วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 270 เรื่องร้ายแรง
“ยินดีด้วยนะลูก” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้าง เสี่ยวซีหร่านเงยหน้ามองก็เห็นพ่อกับแม่ที่ไม่ได้เจอกันนานนม
เสี่ยวซีตกใจเล็กน้อยจากนั้นเดินเข้าไปกอดแม่ แล้วถามว่า “พ่อกับแม่มาได้ไงคะ?”
“เทียนเย่ไปรับพวกเรามาเองน่ะ” พ่อของซีหร่านกล่าวอย่างอ่อนโยน
แม่ของเสี่ยวซีหร่านยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่หน้าลูก และพูดว่า “ลูกจ๋า ในที่สุดก็มีคนดูแทนลูกแทนพ่อกับแม่แล้วนะ พวกเราดีใจมากๆเลย”
เสี่ยวซีหร่านยิ้มเขิน จากนั้นพูดต่อว่า”แม้กระทั่งพ่อกับแม่ยังปิดบังหนูเลย ตกลงเป็นพ่อแม่ของใครกันแน่คะเนี้ย?”
“เทียนเย่เขาอยากเซอร์ไพรส์ลูกน่ะซิ อีกอย่างพ่อกับแม่ก็ว่าวิธีไม่เลว เลยตกลงเห็นด้วย”
“ดูเหมือนพ่อกับแม่อยากเห็นหนูแต่งงานเอามากๆนะคะ”
ขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ผิงอันก็เบียดออกมาจากกลุ่มคน จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดูว่า “คุณน้าครับ งั้นต่อไปผมก็ควรเรียกว่าคุณป้าซินะครับ”
เสี่ยวซีหร่านหน้าแดงด้วยความเขิน “หนูอยากเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“ผมอยากเรียกว่าคุณป้าครับ”
“ทำไมล่ะ?”
ผิงอันตอบกลับอย่างไร้เดียงสาว่า “เพราะคุณลุงบอกว่า ถ้าผมเรียกว่าคุณป้า เขาจะให้อั่งเปาผมเยอะๆครับ”
“ฮ่าๆๆๆๆ” ทุกคนขำพร้อมกัน
มู่เทียนเย่กลัวเสี่ยวซีหร่านจะเคือง จึงรีบมากอดเธอ และกระซิบข้างหูว่า “ไว้หน้าผมบ้างซิ เดี๋ยวกลับไปแล้วจะด่าจะว่าจะทุบตีผมยังไงก็ได้ วันนี้ผมต้องขอคุณแต่งงานนะ”
เสี่ยวซีหร่านผลักเขาเบาๆจากนั้นตอบกลับว่า “ใครใข้ให้นายหายไปตั้งหลายวัน ติดต่อก้ไม่ได้อีก”
“ช่วงที่หายไปผมก็คิดถึงคุณมากเลยนะครับ เกือบจะทนไม่ไหวโทรหาคุณแล้ว”
ช่วงที่ผ่านมามู่เทียนเย่หายไปเพื่อเตรียมการต่างๆ เริ่มแรกคือซื้อเรือยอร์ชลำนี้ จากนั้นไปตามหาโรงงานทำพลุเพื่อจัดทำพลุดอกไม้ไฟพิเศษให้เขา แถมยังบินไปถึงยุโรปเพื่อไปรับพ่อแม่ของเสี่ยวซีหร่านมา สุดท้ายก็ติดต่อเพื่อนๆของเธอทั้งหมดมา แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากเย่ฉ่าวเฉินไม่น้อยเช่นกัน
แต่ถึงจะยุ่งขนาดนี้ เขายังหาเวลาไปเจียเพชรสีชมพูเม็ดงามไว้ให้เธอ
เขาเลือกทะเล เพราะนี่เป็นสถานที่แรกที่ทำให้เขาได้พบกับเธอ
มู่เทียนเย่ค่อยๆพรรณนาสิ่งที่ตนได้จัดการเตรียมไว้ให้เสี่ยวซีหร่านฟัง เธอตื้นตันมากจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
มู่เวยเวยที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกซึ้งใจจนน้ำตารื้น กลับกันเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะยิ่งมู่เทียนเย่ทำดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโทษตัวเองที่ให้เวยเวยไม่ได้ เป็นความผิดของเขาทำมักจะทำไม่ดีกับเวยเวย
“ฮัลโหล นี่พวกนายจะกอดกันไปถึงเมื่อไหร่ นี่ทุกคนบนเรือต้องมองดูพวกนายกอดกันหรือไง?” เย่ฉ่าวเฉินกล่าวอย่างเคืองๆ
มู่เทียนเย่หันไปจ้องเขา ก่อนจะค่อยๆละกอดจากกัน
เสี่ยวซีหร่านปาดน้ำตา และเดินไปทักทายเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน
หญิงสวยคนหนึ่งพูดว่า “แฟนเธอนี่ดีกับเธอมากจริงๆ ตอนที่เขาโทรบอกฉัน ฉันคิดว่าเขาโกหกซะอีก ที่ไหนได้ เธอจะแต่งงานแล้วจริงๆ”
“ใช่ๆ ตอนนั้นฉันก็คิดแบบเธอ”
“งั้นพวกเธอมาได้ไง? ไม่กลัวโดนหลอกหรือ?” เสี่ยวซีหร่านถาม
“เพราะเขาซื้อตั๋วเครื่องบินให้ฉันน่ะซิ เพราะงี้เลยคิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆ ฉันก็เหมือนกัน”
เสี่ยวซีหร่านมองไปรอบๆ คนที่อยู่ตอนนี้มีประมาณ4-50คน ตั๋วเครื่องบินไปกลับของทุกคนแล้วก็… “ขอแต่งงานครั้งนี้น่าจะหมดไม่น้อยเลย”
มู่เทียนเย่ตอบกลับอย่างภาคภูมิใจว่า “ใช่ครับ เงินที่ได้ก็มาจากครั้งก่อนที่ผมแย่งงานของเย่ฉ่าวเฉินมาได้”
เสี่ยวซีหร่านคิดในใจ ถ้าเย่ฉ่าวเฉินได้ยิน จะระเบิดไหมนะ?
ช่วงเวลาค่ำที่บ้านของเย่ฉ่าวเฉิน เมื่อเขาถึงบ้าน ก็ได้พาผิงอันโยนไปที่หน้าประตู ทำให้ผิงอันร้องตะโกนโหวกเหวกบอกว่าห้ามแย่งแม่เขาไป
พ่อบ้านหวังได้ยินเสียงร้องของคุณชายน้อย ก็รีบวิ่งขึ้นมาอุ้มเขาไป
“เบาหน่อยซิ ผิงอันอยู่ข้างนอก” มู่เวยเวยกระซิบ
“ไม่สนใจหรอก สองสามวันนี้เขาติดคุณแจเลย นี่คิดจะแกล้งผมหรือเปล่า” พูดจบ เย่ฉ๋าวเฉินก็เริ่มบรรเลงลีลา
“เจ็บ…” มู่เวยเวยตีไปที่เขาเบาๆ
“โอเคๆ เบาก็ได้”
ปากบอกจะทำเบาๆ แต่การกระทำช่างสวนทาง เขาบรรลงด้วยท่าทีหนักแน่นและดุดัน
อีกด้านหนึ่ง ฝั่งของมู่เทียนเย่ เมื่อพวกเขาเปิดประตูเข้าไป เสี่ยวซีหร่านก็ได้ขึ้นไปอยู่บนตัวของเขาแล้ว พวกเขาจูบกันอย่างดูดดื่ม ไม่ทันรอให้ถึงห้องนอน ก็เริ่มบรรเลงเพลงรักบนโซฟาแล้ว
ชีวิตดำเนินต่อไปด้วยความสงบสุข มู่เวยเวยกลับมาทำงานอีกครั้ง ฉู่เซวียนอยู่ที่เมืองเอสไม่กี่วัน ก็บินไปที่มณฑลFต่อ
เย่ฉ่าวเฉินได้ยินข่าวจากสายเหยี่ยวอินทรีย์ ใจคิดว่านี่เขาไปมณฑลFเพื่อหาแผนที่หรือ? เขายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจอีกหรือ? เกินไปจริงๆ
คนแบบเขามักจะทำเรื่องแบบนี้้ เรื่องที่ไม่ควรจะทำ
มู่เวยเวยช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะประจำเดือนเธอเคลื่อนมาได้สองวันแล้ว
เธอรู้สึกเหมือนมีอะไร แต่ไม่กล้าคิดต่อ คิดในใจว่าถ้าวันนี้ประจำเดือนยังไม่มา พรุ่งนี้เธอจะไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจแล้ว ผลเป็นอย่างไรค่อยบอกเย่ฉ่าวเฉิน เพราะครั้งที่แล้วเย่ฉ่าวเฉินเคยบอกว่า เขาอยากมีลูกอีกคน จากนั้นโดนเวยเวยปฏิเสธไป ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย แต่ถ้าจะมีจริงๆ เธอก็โอเค ไม่ได้ติดขัดอะไร กลับดีใจด้วยซ้ำ
ตกดึกเย่ฉ่าวเฉินจูบลงที่ข้างหูเธอเบาๆ แต่ก็ถูกมู่เวยเวยผลักออก
“สองสามวันนี้คุณเป็นอะไร? ทำไมไม่ให้ผมแตะต้องตัวเลย” เย่ฉ่าวเฉินงอน
มู่เวยเวยตอบกลับว่า “ช่วงนี้ฉันเหนื่อยๆน่ะ พรุ่งนี้โอเคไหม?”
เย่ฉ่าวเฉินกระซิบข้างหูเธอว่า “ขอครั้งนี้นะ ผมสัญญาว่าจะทำให้เร็วที่สุด”
“ไม่เอาหรอก ฉันเหนื่อยจริงๆ” มู่เวยเวยกล่าวปฏิเสธ เพราะถ้าเธอท้องจริงๆ ทำแบบนี้จะอันตรายมาก รอให้แน่ใจผลพรุ่งนี้ดีกว่า
เย่ฉ๋าวเฉินฮึดฮัด ลงจากเตียง
“นายไปไหน?” มู่เวยเวยถาม
“ไปอาบน้ำเย็นๆ”
“เดี๋ยว” มู่เวยเวยพูดอย่างเขินๆ ไม่กล้าพูดต่อ
เย่ฉ่าวเฉินเห็นแบบนั้นก็รีบปรี่เข้ามาหาเธอ “คุณตกลงหรือ?”
มู่เวยเวยยิ้มรับ จากนั้นผลักเขาออกเบาๆ และกระซิบข้างหูเขา
เย่ฉ่าวเฉินตาเป็นประกาย จากนั้นจูบไปที่ปากเธอ และพูดว่า “ที่รัก คุณนี่ดีกับผมที่สุดเลย” พูดจบ เขาก็เริ่มบรรเลงเพลงรัก
ทันทีที่ได้สัมผัสแท่งอุ่นๆนั้น มู่เวยเวยก็หน้าแดงขึ้นมา ไม่กล้าจะมองหน้าเขา
เธอไม่ได้ช่ำชองอะไรมาก แต่เย่ฉ่าวเฉินก็ได้สอนเธอว่าให้ขึ้นลงตามจังหวะหายใจ
แต่อย่างไรซะ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มู่เวยเวยขยับมือไม่นานก็รู้สึกเมื่อย แต่สิ่งที่อยู่ในมือกลับแข็งขึ้นมา
“ฉันเมื่อยแขน” มู่เวยเวยตอบกลั
เย่ฉ่าวเฉินจูบไปที่แก้มเธอและพูดว่า “ขอต่ออีกนิดนะ”
จนสุดท้ายเย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอหมดแรงแล้ว จึงจูบเข้าไปที่ปากเธออย่างดูดดื่ม และเขาก็ถึงจุดสุดยอด
มู่เวยเวยรู้สึกว่ามือร้อนผ่าวๆ ได้ยินเสียงของเย่ฉ่าวเฉินหัวเราะก็หันไปจ้องเขาและบอกว่า “คุณรีบไปหยิบกระดาษมาซิ”
เย่ฉ่าวเฉินขำไปเช็ดคราบต่างๆที่มือของมู่เวยเวยไป แต่มู่เวยเวยรู้สึกเหมือนยังมีกลิ่นอยู่จึงเดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือ
มู่เวยเวยเขินอายมาก จึงนอนหันหลังให้เขาทั้งคืน
เที่ยงของอีกวัน มู่เวยเวยโกหกว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อน เพื่อออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ เธอซื้อมาทั้งหมดสามอัน และเมื่อกลับมาถึงเธอก็รีบเข้าห้องน้ำไปตรวจ ปรากฎแค่สีแดงหนึ่งขีดเท่านั้น
มู่เวยเวยรู้สึกโล่งอก จากนั้นรีบเอากระดาษห่อที่ตวจครรภ์ไว้และทิ้งลงไปใต้ถังขยะ
คิดในใจ ประจำเดือนน่าจะแค่มาเลทแหละนะ
จากนั้น มู่เวยเวยกลับมานั่งที่เก้าอี้ทำงาน พลางหาข้อมูลทางโทรศัพท์ ในเน็ตบอกว่าต้องตรวจตอนเช้าถึงจะตรงสุด
งั้นถ้าคืนนี้ประจำเดือนยังไม่มาอีก พรุ่งนี้เช้าตรู่เธอจะตรวจอีกรอบ
แต่คืนนี้จะจัดการกับเย่ฉ่าวเฉินอย่างไรดีนะ? ขณะที่คิดอยู่อยู่นั่น เย่ฉ่าวเฉินก็โทรเข้าพอดี
เธอมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็้รับสาย “มีอะไรหรือ?”
“คืนนี้ผมมีงานเลี้ยง น่าจะกลับดึก เดี๋ยวตอนเลิกงานผมโทรให้จางเห่อรับคุณไปส่งที่บ้านนะ”
มู่เวยเวยดีใจ เธอไม่ต้องหาข้ออ้างแล้ว
“โอเคๆๆ รับทราบ”
มู่เวยเวยดีใจออกหน้าออกตาไปนิด จนทำให้เย่ฉ่าวเฉินถามว่า “ทำไมหรือ? ผมมีงาานเลี้ยงคุณต้องดีใจขนาดนี้เลยหรือ?”
“เปล่าซะหน่อย ฉันแค่กำลังคิดอยู่ว่าจะนัดซีหร่านมากินข้าวด้วยกัน ”
“งั้นก็ดี ให้จางเห่อไปกับคุณด้วย ปลอดภัยดี”
“โอเคค่ะ” มู่เวยเวยวางสาย จากนั้นรีบโทรหาเสี่ยวซีหร่านเพื่อจะนัดกินข้าว แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธ
“ฉันค่อนข้างยุ่ง ไว้วันหลังนะ”
มู่เวยเวยถามกลับด้วยความสงสัย “เธอยุ่งอะไรหรือ? ฉันไม่ได้เจอเธอนานมากแล้วนะ”
“ธุริกิจที่เมืองเอสมีเรื่องให้ลำบากนิดหน่อยน่ะซิ ช่วงนี้ฉันกำลังจัดการอยู่”
มู่เวยเวยได้ยินแบบนั้นก็ไม่กล้ารบกวนต่อ รีบพูดว่า “เอาล่ะ งั้นเธอยุ่งไปก่อน เคลียร์เสร็จแล้วค่อยโทรหาฉันนะ”
“โอเคจ้า”
หลังเลิกงาน เธอเดินทางถึงบ้านตระกูลเย่ หลังจากเธอพาผิงอันเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาที่ห้อง จัดการอาบน้ำอาบท่า นอนเล่นโทรศัพท์พลางๆ รู้สึกมึนๆหัวจนผล็อยกลับไป
ตอนที่เย่ฉ่าวเฉินกลับมาถึงก็เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มครึ่งแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่ แถมยังมีกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงในงานอีก
เมื่อถึงห้องนอนก็รีบบึ่งเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นออกมาก็เห็นมุ่เวยเวยหลับพร้อมกับโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆ เขารู้ดีว่าเธอรอเขากลับจนหลับไป
เขาค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออก และปิดไฟ ทำทุกอย่างอย่างเบามือ เพราะไม่อยากรบกวนให้เธอตื่น จากนั้นเขาก็กอดเธอและหลับไป
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เสียงนาฬิกาปลุกให้มู่เวยเวยตื่น เห็นชายอยู่ตรงหน้าห่างไม่ถึงเซ็น
หน้าของเขาเหมือนกับรูปปั้นงานศิลปะ เพราะว่ามองยังไงก็ไม่เบื่อ
เธอค่อยๆ ดึงมือเขาออก จากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็ค่อยๆลืมตาตื่น สะลึมสะลือถามว่า “คุณตื่นแล้วหรือ? นอนกับผมอีกแปปซิ”
มู่เวยเวยถูกดึงเข้าไปกอดอีกครั้ง “เมื่อวานคุณกลับมาตอนไหน?”
“เกือบเที่ยงคืน” เย่ฉ่าวเฉินหลับตาตอบ
“ดึกขนาดนั้นเลย” มู่เวยเวยขมวดคิ้ว “คงจะไม่ได้กินเหล้ามาเยอะใช่ไหม?”
เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับว่า “ไม่เยอะคร้าบ แค่นิดๆหน่อยๆ”
“ฉันไม่เชื่อหรอก” มู่เวยเวยพูดจบก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
ประจำเดือนเธอยังไม่มาเลย…
คิดได้ดังนั้นก็ผลักแขนของเย่ฉ่าวเฉินออก และพูดว่า “ออกหน่อย ฉันจะไปห้องน้ำ”
เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆคลายกอดเธอ และหลับต่อ
มู่เวยเวยรีบสวมชุดคลุม และค่อยๆเดินไปที่ห้องน้ำ
รอผลไม่กี่นาที เธอก็รีบออกมาเรียกเย่ฉ่าวเฉินตาโต “ฉ่าวเฉิน ตื่นๆๆ”
“เป็นอะไร?” เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว
“คุณดูเอง” มู่เวยเวยยื่นที่ตรวจครรภ์ให้เขา
เย่ฉ่าวเฉินลุกนั่ง จากนั้นค่อยๆเอื้อมมือไปรับที่ตรวจครรภ์มา จากนั้นก็ช็อกไปชั่วครู่ พูดติดๆขัดๆว่า “นี่มัน… นี่มัน….”
เย่ฉ่าวเฉินจ้องที่ที่ตรวจครรภ์ปรากฎแถบสีแดงสองแถบ จากนั้นหันมามองท้องของเวยเวย พูโตาโตอ้าปากค้างว่า “คุณท้องจริงหรือ?”
มู่เวยเวยพยักหน้าช้าๆ
เย่ฉ่าวเฉินโยนที่ตรวจครรภ์ทิ้งและดึงเวยเวยเข้ามากอด ด้วยความดีอกดีใจ “ภรรยาที่รักของผมเก่งที่สุดไปเลย ผมรักคุณที่สุดเลย คุณรู้เรื่องนี้นานหรือยัง ทำไมไม่บอกผม?”
“ประจำเดือนฉันมาช้าไปสี่วันแล้ว ฉันเลยลองตรวจดู”
“บ๊องเอ้ย เพราะงี้ซินะไม่กี่วันที่ผ่านถึงไม่ยอมให้ผมแตะเนื้อต้องตัว” เย่ฉ่าวเฉินถาม
มู่เวยเวยขำเล็กน้อยและตอบกลับว่า “ก็ใช่น่ะซิ ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆ ทำไงล่ะ”
เย่ฉ่าวเฉินจุ๊บเธอ จากนั้นพูดว่่า “ผมชอบเด็ก แต่ผมก็รักคุณมากที่สุด ถ้าคุณบอกผมว่าไม่ต้องการ ผมก็ไม่มีวันบังคับขืนใจคุณเด็ดขาด”
“แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกอยากมีอีกคนนะ” มู่เวยเวยตอบกลับพร้อมกับยิ้มให้เขา
เย่ฉ่าวเฉินอึ้งไปเล็กน้อย ถามต่อว่า “ทำไมอยากมีแล้ว ครั้งที่แล้วยังยืนยันเสียงแข็งอยู่เลย”
“อย่างแรกเลยคือ ในเมื่อเขาเลือกจะมาเกิดในท้องของฉันแล้ว ฉันก็ต้องเป็นแม่ที่ดีดูแลเขา อีกอย่าง ฉันเห็นผิงอันมักจะเล่นเหงาๆอยู่คนเดียว ถ้ามีอีกคนมาเป็นเพื่อนเล่นให้เขา คงจะดีไม่น้อยเลย”
“คุณคิดเหมือนผมเลย” เย่ฉ่าวเฉินกล่าว พร้อมกับดึงเธอมากอด และพูดว่า “ตอนที่คุณท้องผิงอัน ผมไม่ได้ดูแลคุณเลย ตอนคลอดผมก็ไม่ได้อยู่ข้างๆ แม้กระทั่งตอนที่เขาเริ่มเติบโตผมก็ไม่ได้อยู่ดู นี่คือปมที่อยู่ในใจผมมาตลอด เพราะแบบนี้ผมเลยอยากทดแทนทุกสิ่ง”
“ฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณหรอก บางครั้งฉันเคยมีความรู้สึกไม่ต้องการผิงอันด้วยซ้ำ คิดแบบนี้แล้วฉันรู้สึกเกลียดตัวเองจริงๆ” มู่เวยเวยกล่าวอย่างเศร้า โชคดีที่ครั้งนั้นเย่ฉ่าวเฉินห้ามไว้ ไม่งั้นตอนนี้เธอคงจะไม่เห็นภาพน่ารักๆของเด็กคนนั้นแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินบีบไหล่เธฮ จากนั้นพูดปลอบว่า “อย่าเกลียดตัวเองเลย ทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว พวกเรายังมีโอกาสจะทดแทนสิ่งที่เคยพลาดไป พวกเราจะมอบความรักที่ดีที่สุดให้กับผิงอันนะ”
“อื้ม” มู่เวยเวยพยักหน้า
เมื่อทั้งสองคุยกันเสร็จ ก็เดินลงมาที่ชั้นล่าง
ผิงอันมองเห็นแม่ก็รีบวิ่งเข้าไปหา เย่ฉ่าวเฉินรีบเอาตัวบังำว้และอุ้มเขาขึ้นมา
“ผมต้องการแม่” ผิงอันพูดอย่างเคืองๆ
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ “ต่อไปแม่จะกอดหนูไม่ได้แล้วนะ”
“ทำไม? แม่ไม่รักผมแล้วหรือ?” ผิงอันถาม
“มา เดี๋ยวพ่อบอก” จากนั้นเขาก็กระซิบข้างๆหูผิงอัน ผิงอันได้ยินแบบนั้นก็ตาโตอ้าปากด้วยความดีใจ “แม่มีน้องชายแล้วหรือครับ? จริงไหมครับ?”
“ไม่แน่ก็อาจจะเป็นน้องสาวนะ ลูกชอบน้องชายหรือน้องสาวล่ะ” มู่เวยเวยยิ้มและถามกลับ
“ชอบหมดเลยครับ ไม่ว่าจะน้องชายหรือน้องสาว” ผิงอันดีอกดีจกระโดดโลดเต้นลงจากกอดของเย่ฉ่าวเฉิน และวิ่งเข้าไปห้องทานอาหาร พร้อมกับตะโกนลั่นว่า
“คุณปู่หวัง คุณย่าฉิน ผมมีน้องแล้วครับ”
เพียงแค่ครู่เดียว ทุกคนในบ้านก็รู้เรื่องที่คุณหนูท้องกันหมด
พ่อบ้านหวังกับฉินหม่าดีใจมาก ที่บ้านตระกูลเย่จะมีสมาชิกใหม่แล้ว
ฉินหม่ารีบจัดเตรียมอาหารและกับข้าวที่ช่วยเรื่องการตั้งครรภ์ไว้ให้มู่เวยเวว
“อีกสักครู่ผมพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลนะ” เย่ฉ่าวเฉินกล่าว
“อื้มโอเคค่ะ”
“ผมก็อยากไปด้วยครับ” ผิงอันยกมือ
เย่ฉ่าวเฉินส่ายหัว และบอกว่า “ไม่ได้ โรงพยาบาลมีแต่เชื้อโรค หนูยังมีภูมิต้านทานไม่พอ ไม่ต้องไปหรอก”
“อะไรคือภูมิต้านทานหรือครับ?” ผิงอันถามด้วยความสงสัย ช่วงนี้เขามักจะชอบสงสัยและถามบ่อยๆ ถามจนพ่อบ้านหวังคอแห้งไม่รู้จะตอบยังไง
เย่ฉ่าวคิดเล็กน้อยก่อนตอบว่า “ภูมิต้านทานก็คือ กลไกที่ช่วยปกป้องโรคในร่างกายของลูก ไม่เข้าใจใช่ไหม ไม่เป็นไร เดี๋ยวโตไปก็เข้าใจเอง”
เอ่อ….
ผิงอันขมวดคิ้ว คิดในใจ ปัญหาแค่นี้ก็อธิบายไม่ได้หรือ
จากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็พามู่เวยเวยไปโรงพยาบาล ไม่นานก็เข้าไปที่ห้องอัลตราซาวน์
“ยินดีด้วยค่ะ คุณตั้งครรภ์ค่ะ เด็กในท้องแข็งแรงดีนะคะ ต่อไปคุณต้องมาตรวจตามเวลานัด อีกอย่างต้องระวังและดูแลสุขภาพขึ้นด้วยนะคะ” คุณหมอกล่าว
เย่ฉ่าวเฉินดีใจมาก ดีใจจนความสุขจะระเบิดล้นออกมาแล้ว เขาต้องบอกให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ด้วย
ทางด้านมู่เทียนเย่ ที่กำลังอยู่ระหว่างทางไปบริษัท ก็เห็นสายเข้าจากเย่ฉ่าวเฉิน
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไรแต่เช้า?”
เย่ฉ่าวเฉินกระแอมเบาๆ จากนั้นพูดด้วยความดีใจว่า “เอ่อ คือว่าเมื่อไหร่พวกนายจะแต่งงานล่ะ”
มู่เทียนเย่ขมวดคิ้ว ถามกลับ “ฉันจะแต่งตอนไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับนายด้วย? นายเตรียมซองไว้ก็พอ”
“ไอหยา ฉันแค่อยากจะบอกว่า นายรออีกสักปีสองปี พอถึงตอนนั้นลูกทั้งสองของฉันจะได้เป็นคนถือดอกไม้ไง”
มู่เทียนเย่ถามกลับ “นายมีลูกสองคนที่ไหนกัน นายไม่ได้มีแค่ผิงอันหรือไง? เอ่อเดี๋ยวนะ นายหมายความว่าไง?”
“ฮี่ๆๆๆ มู่เทียนเย่ นายโอเคไหมอะ? มู่เวยเวยกำลังท้องคนที่สองแล้ว นาย…”
“ห๊า!” มู่เทียนเย่ตะโกนเสียงดัง “อย่ามาพูดไร้สาระ ขอฉันคุยกับเวยเวยหน่อย”
เย่ฉ่าวเฉินขำชอบใจ จากนั้นยื่นโทรศัพท์ให้มู่เวยเวย “พี่คะ”
มู่เวยเวยตอบกลับ “ฉันโอเคค่ะ เพิ่งออกจากห้องตรวจเมื่อกี้ค่ะ คุณหมอบอกว่าเด็กแข็งแรงดีมากเลยค่ะ”
“งั้นก็ดีๆ มีเรื่องอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ”
“รู้แล้วค่ะ”
หลังวางสาย มู่เทียนเย่ก็ยิ้มเบาๆด้วยความดีใจ ตอนนี้จะมีอีกหนึ่งคนเรียกเขาว่าลุงแล้ว
สักพักก็คิด หรือว่าจะทำให้ซีหร่านท้องก่อนค่อยแต่งงานดีล่ะ? เอ แต่แบบนี้รู้สึกจะไม่ยุติธรรมกับเธอเท่าไหร่
ขณะที่คิดอยู่นั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น และคนที่โทรเข้ามา ก็คือคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่เมื่อกี้
“ฮัลโหลครับ ที่รักของผม มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” มู่เทียนเย่ถาม
“นายรีบมาที่เมืองเอสเดี๋ยวนี้ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับนาย” เสี่ยวซีหร่านบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง มู่เทียนเย่หุบยิ้มทันที ถามกลับว่า “เดี๋ยวผมรีบไปตอนนี้เลย มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ร้ายแรงไหม?”
“ร้ายแรงมาก นายรีบมา”
“อืมๆ ผมจะรีบไป”
เมื่อวางสาย มู่เทียนเย่ก้หันไปสั่งคนขับว่า “ไปสบามบิน ให้เร็วที่สุด”
หลังจากนั้นสองชั่วโมง มู่เทียนเย่ก็เดินทางมาถึงบ้านของเสี่ยวซีหร่าน
“ซีหร่านล่ะ?” เขาถามกับพ่อบ้าน
“คุณหนูอยู่ข้างบนครับ”
มู่เทียนเย่รีบวิ่งขึ้นตึกไป ทันทีที่เปิดห้องเข้าไปก็เห็นเสี่ยวซีหร่านนอนพิงอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ พร้อมกับกินแอปเปิ้ล
“มีเรื่องอะไร?” มู่เทียนเย่ถามอย่างรีบร้อน
เสี่ยวซีหร่านลุกขึ้นนั่ง และโยนกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา จากนั้นพูดว่า “ดูสิ่งที่นายทำซิ!”
มู่เทียนเย่งงหนักกว่าเดิม ค่อยๆยื่นมือไปหยิบกระดาษใบนั้นมา นี่มันอััไรกัน?
และเมื่อเขาเห็นเนื้อหาในกระดาษใบนั้น ก็ช็อก อ้าปากค้าง จากนั้นยิ้มกระโดดโลดเต้น “ฮ่าๆๆๆ นี่เรากำลังจะมีลูกหรือ? จริงไหม? ฉันมีลูกแล้วใช่ไหม?”
เสี่ยวซีหร่านเห็นท่าทีดีใจของเขา ก็แสร้งขรึมต่อไปไม่ไหว จึงยิ้มออกมา
มู่เทียนเย่ดีใจได้พักหนึ่ง ก็เดินไปด้านหน้าซีหร่านจากนั้น จูบที่มือเธอเบาๆ น้ำตารื้นมาที่ขอบตา พูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า “ขอบคุณมากนะซีหร่าน ขอบคุณสำหรับสิ่งนี้”
บนโลกใบนี้ นอกจากน้องสาวที่รัก เขามีเพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้ว
เสี่ยวซีหร่านลูบหัวเขาเบาๆ และบอกว่า “ขอบคุณอะไร นี่เป็นสิ่งที่พวกเราทำมาด้วยกันนะ”
“อืม” มู่เทียนเย่ค่อยๆวางมือบนท้องเธออย่างเบามือ จากนั้นเงยหน้าถามเธอว่า “กี่วันแล้ว?”
“สามสิบกว่าวันแล้ว”
มู่เทียนเย่ลองคำนวณวันดู “น่าจะตั้งแต่คืนที่ขอแต่งงานคืนนั้น”
“ใช่น่ะซิ เพราะมีแค่คืนนั้นที่นายไม่ได้ใส่”
เสี่ยวซีหร่านเขินเล็กน้อย
มู่เทียนเย่ยิ้มเบาๆ รู้แบบนี้เขาคงจะทำให้เธอท้องตั้งนานแล้ว
“อ่า ดีจริงๆเลย” เขาพูดซ้ำไปซ้ำมา จากนั้นฉุกคิดเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ รีบพูดต่อว่า “งั้นเรารีบแต่งงานกันเถอะ”
เสี่ยวซีหร่านตอบว่า “แต่งงานมันยุ่งยาก อีกอย่างต้องเตรียมอะไรเยอะแยะไปหมดเลย”
“คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ผมจะจัดการทุกอย่างเอง” มู่เทียนเย่ตอบอกเบาๆ
เสี่ยวซีหร่านลังเลเล็กน้อย จากนั้นตอบว่า “งั้น…ก็ได้”
มุ่เทียนเย่บีบไหล่เธอเบา พูดว่า “ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบเรื่องอะไรพวกนั้น คุณแค่เตรียมตัวใส่ชุดสวยๆ รอแต่งงานกับผมก็พอ ผมจะจัดการเตรียมงานแต่งที่เพอร์เฟ็คที่สุดให้คุณเอง”
เสี่ยวซีหร่านยิ้มตื้นตัน
“อ่าใช่ คุณอยากอยู่ที่เมืองเอสต่อหรือจะกลับไปเมืองเอ?” มู่เทียนเย่ถาม
“กลับไปเมืองเอกับนายดีกว่า นายจะได้ไม่เหนื่อยวิ่งสองทาง”
มู่เทียนเย่ก้มจุ๊บผมเธอเบาๆ “พอดีเลย มู่เวยเวยก็กำลังท้องอยู่ คุณกับเวยเวยจะได้มีเวลาคุยกัน”
เสี่ยวซีหร่านอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินครู่หนึ่ง “ห๊า?” จริงหรือ? เมื่อไหร่?”
“ก็ก่อนที่คุณจะโทรหาผมไม่กี่นาที เย่ฉ่าวเฉินโทรมาหาผม ยังหัวเราะผมด้วยนะ ตอนนี้ผมก็มีแล้ว ฮ่าๆ”
“พวกนายนี่เหมือนเด็กจริงๆ”
มู่เทียนเย่ยิ้มแลพคิดในใจ เขาไม่ใช่เด็ก เย่ฉ่าวเฉินต่างหากที่เด็ก
และเพื่อเป็นการดูแลเสี่ยวซีหร่านอย่างดี ทั้งพ่อครัวและพ่อบ้านต่างก็ไปเมืองเอด้วยกัน
เพราะพวกเขารู้ดีว่าซีหร่านเป็นอย่างไรและชอบแบบไหน เพื่อจะได้ง่ายต่อการดูแล
มู่เวยเวยและเสี่ยวซีหร่าน ต่างก็ทำตามคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเรื่องกินหรือการใช้ชีวิตประจำวัน
แต่มู่เวยเวยต่างกันตรงที่ เธองอแงอยากไปทำงาน แม้เย่ฉ่าวเฉินจะห้ามหลายต่อหลายครั้ง แต่มู่เวยเวยก็ไม่ได้เชื่อฟัง แถมยังบอกเขาอีกว่า ถ้าไม่สบายเขาก็ไม่ไปเองแหละ
และแน่นอนตอนที่มู่เทียนเย่บอกข่าวดีกับเย่ฉ่าวเฉิน ก็ทำท่าโอ่อ่าขี้อวดเหมือนกัน
เสี่ยวซีหร่านได้แต่ยิ้มและส่ายหน้า นี่หรือที่บอกไม่ใช่เด็ก
ถึงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เย่ฉ่าวเฉินก็พามู่เวยเวยและผิงอันไปที่บ้านตระกูลมู่ เพื่อให้แม่ๆ ทั้งสองได้เม้ามอยพูดคุยกัน ส่วนพวกเขาทั้งสองก็พาผิงอันออกไปตกปลาริมทะเล
เมื่อทั้งสองตั้งครรภ์ได้ ห้าสิบกว่าวัน ก็พากันไปตรวจ ตอนตรวจของมู่เวยเวยรวดเร็วและไม่มีปัยหาอะไร แต่พอถึงตาของเสี่ยวซีหร่าน กลับเข้าไปในห้องอัลตราซาวน์นานมาก
มู่เทียนเย่ถามหมอด้วยท่าทีร้อนรนว่า “คุณหมอครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
คุณหมอตอบเสียงเรียบว่า “อ่อ คุณแม่ท้องลูกแฝดครับ พัฒนาการดีมากเลยครับ”
มู่เทียนเย่และเสี่ยวซีหร่านอึ้งไปพักหนึ่ง
คุณหมอหันหน้ามองเขาทั้งคู่และถามว่า “ครั้งก่อนผมไม่ได้แจ้งพวกกคุณหรือครับ?”
“ไม่นี่คะ” เสี่ยวซีหร่านตอบ
“งั้นน่าจะเป็นเพราะครั้งก่อนแฝดยังเล็กมาก ทำให้มองไม่เห็น คุณแม่กลับไปดูแลที่บ้านต้องเพิ่มเรื่องสารอาหารเป็นพิเศษนะครับ ท้องแฝดค่อนข้างที่จะเหนื่อยหน่อย” คุณหมอกำชับ
มู่เทียนเย่รีบตอบกลับ “ครับๆ”
มู่เทียนเย่ก้มลงใส่รองเท้าให้เธอ พร้อมพึมพัมคนเดียวว่า “แฝดหรือ”
มู่เวยเวยเห็นเสี่ยวซีหร่านเดินออกมา เห็นสีหน้าเธอแปลกๆ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จึงถามว่า “ซีหร่าน เป็นอะไรหรือ?”
เสี่ยวซีหร่านนั่งลงที่เดิมและตอบกลับว่า “เวยเวย ฉันท้องแฝด ในท้องฉันมีแฝด”
“จริงหรือ?” มู่เวยเวยตาโต ถ้าเย่ฉ่าวเฉินไม่อยู่ข้างๆ เธอคงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจแล้ว “เยี่ยมไปเลย สุดยอดมาก”
มู่เวยเวยรีบเข้าไปกอดเสี่ยวซีหร่าน จากนั้นน้ำตาก็ไหลด้วยความตื้นตันใจ
เย่ฉ่าวเฉินปลอบเธอ “นี่มันเรื่องดีนะ อย่าร้องๆ”
“ฉันดีใจมากนี่นา” มู่เวยเวยกล่าวพร้อมกับปาดน้ำตา ตอนนี้พี่ชายเธอมีลูกแล้ว แถมยังมีตั้งสองคน ถ้าพ่อกับแม่รู้จะต้องดีใจแน่ๆ
เสี่ยวซีหร่านก็ดีใจมากไม่ต่างกับมู่เวยเวย จากนั้นก็ตัดสินใจพูดกับมู่เทียนเย่ว่า “เทียนเย่ ฉันว่าพวกเราอย่าเพิ่งจัดงานแต่งดีกว่า เพราะท้องฉันน่าจะใหญ่ขึ้นเร็วมาก ใส่ชุดแต่งงานแล้วไม่สวย รอฉันคลอดก่อนค่อยแต่งก็ไม่สายเกินไป”
มู่เทียนเย่คิดเล็กน้อย และตอบกลับว่า “โอเค พวกเราจดทะเบียนก่อนนะ ไม่จดผมรู้สึกไม่ปลอดภัย”
“ตาโง่เอ้ย นี่เรามีลูกด้วยกันแล้วนะ ฉันจะหนีไปไหนได้อีก?”
มู่เวยเวยรีบช่วยพี่ชายพูดว่า “ซีหร่านฉันว่าจดไว้ก่อนก็ดีนะ เวลาคลอดจะได้ดำเนินเอกสารง่ายหน่อย”
“ก็ได้” เสี่ยวซีหร่านรับคำ
มู่เทียนเย่แอบยกนิ้วเยี่ยมให้น้องสาว
…………….
ปิดเทอมฤดูร้อนใกล้มาถึง ที่สวนสนุกต่างก็มีโปรโมชั่นมากมาย เพื่อดึงดูดนักเรียนให้มาเที่ยว
ขณะที่ผู้จัดการที่ดูแลสวนสนุกกำลังออกแบบโปรโมชั่นพวกนี้อยู่นั้น เย่ฉ่าวเฉินก็นึกขึ้นมาได้ ว่าเขายังไม่เคยพามู่เวยเวยกับผิงอันมาที่สวนสนุก จำได้ว่า ตอนนั้นอากาศหนาว ผิงอันก็ยังเล็ก ต่อมาเขาก็มาเกิดเรื่องอีก เลยยังไม่มีโอกาสพาพวกเขามาจนถึงตอนนี้
ประจวบเหมาะกับพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดี สามารถพาแม่ๆทั้งสองมาเที่ยวเล่น มู่เวยเวยก็ท้องได้สี่เดือนแล้ว สามารถออกกำลังกายเล็กๆน้อยได้
หลังเลิกงาน เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยกำลังนั่งรถกลับบ้าน เขาก็ได้เสนอเรื่องงนี้ขึ้น มู่เวยเวยก็ตกปากคำว่า “ได้ซิ จะได้พาผิงอันไปเจอเด็กๆพวกนั้นบ้าง เขางอแงนานแล้วว่าคิดถึงพวกเขา”
“งั้นผมบอกพวกเขาก่อนนะ”
มู่เวยเวยพยักหน้า และพิงไปที่ไหลล่ของเย่ฉ่าวเฉิน “เหนื่อยจังเลย”
“วันนี้ยุ่งอะไรหรือครับ?” เย่ฉ่าวเฉินถามพร้อมกับลูบที่ท้องเธอเบาๆ
มู่เวยเวยตอบกลับเสียงเนือยๆว่า “ประธานเหอบอกว่าเดือนหน้ามีการแข่งขันภายใน และเธอบอกให้ฉันเข้าร่วม”
“เรื่องดีนี่นา แสดงว่าเธอยอมรับความสามารถคุณแล้ว”
“แต่ฉันรู้สึกเหมือนเธอแค่กำลังรักษาหน้าคุณเฉยๆ” มู่เวยเวยตอบกลับเสียงเศร้า
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอ่อนๆ และบอกว่า “คุณอย่าดูถูกตัวเองขนาดนั้นซิ ผมรู้ว่าเหอเหม่ยหลิงเป็นคนยังไง เธอไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก ถ้าคุณไม่เจ๋งพอ แค่ผมเสนอให้คุณไปแข่ง เธอก็คงปฏิเสธจนผมหน้าหงายเลยแหละ”
“คุณคิดว่าฉันจะทำได้หรือ?” มู่เวยเวยกล่าว อย่างไม่เชื่อมั่นในตัวเอง
เย่ฉ่าวเฉินลูบหน้าเธอเบาๆ “คุณคือภรรยาของผม ผมเชื่อว่าคุณทำได้ ถึงคุณจะไม่ได้รางวัล แต่มันก็ไม่สามารถวัดอะไรได้ คิดเสียว่าเป็นการเพิ่มประสบการณ์ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การแข่งภายใน แต่คนที่เข้าร่วมต้องเป็นหัวกะทิแน่ๆ คุณไปเรียนรู้เพิ่มก็ไม่เลว แต่ที่ผมกลัวคือผมกลัวคุณจะเหนื่อย กินไม่พอ ลงแข่งแต่ละครั้งต้องใช้แรงกายแรงใจมาก”