วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 276 อยู่พร้อมหน้ากัน
เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เทียนเย่ยืนท่ามกลางพายุทราย ไร้การเคลื่อนไหว
“ครืด——”
เสียงตามกันมา เฮลิคอปเตอร์ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ออกไปทิศทางของทะเล
หนึ่งนาที สองนาที สามนาที…..
เพิ่งจะถึงห้านาที เสียงโทรศัพท์ของเย่ฉ่าวเฉินดัง “ติง”ขึ้น เขาเลื่อนปลดล็อค ปรากฎว่ามีที่อยู่ส่งมา
เย่ฉ่าวเฉินส่งที่อยู่ให้ทุกคนทันที จากนั้นก็เงยศีรษะมองเฮลิคอปเตอร์บนพระอาทิตย์ในยามเย็น
“ถ้าเขาให้ที่อยู่มาผิดจะทำอย่างไร?”มู่เทียนเย่ถามอย่างกังวลใจ
“อย่างนั้นฉันก็จับเขามาถามต่อ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างราบเรียบ
“ไกลขนาดนี้แล้ว นายสามารถไปได้เหรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินหันศรีษะกลับไปมองเขาแวบหนึ่ง “นายกำลังสงสัยในความสามารถของฉัน?”
“ฉันแค่แปลกใจ”
เย่ฉ่าวเฉินหยิ่งทะนงตัว”แน่นอนว่าได้”
สองคนรอข่าวอยู่บนหาดทราย หนึ่งในร้อยของเมืองAที่จะได้รับสถานที่นั้นให้มาชุมนุมในเวลาเดียวกัน เมื่อจางเห่อใช้เท้าถีบประตูห้องพักของโรงแรมในเวลานั้น ใจของเขาก็ร่วงมาอยู่ที่ท้อง
ผิงอันทิ้งขวดน้ำที่อยู่ในมือลง โผเข้ามาหาเขา เสียงสดใสไพเราะเรียก”คุณอาเห่อ”
จางเห่อโค้งเอวลงอุ้มเขามากอดไว้ ดวงตากลั้นน้ำตาไม่ไหว ในที่สุดก็หาเขาเจอแล้ว
ชายวัยรุ่นที่อยู่ในห้องมองเห็นคนเข้ามาจำนวนมาก วิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ริมหน้าต่างต้องการจะหลบหนี แต่ทว่าถูกคนที่มาลากคอลงมาได้ ล้มลงที่พื้นอย่างรุนแรง
จางเห่อที่อุ้มผิงอันอยู่เหยียบที่แผ่นหลังของเขา พูดเสียงเย็นว่า”เจ้านายของมึงหอบเงินหนีไปแล้ว มึงถูกเขาทิ้งแล้ว”
ชายวันรุ่นหันศีรษะกลับมาพูดอย่างเคียดแค้น”เป็นไปไม่ได้ เขาบอกว่าหลังจากได้เงินแล้วจะโทรหากู ให้กูไปกับเขา”
“น่าตลกสิ้นดี ถ้าหากว่าไม่ใช่เขาบอกที่อยู่กู กูจะมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็วได้อย่างไร?ไม่ต้องคิดเพ้อเจอหวังลมๆแล้งๆแล้ว เอาตัวไป”
ชายวันรุ่นรู้สึกว่าแย่แล้ว โดยถูกคนจำนวนหนึ่งลากเขาขึ้นมาจากพื้น ในสมองมีแค่คำเดียว เขาเป็นหมากตัวหนึ่งจริงๆ?
จางเห่อรีบโทรศัพท์หาเย่ฉ่าวเฉิน พูดอย่างตื่นเต้นดีใจว่า”คุณชาย หาคุณชายน้อยเจอแล้ว”
“ดี ดีมาก ผิงอันเป็นอย่างไรบ้าง?”
ผิงอันเข้ามาใกล้ด้านข้างโทรศัพท์ พูดเสียงดังว่า”พ่อๆ ผมคิดถึงแม่แล้ว แม่สบายดีไหม?น้องสาวคนเล็กสบายดีไหม?”
เย่ฉ่าวเฉินเสียงอบอุ่นเหมือนน้ำ พูดอย่างใจเย็นว่า”แม่สบายดี น้องสาวคนเล็กก็สบายดี พวกเขารอผิงอันกลับมาอยู่นะ”
“พ่อครับ ผมก็คิดถึงพ่อนะ”โอกาสไม่มากที่ผิงอันจะพูดจาไพเราะกับเขา คำพูดสั้นๆแต่ทว่าทำให้ดวงตาเย่ฉ่าวเฉินร้อนผ่าว
“ลูกชาย พ่อก็คิดถึงลูก พ่อจะรีบกลับไป เอาโทรศัพท์ให้คุณอาเห่อนะ”
ผิงอันยื่นโทรศัพท์ให้จางเห่ออย่างว่าง่าย “คุณชาย”
“พาผิงอันไปที่ตระกูลมู่ เดินทางอย่างระมัดระวังนะ”
“ครับ”จบบทสนทนา จางเห่อพูดกับผิงอันอย่างมีความสุขว่า”ไปกัน คุณอาเห่อจะพาหนูไปเจอแม่”
“ได้เลย——”
ชายทะเล เย่ฉ่าวเฉินทอดถอนหายใจออกมายาวอย่างโล่งอก คิ้วที่ขมวดก็คลายออก “หาผิงอันเจอแล้ว”
“ฉันได้ยินแล้ว”มู่เทียนเย่พูดอย่างปลื้มใจ
เฮลิคอปเตอร์ขับผ่านขอบฟ้า เหลือแค่จุดดำนั้นจุดเดียว เย่ฉ่าวเฉินล้วงรีโมทออกมา ยิ้มราบเรียบพูดว่า”ควรส่งเขาออกเดินทางได้แล้ว”
พูดจบ กดรีโมทอย่างไม่ลังเลใจ เห็นจุดสีดำนั้นเป็นเพียงลูกไฟ หลังจากนั้นก็ค่อยๆหล่นลงไปในทะเล
ในเวลานั้น ในยามตะวันรอนท้องทะเลกลายเป็นแผ่นไฟ ลูกไฟหล่นลงมากระทบกับผิวทะเลกลายเป็นสีเดียวกัน ไม่ได้ทำให้คนที่อยู่บนชายหาดสงสัย ถึงแม้จะมีเสียงระเบิดออกมาก็โดนกลืนจมไปกับน้ำทะเลแล้ว
“น่าเสียดายจริงๆ ในวันนี้ไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา”น้ำเสียงของมู่เทียนเย่มีความเสียดายอยู่
“เอาอย่างนี้ไหม ฉันจะย้อนเวลากลับมา ให้เขากลับมาให้นายดู?” เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะยั่วเย้า
มู่เทียนเย่ประหลาดใจเบิกตากว้าง”ได้สิ มาสิ”
“เหอๆ ฉันหลอกนาย ฉันไม่ใช่พระเจ้านะ”
มู่เทียนเย่ถีบออกไป”ท่านประธาน คาดไม่ถึงว่านายจะเอาฉันมาหัวเราะเยาะ”
เย่ฉ่าวเฉินกระโดดหลบด้านข้าง หัวเราะคิกคักพูดว่า”ไม่ใช่ว่านายถามเหรอ? ฉันก็พูดไปเรื่อยเลย”
ในที่สุดก็ตัดทิ้งความกังวลที่มีอยู่ในใจได้ อารมณ์ของทั้งสองคนดีขึ้นมาก ร้องฮัมเพลงเบาๆขึ้นรถกลับบ้าน
มู่เทียนเย่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ก็ถามขึ้นว่า”ทำไมนายถึงเลือกวิธีการนี้ล่ะ?ในกรณีที่เขาให้นายหรือฉันนั่งไปด้วย ถึงเวลานั้นจะทำอย่างไร?”
“นายโง่เหรอ หรือว่านายไม่รู้ว่าจะต้องกระโดดลงจากเครื่องบิน?”
มู่เทียนเย่ยื่นฝ่ามือไปทักทาย”นายว่าใคร?”
ครั้งนี้เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้หลบหลีก ศรีษะถูกตีลงมา แต่ว่าเขาไม่มีอารมณ์ที่จะไปโต้เถียงกับมู่เทียนเย่ ริมฝีปากแสยะยิ้มขึ้นมาในรัศมีที่ดูดี “ฉันก็แค่ให้มันลิ้มลองรสชาติของลูกระเบิด ครั้งก่อนอีกนิดหนึ่งก็ส่งฉันไปเจอพญายมแล้ว โชคดีที่ฉันวาสนาดีมีชีวิตรอด ไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาจะมีชะตาชีวิตอย่างนี้ไหม”
“อย่าพูดอย่างนี้เด็ดขาด ในกรณีที่เขาวาสนาดีมีชีวิตอยู่ล่ะ?”
“มีความสามารถก็มาสิ ฉันก็ไม่เชื่อว่าจะสู้เขาไม่ได้ ” เย่ฉ่าวเฉินมีความชั่วร้ายที่เล็ดลอดผ่านทางสายตา
มู่เทียนเย่ยืดเอวบิดขี้เกียจอย่างสบาย พูดยั่วเย้าว่า”เฮ้อ น่าเสียดายเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นจริงๆ ยังมีสิบล้านบาทอีก อย่างนั้นก็ถือว่าจ่ายเงินฟรีไปทั้งหมด”
“เพียงแค่สามารถช่วยผิงอัน ไม่ต้องพูดถึงสิบล้าน ให้เขาห้าสิบล้านจริงๆ ชดเชยกับเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นอีก ฉันก็ยินยอมที่จะทำ”
ที่แท้ ภายนอกเย่ฉ่าวเฉินบอกว่าให้กาวินห้าสิบล้าน ที่จริงด้านในมีแค่สิบล้าน เหลืออีกสี่สิบล้านเขาให้ผู้จัดการธนาคารหาเงินปลอมแบงค์หนึ่งร้อยหยวนวางไว้ในกระเป๋าชั้นล่างสุด วันนี้เลยใช้เทคนิคเงินปลอมผสมกับเงินจริง
“กำลังดี ที่ตอนนั้นเผาให้เขาแล้ว”มู่เทียนเย่หัวเราะ
ใครบอกว่าไม่ใช่?
รถขับอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่ว่ามู่เทียนเย่อยู่บนรถ เย่ฉ่าวเฉินอยากใช้การทำงานพิเศษของเขาหายตัวกลับไปกอดลูกชายของเขา
ล้อรถเกือบจะออกไปจากที่ตรงนั้น ตอนที่เปลี่ยนทิศทาง เย่ฉ่าวเฉินมองเห็นรถดริฟต์คันหนึ่งสวยมาก แต่ทว่าอีกนิดหนึ่งก็ชนเข้ากับรถยนต์ที่เปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน
มู่เทียนเย่จับที่คันจับของรถ หันศีรษะกลับมาด่าเย่ฉ่าวเฉิน”นายขับช้าหน่อยได้ไหม? ก็ไม่ได้รีบที่จะไปเมรุนะ”
“ฉันก็ขับรถอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ไม่ชอบก็ลงรถไป “เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างไม่เกรงใจเขาไปหนึ่งประโยค นั่งรถคนอื่นยังพูดมากไร้สาระอีก
“เฮ้ หาผิงอันเจอแล้ว นายกวนตีนใช่ไหม?”มู่เทียนเย่พูดแล้วกำไม้กำมือ กดหัวแม่มือลงดังกร๊อบๆ
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “นายอย่าแตะต้องฉันนะ ฉันขับรถอยู่ อยากจะแหย่สู้กับฉันรอให้พวกเรากลับไปก่อน ฉันจะฝึกฝีมือเป็นเพื่อนนายเอง นานมากแล้วที่ไม่ได้ออกกำลังเคลื่อนไหวมือกับเท้า”
“ได้สิ พวกเรามาประลองฝีมือกัน แต่ว่าต้องมีนิมิตรหมายชัยชนะ ไม่อย่างนั้นการแข่งขันก็ไม่มีความหมาย”
“ได้ อยากได้อะไร?”
มู่เทียนเย่หัวเราะแล้วพูดว่า”ก่อนหน้านี้ฉันเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ในโรงรถ Bugatti Veyron นายซื้อมาใหม่สินะ”
“ห้ะ นั่นเป็นรถคันใหม่ที่ฉันเพิ่งซื้อมา ไม่เคยขับสักครั้งเดียว ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเจ็บปวดหัวใจ เขาคนนี้ไม่งานอดิเรกอะไร ก็แค่ชอบรถ เพราะฉะนั้นเลยสร้างโรงจอดรถสามที่ ข้างในจอดรถที่เขารักไว้ทั้งหมด
มู่เทียนเย่หัวเราะเยาะเย้ยเขา”ก็ไม่ใช่แค่รถคันหนึ่งเหรอ? ทำไมตัดใจทิ้งไม่ลง?”
“มีอะไรที่จะตัดใจทิ้งไม่ลง?อย่างนั้นฉันวางเดิมพันรถ แล้วนายล่ะ?”
มู่เทียนเย่คิดแล้วคิดอีกแล้วพูดว่า”ชายทะเลมีคฤหาสน์อยู่หลังหนึ่งนายชอบไม่ใช่เหรอ? ราคาก็พอๆกับรถของนาย ฉันเดิมพันด้วยคฤหาสน์”
“ตกลง อย่างนั้นก็พูดแล้วไม่คืนคำ”
“ใครกลับคำพูดคนนั้นเป็นหมา”
ตลอดเส้นทางการพูดคุยมีทั้งเสียงหัวเราะ รถขับเคลื่อนเข้าประตูคฤหาสน์ตระกูลมู่ มองไกลๆเห็นมู่เวยเวยและคนจำนวนหนึ่งนั่งอยู่ในเก้าอี้โยกที่สนามหญ้า ผิงอันกำลังโล้ชิงช้ามีจางเห่อดูแลอยู่ข้างๆ
รถกำลังจอด เย่ฉ่าวเฉินรีบเดินไปหาสองแม่ลูก
ผิงอันสายตาเฉียบแหลมมองเห็นเขา ลงมาจากชิงช้าอีกด้านวิ่งมาหาเขา พร้อมทั้งร้องเรียกเสียงดังว่า”พ่อ——”
เย่ฉ่าวเฉินฮึกเหิม ไม่เพียงรีบเร่งฝีเท้า เดินมาถึงหน้าผิงอันก็โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน ร่างเล็กแต่ทว่ามีพลังมากมาย ชั่วพริบตาเดียวก็ช่วยให้เขารอดพ้นจากจิตใจที่ห่อเหี่ยวเป็นเวลานาน
เย่ฉ่าวเฉินรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจของร่างเล็ก ปลายจมูกได้กลิ่นนมอ่อนๆของเขา ในเวลานี้เย่ฉ่าวเฉินถึงรู้สึกว่าลูกชายกลับมาแล้วจริงๆ
เกิดอยู่นาน ผิงอันดึงแล้วดึงอีกที่หูของเย่ฉ่าวเฉิน เสียงเล็กพูดว่า”พ่อครับ ผมหิวแล้ว พวกเรากินข้าวกันได้หรือยังครับ?”
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างอบอุ่น “แน่นอนว่าได้แล้ว ลูกกำลังรอกินข้าวพร้อมพวกเราเหรอ?”
ผิงอันผงกศีรษะ “แม่กับคุณป้าบอกแล้ว ต้องรอผู้กล้าทั้งสองคนกลับมาก่อนถึงจะกินข้าวได้”
“โอเค อย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
เย่ฉ่าวเฉินอุ้มผิงอันเดินไปทางภรรยา มู่เวยเวยยืนอยู่ไกลๆ ใช้รอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุดยิ้มต้อนรับเขากลับมา
“คุณกลับมาแล้ว”มู่เวยเวยยิ้มแล้วพูด
“ฉันกลับมาแล้ว”เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างละมุนเหมือนกัน และยังไม่ผิดคำพูดเอาลูกของพวกเรากลับคืนมาได้แล้ว
มู่เวยเวยดึงแขนเขามา”ไปกันเถอะ พวกเราไปกินข้าวกัน เพื่อฉลองที่ปลอดภัยกลับมา วันนี้ทำอาหารเต็มโต๊ะเลยนะ”
“ว้าว ผมชอบ”ผิงอันโห่ร้องดีใจอยู่บนข้อพับแขนของเย่ฉ่าวเฉิน
“คนตะกละ”เย่ฉ่าวเฉินพูดหยอกล้อ
พวกเขาเดินมาที่ห้องอาหาร โต๊ะอาหารที่ใหญ่วางอาหารที่น่าอร่อยและดีไว้เต็มไปหมดจริงๆ มีทั้งอาหารฤทธิ์ร้อนและเย็น เมนูอาหารละเอียดงดงามทำให้คนหลงใหล เสี่ยวซีหร่านเดินท้องโตทักทายทุกคนแล้วนั่งลง มู่เทียนเย่ไปที่ตู้เก็บเหล้าหยิบไวน์แดงที่หมักบ่มไว้เป็นเวลานานมาหนึ่งขวด
“วันนี้ฉันกับเย่ฉ่าวเฉินไม่เมาจะไม่หยุด พวกเธอเป็นผู้หญิงทั้งสองคนไม่ต้องสนใจ “มู่เทียนเย่พูดอย่างกล้าหาญ
เสี่ยวซีหร่านมองที่ขวดเหล้า สายตาแสดงออกถึงความวอนขอ”ถ้าหากว่าฉันไม่ได้ตั้งครรภ์ ฉันก็อยากจะดื่มสักแก้ว”
ผิงอันยืนขึ้นบนเก้าอี้พูดเสียงดังว่า”คุณลุง ผมเป็นผู้ชาย ผมดื่มเหล้าได้ไหม?”
มู่เทียนเย่หัวเราะฮ่าๆ”ตอนนี้หนูยังไม่ใช่ผู้ชายลูก ตอนนี้หนูยังเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เพราะฉะนั้นดื่มเหล้าไม่ได้”
“อย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะดื่มได้ครับ?”ผิงอันกระพริบตาโตพูด
“รอจนโตอายุ18ปีบรรลุนิติภาวะก็ดื่มได้แล้ว”
“18ปี?”ผิงอันแยกนิ้วเล็กๆออก บ่นพึมพำ”ปีนี้ผมอายุหนึ่งขวบครึ่ง 18ปี ยังเหลือเวลาอีกนานมากเลยนะครับ”
มู่เวยเวยลูบศีรษะเขาอยู่ด้านข้าง ยิ้มแล้วพูดปลอบใจเด็กน้อยว่า”18ปี ไม่นานหรอกครับ”
“จริงเหรอ?”ผิงอันสายตาเปล่งประกายขึ้นมาอีก “อย่างนั้นผมก็จะโตพร้อมกับน้องสาว”
เสี่ยวซีหร่านแปลกใจ “ลูก หนูรู้ได้อย่างไรว่าในท้องแม่เป็นเด็กผู้หญิง และไม่ใช่เด็กผู้ชาย?”
“ผมเคยเจอเธอ” ผิงอันพูดอย่างไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย
ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนตกตะลึง คุณมองฉัน ฉันมองคุณ สายตาทั้งหมดคือไม่กล้าจะเชื่อ เหตุนี้มู่เวยเวยจึงถามเขาว่า”ลูกเจอเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็คือ…ก็คือไม่กี่วันมานี้ ตอนที่ผมหลับถูกพวกเขาเอาตัวใส่เขาไปในกระเป๋าเดินทาง น้องสาวก็ออกมาเล่นกับผมอยู่บ่อยๆ เธอสวยมากเลยนะครับ” ท่าทางของผิงอันอิ่มอกอิ่มใจเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าน้องสาวคนเล็กนั้นเป็นสมบัติสิ่งของของเขาโดยทั่วไป
ทุกคนผ่อนคลายลง ที่แท้ก็เป็นความฝัน ตกใจหมดเลย นึกว่าเด็กน้อยทั้งสองมีพลังความสามารถพิเศษได้พบกันก่อนเวลาแล้ว
มีเพียงแค่เย่ฉ่าวเฉินที่หดหู่ใจเล็กน้อย ครอบครัวมีสามคน นอกจากเขาแล้ว ภรรยากับลูกชายก็ฝันถึงลูกสาว ทำไมถึงไม่เอาเขาไปเล่นด้วยกัน?
มู่เวยเวยฟังเข้าใจแล้วว่าผิงอันแค่ฝัน แต่ไม่เข้าใจเรื่องนอนหลับในกระเป๋าเดินทาง ใช้สายตาที่มีความสงสัยมองเย่ฉ่าวเฉิน
เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าไม่สามารถปิดบังได้ อย่างไรวันนี้ผิงอันก็กลับมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังซ่อนเร้นจึงต้องอธิบายให้กระชับและชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้
มู่เวยเวยฟังจนขมวดคิ้วคิด ยังนึกว่าไอ้บ้าคนนั้นจะไม่ทำกับผิงอันเหมือนกัน อย่างนั้นก็ไม่โหดร้ายทารุณกับเขา ไม่ทำร้ายเขา ดูเหมือนว่าตัวเองจะคิดผิดแล้ว
ผู้ชายคนนี้ในใจนอกจากจะมีแค่ตัวเอง ก็ไม่ได้รักคนอื่นสักคนเดียวเลย
หลังจากที่เย่อธิบายเรื่องนี้อย่างง่ายๆเสร็จ แล้วพูดอย่างต่อเนื่องว่า”พรุ่งนี้ฉันจะพาผิงอันไปตรวจที่โรงพยาบาล ดูว่าในร่างกายของเขายังมียาหลงเหลืออยู่ไหม”
“ใช่ ต้องไปตรวจแน่นอน”มู่เวยเวยพูดคล้อยตามเห็นด้วย หันศีรษะกลับไปถามผิงอันว่า”ในร่างกายลูกรู้สึกว่าไม่สบายตรงไหนไหม?”
ผิงอันส่ายศีรษะเหมือนกลองสั่น”ไม่ครับ สบายมากเลย”
มู่เวยเวยก็ยังไม่วางใจ เอาผิงอันมาสังเกตอย่างละเอียดมั่นใจว่าสีหน้าไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆถึงวางใจไปเพียงชั่วคราว
ในเวลานี้ ผิงอันนึกถึงคนคนนั้น ได้ถามเย่ฉ่าวเฉินว่า”พ่อครับ ตูตูล่ะ?”
เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังคงยิ้มอย่างสดใสสว่างไสวเหมือนเดิม”เขาไปในสถานที่ที่แสนไกลแล้ว”
“อย่างนั้นแล้วเขาจะกลับมาเยี่ยมผมไหมครับ?”
เย่ฉ่าวเฉินดูหงุดหงิดเล็กน้อย”ลูกอยากเจอเขาเหรอ?”
ผิงอันเงยศีรษะขึ้นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ส่ายศีรษะเงียบๆพูดว่า”ไม่ ผมไม่อย่างเจอเขา”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่าผมรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนตูตูที่ผมเคยรู้จัก เมื่อก่อนตูตูดีกับผมมาก ตอนนี้เขาไม่ดีกับผมแล้ว ” ผิงอันพูดตรงไปตรงมา เด็กน้อยก็เป็นอย่างนี้ ใครดีกับเขา เขาก็จดจำไว้ในใจ ใครไม่ดีกับเขา เขาก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว
เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยสบตากันแล้วยิ้ม ผิงอันฉลาดกว่าที่พวกเขาคิดไว้
ถือโอกาสในช่วงที่เย่ฉ่าวเฉินบรรยายเล่าเหตุการณ์ มู่เทียนเย่ได้เทเหล้ากับน้ำเย็นให้ทุกคนเรียบร้อย เหล้าเป็นของเย่ฉ่าวเฉิน ส่วนน้ำเย็นเป็นของคนท้องสองคน ของผิงอันเป็นนมเปรี้ยวหนึ่งแก้ว
“เรื่องที่ไม่ดีได้ผ่านไปแล้ว มาๆ พวกเรามาชนแก้ว ยินดีต้อนรับการกลับมาอย่างปลอดภัยของฑูตสวรรค์ตัวน้อยของพวกเรา”
“ยินดีๆ “ทุกคนชนแก้วกัน ผิงอันที่เป็นบุคคลสำคัญยิ้มอย่างมีความสุข
มู่เวยเวยไปถามเย่ฉ่าวเฉินอีก “คุณปล่อยเขาไปจริงๆเหรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ตอบ ย้อนถามเธอกลับว่า”เธออยากจะปล่อยเขาไปไหมล่ะ?”
มู่เวยเวยไม่มีความลังเลใจ”ไม่ ปล่อยเขาไปไม่ได้ เขาทำเรื่องไม่ดีมากมาย ครั้งก่อนอีกนิดหนึ่งก็ทำให้หลายคนต้องได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต”
เย่ฉ่าวเฉินหอมที่ใบหน้านุ่มลื่นละมุนของเธอแล้วพูดว่า”เป็นตามที่เธอปรารถนา”
มู่เทียนเย่มองเห็นฉากนั้น ส่งเสียงเอะอะโวยวายว่า”นี่ นายมาพลอดรักอะไรที่บ้านฉัน?เย่ฉ่าวเฉิน มาดื่มเหล้า”
“ดื่มก็ดื่ม ใครก็กลัวใครล่ะ?”
เพราะว่าภรรยาตั้งครรภ์ผู้ชายทั้งสองคนเลยไม่ได้แดะต้องเหล้าเป็นเวลานาน ครั้งนี้ดื่มแล้วรู้สึกสนใจ ดื่มหนึ่งแก้วแล้วดื่มอีก เหล้าที่สะสมไว้ขวดนั้นไม่นานก็ลงมาอยู่ที่ท้องหมด
มู่เวยเวยกับเสี่ยวซีหร่านขี้เกียจที่จะสนใจพวกเขา ต่างคนต่างกินของตัวเอง ปัญหาการร้องฮัมเพลงหลังจากลูกเกิดมาแล้ว ก็ถือว่าหาความสุขสนุกให้กับตัวเอง
พวกผู้ชายดื่มจนเมากรึ่มๆ เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นยืนแล้วจับที่แขนของมู่เทียนเย่ “ไป พวกเราไปประลองฝีมือกัน คฤหาสน์หลังนั้นของนายต้องเป็นของฉันอย่างแน่นอน”
“อย่างนั้นก็ไม่แน่นอนหรอก ” มู่เทียนเย่เดินตามเขาออกไปทางด้านนอก
พวกผู้หญิงสับสนมึนงง เสี่ยวซีหร่านถามขึ้นว่า”พวกคุณจะไปทำอะไรกัน?”
มู่เทียนเย่หัวเราะแหะแหะ “ที่รัก คุณไม่ชอบรถBugatti Veyronที่จอดอยู่ในโรงจอดรถของเขาเหรอ? ผมจะชนะเอามันมาให้คุณ”
เสี่ยวซีหร่านได้ยินแล้วตาเป็นประกาย”จริงเหรอ?คุณจะชนะได้อย่างไร?”
มู่เทียนเย่ยกกำปั้นทำท่าชกต่อย”แน่นอนว่าชกต่อยชนะ”
“ฉันเป็นกำลังใจให้คุณ” เสี่ยวซีหร่านเห็นคึกคักไม่กลัวเป็นเรื่องใหญ่ ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างฉับไว”เวยเวย ไปกัน พวกเราไปชมกัน”
มู่เวยเวยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอคิดว่าถ้าหากเสี่นวซีหร่านไม่ได้ตั้งครรภ์ ต้องลงสนามชกต่อยกับเย่ฉ่าวเฉินเองแน่นอน
คนที่กินอิ่มเรียบร้อยแล้วมารวมกันที่สนามหญ้า เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เทียนเย่แสดงท่าทีต่อสู้ออกมา ผิงอันกระโดดโลดเต้นไปก่อนหน้า ทำเหมือนผู้ใหญ่มายืนกั้นกลางของทั้งสองคน “ผมจะเป็นกรรมการตัดสิน พ่อ คุณลุง ผมจะนับหนึ่ง สอง สาม การแข่งขั้นจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ”
“ได้ หลานพูดว่าอย่างไรก็อย่างนั้น” มู่เทียนเย่ให้เกียรติหลานชาย หลังจากนั้นก็เงยศีราะพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า”แต่ว่าพวกเราพูดตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ห้ามใช้ความสามารถพิเศษของนาย”
เย่ฉ่าวเฉินพูด”ชิ”ออกมา พูดอย่างกำแหงว่า”กับนาย ฉันไม่ต้องใช้เลยสักนิด”
“ยังก็อย่าลำพองใจไป รออีกสักพักฉันจะให้นายคุกเข่าขอร้องอ้อนวอน”
มู่เทียนเย่ดื่มเหล้าไม่ขึ้นศีรษะ นอกจาขาที่อ่อนแรงเล็กน้อย ดูไม่ออกว่าเมาเหล้า แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่เหมือนกันเขาเป็นประเภทที่กินเหล้าแล้วขึ้นหน้า ในเวลานี้ตั้งแต่หน้ามาจนถึงลำคอแล้ว
“เริ่มเตียมตัว” ขาสั้นๆของผิงอันวิ่งไปยืนข้างมู่เวยเวย ร้องเสียงดังออกมา”หนึ่ง สอง สาม เริ่มได้”
เสียงของผิงอันเพิ่งจะออกมา มู่เทียนเย่ก็ยื่นกำปั้นออกไป เย่ฉ่าวเฉินหลบอย่างว่องไวและยื่นหมัดออกไปเหมือนกัน จึงเป็นสาเหตุทำให้ทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกระหวัดสู้กันอยู่
ผิงอันมองดูแล้วตื่นเต้นมาก กระโดดร้องโห่อยู่ด้านข้าง”พ่อสู้ๆ คุณลุงสู้ๆ”
มู่เวยเวยมองทั้งสองคนต่อยแลกหมัดต่อสู้กันไปมา ก็ได้แต่ทอดถอนหายใจอยู่ในใจ เธอเคยเห็นทั้งสองชกต่อยกัน นั่นเป็นเพราะความเกลียดชังเคียดแค้น ต่อยกันอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง เกลียดจนถึงขั้นแทบอยากจะทำให้ฝั่งตรงข้ามตายแน่นิ่ง สองปีผ่านไป แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาทำเพื่อรถหนึ่งคัน คฤหาสน์หนึ่งหลัง เวลามหัศจรรย์จริงๆ มันทำให้ทั้งสองคนต่อกันติด พูดคุยเฮฮาเปลี่ยนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ตอนนี้เป็นอย่างนี้ มู่เวยเวยรู้สึกว่าดีมาก
ในระหว่างที่นายมาฉันไป มู่เทียนเย่ก็ค่อยๆมีชัยชนะ ในที่สุดตอนท้ายก็กวาดขาออกไปพลิกเย่ฉ่าวเฉินให้อยู่บนพื้น
“เป็นอย่างไร? ยอมหรือไม่ยอมแพ้?”มู่เทียนเย่ใช้ข้อศอกกดลงที่คอของเขา ถามด้วยความลำพองใจ
เย่ฉ่าวเฉินเป็นคนยอมรับความพ่ายแพ้ได้อย่างไร? ฝีมือฉลาดหลักแหลมเอาตัวเองออกมา อีกทั้งยังกดตัวของมู่เทียนเย่ลงที่พื้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว หัวเราะเหอๆ”นายแพ้แล้ว!”
“ยังไม่ถึงตอนจบเลย ใครชนะใครแพ้ยังไม่แน่นอน” มู่เทียนเย่ทั้งตัวก็คือพละกำลัง ผลักเย่ฉ่าวเฉินออก ระหว่างที่พูดทั้งสองก็ชกต่อยกันขึ้นอีกครั้ง
เสี่ยวซีหร่านยืนประคองเอวชมสงคราม ยังออกความคิดเห็นให้สามารถตัวเองเป็นครั้งคราว”บิดแขนซ้ายของเขา ใช่ๆ….ถีบที่ขาขวาเขา …..ทำดีมาก สามีที่รักคุณเก่งที่สุดแล้ว….”
มู่เวยเวยยิ้มเป็นเส้นตรงยืนอยู่ข้างเธอ ซีหร่านสมภาคภูมิที่เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถยอดเยี่ยม ขนาดว่าตั้งครรภ์อยู่ยังไม่อยู่นิ่งเฉยเลย
นายมาฉันไป ทั้งสองคนไม่มีใครยอมใคร หลังต่อสู้กันมายี่สิบกว่านาที คนที่มุงดูอยู่ง่วงหมดแล้ว ทยอยพากันเอาเก้าอี้มานั่ง ทั้งสองคนที่เป็นตัวหลักยิ่งต่อยยิ่งดูมีชีวิตชีวา การต่อสู้เริ่มมีสีสันรสชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่เสี่ยวซีหร่านให้กำลังใจเชียร์มาสิบกว่านาทีก็ไม่มีความสนใจแล้ว ใช้มือจับที่ท้องแล้วถามเวยเวย”เมื่อก่อนพวกเขาสองคนชกต่อยกันอย่างรุนแรงดุเดือดไหม?”
“โฮ เกินขอบเขตคำว่ารุนแรงดุเดือด?อยากจะกินเลือดกินเนื้อของฝั่งตรงข้ามเลยจริงๆ ไม่ใช่ว่านายตายแล้วฉันก็ลืม”
“หนักขาดนั้นเลย?”
“ใช่ “มู่เวยเวยผงกศีรษะอย่างจริงจัง “หนักกว่าที่เธอคิดอย่างแน่นอน”
ทั้งสองคนกำลังพูดถึงตรงนี้ ก็ได้ยินเสียงของผิงอันโห่ร้องดีใจ”คุณลุงชนะแล้ว”
ผู้หญิงทั้งสองเงยศีรษะมองไปดู เป็นไปอย่างที่คิด เย่ฉ่าวเฉินถูกมู่เทียนเย่กดไว้ที่พื้นสนามหญ้า อยากจะตอบโต้อีกครั้งแต่ทว่าไม่สามารถออกแรงได้
มู่เทียนเย่พูดอย่างตื่นเต้นดีใจกับหลานชาย”ผิงอัน นับเลข”
ผิงอันมึนงง”นับเลขอะไรครับ?”
“นับเริ่มหนึ่งถึงสิบ”
ผิงอันไม่เข้าใจกฎเกณฑ์อะไร รู้เพียงแค่ว่าน่าสนใจ นับหนึ่งถึงสิบอย่างรวดเร็ว ทำให้เสี่ยงซีหร่านหัวเราะขำขันจนตัวสั่น
“นายแพ้แล้ว” มู่เทียนเย่หายใจหอบลุกขึ้นยืน สีหน้าปลิวลอยเดินมาอยู่ตรงหน้าผิงอัน ยกเขาขึ้นลอยตัวกลางอากาศ “ผิงอัน หนูเป็นหลานที่น่ารักของลุงจริงๆ”
ผิงอันไม่เคยถูกยกขึ้นสูงๆ หัวเราะขำขันเสียงดังลั่น
เย่ฉ่าวเฉินนอนหงายอยู่บนสนามหญ้า ต่อหน้าสายตาคือท้องฟ้ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยดวงดาว หูก็ได้ยินเสียงภรรยาพูดกับลูกว่า”ผิงอันเด็กโง่ ลูกนับเร็วอย่างนั้น ขนาดโอกาสที่พ่อจะพลิกตัวยังไม่มีเลยนะ”
“ห้ะ? ผมต้องนับช้าๆเหรอ?”
“ใช่สิ ต่อไปถ้าพวกเขาให้ลูกนับอีก ลูกต้องนับช้าลงมาหน่อย”
“ผมจำได้แล้วครับแม่”
เสียงฝีเท้าที่ดังมาแต่ไกลใกล้เข้า เย่ฉ่าวเฉินหันศีรษะกลับไป สายตาของเขาปรากฎใบหน้าที่นุ่มละมุนของภรรยา มองเธอจากมุมนี้ ยิ่งสวยมาก
“ยังไม่ลุกขึ้นอีก?ทั้งตัวเปียกชื้นหมดแล้ว”มู่เวยเวยพูดและยิ้มเล็กน้อย
เย่ฉ่าวเฉินทำเหมือสาวงามที่มีอาการป่วย จงใจพูดว่า”ฉันแพ้แล้ว เสียรถที่รักไปหนึ่งคัน ฉันเจ็บปวดหัวใจ ไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้น”
“โอเค แพ้ให้พี่ชายฉันไม่เสียหน้าหรอก ครั้งหน้าคุณหาโอกาสชนะกลับมาก็จบแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินทำตัวกะล่อนปลิ้นปล้อนเหมือนเด็ก “ไม่ ฉันจำเป็นต้องได้รับความรักใคร่ห่วงใยถึงจะลุกขึ้นได้”
“ความรักใคร่ห่วงใยอะไร?”มู่เวยเวยยิ้ม
“หอมแก้มหนึ่งที “เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะอย่างมีเลศนัย
มู่เวยเวยตกลงทันที”ได้สิ “หลังจากนั้นก็หันศีรษะกลับเรียกลูกชาย”ผิงอัน รีบมานี่เร็ว”
ผิงอันวิ่งตึงตังมา “แม่ มีอะไรครับ?”
“รีบหอมพ่อหนึ่งที พ่อแพ้เสียรถไปหนึ่งคัน กำลังเสียใจอยู่เลย”
“รับทราบ!”ผิงอันเรียนมาจากในโทรทัศน์ทำท่าทางโค้งงอเคารพให้มู่เวยเวย หลังจากนั้นก็คุกเข่าลงหอมแก้มเย่ฉ่าวเฉิน”พ่อ ตอนนี้ยังเสียใจอยู่ไหมครับ?”
เย่ฉ่าวเฉินนำเขามาโอบกอดแล้วพูด”ไม่เสียใจแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ….พ่อ คันมากเลย……ฮ่าๆๆ……”
พ่อกับลูกสองคนหัวเราะเสียงดังเอะอะกลิ้งอยู่ที่สนามหญ้า