วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 283 การกำเนิดของฝาแฝด
ในความเป็นจริงไม่ต้องจุดระเบิดในบริเวณคฤหาสน์ก็ได้ แต่เพื่อทำให้กาวินเชื่อ และเพื่อหลีกเลี่ยงไฟบนภูเขาด้านหลัง เย่ฉ่าวเฉินจึงค่อยๆเคลื่อนระเบิดออกให้ไกลจากคฤหาสน์ที่สุด
พ่อบ้านหวังเห็นเขาเดินมา ก็รีบเดินไปด้วยสีหน้ากังวลและถามอย่างเป็นห่วงว่า “คุณชาย ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
“ฉันไม่เป็นไร มีคนได้รับบาดเจ็บไหม ?”
“ไม่มี ทุกคนสบายดี”
“อืม ถ้างั้นก็ดี พรุ่งนี้คุณพาคนสักสองสามคนไปที่คฤหาสน์ตรงชานเมืองตะวันออก พวกเราจะพักอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ระหว่างปรับปรุงที่นี่”
“ตกลง ผมเข้าใจแล้ว”พ่อบ้านหวังเห็นเขาขมวดคิ้วจึงพูดปลอบว่า “คุณชาย คุณรีบกลับไปอยู่กับคุณหนูเถอะ เธอจะต้องเป็นห่วงคุณอยู่แน่นอน นี่ให้ให้ผมกับจางเห่อจัดการเอง”
“อืม ถ้าไฟที่นี่ดับแล้วก็ให้ทุกคนไปนอนได้ เรื่องวันนี้ฉันจะพูดอีกทีพรุ่งนี้” เป็นเรื่องยากที่เย่ฉ่าวเฉินจะใจดีแบบนี้
“ผมทราบแล้ว คุณชายกับคุณชายมู่รีบไปเถอะ”
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ฉากตรงหน้าหน้าอีกครั้งและจากไปพร้อมกับมู่เทียนเย่
บนรถในระหว่างทางที่ไปคฤหาสน์ตระกูมู่ เย่ฉ่าวเฉินก็ได้รับโทรศัพท์ของสารวัตรเว่ยจากสำนักงานสืบสวนสอบสวน
“ฉ่าวเฉิน ผมเพิ่งได้รับรายงาน ว่าทิศทางบ้านคุณเกิดไฟไหม้ขึ้น ? และยังมีเสียงดังขึ้นอีก เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ ?”
เย่ฉ่าวเฉินพูดเรื่องไร้สาระอย่างจริงจัง “เหล่าเว่ย แค่แก๊สในห้องครัวระเบิด แต่ว่าตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก”
“ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหม? ”สารวัตรเว่ยถาม
“ไม่เป็นไร ไฟก็ดับแล้ว”
“ถ้างั้นก็ดี ผมตกใจแทบตาย ผมนึกว่าเกิดเรื่องกับคุณแล้ว โอเค งั้นผมวางล่ะ”
“อืม”
หลังจากวางสาย มู่เทียนเย่ก็หัวเราะแกล้งเขา “แก๊สระเบิดเอง คุณยังกล้าพูดนะ แก๊สระเบิดเองในบ้านของคุณจะทำให้ท้องฟ้าสว่างไสวได้เหรอ ?”
“งั้นจะให้ผมพูดยังไง ?”มีคนวางระเบิดในบ้านของผม ? เขายังไม่ทันถามต้นชนปลายให้ชัดเจน ? ผมก็แค่ขี้เกียจพูดก็เท่านั้น”เย่ฉ่าวเฉินเอนหลังพิงเบาะรถพลางมองไฟข้างถนน
เมื่อกาวินตาย ทุกคนก็วางใจลงมาก
สองสามวันนี้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ รู้สึกว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น แต่นี่ก็ดีแล้ว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวแต่ก็ดีที่ไม่เกิดอันตราย
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่ ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว
ไฟในห้องนั่งเล่นสว่างไสว ถึงแม้ตอนกลับมาจะโทรบอกเสี่ยวซีหร่านว่าเรื่องได้จบลงแล้ว ให้เธอกับมู่เวยเวยนอนก่อนเลย แต่ทั้งสองคนจะนอนหลับลงได้ยังไง ?
นั่นเป็นระเบิดนะ
ดังนั้น เมื่อเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เทียนเย่เดินเข้าไปในคฤหาสน์ ก็มองเห็นภรรยาตัวเองรออยู่ที่โซฟา ผิงอันทนไม่ไหวนอนหลับอยู่ข้างๆมู่เวยเวย
เสี่ยวซีหร่านกำลังจะลุกขึ้น มู่เทียนเย่รีบวิ่งไปรั้งเธอไว้ “อย่าขยับอย่าขยับ”
“ทำไมคอของคุณถึงมีเลือดออก?”สายตาของเสี่ยวซีหร่านเฉียบคม แวบเดี๋ยวก็มองเห็นบาดแผลที่คอของเขา
มูเทียนเย่เอามือสัมผัส เลือดก็ติดมาบนมือ แต่ไม่มากแค่บาดแผลตื้นๆ
“นี่เหรอ ไม่เป็นไร ก็แค่ถูกคนบ้าเอามีดจี้เป็นตัวประกัน เดี๋ยวอาบน้ำแล้วพันผ้าก็โอเคแล้ว”
เป็นกาวินคนนั้นจริงๆเหรอ ? เสี่ยวซีหร่านถามด้วยความแปลกใจ
“ใช่ เป็นเขา ”เย่ฉ่าวเฉินรับการสนทนาต่อ และพยุงมู่เวยเวยนั่งลง “ไม่คิดเลยจริงๆว่าเขายังมีชีวิตอยู่”
“แล้วตอนนี้ล่ะ ?”มู่เวยเวยถามด้วยความกังวล
เย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างสบายๆว่า “เขาฆ่าตัวตายแล้ว”
“ห๊ะ ? ฆ่าตัวตาย ?”มู่เวยเวยแปลกใจ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำได้หนิ”
มู่เทียนเย่เหลือบมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินและยิ้ม “มีใครบางคนอยู่ เขาก็สามารถทำได้”
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเขาจับมือมู่เวยเวยและพูดว่า “ผมไม่ได้ทำอะไร ก็แค่ใช้กลเม็ดบางอย่าง คุณคงไม่โทษผมหรอกนะ”
“คุณโง่เหรอ ฉันจะว่าคุณได้ยังไง ?”มู่เวยเวยพูดอย่างจริงจัง “เขาต้องการเอาชีวิตเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่นอนว่าพวกเราไม่สามารถเมตตาเขาได้อีกแล้ว หรือว่าจะรอให้เขากลับมาทำร้ายผิงอันและลูกในท้องเหรอ ?”
“คุณคิดได้แบบนั้นผมก็วางใจแล้ว ”ในที่สุดเย่ฉ่าวเฉินก็ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ “ผมกลัวว่าคุณจะโทษผมจริงๆ แต่นี่ก็โอเค เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดี”
เย่ฉ่าวเฉินรีบเข้าไปกอดภรรยาเขา แต่ก็ถูกเธอเอาสองมือดันไว้ “ร่ายกายคุณเต็มไปด้วยกลิ่นควันไฟ รีบไปอาบน้ำเถอะ”
เย่ฉ่าวเฉินก้มศีรษะลงดมกลิ่นที่ไหล่ “มีนิดหน่อย ถ้างั้นผมไปอาบน้ำก่อน คุณไปที่ห้องนอนก่อนเลย เดี๋ยวผมออกมาอุ้มผิงอัน”
“อืมอืม รู้แล้วรู้แล้ว”
อีกด้านหนึ่งของโซฟาเสี่ยวซีหร่านก็ผลักมู่เทียนเย่ “กลิ่นบนตัวคุณก็ไม่น่าดม รีบไปอาบน้ำ”
“รับทราบ ราชินีสุดที่รักของผม”
เสี่ยวซีหร่านรู้สึกตลกกับเขา “เฮ้ เวยเวยยังอยู่ที่นี่”
“อยู่ก็อยู่ไปสิ เธอเป็นน้องของผม กล้าที่จะหัวเราะผมเหรอ ?”มู่เทียนเย่มองไปที่มู่เวยเวยด้วยสายตาคุกคาม ราวกับว่าถ้าเธอกล้าพูดออกมาเพียงคำเดียว เขาจะไล่เธอออกไป
มู่เวยเวยยอมจำนนในทันที เธอยกมือขึ้นยิ้มๆและพูดว่า “ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
……
กำหนดคลอดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสี่ยวซีหรานก็กระวนกระวายยิ่งขึ้น แม้ว่ามู่เวยเวยจะบอกเธอว่าไม่ต้องกังวลทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย แต่เสี่ยวซีหร่านที่เพิ่งจะได้เป็นแม่คนครั้งแรกก็ยังกระวนกระวาย
“คุณว่า เมื่อถึงเวลานั้นฉันคงจะไม่เจ็บปวดจนคลอดไม่ได้หรอกนะ” เสี่ยวซีหร่านถามพลางจับมือมู่เทียนเย่
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เธอถามคำถามนี้ในสองสามวันที่ผ่านมา
มู่เทียนเย่ยังคงอดทนเช่นเดิม “ไม่หรอก ถ้าหากว่าคลอดเองไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็ผ่าคลอดเอา”
“ถ้าอย่างนั้นจะมีเลืดออกเยอะไหม ?”ละครในโทรทัศน์ล้วนเป็นแบบนี้ ผู้หญิงคลอดลูกเลือดจะออกเยอะมาก จากนั้นก็ถามว่าจะเก็บลูกหรือเก็บแม่ ”
มู่เทียนเย่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นั่นเป็นละครโทรทัศน์ และก็เป็นละครย้อนยุค ตอนนี้การแพทย์พัฒนาไปมากแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีเลือดออกมาก ธนาคารเลือดก็มีเลือดเตรียมพร้อม ถึงแม้ว่าจะถ่ายเลือดทั้งร่ายกายคุณก็พอ”
เสี่ยวซีหร่านขมวดคิ้วสีหน้าแสดงความกังวล
มู่เทียนเย่ยื่นแขนไปโอบไหล่ของเธอ ปล่อยให้เธอพิงอกของตัวเอง ลูบท้องที่นู้นของเธออย่างเบาๆและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง เมื่อถึงเวลานั้นผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
“คุณเข้าห้องคลอดได้ไหม ?”
“ได้ ผมไปพูดคุยกับหมอมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นผมจะเข้าห้องคลอดกับคุณ ผมจะอยู่ข้างๆคุณ”
เสี่ยวซีหร่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เทียนเย่ คุณว่าฉันขี้ขลาดเกินไปไหม แค่มีลูกก็เรื่องเยอะขนาดนี้”
มู่เทียนเย่จูบที่หน้าผากของเธอ “คนโง่ คุณเป็นแม่ที่เยี่ยมที่สุดในโลกนี้ และผมก็เห็นในหนังสือบอกว่า ผู้หญิงตั้งครรภ์ก่อนคลอดทุกคนจะคิดอะไรไร้สาระ คุณก็ไม่เว้น”
“จริงเหรอ ?”
“จริงแน่นอนสิ ผมจะหลอกคุณทำไม ?”
สองสามีภรรยากำลังพูดซุบซิบกัน พ่อบ้านก็วิ่งเข้ามา “คุณผู้หญิง คุณท่านกับคุณนายมาแล้ว”
เสี่ยวซีหร่านลุกขึ้นจากอ้อมแขนของมู่เทียนเย่ด้วยความตื่นเต้น “พ่อแม่ฉันกลับมาแล้ว ?”
“ใช่ครับ รถกำลังแล่นเข้าประตูมา” พ่อบ้านพูดอย่างตื่นเต้น
“พยุงฉันลุกหน่อย” เสี่ยวซีหรานยื่นมือไปจับแขนของมู่เทียนเย่และเขาก็ช่วยพยุงลุกขึ้น และย่ำเท้าเดินออกไป
มู่เทียนเย่เป็นห่วงว่าเธอจะล้มลง จึงรีบพูดขึ้นว่า “คุณเดินช้าหน่อย”
เสี่ยวซีหร่านไม่ได้เจอพ่อแม่มาสักระยะหนึ่งแล้ว และแน่นอนเธอเป็นคนใจร้อน เมื่อออกไปเห็นรถค่อยๆแล่นเข้ามา ก็รีบไปต้อนรับ
ไม่คิดเลยว่าเดินรีบร้อน เท้าทั้งสองข้างพันกัน และพุ่งลงไปข้างหน้า
มู่เทียนเย่ตกใจมากรีบคว้าเอวของเธอไว้ และด้วยความกลัวว่าความแรงจะไปกระทบกับลูก ดังนั้นเสี่ยวซีหร่านจึงล้มลงกับพื้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ที่ต่างกันก็คือมู่เทียนเย่ให้ตัวเองเป็นเบาะให้เธอ
พ่อบ้านที่ตามมาด้วยเห็นตั้งแต่แรก จึงรีบเข้าไปช่วย
ในขณะเดียวกันรถได้หยุดลง และพ่อแม่ตระกูลเสี่ยวก็รีบลงจากรถและวิ่งมา
“พระเจ้า เธอจะรีบอะไรขนาดนี้ ? ช้าหน่อย ช้าหน่อย……”แม่ตระกูลเสี่ยวจับแขนของลูกสาว แล้วค่อยให้เธอลุกขึ้น
“เด็กน้อย เธอจะเป็นแม่คนแล้ว ทำไมถึงใจร้อนขนาดนี้ ?” พ่อตระกูลเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะตำหนิ แต่น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความเอาใจ “โชคดีที่มีเทียนเย่รับอยู่ข้างล่าง รู้สึกว่ามีตรงไหน…….”
“พ่อ ไม่ต้องพูดแล้ว”เสี่ยวซีหร่านสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปทางแม่ด้วยสีหน้าเจ็บปวด “แม่ ถ้าน้ำคล้ำแตกแล้วจะรู้สึกอุ่นๆใช่ไหม ?”
“ใช่สิ ”สีหน้าแม่ตระกูลเสี่ยวเปลี่ยนไปและหันไปมองเธอ
แต่เสี่ยวซีหร่านสวมกางเกงกำมะหยี่ ทำให้มองไม่เห็น เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พระเจ้าช่วย เธอคงไม่ได้น้ำคล้ำแตกหรอกนะ”
เสี่ยวซีหร่านจะร้องไห้แล้ว เสียงของเธอเริ่มสั่น “ฉันรู้สึกเหมือว่าฉี่ใส่กางเกง”
“ก็ใช่นะสิ”แม่ตระกูลเสี่ยวตบไหล่มู่เทียนเย่ “ยังมัวทำอะไรอยู่ ? รีบขับรถไปโรงพยาบาลเร็ว”
มู่เทียนเย่ได้สติ ก็รีบพูดพ่อบ้านเสียงดังว่า “เร็วๆ ไปเอารถบ้านที่เตรียมไว้แล้วรีบไปโรงพยาบาล”
“ครับ”
“แม่ ฉันกลัว” ตาของเสี่ยวซีหร่านเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอจับมือของแม่แน่นจนเป็นรอยแดง
แม่ตระกูลเสี่ยวปลอบลูกสาว“ ไม่ต้องกลัวไม่ต้องกลัว หลังจากน้ำคล่ำแตกแล้วยังมีเวลาอีกหน่อยกว่าจะคลอด คิดถึงลูกในท้อง เธอจะตื่นตระหนกไม่ได้”
เสี่ยวซีหร่านกัดฟันและพึมพำกับตัวเอง “ฉันไม่ตื่นตระหนกฉันไม่ตื่นตระหนก…..”หลังจากท่องไปสองครั้ง ก็รู้สึกว่าน้ำคล่ำไหลเร็วขึ้น เธอตกใจจนน้ำตาไหลออกมา “เทียนเย่ ทำไมรถถึงยังไม่มา”
มู่เทียนเย่เห็นเธอกำลังร้องไห้ ใจเขาก็แตกสลาย “อย่าร้องอย่าร้อง รถมาแล้ว รถมาแล้ว”
สิ้นเสียง รถบ้านก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเสี่ยวซีหร่าน ตรงกลางเป็นเตียงและข้างๆก็เป็นที่นั่ง
“มาแล้ว ช้าหน่อย ผมอุ้มคุณขึ้นรถ”
เสี่ยวซีหร่านหัวเราะออกมา “ตอนนี้ฉันหนักขนาดนี้ คุณอุ้มไหวเหรอ ?”
มู่เทียนเย่อุ้มเธอขึ้นมา วางเธอลงบนเตียงพลางพูดว่า “ผมออกกำลังกายมานานก็เพื่อวันนี้ คุณว่าผมจะอุ้มไหวไหม ?”
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของสามีเธอ ใจที่เต้นแรงของเสี่ยวซีหรานก็ค่อยๆสงบลง แขนของเขามีพลังมาก ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมากที่สุด
พ่อแม่ตระกูลเสี่ยวก็ขึ้นรถไปด้วย ในไม่ช้ารถบ้านก็วิ่งไปทางโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็ว
บนรถ มู่เทียนเย่โทรศัพท์ไปหาโรงพยาบาล บอกสถานการณ์เร่งด่วนของเสี่ยวซีหร่าน ให้โรงพยาบาลเตรียมความพร้อม
เสี่ยวซีหร่านจับมือแม่ของเธอไว้ตลอดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เธอถามแม่ว่า “แม่ คุณกับพ่อกลับมาทำไมถึงไม่โทรมาบอก พวกเราจะได้ไปรับพวกคุณ”
แม่ของตระกูลเสี่ยวยิ้มอย่างขมขื่น “เดิมทีฉันกับพ่ออยากจะเซอร์ไพรส์คุณ แต่ไม่คิดว่าจากเซอร์ไพรส์จะเป็นแปลกใจแทน”
“ใช่ไหม คุณดูสิ ถ้าหากว่าพวกคุณโทรศัพท์มาก่อน ฉันก็ไม่ต้องตื่นเต้นแบบนี้ และยังมาสะดุดตัวเองแบบนี้เอง”
มู่เทียนเย่จับมืออีกข้างของเธอ และยกไปจูบที่ริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่า และพูดอย่างรู้สึกผิด “เป็นความผิดผมเอง ที่ผมไม่ดูแลเธอให้ดี โทษผม”
พ่อตระกูลเสี่ยวพูดว่า “เรื่องนี้ไม่โทษคุณ พวกเรามองเห็นกับตาว่าเธอล้มลงไปเอง คุณว่าเธอจะสามารถเติบโตได้เมื่อไหร่ ?”
“พ่อ——”เสี่ยวซีหร่านตะโกนอย่างขมขื่น “เมื่อก่อนคุณบอกว่าฉันจะเป็นเจ้าหญิงน้อยของคุณตลอดไป ทำไมตอนนี้ถึงอยากให้ฉันโตเร็วๆล่ะ ?”
“เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้เธอจะมีลูกแล้ว และแน่นอนฉันหวังว่าเธอจะโตขึ้นเร็วๆ ไม่อย่างนั้นมู่เทียนเย่ดูแลลูกทั้งสามคนจะเหนื่อยขนาดไหนกัน”
มู่เทียนเย่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ผมจะดูแลพวกคุณชั่วชีวิต”
พ่อแม่ตระกูลเสี่ยวมองหน้ากัน ลูกเขยที่ลูกสาวเธอหามานี้ดีจนไม่มีอะไรจะพูด ถึงแม้ว่าจะมีเงินไม่เท่าตระกูลเสี่ยว แต่มันจะสำคัญอะไร ? ขอเพียงจริงใจและปฎิบัติต่อลูกสาวพวกเขาอย่างดีก็พอแล้ว
“เสี่ยวหร่าน ไม่ต้องกลัว ผู้หญิงที่คลอดลูกจะต้องผ่านด่านนี้ กัดฟันแปปๆ เด็กก็คลอดออกมาแล้ว ไม่ต้องกลัว” แม่ตระกูลเสี่ยวอยู่ข้างๆคลายความรู้สึกเธอ
เสี่ยวซีหร่านพยักหน้า “แม่ มีพวกคุณอยู่ฉันก็ไม่กลัวแล้ว”
รถบ้านขับบนถนนด้วยความเร็ว ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีก็มาถึงโรงพยาบาล เมื่อถึงประตูหน้าห้องฉุกเฉินหมอสูติแพทย์และพยาบาลก็มารออยู่แล้ว
ทันทีที่รถหยุด พยาบาลที่มีประสบการณ์สองสามคนก็รีบวิ่งมาและนำเสี่ยวซีหร่านออกจากรถ เข็นเข้าไปในโรงพยาบาล
มู่เทียนเย่เดินตามรถเข็นและจับมือเธอไว้แน่น เมื่อตรวจพอสังเขปเสร็จ หมอก็พูดว่า “น้ำคล่ำในหญิงตั้งครรภ์น้อยเกินไป รอต่อไปไม่ได้แล้ว ผ่าคลอดเถอะ ลูกแฝดคลอดธรรมชาติยากเกินไป และอีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ครบกำหนด ถ้าหากล่าช้าต่อไปเด็กจะเป็นอันตราย”
มู่เทียนเย่รีบพูด “ฟังหมอทั้งหมด”
ในไม่ช้า เสี่ยวซีหร่านก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด
หลังจากฉีดยาชาเข้าไป หน้าท้องของเสี่ยวซีหร่านก็ไร้ความรู้สึก
มู่เทียนเย่จับมือเธอคุกเข่าข้างเตียงและพูดว่า “คุณอยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย ?”
“ลูกชายละกัน ลักษณะท่าทางต้องเหมือนคุณแน่”เสี่ยวซีหร่านพูดอย่างอ่อนแรง
“ผมหวังว่าจะเป็นลูกสาว หน้าตาเหมือนคุณ เมื่อเธอสามสี่ขวบ ผมจะซื้อชุดสวยๆมากมายให้กับเธอ แต่งตัวเธอให้เหมือนกับเจ้าหญิง รอเธอโตเป็นวัยรุ่นสักยี่สิบปี จะต้องมีหนุ่มมาตามจีบเธอมากมาย เมื่อถึงเวลานั้นผมจะทำให้มันเป็นเรื่องยาก ลูกสาวของผมมู่เทียนเย่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาขอแต่งงานง่ายๆแบบนั้นหรอก……”มู่เทียนเย่บรรยายชีวิตในอนาคตเบาๆ เขาทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เสี่ยวซีหร่านพูด จึงพูดเองคนเดียวต่อไป
ทันใดนั้นเสียงร้องไห้ของเด็กทารกก็ดังขึ้นขัดจังหวะจินตนาการของมู่เทียนเย่ มู่เทียนเย่ชะงัก หันกลับไปมอง ทารกที่มีเลือดอยู่เต็มตัวถูกพยาบาลอุ้มขึ้นมา
“เป็นเด็กผู้ชาย คุณพ่อรีบมาตัดสายสะดือ”
หัวสมองของมู่เทียนเย่ว่างเปล่า ตอนลุกขึ้นเขาถึงรู้ว่าเท้าของเขาชาไปหมดแล้ว เขาจับเตียงและเดินไปข้างหน้าพยาบาล หยิบกรรไกรด้วยมือที่สั่นเทา
“ตัดเลย”
มู่เทียนเย่ทนไม่ได้ในตอนแรก แต่เมื่อพยาบาลเร่ง เขาก็ตัดมันออกอย่างโหดร้าย
“แงแงแง——”เสียงเด็กร้องไห้ดังมาก แต่สำหรับมู่เทียนเย่มันฟังดูไพเราะ ในใจเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
เมื่อก่อนเขาคิดว่าการได้พบเสี่ยวซีหร่าน และได้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอ ชีวิตของเขาก็สมบูรณ์แล้ว แต่ในวันนี้ เขาพบว่า ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเขายิ่งสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก
และความสมบูรณ์แบบนี้ก็เป็นเสี่ยวซีหร่านภรรยาของเขานำมา ชีวิตนี้ของเขาก็ไม่มีการชำระแค้นแล้ว
ยังคงตื่นเต้น เสียงร้องไห้ของเด็กทารกอีกคนก็ดังขึ้นอีกครั้ง เด็กคนที่สองก็ถูกดึงออกมา
“ยังคงเป็นผู้ชาย ยินดีกับทั้งสองคนด้วย มามา มาตัดสายสะดือนี้กันเถอะ”
มู่เทียนเย่ยังคงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก การกระทำนี้ก็ทำให้เขาทำภารกิจลุล่วง ยังไม่ทันมองเด็กทั้งสองคนดี ก็ถูกพยาบาลอุ้มเอาไปทำความสะอาดแล้ว
หมอเริ่มเย็บแผล มู่เทียนเย่ก็มาหาเสี่ยวซีหร่าน คุกเข่าลงกับพื้น ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา เขาก้มหัวลงไปจูบหน้าผากของเสี่ยวซีหร่านอย่างลึกซึ้ง และน้ำตาก็ร่วงลงมาใส่ผมเธอ “เสี่ยวหร่าน ขอบคุณมาก ขอบคุณที่มอบลูกชายทั้งสองคนให้ผม”
“แต่ว่า ก็ไม่มีเจ้าหญิงน้อยของคุณแล้ว ”เสี่ยวซีหร่านแกล้งเขาอย่างอ่อนแรง
มู่เทียนเย่ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร คุณก็จะเป็นเจ้าหญิงของผมตลอดไป มีคุณคนเดียวก็พอแล้ว”
เสี่ยวซีหร่านกระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก “ลูกชายสวยไหม ?”
“ยังไม่เห็นเลย” มู่เทียนเย่ใช้นิ้วมือลูบไปที่หน้าของเธอ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “แต่ว่าแม่สวยขนาดนี้ ลูกชายไม่น่าเกลียดแน่นอน”
“พ่อก็หล่อมาก”
มู่เทียนเย่พยักหน้า “คุณพูดถูก เด็กดี หลับตาพักผ่อนสักหน่อยเถอะ เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะได้เห็นหน้าลูกชายแล้ว”
“อืม ฉันเหนื่อยมาก ฉันนอนพักก่อนนะ”
ข้างนอกห้องคลอด มู่เวยเวยกับเย่ฉ่าวเฉินรีบมา แม้เย่ฉ่าวเฉินจะพูดตลอดว่า ช้าหน่อยช้าหน่อย แต่ใจของมู่เวยเวยก็รีบจนแทบจะบิน
“คุณลุงคุณป้า สวัสดีค่ะ” มู่เวยเวยกล่าวทักทาย
“เวยเวย เธอมาได้ยังไง ?เธอยังตั้งท้องอยู่นะ ”แม่ตระกูลเสี่ยวถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันสบายดี พี่สะใภ้เข้าไปนานเท่าไหร่แล้ว ?” มู่เวยเวยมองไปที่ประตูห้องคลอด
“ชั่วโมงกว่าแล้ว น่าจะใกล้ออกมาแล้ว”
“อ่อ ใกล้แล้วใกล้แล้ว” มู่เวยเวยพูดซ้ำๆ
เย่ฉ่าวเฉินประคองเธออย่างระมัดระวังตลอด หลังจากสอบถามพ่อแม่ตระกูลเสี่ยวเสร็จ ก็พูดกับภรรยาว่า “คุณนั่งพักก่อนเถอะ”
“ใช่ รีบนั่งลง”แม่ตระกูลเสี่ยวประคองเธอนั่งลง “พวกเธอรู้ได้ยังไงว่าเสี่ยวหร่านเข้าโรงพยาบาล ?”
เย่ฉ่าวเฉินตอบ “เวยเวยโทรไปหาพี่สะใภ้ แต่ไม่มีคนรับสาย โทรไปที่คฤหาสน์มีคนบอกว่าส่งเธอไปโรงพยาบาลแล้ว พวกเราจึงรีบตามมา”
ตอนนั้นได้ยินพ่อบ้านบอกว่าอันตราย มู่เวยเวยหัวใจแทบจะหยุดเต้น และรีบคว้าเย่ฉ่าวเฉินมาที่โรงพยาบาล
แม่ตระกูลเสี่ยวมองไปที่ท้องของมู่เวยเวย ยิ้มและพูดว่า “เธอนี่น่าจะได้ลูกสาวนะ”
มู่เวยเวยถามด้วยความประหลาดใจ “อาอี๋รู้ได้ยังไงคะ ?”
“ดูจากรูปร่างท้องของเธอ และลูกสาวจะเลี้ยงแม่ เธอดูผิวพรรณเธอสิดีขนาดนี้ ต้องเป็นลูกสาวแน่นอน”
แม่ของมู่เวยเวยเสียชีวิตไปนานแล้ว และก็ไม่มีผู้อาวุโส ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้ยินประสบการณ์แบบนี้ และในตอนที่ฟังมันก็ดูน่าทึ่งมาก
“อาอี๋ คุณสุดยอดมาก เป็นลูกสาวจริงๆ”
“นั่นไง ฉันว่าแล้ว เธอกับเสี่ยวหร่านตั้งครรภ์เกือบจะพร้อมกัน ถ้างั้นตอนนี้ก็น่าจะแปดเดือนแล้ว ปกติต้องออกกำลังกายเยอะ เมื่อถึงเวลาจะได้คลอดง่ายๆ”แม่ตระกูลเสี่ยวจับมือของมู่เวยเวยและพูดด้วยความเอ็นดู
เมื่อเธอได้ยินชื่อมู่เวยเวยจากปากของลูกสาว บอกว่าเป็นน้องสาวของมู่เทียนเย่ เป็นเด็กสาวที่น่ารักประพฤติตัวดี ตอนเจอครั้งแรกก็ชอบเธอ และตอนนี้เธอยังเป็นน้องสะใภ้ของเสี่ยวซีหร่าน ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดี แม่เสี่ยวจึงมองเธอเป็นเหมือนลูกสาวไปโดยปริยาย
มู่เวยเวยยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฉันทราบแล้ว ช่วงนี้ไม่มีอะไรก็ออกไปเดินล่น ฉันยังงคิดว่าจะคลอดพร้อมกับพี่สะใภ้ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเร็วกว่าฉันไปหน่อย ดูเหมือนว่าลูกทั้งสองของพี่สะใภ้ทนไม่ไหวที่จะลืมตาดูโลกนี้แล้ว”
“หวังว่าพวกเขาทั้งสามคนจะปลอดภัย”แม่ตระกูลเสี่ยวพูดอย่างเป็นห่วง
“อาอี๋ พี่สะใภ้จะไม่เป็นไร คุณวางใจเถอะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของมู่เวยเวย ประตูห้องคลอดก็เปิดออก พยาบาลคนหนึ่งเดินออกมาและพูดว่า “ใครเป็นครอบครัวของเสี่ยวซีหร่านคะ ”
“พวกเราครับ”พ่อตระกุลเสี่ยวรีบเดินไปข้างหน้า
“ยินดีกับพวกคุณด้วย เสี่ยวซีหร่านคลอดลูกแฝด เป็นผู้ชายทั้งคู่ แม่ลูกปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังเย็บแผลอยู่ คุณมู่ให้ฉันมาบอกพวกคุณว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
มู่เวยเวยดีใจจนคว้ามือของเย่ฉ่าวเฉินขึ้นมาจับ “ได้ยินรึเปล่า ? แฝดชาย พระเจ้า เยี่ยมมากเลย ฉันเป็นคุณน้าแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินกอดเธอเบาๆ “ได้ยินแล้วได้ยินแล้ว เธออย่าตื่นเต้นนัก”
พ่อแม่ตระกูลเสี่ยวก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน พ่อเสี่ยวพูดด้วยความแข็งแกร่ง “พระเจ้า ให้กำเนิดลูกชายคู่หนึ่ง เสี่ยวหร่านเยี่ยมมาก ทำลายกฎของตระกูลเสี่ยวที่มีมาสามชั่วอายุคน”
“ใช่แล้วใช่แล้ว พวกเรามีหลานแล้ว พวกเราจะเป็นคุณตาคุณยายแล้ว” แม่เสี่ยวเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว มุมดวงตาของเธอระเรื่อไปด้วยน้ำตา
สิบนาทีต่อมา มู่เทียนเย่เข็นภรรยาออกมาจากห้องคลอดด้วยตัวเอง เด็กทั้งสองทำความสะอาดเรียบร้อย และวางไว้ข้างแม่ ดูเหมือนกันทุกประการ อีกทั้งยังดูเหมือนมู่เทียนเย่และเสี่ยวซีหร่านมาก
“ว้าว เด็กน้อยน่ารักมาก สวยมากเลย”มู่เวยเวยอุทานออกมาอย่างจริงใจ
“แน่นอนสิ ไม่มองดูล่ะว่าใครให้กำเนิด” มู่เทียนเย่พูดอย่างมีชัย
เย่ฉ่าวเฉินมองดูเด็กทารกทั้งสองอย่างละเอียด น่าตาสวยงามมาก แต่ใจในเขาก็รู้สึกว่า ยังไม่สวยเท่ากับผิงอัน
แม่เสี่ยวยืนอยู่ข้างๆลูกสาว มองเธออย่างทุกข์ใจ “เสี่ยวหร่านลำบากแล้ว”
เสี่ยวซีหร่านยังคงหลับอยู่ พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆบนริมฝีปาก
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฤทธิ์ของยาชาก็หมดลงและเสี่ยวซีหร่านก็ตื่นขึ้นด้วยความเจ็บปวด
“อ๊า——เจ็บแผลมากเลย”เสี่ยวซีหร่านครวญครางดวงตาแดงก่ำ และไม่สามารถแตะแผลได้ จึงทำได้เพียงอดทนต่อไป
มู่เทียนเย่มองดูด้วยความเจ็บปวด จึงยื่นแขนออกไปและพูดว่า “เสี่ยวหร่าน ถ้าหากว่าคุณรู้สึกเจ็บก็กัดแขนผม”
“คุณออกไป” เสี่ยวซีหร่านด่าเขาไปทีหนึ่ง เธอจะกัดเขาได้อย่างไร “ลูก ลูกล่ะ ฉันดูหน่อย”
มู่เทียนเย่รีบหันกลับไปอุ้มลูกที่อยู่ในรถเข็นเด็กออกมาให้เธอดู “คุณดูสิ นี่คือลูกชายของพวกเรา”
เสี่ยวซีหร่านทนความเจ็บปวดและเหลือบมองดู และพูดด้วยใบหน้าเศร้าว่า “ทำไมน่าเกลียดอย่างนี้ และทำไมแดงขนาดนี้?”
แม่เสี่ยวยิ้มหัวเราะออกมา “น่าเกลียดที่ไหนกัน ? เด็กแรกเกิดก็เป็นอย่างนี้ก็ถือว่าดูดีแล้ว ผ่านไปสักสองวันก็ดีแล้ว ผิวก็จะเริ่มขาวขึ้น”
“จริงเหรอ?”เสี่ยวซีหร่านไม่มั่นใจ เพราะว่าเธอคิดไม่ถึงว่า ดูตอนนี้เด็กทารกที่เหมือนลิงทั้งสองนี้จะเปลี่ยนเป็นเด็กทารกตัวอ้วนขาวได้ภายในสองวัน
“จริงจริง ตอนที่คุณเกิด พวกเขายังไม่น่าดูเท่าตอนนี้เลย”
“ถ้างั้นก็ดี”
ขณะที่กำลังพูดอยู่ พยาบาลก็เข้ามา “ตื่นแล้วเหรอ ? ตื่นแล้วก็ลุกมาเดิน”
“ห๊ะ ? แต่ว่าเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ?”มู่เทียนเย่ถามกลับ