?”
“เรื่องแต่ก่อนฉันจัดการเคลียกับมู่เวยเวยหมดแล้ว นายหุบปากไปซะดีกว่า” เย่ฉ่าวเฉินกล่าวอย่างโกรธเคือง
ชายทั้งสองคนยืนทะเลาะกันเหมือนเด็ก เสี่ยวซีหร่านที่ได้ฟังอยู่ก็รู้สึกปวดหัว คิดคำหนึ่งขึ้นมาได้ เสือสองตัวไม่ควรอยู่ถ้ำเดียวกัน ซินะ
“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว โอเคไหม?” เสี่ยวซีหร่านพูดอย่างนุ่มนวลท่ามกลางบรรยากาศมาคุ
“มู่เทียนเย่ ฉันขอบอกนะ นายอย่ามาทำอวดดี ครั้งก่อนที่ฉันทำนายหายไป ครั้งนี้ฉันก็ทำได้เหมือนกัน”