วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 314 โดนจับได้แล้ว
พูดจบ เขาก็เดินไปข้างหน้าร.ป.ภ.จากนั้นชี้ไปทางหยางจิงว่า “ห้ามให้คนพรรนี้เข้ามาเด็ดขาด”
แต่ไม่ทันที่เธอจะเดินเข้าไป ก็โดนร.ป.ภ.ขวางไว้เสียก่อน “คุณผู้หญิงมาหาใครรับ?”
“ฉันก็มาหาพี่จิงเหยียนไง” คำว่าพี่ที่หยางจิงได้ยิน ทำเอาหน้าชา
ร.ป.ภ.ลังเลอยู่ เพราะเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาบริษัทมาก่อน แต่คำที่เธออ้างว่าจิงเหยียนเป็นพี่ชาย พูดเหมือนสนิทกันมาก นี่ตกลงควรให้เธอเข้าไปดีไหม?
“นัดไว้ไหมครับ?”
เธอจ้องเขาตาโต “ฉันมาหาพี่จิงเหยียน ฉันไม่เคยนัดนะ”
ร.ป.ภ.รู้สึกลำบากใจ จึงเสนอออกไปว่า “หรือคุณลองโทรหาประธานเย่ก่อนดีไหมครับ ไม่อย่างนั้นผมให้คุณเข้าไปไม่ได้จริงๆครับ”
“นายนี่ทำไมน่ารำคาญแบบนี้นะ?” เธอกล่าวอย่างหัวเสีย ร.ป.ภ.ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ
หยางจิงมองดูเธอ จากนั้นขำเย้ยออกมา หึหึคงจะเป็นพวกชอบหลอกลวงซินะ
ร.ป.ภ.มองทั้งสองและพูดอย่างสุภาพว่า “พวกคุณรอตรงนี้สักครู่ก็ได้ครับ อีก 5 นาทีประธานเย่ก็เลิกงานแล้ว เดี๋ยวคงลงมาครับ”
“หึ ฉันจะให้พี่จิงเหยียนไล่นายออก” เธอกล่าว และไม่อยากยืนรอตรงนี้สักนิด
ไม่นาน พนักงานของเย่ฮวางค่อยๆทยอยเดินออกมา มองเห็นสาวสวยทั้งสองที่หน้าประตูก็ต่างพากันยิ้มมองและซุบซิบ
ผ่านไปอีกพักใหญ่ ร่างสูงโปร่งก็เดินออกมา เธอรีบวิ่งเข้าไปเพื่อกอดเขา “พี่จิงเหยียนเลิกงานแล้ว”
เย่จิงเหยียนตกใจ รีบดันเธออก จากนั้นก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา โอ้ยนี่มันยัยถังยวีเวยแห่งตระกูลถังเอง เธอมาทำอะไรที่นี่เนี้ย?
เย่จิงเหยียนรีบถามเธอว่า “หยุดอยู่ตรงนั้น มาหาผมมีเรื่องอะไร?”
ถังยวีเวยหยุดอยู่ก็จริงแต่ยังไม่วายไปเลื้อยพันแขนของจิงเหยียน “ฉันมาพาพี่ไปทานข้าวไงคะ ที่เรานัดกันไว้คราวก่อนไง”
“ใครนัดกับเธอ?” เย่จิงเหยียนกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
ถังยวีเวยทำท่าทางงอน และพูดอย่างแอ๊บแบ๊วต่อว่า “ไม่สน ไม่รู้ไม่ชี้ ยังไงก็นัดไว้แล้ว เพราะงั้นวันนี้พี่ต้องพาฉันไปทานข้าว” พูดจบ เธอก็กอดแขนของจิงเหยียนแน่น
“นี่…เธอ ปล่อยนะ” เย่จิงเหยียนพยายามแกะมือเธอออก เกิดมาไม่เคยเจอใครหน้าหนาแบบนี้มาก่อนเลย
“ไม่ๆๆๆค่ะ ถ้าปล่อยพี่ก็หนีซิคะ”
หยางจิงที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นว่า “ประธานเย่คะ…”
เย่จิงเหยียนหันไปมองเธอ ขมวดคิ้วถามว่า “คุณมาทำอะไร? แค่นี้ข่าวยังอื้อฉาวไม่พอหรือ?”
หยางจิงน้ำตารื้นขึ้นมา พูดกับเขาว่า “ประธานเย่คะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรเอาคุณเข้ามาเกี่ยวด้วยทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ครั้งนี้ขอร้องคุณปล่อยฉันไปเถอะนะคะ”
เย่จิงเหยียนถามกลับเสียงเย็นชาว่า “หึ ถ้าทุกคนทำผิดและพูดขอโทษแล้วมันจบ โลกนี้คงน่าเบื่อมาก”
หยางจิงทำสายตาอ้อน และพูดต่อว่า “ประธานเย่ ฉันสับสนไปหมด ไม่ควรทำแบบนี้ ฉันรู้สึกผิดจริงๆ”
เย่จิงเหยียนยิ้มที่มุมปาก และถามต่อว่า “งั้นคุณบอกผมซิ ว่าเรื่องนี้มันบังเอิญมาเจอผมได้อย่างไร?”
หยางจิงใจกระตุกเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา ตอนนี้เธอรู้ดีว่าควรทำแสดงออกมาอย่างไร
“ประธานเย่จะไม่เชื่อก็ได้ค่ะ แต่มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ทานข้าวครั้งก่อนก็เป็นช่วงที่ฉันไปถ่ายนิตยาสารแถวนั้นพอดี รูปพวกนี้เป็นพวดปาปารัซซี่ที่ตามแอบถ่ายรูปฉัน พวกเขาต้องการเงินจากฉัน แต่ว่าฉันไม่ได้ให้ไป และคิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คิดไม่ถึงว่ามันจะส่งผลให้ท่านประธานแบบนี้ ฉันขอโทษจริงๆค่ะ” หยางจิงโค้งตัว
คำพูดที่เธอพูด มีทั้งความจริงและโกหกอย่างละครึ่ง เย่จิงเหยียนถามเธออีกครั้งว่า “คุณมั่นใจว่าคือความบังเอิญ?”
“บังเอิญจริงๆค่ะ ถ้าประธานเย่ไม่เชื่อ ไปสืบหาหลักฐานได้เลย ฉันไม่กล้าโกหกหรอกค่ะ”
ถังยวีเวยพูดแทรกขึ้นว่า “ดาราอย่างพวกเธอแสดงเก่งจะตาย ใครจะไปรู้ว่าที่เธอพูดมาจริงหรือเปล่า พี่จิงเหยียนคะ อย่าไปเชื่อนะคะ เธอต้องวางแผนมานานแล้วแน่ๆเลยค่ะ”
ในขณะที่พวกเขากำลังเถียงกันอยู่นั้น ก็มีรถทหารคันหนึ่งขับเข้ามาใก้ลเรื่อยๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนต้วนอีเหยานั่นเอง
ต้วนอีเหยามองเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย แต่ที่ทำเธอไม่ชอบใจคือที่แขนของเขาถูกผู้หญิงโอบกอดอยู่
บังเอิญจริงๆ เธอมาที่นี่สองครั้ง ทุกๆครั้งจะต้องเห็นเขายืนใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่น คำที่พ่อเธอบอกถูกต้องจริงๆ ไม่มีมูลหมาไม่ขี้ซินะ
เย่จิงเหยียนนี่แพรวพราวน่าดู ไปไหนก็มีแต่ผู้หญิง แต่ไม่เคยมีข่าวเลย
“หัวหน้า ไอ้ชายหน้าขาวคนนั้นทำไมมีผู้หญิงยืนเหาะแขนอีกแล้วล่ะครับ ผมนึกว่าครั้งก่อนเราคงเข้าใจผิด” ชิงหลงบ่น ในใจไม่ชอบขี้หน้าเย่จิงเหยียนเท่าไหร่
ต้วยอีเหยานิ่ง ชิงหลงพูดความในใจเธอออกมา
หัวหน้ายังจะลงไปไหมครับ?” ชิงหลงสังเกตเห็นหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก
“มาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว ลงไปพูดอะไรสักหน่อยแล้วกัน จอดรถ”
ชิงหลงเหยียบเบรคเอี้ยด ต้วนอีเหยาลงจากรถ พูดกับจิงเหยียนเสียงเย็นชาว่า “ประธานเย่ คุณนี่มันฮอตจริงๆเลยนะ”
เย่จิงเหยียนตกใจเล็กน้อย หันไปเห็นคนที่เขาเป็นห่วงอยู่นาน ยืนใส่ชุดลายพราง ใส่รองเท้าบูทมาตินอยู่
เย่จิงเหยียนรีบปัดมือของถังยวีเวยออก จากนั้นเดินเข้าไปหาเธอ และพูดว่า “คุณกลับมาแล้ว? กลับมาเมื่อไหร่? บาดเจ็บไหม? หน้าไปโดนอะไรมา? หนาวไหม?”
เขาถามเธอรัวๆ แต่ใจของต้วนอีเหยากลับรู้สึกโกรธ เมื่อครู่ยังหยอกกับผู้หญิงอื่นอยู่เลย ตอนนี้มาถามด้วยท่าทีอบอุ่นกับเธอ อารมณ์เปลี่ยนไปเร็วจริงๆ
“ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก แต่วันนี้เห็นประธานเย่น่าจะกำลังยุ่ง เชิญจัดการธุระของคุณต่อเถอะ ฉันไปละ” ต้วนอีเหยาพูดจบ ก็เดินขึ้นรถ แต่ถูกเย่จิงเหยียนดึงเข้ามากอด
“อย่าไปนะ ต้วนอีเหยา อย่าไปจากผม” เย่จิงเหยียนกอดเธอแน่นขึ้น กลัวว่าเธอจะหนีเขาไปอีก “ผมคิดถึงคุณ คิดถึงมากจริงๆ”
เย่จิงเหยียนรู้ว่าเธอกำลังโกรธ แต่ที่เธอโกรธก็หมายความว่าเธอยังสนใจเขาอยู่บ้าง
ต้วนอีเหยาผลักเขาออกอย่างแรง มองเขาด้วยสายตาเย็นชาว่า “ประธานเย่ คุณไม่ใช่ว่ามีคนกอดตลอดหรือ? คุณจะคิดถึงฉันทำไม”
“อีเหยา พวกเธอไม่ได้เป็นอะไรกับผม ผมสาบาน..”
“พี่จิงเหยียน” ถังยวีเวยแวดขึ้น รีบวิ่งเข้ามากอดแขนเขาและถามต่อว่า “ผู้หญิงคนนี้คือใครคะ?”
เย่จิงเหยียนสะบัดมือถังยวีเวยออกและพูดว่า “คุณถัง รบกวนคุณระวังคำพูดของคุณด้วย เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
ถังยวีเวยน้ำตาไหล พูดต่อว่า “พี่จิงเหยียนทำไมต้องโหดร้ายกับฉันขนาดนี้คะ”
“เหอะ” ต้วนอีเหยาพูดขึ้น “พี่จิงเหยียน? ไอหยา พูดซะสนิทขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นแค่น้องสาวหรือเนี้ย”
“ฉันไม่ใช่น้องสาวย่ะ ฉันคือผู้หญิงที่จะแต่งงานกับพี่จิงเหยียนในอนาคต เธอเป็นใครมิทราบ?”
“เธอหุบปากเดี๋ยวนี้” เย่จิงเหยียนกล่าว เขาไม่ได้สนใจคำที่ถังยวีเวยพูด แต่เลือกที่จะดึงมือของต้วนอีเหยาและพูดขึ้นว่า “ภรรยาของฉันในอนาคต มีแค่เธอ”
ถังยวีเวยตกใจจนช็อก รีบพูดว่า “พี่จิงเหยียนชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ไง สวยก็ไม่สวย ผิวพรรณยัง…”
ยังไม่ทันพูดจบ เธอหันไปเห็นสายตาของต้วนอีเหยาพอดี เธอกลัวจนไม่กล้าพูดต่อ รีบไปหลบหลังเย่จิงเหยียน และพูดกับเขาว่า “พี่จิงเหยียนคะ เธอดุจัง”
ถ้าตอนนี้มีมืดอยู่ในมือ เย่จิงเหยียนต้องแทงเธอตายแน่
“คุณถัง เชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้” เย่จิงเหยียนพูด
ถังยวีเวยเป็นคนเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก เธอสามารถว่าคนอื่นได้ แต่คนอื่นจะมาว่าเธอไม่ได้ “ถ้าพี่จิงเหยียนไม่ไปทานข้าวกับฉัน ฉันก็จะไม่ไปไหนคะ”
ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นผู้ชาย เย่จิงเหยียนคงซัดหน้าหงายไปแล้ว แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิง เขาเลยพยายามทน
เมื่อรู้ว่าไม่มีปัญญาปฏิเสธอเธอ จึงหันไปพูดกับต้วนอีเหยาว่า “คุณหิวไหม? ผมพาคุณไปทานข้าวดีไหม?”
ต้วนอีเหยาสะบัดมือเขาออกอีกครั้ง พร้อมกับพูดเสียงเรียบว่า “เย่จิงเหยียน ที่ฉันมาวันนี้มีจุดประสงค์แค่ 2 อย่าง 1.ดูว่านายเป็นเหมือนในข่าวไหม 2.มาตามสัญญา มาบอกว่าฉันปลอดภัยกลับมา ยังไม่ตาย และตอนนี้ฉันทำทุกอย่างที่ตั้งใจเสร็จหมดแล้ว ฉันก็จะกลับ นายทำธุระของนายต่อเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว”
เย่จิงเหยียนใจร้อนรน เห็นภาพที่เธอกำลังจะเดินจากไป รีบรั้งเธอไว้ “ข่าวลือไม่เป็นความจริงเลย”
“ฉันรู้ เมื่อครู่ที่เธอโค้งคำนับ คงกำลังขอบคุณอยู่ซินะ ฉันเดาได้” ต้วนอีเหยาหัวเราะเบาๆ
แต่ยิ่งเธอขำ เย่จิงเหยียนยิ่งรู้สึกหวั่นใจ “แล้วทำไมต้องรีบไป? เวลาทานข้าวด้วยกันสักมื้อก็ไม่มีหรือ?”
ต้วนอีเหยายักไหล่และตอบง่า “ฉันยุ่งมาก”
“งั้นไม่เป็นไร แค่ได้เห็นหน้าุณก็โอเคแล้ว”
“แต่ฉันอยากบอกนายไว้นะ ถ้าต่อเราคบกันแล้ว ฉันไม่อยากเห็นภาพนายอยู่กับผู้หญิงคนอื่นในทุกๆครั้งที่ฉันกลับมา และยิ่งไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าของฉันไปกับเรื่องไร้สาระอะไรพวกนี้ด้วย”
เย่จิงเหยียนขวางเธอไว้ไม่ให้ขึ้นรถ และพูดกับเธอว่า “ผมไม่ดีเอง ครั้งต่อไปผมจะจัดการให้ดี ไม่ให้คุณมีเรื่องพวกนี้มารบกวนจิตใจ”
“หึ ใครจะไปรู้ ปกติฉันก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยนี่นา เย่จิงเหยียน ฉันคิดว่านายไปหาผู้หญิงที่เหมาะกับนายมากกว่านี้ดีไหม และแน่นอน..” ต้วนอีเหยามองไปทางถังยวีเวย “ว่าคงไม่ใช่ผู้หญิงแบบนี้ สมองมีปัญหา..”
“เธอหมายถึงใคร”
“หมายถึงเธอไง ยังจะมาถามอีก” ต้วนอีเหยาส่ายหน้า
ถังยวีเวยปี๊ดขึ้น และพูดกับธอว่า “เธอ…เธอน่ะซิสมองมีปัญหา ขี้เหร่ก็ขี้เหร่ ยังมีหน้ามายุ่งกับพี่จิงเหยียนอีก”
ต้วนอีเหยาสะแยะยิ้มและตอบกลับเธอว่า “สาวน้อย ฉันว่าเธอโตกว่าค่อยไปหาแฟนจะดีกว่า เนื้อตรงหน้าอกของเธอทั้งก้อนนั้นเหมือนจะเบาเกินไป สัมผัสไม่ดีเท่าไหร่ ผู้ชายไม่ชอบหรอก”
ถังยวีเวยหน้าแดง “เธอ…เธอมันหน้าไม่อาย”
“โอ้ว แค่คำพวกนี้ก็ทนฟังไม่ได้หรือเนี้ย กลับไปรอให้โตกว่านี้อีกหน่อยดีกว่ามั้ง เอ้อแล้วอย่าโตแต่ตัวนะ สมองต้องโตตามด้วย ไม่งั้นอาจจะถูกคนตบเอาได้”
ถังยวีเวยถอยไปอีกสองก้าวเพื่อหลบเธอและพูดต่อว่า “ถึงแม้ว่าพี่จิงเหยียนอาจจะไม่แต่งงานกับฉัน แต่อย่างไรซะเขาก็ไม่แต่งกับเธอโหดร้ายป่าเถื่อนอย่างเธอหรอก”
ต้วนอีเหยาอดทนขั้นสุด ถ้าไม่ไปจากที่นี่ตอนนี้ ยัยนี่ต้องพูดอะไรอีกแน่
“เอาล่ะ ปล่อยฉันเถอะ ฉันควรไปละ” ต้วนอีเหยาพูดอย่างเย็นชา แถมบีบบังคับ
เย่จิงเหยียนไม่ยอมปล่อย หนำซ้ำยังจับแน่นกว่าเดิม และถามว่า “ที่คุณพูดเมื่อกี้เรื่องจริงจากใจหรือ?”
“ประโยคไหน?” ต้วนอีเหยาถาม มองเห็นนัยตาเศร้าหมองของเขา และพูดขึ้นมาว่า “ที่ฉันบอกให้หาผู้หญิงที่เหมาะสมกับนายประโยคนั้นอะหรือ? อืมฉันพูดจริง”
“อีเหยา คุณมองไม่เห็นหัวใจของผมเลยหรือ?” เย่จิงเหยียนถาม
“ฉันมองเห็น นายดีกับฉันมาก แต่” ต้วนอีเหยาหยุดและมองไปที่ตาเขา “ฉันไม่รู้ว่านายดีกับคนอื่นแบบนี้หรือเปล่า อีกอย่างเวลาทำความรู้จักของเราก็น้อยเกินไป แถมทุกครั้งที่เจอกัน นายมักจะมีเรื่องให้ฉันเซฮไพร์ตลอด แล้วนายจะให้ฉันเชื่ออะไรนาย?”
“อีเหยา ทั้งหมดที่คุณเห็นมันเป็นเรื่องบังเอิญทั้งนั้น ผมไม่มีอะไรพวกเธอจริงๆ ครั้งก่อนคือพาร์ทเนอร์ ครั้งนี้…” เขาชี้ไปทางหยางจิง “เธอมาเพื่อขอโทษผม แลคนเมื่อกี้นี้คือลูกสาวของเพื่อนคุณพ่อผม เธอเอาแต่ใจมาก คุณเชื่อผมได้ไหม?”
ต้วนอีเหยามองไปมองทางเขาและรู้สึกสงสารจับใจ ไม่อยากจะพูดอะไรทำลายจิตใจเขาอีก เธอถอนหายใจและพพูดต่อว่า “เย่จิงเหยียน ฉันว่าเราใจเย็นกันก่อนไหม ค่อยๆคิดว่าเราเหมาะสม…”
เย่จิงเหยียนพูดแทรกขึ้น “ไม่ ผมเย็นพอแล้ว ที่คุณหายไปก่อนหน้านี้ คุณคิดว่าผมยังไม่ชัดเจนพออีกหรือ? ผมชอบคุณจริงๆ ชีวิตนี้อยากแต่งงานกับคุรแค่คนเดียวเท่านั้น”
“แต่ฉันยังไม่ได้คิดให้ชัดเจน นายปล่อยฉัน”
“ผมไม่ปล่อย” เย่จิงเหยียนยืนขวาง
ต้วนอีเหยาโมโห จึงจับเขาทุ่มลงพื้น และขึ้นรถจากไป
ทั้งร.ป.ภ.และหยางจิงต่างก็อึ้งกับเหตุการณืตรงหน้า มีใครหน้าไหนกล้าทำกับเย่จิงเหยียนแบบนี้?
แต่เย่จิงเหยียนไม่ได้สนใจหน้าตา เขาตั้งสติได้ก็วิ่งตามรถไป แต่วิ่งเท่าไหร่ก็ตามไม่ทัน และไม่นานรถก็หายไปจากสายตา
ในใจเขารู้สึกเจ็บปวดมาก มากจนเกือบจะหายใจไม่ออก นี่เธอไปง่ายๆแบบนี้เลยหรือ?
ทำไมทุกครั้งมันต้องเป็นแบบนี้? เหมือนฟ้าจงใจจะแกล้งเขา ถ้างานเต้นรำวันนั้นเขาปฏิเสธที่จะเต้นรำกับหยางจิง คงจะไม่มีเรื่องอะไรบ้าบอมากมายขนาดนี้ และถ้าเขามีเวลาไปคุยกับประธานถังเรื่องของถังยวีเวย เธอคงไม่มาวอแวเขาแบบนี้
ทางด้านต้วนอีเหยา ภายในใจเธอสับสน เพราะเธอไม่เคยชอบใครมาก่อน เลยไม่รู้ว่าการชอบใครสักคนจะรู้สึกแปรปรวนขนาดนี้ เวลามองเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ก็โกรธมาก แต่สะบัดมือหนีเขามาก็รู้สึกเสียใจมากเหมือนกัน
“หัวหน้า พวกเรากลับกันดีไหมครับ?” ชิงหลงถาม
ต้วนอีเหยาเงียบครู่หนึ่งและตอบว่า “หาที่อยู่สักพักหนึ่ง”
เพราะเธอไม่อยากตัดสินใจจากไปง่ายๆเร็วแบบนี้ เธออยากคิดให้ดีก่อน
“อ่อ รับทราบครับ”
ทางด้านเย่จิงเหยียน หยางจิงยังอยู่ที่เดิม จากนั้นเย่จิงเหยียนก็พูดกับเธอว่า
“คุณยังอยู่ที่นี่อีกทำไม? รีบไปให้พ้น” เย่จิงเหยียนตะโกนลั่น เขาโกรธมาก ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ ต้วนอีเหยาคงไม่โกรธเขาขนาดนี้
ครั้งนี้ที่เธอจากไป เขาไม่รู้เลยว่าจะเจอเธออีกตอนไหน และไม่รู้เลยว่าจะไปขอให้เธออภัยอย่างไร
หยางจิงตกใจ และรีบวิ่งออกไป
เย่จิงเหยียนอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจแวะบาร์แห่งหนึ่งระหว่างทางกลับบ้าน เมื่อเขาเดินเข้าไปในร้าน ไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงอีกคนกำลังแอบตามเขาเข้าไป
เพราะเวลาเพิ่งหัวค่ำ ทำให้คนไม่เยอะเท่าไหร่ เย่จิงเหยียนเลือกที่นั่งหลบมุมในบาร์ เมื่อผู้จัดการบาร์เห็นและจำเขาได้ จึงเดินมาเสิร์หเหล้าด้วยตัวเอง
“ประธานเย่ครับ ต้องการอะไรสั่งได้เลยครับ”
เย่จิงเหยียนพยักหน้ารับทราบ จากนั้นเทเหล้าให้ตัวเอง
เขาดื่มแก้วแล้วแก้วเหล้า ยิ่งดื่มยิ่งทำให้ทรมานใจ เขาแค่ต้องการใช้ชีวิตเรียบง่ายกับต้วนอีเหยาเท่านั้นเอง อยากทำกับข้าวให้เธอกิน รอเธอกลับบ้าน ทำไมเรื่องง่ายๆแค่นี้มันถึงยากนัก?
เย่จิงเหยียนยังคงดื่มต่อไปอย่างต่อเนื่อง มีสาวสวยหลายต่อหลายคนต้องการจะดื่มกับเขา แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธหน้าหงายทุกคน
ช่วงที่เขากรึ่มๆ หน้าของต้วนอีเหยาก็ลอยมาในหัว ทั้งโกรธ ยิ้ม หรือแม้กระทั่งตอนเย็นชาใส่เขา เขาคิดได้แบบนั้น จึงลองกดเบอร์โทรหาต้วนอีเหยา เขาอยากได้ยินเสียงของเธอมาก
“อีเหยา ใช่อีเหยาไหม?” อย่าไปจากผมได้ไหม? ผมชอบคุณมากจริงๆ ชอบคุณมากตั้งแต่เด็กแล้ว อย่าไปจากผมเลยนะ” เย่จิงเหยียนพูดใส่โทรศัพท์
ต้วนอีเหยาได้ยินก็รู้ว่าเสียงเขาแปลก “นายเมาหรือ?”
“เปล่า” เย่จิงเหยียนปฏิเสธ “ผมแค่ดื่มไปไม่กี่ขวดเอง”
ต้วนอีเหยาถอนหายใจ คนเมาที่ไหนจะบอกว่าตัวเองเมา
เย่จิงเหยียนเพ้อต่อ “อีเหยา คุณไปจากผมครั้งนี้ผมจะฝันถึงคุณทุกวันเลย ผมเพิ่งไปหัดเรียนทำอาหารมาด้วยนะ คิดถึงตอนที่คุณกลับมาแล้วผมทำกับข้าวไว้ให้คุณทาน คุณให้โอกาสผมนะ? อย่าไปจากผมนะ ผมขอร้อง”
ต้วนอีเหยาฟังแล้วรู้สึกใจอ่อน ผู้ชายคนนี้อยู่ต่อหน้าคนอื่นมักจะดูเข้มแข็งและโดดเด่น แต่เวลาอยู่ต่อหน้าตนนั้นมักจะดูเป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง ทั้งอ่อนโยนและอ่อนแอ
“นายอย่าดื่มอีกเลย รีบกลับบ้านเถอะ” ต้วนอีเหยากล่าว
เย่จิงเหยียนขำเบาๆ “คุณมารับผมดีไหม? ผมอยากเจอคุณ อีเหยาผมอยากเจอตุณมากๆ”
ต้วนอีเหยาเกือบจะใจอ่อน แต่อีกใจของเธอก็สั่งให้ใจเย็นๆคิดดีๆก่อน
“เย่จิงเหยียน นายให้เวลาฉันคิดหน่อยแล้วกันนะ” พูดจบ เธอก็รีบวางสายไป เธอเหม่อลอย นอนฟังเสียงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นอยู่
สรุป ควรให้โอกาสเขาไหม?
เธอคิดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาเป็นพันๆรอบ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ
“ติ๊งต่อง” เสียงกริ่งดังขึ้ย
“ใคร?” ต้วนอีเหยาตะโกนถาม
“ผมเอง” ชิงหลงตอบ
ต้วนอีเหยาลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู “มีอะไร?”
ชิงหลงใส่ชุดสบายๆ ยืนอยู่หน้าประตูพูดกับเธอว่า “กัปตันครับ เราจะออกมาข้างนอกทั้งที ไปเดินเล่นกันหน่อยดีกว่าครับ”
ต้วนอีเหยาปฏิเสธ “ไม่เอาอะ นายไปเถอะ”
“ไปเถอะครับ ผมไปคนเดียวน่าเบื่อจะตาย” ชิงหลงอ้อนวอน เขารู้ว่าต้วนอีเหยาอารมณ์ไม่ดี จึงอยากให้เธอออกไปเดินเล่นผ่อนคลายบ้าง
ต้วนอีเหยาจ้องเขาเขม็ง และตอบว่า “นายรออยู่ตรงนี้แล้วกัน ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อน”
“ครับผม”
ทั้งสองเดินพักอยู่ที่ใจกลางเมือง เมื่อเดินออกมาจากโรงแรมก็พบเห็นบรรยากาศคึกคัก ชิงหลงรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก แถมยังซื้อไอศกรีมให้ต้วนอีเหยาและเขาอีกคนละแท่ง
“หนาวขนาดนี้ ยังกินไอ้นี่อีก ไม่กลัวท้องเสียหรือไง? ” ต้วนอีเหยาพูดห้วนๆ
ชิงหลงกัดไปคำหนึ่ง “ไม่หนาวสักนิดนี่ครับ กัปตันลองชิมดู”
“ฉันไม่ชอบกินของหวาน เดี๋ยวฉันถือให้ แล้วนายเอาไป”
ชิงหลงมองเธอ และถามว่า “กัปตัน ยังโกรธอยู่หรือครับเนี้ย?”
“เปล่า” ต้วนอีเหยาปฏิเสธ เธอจะให้ลูกน้องรู้อารมณ์เธอได้อย่างไรกัน
แต่ชิงหลงทำงานกับเธอมาหลายปีแล้ว จึงรู้ว่าเธอปากแข็งอย่างมากขนาดไหน “กัปตัน ผมขอพูดอะไรหน่อย อย่าด่าผมนะ”
ต้วนอีเหยาพูด แต่ตามองไปที่ตู้กระจกข้างในวางเต็มไปด้วยเครื่องประกับสวยงาม “อืมพูดมา ไม่ด่า”
ชิงหลงพูดอย่างจริงจังว่า “ผมลองตั้งใจคิดดีๆแล้ว จริงๆเย่จิงเหยียนก็ไม่ได้ทำอะไรผิดมากนะครับ เรื่องหน้าบริษัท เขาก็ปฏิบัติกับผู้หญิงสองคนนั้นไม่ได้ดีอะไรเลย ถ้าพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรจริงๆ เขาคงไม่ปฏิบัติกับพวกเธอแบบนั้นหรอกครับ”
ต้วนอีเหยาเงียบ เพราะเธอก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ที่ทำให้เธออดโกรธไม่ได้คือ ยัยเด็กนั่นเรียกเขาว่าพี่จิงเหยียน
“แต่มีอีกเรื่องครับ ตระกูลของเขามีชื่อเสียงมากขนาดนั้น คงจะมีผู้หญิงมากมายเข้ามาติดพัน ถ้ากัปตันอคบกับเขา ต้องเตรียมใจและทำใจครับ”