วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 316 อยากให้ฉันมาขอเธอแต่งงานหรอ ไม่มีทาง
- Home
- วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
- บทที่ 316 อยากให้ฉันมาขอเธอแต่งงานหรอ ไม่มีทาง
“โอเค ฉันจะรอ”
หลังโทรหาแฟนเก่าเสร็จ เลขาหวังก็โทรมาด้วยความไม่พอใจ “จ้าวเสวียน ทำไมไม่มาทำงาน”
จ้าวเสวียนยิ้มบางๆ “เลขาหวัง วันนี้ผมขอลางาน”
“ขอลาหรอ ขอลาต้องบอกล่วงหน้าหนึ่งวันไม่รู้รึไง”
จ้าวเสวียนพูดอย่างคลุมเครือ “เลขาหวัง มันเป็นเหตุสุดวิสัยน่ะ แถมวันนี้ประธานเย่ก็ไม่ได้ไปทำงานด้วย”
เลขาหวังเป็นคนฉลาด หลังฟังประโยคนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง และตอบ “รู้แล้ว”
หลังวางสายจ้าวเสวียนก็รู้สึกดีมาก การให้คนอื่นดูชีวิตของตัวเองมันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง รอให้เธอได้ตำแหน่งคุณนายเย่ก่อน เธอจะจัดการพวกที่ดูถูกคนอื่นในบริษัทให้หมด”
ระหว่างทางกลับจากโรงแรมมาที่บ้าน เธอก็เลือกซื้อเสื้อผ้าสวยๆมาใส่ และแต่งหน้าอย่างสวยงาม เมื่อใกล้เที่ยงเธอก็ไปคอนโดของแฟนเก่า
เมื่อประตูเปิดออก เธอก็รีบเข้าไปทันที แฟนแก่ของเธออุ้มเธอขึ้นมาอย่างคุ้นเคย จากนั้นริมฝีปากหวานๆของเธอก็ประกบเข้าหาปากเขาโดยที่เขายังไม่ทันได้ถามอะไรสักคำ
เขาอึ้งไปครู่หนึ่งจากนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา มาให้เอาถึงที่ แถมเธอยังเป็นคนรักเก่าของเขา ทำไมเขาจะไม่เอาล่ะ
เมื่อมาถึงเตียง เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบของตรงโต๊ะข้างเตียง แต่ก็ถูกเธอห้ามไว้ก่อน “ไม่ต้องใส่ ระยะปลอดภัย”
แฟนเก่าของเธอได้ฟังก็เลิกคิ้วอย่างดีใจ เมื่อก่อนเธอให้เขาใส่ทุกครั้ง
ลาบปากแล้ว
หลังจากนั้นทั้งสองก็ซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม และแฟนเก่าของเธอก็บีบคางของเธอแล้วถามว่า “ทำไมวันนี้เร่าร้อนจัง”
จ้าวเสวียนปรือตามองเขา “ฉันคิดถึงคุณ”
“คิดถึงผมหรอ” แฟนเก่ายิ้มบางๆ “ผมว่าคุณคันมากกว่า ท่าจะหิวจัด”
จ้าวเสวียนยกหน้าขึ้นมามองเขา และพูดอย่างใส่อารมณ์ “ทำไม ไม่ชอบรึไง”
“มาให้เอาถึงที่ก็ต้องชอบสิ” แฟนเก่าพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
จ้าวเสวียนลูบปากเขาเบาๆ แล้วแอบคิดในใจว่าถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จล่ะ อีกครั้งแล้วกัน เมื่อคิดได้อย่างนั้น เธอก็ประกบปากจูบอีกครั้ง พลางพูด “เอาอีกรอบมั้ย”
ชายหนุ่มลุกขึ้นมาคล่อมเธอ “จะเอาจนหมดแรงเลย”
เกมสวาทอันดุเดือดโหมกระหน่ำอีกครั้ง ครั้งนี้จ้าวเสวียนไม่มีแรงแล้วจริงๆ ที่จริงเธอจะไปหาคนอื่นก็ได้ แต่ใจเธอก็รู้สึกว่าทำกับแฟนเก่าง่ายกว่า
“นี่ อย่าคิดไปไกลว่าฉันมาหาเพราะจะขอคืนดีล่ะ” จ้าวเสวียนพูดขณะนอนอยู่บนอกของเขา
สายตาของแฟนเก่ามืดลงเล็กน้อย และหัวเราะเบาๆก่อนจะพูด “ผมรู้ว่าคุณแค่มาหาความบันเทิง ไม่เป็นไร พวกเราวินวินทั้งคู่ ระหว่างผมยังหาแฟนไม่ได้ เชิญมาได้ตามสบายเลย”
“ความคิดดี”
จ้าวเสวียนแอบนับนิ้วในใจ เมนส์เพิ่งหมดไปได้ไม่นาน ช่วงนี้เป็นช่วงไข่ตกแล้ว เพื่อให้แผนการไม่ผิดพลาด ดูเหมือนว่าเธอจะต้องนอนกับผู้ชายคนนี้อีกสองสามครั้ง
ยังดีที่รู้จักกันดี ไม่อย่างนั้นเธอคงทำไม่ลง
เย่จิงเหยียนไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ข้างถนนนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งมีเสียงรถยนต์จอดลงข้างๆเขา เมื่อฟังเสียงเครื่องยนต์เขาก็รู้ทันทีว่าเป็นเสียงรถสปอร์ตรุ่นลิมิเต็ดของน้องสาว
และก็มีเสียงของเย่ชูวเสวียดังขึ้นข้างหูจริงๆ “พี่ทำไมนั่งอยู่ตรงนี้ เมื่อคืนก็ไม่กลับบ้าน ตอนเช้าก็ไม่ไปทำงาน โทรหาก็ไม่รับ พ่อแม่เป็นห่วงจะแย่แล้ว”
เย่จิงเหยียนเงยหน้าขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หรูอี้ พี่เหนื่อยแล้ว”
เย่ชูวเสวียปวดใจขึ้นมา ครั้งก่อนที่เห็นเขาสภาพเป็นแบบนี้ก็เพราะเขาทะเลาะกับต้วนอีเหยา ทำไมครั้งนี้ถึงหนักกว่าเดิม
“โอเค ฉันจะพาพี่กลับบ้านไปพักผ่อน มา ลุกขึ้นมา”
เย่จิงเหยียนนั่งอยู่ข้างถนนนานมาก ขาของเขาจึงชาไปหมด เมื่อลุกขึ้นมาจึงแทบล้มในทันที โชคดีที่เย่ชูวเสวียรับไว้ได้ทัน
เมื่อพาเขาขึ้นรถแล้ว เย่ชูวเสวียก้ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา พี่ชายของเธอดีทุกอย่าง ยกเว้นเขาชอบต้วนอีเหยาเกินไป ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ โลกของเขาก็พังทลายลงทันที ไม่รู้ว่าครั้งนี้เกิดเรื่องน่ากลัวอะไรขึ้นอีก
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เย่จิงเหยียนก้เดินขึ้นบ้านด้วยสภาพไร้วิญญาณ เย่ฉ่าวเฉินและคนอื่นๆได้แต่มองตามหลังเขาไปด้วยความเป็นห่วง
“เมื่อคืนวานเกิดอะไรขึ้น ท่าทางผิงอันดูไม่ดีมากๆ” มู่เวยเวยพูดอย่างกังวล
เย่ชูวเสวียพูด “ตอนที่หนูเห็นพี่นั่งอยู่ข้างถนนหนูก็ตกใจแทบแย่ เขานั่งนิ่งเป็นต้นไม้เลย”
“หรูอี้ หนูสนิทกับผิงอัน ลองไปถามดูซิ พวกเราไม่รู้อะไรเลยเลยทำอะไรไม่ได้”
“โอเคค่ะ หนูจะไปถามดู”
เย่ชูวเสวียวิ่งเหยาะๆขึ้นบันไดไปเคาะประตูห้อง “พี่ ฉันเอง”
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากข้างใน เย่ชูวเสวียจึงพูดอีก “ถ้าไม่ตอบจะเข้าไปแล้วนะ”
เมื่อเปิดเข้าไปก็เห็นเย่จิงเหยียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง สายตาล่องลอย จนทำให้เย่ชูวเสวียรู้สึกปวดใจขึ้นมา เะอจึงรีบไปถามเขาข้างเตียงเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้น พี่บอกฉันมา เก็บเอาไว้ในใจมันจะแย่เอานะ”
สายตาของเย่จิงเหยียนไม่ขยับสักนิด เขาเงียบไม่พูดอะไรนานมาก
“พี่ พี่สาวทำพี่เสียใจหรอ” เย่ชูวเสวียถามอีกครั้ง
ครั้งนี้สายตาของเขากระตุกไปมา นัยย์ตาเต็มไปด้วยความเสียใจ
เย่ชูวเสวียเห็นว่าตัวเองเดาถูกจึงนั่งไขว่ห้างอยู่หน้าเตียงเขา “พี่จริงๆแล้วฉันอิจฉาพี่มากเลยนะที่ผู้หญิงในใจตั้งแต่เล็ก อย่างน้อยพี่ก็มีที่ยึดเหนี่ยวในใจ ตอนเบื่อพี่ยังคิดถึงเธอได้ แต่ฉันล่ะ โตขนาดนี้แล้ว ขนาดคนที่คิดถึงยังไม่มีเลย”
แม้หนานกงเจาจะไม่ได้มาปรากฏตัวอยุ่ในสายตาของเธอช่วงนี้ แต่ข้อความของเขาก้มาไม่เคยขาด อรุฯสวัสดิ์ ฝันดี เมื่อากาศหนาวก็เตือนเธอให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ และบางที่ก็ส่งของขวัญให้เธอต่างๆ
เธอไม่เคยตอบกลับข้อความเขาสักอัน ขนาดของขวัญถ้าเปิดแล้วไม่ชอบหรือไม่อยากได้ เธอก็ให้ผู้หญิงในร้านไปฟรีๆ
แต่เมื่อได้ยินมาว่าครั้งนั้นหนานกงเจาถูกทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาล และเหมือนจะต้องผ่าตัดซึ่งเสี่ยงมาก เธอก็รู้สึกเห็นใจเขาเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกเกลียดเขาขนาดนั้น
ขณะที่เย่ชูวเสวียจมอยู่กับความคิดของตัวเองนั้น เย่จิงเหยียนก็พูดด้วยเสียงแหบพร่า “พี่ทำเธอเสียใจ”
“ห๊ะ” เย่ชูวเสวียยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งคิดครู่หนึ่งถึงจะเข้าใจ ที่แท้เขาก็ตอบคำถามเมื่อกี้ของเธอ จากนั้นเธอก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ พี่ชายของเธอดีกับต้วนอีเหยาขนาดนั้น จะทำให้เธอเสียใจได้ยังไง
“พี่…ทำอะไรให้พี่สาวหรอ” เย่ชูวเสวียถามอย่างระวัง
ใจของเย่จิงเหยียนแตกละเอียด เขาหัวเราะเยาะตัวเองอย่างขมขื่น “พี่นอนกับผู้หญิงคนอื่น”
“ห๊ะ” เย่ชูวเสวียร้องออกมาอย่างตกใจ จากนั้นก็คุมอารมณ์ถามเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พี่ว่าอะไรนะ”
เย่จิงเหยียนหัวเราะเบาๆ แต่น้ำตากลับไหลออกมาจากหางตา
“เมื่อวาน…พี่ดื่มหนัก ไม่รู้ว่าทำไมถึงไปนอนโรงแรมกับผู้หญิงคนอื่น….” เย่จิงเหยียนพูดถึงตรงนี้ก็หยุด จากนั้นสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความว่างเปล่า “ตอนเช้า อีเหยามาหาพี่ และเธอก็บังเอิญเห็น…”
เย่ชูวเสวียดวงตาเบิกโพรง นานมากกว่าจะเปล่งคำพูดออกมาได้ “พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไง”
เย่จิงเหยียนยกมือขึ้นมาปิดหน้า “พี่ก็ไม่รู้ พี่เมา ไม่รู้อะไรเลย…”
“พี่….” เย่ชูวเสวียอยากจะชกพี่ชายจริงๆ เธอโกรธจนเดินวุ่นไปทั่ว “จบแล้วๆ ถ้าฉันเป็นพี่สาวฉันจะไม่ให้อภัยพี่ไปตลอดชีวิตเลย ทำไมพี่ถึงทำไปได้ ถึงจะเมาก็ไม่ควรไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น”
เย่จิงเหยียนเสียใจอย่างสุดซึ้ง “พี่อาจจะเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นอีเหยา ดังนั้นก็เลย….”
เย่ชูวเสวียยกมือเท้าเอว ความเห้นใจที่มีต่อพี่ชายได้หายไปหมด เหลือแต่ความโมโห “โอเคๆ ในเมื่อพี่นอนกับคนอื่น แล้วตอนเช้าพี่จะให้พี่สาวไปหาทำไม รนหาที่ตายหรอ”
“พี่ไม่ได้เรียกเธอให้มาหา….” พูดถึงตรงนี้ เย่จิงเหยียนก็ลุกขึ้นมาจากเตียงทันที สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย “ใช่สิ อีเหยารู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่โรงแรมไหน ห้องไหน”
เย่ชูวเสวียรีบถาม “พี่ไม่เคยบอกพี่สาวหรอว่าอยู่ไหน”
“ไม่ได้บอก พี่เกิดอยากกินเหล้าขึ้นมา พอเมาแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปที่ไหน พี่จะบอกเธอได้ยังไง”
เย่ชูวเสวียตาเป็นประกายขึ้นมา เธอนั่งลงข้างเตียง “พี่น่าจะโดนจัดฉากแล้ว บางทีพี่อาจจะไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นก็ได้”
เย่จิงเหยียนเงยหน้ามองเธอนิ่ง
“มาถึงขนาดนี้แล้วจะมีอะไรให้พูดอีก” เย่ชูวเสวียพูดโกรธๆ
เย่จิงเหยียนพูดอย่างคลุมเครื่อ “บนเตียงมีคราบเลือด”
เย่ชูวเสวียรู้สึกเขินขึ้นมา เมื่อเธอคิดอะไรขึ้นมาได้ หน้าของเะอก็แดงขึ้น
บรรยากาศเงียบไปชั่วขณะ ทั้งคู่ต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง ก่อนที่จะพูดออกมาพร้อมกัน “เรื่องนี้ไม่ธรรมดา”
ทั้งคู่ตกตะลึง เมื่อเห็นดวงตาที่แน่วแน่ในดวงตาของกันและกัน ความหดหู่และความเสียใจของเย่จิงเหยียนก็หายไปหมด เขารีบลงจากเตียงพลางพูด “พี่ไปตรวจดูก่อน”
เย่ชูวเสวียเดินตามหลังเขา พูดอย่างไม่อาย “ถูก จะโดนข่มขืนไม่ได้…”
เย่จิงเหยียนหยุดหันไปมองเธอ “พูดถึงตัวเองหรอ”
เย่ชูวเสวียพูดหน้าด้านๆ “วันนั้นฉันเมาจริงๆ…คือถ้าจะไปตรวจสอบก็อาบน้ำก่อนเถอะ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”
เขาก้มหน้าดมกลิ่นตัวเอง มันเหม็นจริงๆ แถมบนตัวยังมีกลิ่นของผู้หญิงคนนั้น เขาจึงเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
เย่ชูวเสวียรีบลงไปรายงานให้พ่อกับแม่ฟัง
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยเปลี่ยนไปไม่ต่างจากสีหน้าของลูกสาว ตอนแรกก็มีความกังวล จากนั้นก้เคร่งเครียดขึ้นมา
“สองคนพี่น้องนี่มันช่าง…” มู่เวยเวยโกรธจนพูดไม่ออก เย่ฉ่าวเฉินที่นั่งอยู่ข้างๆจึงรีบลูบหลังเธอให้ใจเย็นลง “อย่าโกรธๆ”
“คุณก็เหมือนกัน เพราะกินเหล้าทั้งนั้น” มู่เวยเวยคิดถึงตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกขึ้นมา ถึงแม้ตอนจบจะลงเอยด้วยดี แต่ก็ผ่านความยากลำบากมามาก
เย่ฉ่าวเฉินรีบยอมรับผิด “ผมผิดไปแล้ว คุณอย่าโกรธเลยนะ เดี๋ยวความดันก็ขึ้นหรอก”
เย่ชูวเสวียไม่กล้าเถียง ได้แต่นั่งก้มหน้ายอมรับความโกรธของแม่
“ผิงอันล่ะ” มู่เวยเวยถามโกรธๆ
เย่ชูวเสวียชี้ไปข้างบน “อาบน้ำอยู่ค่ะ”
“หึ ลูกสะใภ้ดีๆก็โกรธหนีไปแล้ว ต่อไปเหลือแต่เขาที่ต้องร้องไห้”
เย่ชูวเสวียพูด จึงยิ่งเพิ่มความโกรธให้มู่เวยเวยเข้าไปอีก “แม่ หนูกับพี่คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา อาจจะเป็นผู้หญิงคนนั้นจัดฉากขึ้นมาก็ได้”
มู่เวยเวยพูด “ถึงจัดฉากแล้วยังไง ยังไงเขาก็ขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนนั้นจริง จะมีอะไรไปโต้ได้”
เย่ฉ่าวเฉินอ้าปากจะพูดอะไร แต่เมื่อเห็นลูกสาวอยู่ตรงนี้เขาจึงหุบปากไป
ตอนนี้เย่จิงเหยียนไม่อยู่ใกล้ ดังนั้นความโกรธของมู่เวยเวยจึงถูกระบายใจลูกสาวอีกครั้ง “ลูกก็เหมือนกัน ได้ยินว่าคราวก่อนหนานกงเจาก็โดนพ่อหนูเล่นงานจนเข้าโรงพยาบาล ลูกไม่ได้ไปเยี่ยมเขาใช่มั้ย”
เย่ชูวเสวียรีบโบกมือ “ไม่ค่ะ หนูเอาแต่หนีเขา จะไปเยี่ยมทำไม”
“งั้นก้ดี”
ขณะที่ทั้งสามคนคุยกันอยู่ เย่จิงเหยียนก็ลงมาจากข้างบนอย่างรีบร้อน เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า และสติสตังก้กลับมาหมดแล้ว
“หยุด” เย่ฉ่าวเฉินสั่ง
เย่จิงเหยียนที่กำลังจะก้าวออกจากประตูหยุดนิ่งทันที “พ่อ ผมมีเรื่องด่วน”
“ยิ่งรีบยิ่งต้องฟังคำพ่อ” เย่ฉ่าวเฉินเดินมาตรงหน้าสายตาที่แปลกใจของเย่จิงเหยียน จากนั้นก็เกี่ยวไหล่เขาเดินไปนอกบ้าน และพูดเสียงเบา “เรื่องที่หรูอี้บอกเมื่อกี้ จากประสบการณ์ของพ่อ เวลาผู้ชายดื่มหนักๆ หลังจากบ้าๆบอๆแล้วก็จะหลับไป ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นการที่นกเขาจะขันตอนดื่มนั้นเป็นไปไม่ได้ เข้าใจใช่มั้ย”
เย่จิงเหยียนตาเป็นประกายขึ้นมา และพยักหน้ารับ “พ่อ ผมเข้าใจแล้ว”
พูดจบ เย่จิงเหยียนที่กำลังจะไปก็ถูกเย่ฉ่าวเฉินรั้งไว้อีกครั้ง
“รีบไปไหน พ่อยังพูดไม่จบ” เย่ฉ่าวเฉินกอดคอลูกชาย และยกยิ้มพูด “ตอนเช้าตื่นมารู้สึกอะไรบ้างมั้ย”
เย่จิงเหยียนส่ายหน้า “ไม่มี เพราะเมื่อคืนดื่มเยอะ มีแต่ปวดหัว”
“แค่นั้นก็พอแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินตบไหล่เขา และน้ำเสียงก็จริงจังขึ้น “จำไว้นะ ถ้าผู้ชายตระกูลเย่ไปล่วงเกินผู้หญิงคนไหนแล้วไม่สามารถปล่อยปะละเลยได้ จะให้เงินหรืออะไรก้ได้ แต่ถ้าผู้หญิงมีแผนอะไรในใจ เราก็ไม่สามารถปล่อยให้ตระกูลเราถูกมองว่าโง่ได้”
เย่จิงเหยียนสบายใจขึ้นมามาก เขาจึงล้อเย่ฉ่าวเฉินอย่างกะล่อน “พ่อ เมื่อก่อนพ่อเคยโดนใช่มั้ย ถึงได้ดูมีประสบการณ์”
“ไร้สาระ ตอนนั้นพ่อโดนผู้หญิงคนหนึ่งปั่นหัว เลยทำไม่ดีกับแม่ของพวกแกไว้มาก ดังนั้นพ่อเลยไม่อยากให้แกเดินตามรอยเดิม”
“รู้แล้วครับพ่อ งั้นผมไปนะ”
เย่จิงเหยียนจากไปเร็วราวกับสายลม เย่ฉ่าวเฉินกลับไปในบ้าน ภรรยาจึงถามเขาว่า “คุณพูดอะไรกับผิงอัน”
“เรื่องของผู้ชาย คุณไม่ต้องถาม”
มู่เวยเวยมองสามีโดยไม่พูดอะไร
อีกฝั่งหนึ่ง เย่จิงเหยียนคิดถึงต้วนอีเหยาตลอดเวลา พลางโทรสั่งลูกน้อง “ไปตรวจสอบดูจ้าวเสวียนรวมถึงพื้นหลังครอบครัวเธอด้วย ดูว่าเธอมีแฟนมั้ย แล้วก็กิจกรรมบนเตียงของเธอช่วงนี้ด้วย ต้องรู้ทุกเรื่อง”
“ครับนาย”
หลังวางสาย เขาก็โทรหาต้วนอีเหยาด้วยหวังว่าเธอจะรับสาย แต่เธอกลับบล็อคเบอร์เขาแล้ว เมื่อไม่มีทางออก เขาจึงโทรไปหาอีกสายหนึ่ง “รีบตามหารถจี๊บทะเบียน 7481 ให้ทั่วเมืองA”
“ครับนาย”
เรื่องผ่านไปได้ครึ่งวันแล้ว ต้วนอีเหยาอาจจะออกจากเมืองAไปแล้วก็ได้ แต่เขาก็อยากลองตามหาดู เผื่อว่าเธอจะยังไม่จากไป
เมื่อมาถึงบริษัท เลขาหวังก็ตกใจมาก อยากจะถามว่ามาได้ยังไง ไม่ได้ลาหรอ แต่ก็ได้แต่คิด ไม่กล้าถามออกไป
“เรียกจ้าวเสวียนมา” น้ำเสียงของเย่จิงเหยียนเย็นชามาก
เลขาหวังรีบบอก “จ้าวเสวียนลาตั้งแต่เช้าแล้วครับ”
“ลาหรอ ตามกฏต้องลาล่วงหน้าหนึ่งวันไม่ใช่รึไง”
“คือ…” เลขาหวังอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าควรจะพูดดีมั้ย
เย่จิงเหยียนมองปราดเดียวก็รู้ว่าเขามีเรื่องปิดบังอยู่ จึงยิ้มเย็น “เลขาหวัง อย่าลืมนะว่าใครจ่ายเงินเดือนคุณ”
เลขาหวังสะดุ้ง รีบก้มหน้าพูด “ตอนเช้าจ้าวเสวียนโทรมาขอลา ผมพูดตามที่คุณพูดเมื่อสักครู่แล้ว แต่จ้าวเสวียนบอกว่าคุณก็ลาเหมือนกัน ผมก็เลย….”
“หึ เลขาหวัง ผมต้องทำตามเลขาตัวเล็กๆรึไง” น้ำเสียงของเย่จิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก ทำให้ใจของเลขาหวังเต้นไม่เป็นส่ำ
“ประธานเย่ต่อไปผมไม่กล้าแล้วครับ”
“ตามจ้าวเสวียนกลับมาทำงานเดี๋ยวนี้”
“ครับ”
เลขาหวังเดินออกมาจากห้องผู้บริหารด้วยมือที่เปียกแฉะไปหมด เขาโง่จริงๆ ทำไมถึงเชื่อคำพูดจ้าวเสวียนง่ายๆ ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง เขาก็ควรจะโทรไปยืนยันกับท่านประธานตั้งแต่เช้า
ตอนนี้จ้าวเสวียนกำลังอาบน้ำอย่างมีความสุขอยู่ในห้องของตัวเอง หลังจากได้รับสายของเลขาหวังเธอก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบแต่งตัวไปบริษัท ระหว่างทางเธอก็คิดว่าตรงนั้นมีอะไรผิดปกติรึเปล่า เย่จิงเหยียนถึงสงสัยในตัวเธอ
สงสัยแล้วจะทำไม ยังไงเย่จิงเหยียนก็ไม่มีหลักฐาน
เมื่อมาถึงบริษัท เลขาหวังก้พูดอย่างเคร่งขรึม “ประธานเย่ให้เข้าไปพบ”
จ้าวเสวียนถามหยั่งเชิง “มีเรื่องอะไรหรอ”
“เธอเข้าไปก็รู้เอง”
จ้าวเสวียนยืนสูดหายใจเข้าลึกๆตรงหน้าห้องผู้บริหาร จากนั้นก็เคาะประตู เมื่อได้ยินเสียงต่ำดังมาจากข้างใน เธอจึงเข้าไป
“ประธานเย่เรียกฉันหรอคะ”
เย่จิงเหยียนเงยหน้ามองเธอนิ่งๆ “โทรศัพท์ผมล่ะ”
“อ้อ อยู่ในกระเป๋าฉันค่ะ” จ้าวเสวียนหยิบออกมาวางให้เขาบนโต๊ะ
ตอนนั้นเขารีบตามต้วนอีเหยาจึงลืมโทรศัพท์ไว้ จ้าวเสวียนจึงนำติดมาด้วยตอนออกจากโรงแรม
โทรศัพท์ยังมีแบตอยู่ เย่จิงเหยียนดูแล้วในเครื่องไม่ได้มีข้อความหรือการรับสายจากต้วนอีเหยาเลย นอกจากสายที่เขาโทรไปเมื่อคืน
“มีอะไรอีกมั้ย” เย่จิงเหยียนถามอย่างเย็นชา
จ้าวเสวียนผงะ แล้วส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะ”
“งั้นก็ออกไปเถอะ” เย่จิงเหยียนพูดจบก็ก้มหน้าทำงานต่อ ตอนที่ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมด เขายังไม่อยากตัดสินใจทำอะไรทั้งนั้น
จ้าวเสวียนตะลึง จากนั้นก็เดินออกไปอย่างผิดหวัง เธออุส่าห์คิดว่า….ท่าทางของเขาจะดีกว่านี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ราวกับเรื่องเมื่อวานไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู เย่จิงเหยียนก้เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
หลังจากนั้นสองชั่วโมงกว่า ข้อมูลทั้งหมดของจ้าวเสวียนก็มาอยู่ในมือของเขา
เธอเกิดในครอบครัวธรรมดา ต่อมาพ่อของเธอก็มีหนี้สินมากมาย เพราะพ่อของเธอเล่นการพนัน การหย่าร้างของแม่และพ่อทำให้เธอต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง เธอเรียนมาอย่างยากลำบาก จนได้ติดอันดับเรียนดีในโรงเรียน นิสัยก็ไม่เลว ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยเธอมีแฟนหนึ่งคน หลังจากคบกันสองปีทั้งคู่ก็เลิกกัน
สายตาของเย่จิงเหยียนหยุดอยู่ที่บรรทัดคบกับแฟนสองปี ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย คบกันมาสองปีไม่เคยมีอะไรกันเลยหรอ
ทำไมเขาถึงไม่เชื่อ
เมื่ออ่านต่อไป จ้าวเสวียนก็ไม่ได้มีประวัติการเดินทางที่น่าสงสัย เธอยังใช้ชีวิตปกติ นอกจากมาทำงานและกลับบ้านแล้ว ก็มีแค่เมื่อวานที่ไปดื่มกับเพื่อนจนบังเอิญเจอเขา
ตรงนี้ไม่ได้ต่างจากที่เธอพูดเลย
ทุกอย่างดูปกติมาก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเย่จิงเหยียนก็ดังขึ้น เขารีบรับอย่างรวดเร็ว
“รถที่นายตามหาออกจากเมืองAตั้งแต่เช้าตอนประมาณสิบโมงครับ”
ถึงจะรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แต่เย่จิงเหยียนก็ยังรู้สึกผิด เสียใจจนต้องกุมหัวใจเอาไว้ “ไปทางไหน”
“ทางใต้ครับ”
“ตามต่อไป ลองดูว่าจะตามทันมั้ย” แม้จะมีความหวังริบหรี่ เย่จิงเหยียนก็ไม่ถอดใจ ตอนที่ต้วนอีเหยาหนี เขาปล่อยเธอไปเพราะเขาคิดว่าเขาไม่คู่ควร แต่ตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นเขาจะตามหาเธอย่างสุดความสามารถ
“ครับนาย”
เย่จิงเหยียนนั่งคิดอยู่บนเก้าอี้หนังนานมาก จากนั้นก็เรียกจ้าวเสวียนเข้ามาอีกครั้ง
“ต้องการอะไร บอกมาตรงๆ” เย่จิงเหยียนพูดตรงๆ สายตาของเขาห่างเหินราวกับมองคนแปลกหน้า
จ้าวเสวียนมองเขาอย่างขัดเขิน สายตาเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง เธอพูดเสียงอ่อน “ประธานเย่ก็รู้ว่าฉันรักคุณด้วยใจจริง ดังนั้นเรื่องเมื่อคืนเป้นฉันที่ยินยอมเอง ดังนั้นฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นค่ะ”
สายตาของเย่จิงเหยียนยังมองเธอแบบเดิมไม่เปลี่ยน “ไม่อยากได้อะไรจริงๆหรอ”
“ถ้าประธานเย่รู้สึกติดค้าง ฉันก้อยากขอแค่อย่างเดียวค่ะ”
“ว่ามา”
จ้าวเสวียนพูดอย่างไม่รีบร้อน “ฉันอยากทำงานอยู่ข้างๆคุณ ถึงจะเป็นเลขาตัวเล็กๆตลอดไปก็ยอมค่ะ”
เย่จิงเหยียนมองเธอด้วยความเกลียด และยกยิ้มอย่างเยาะเย้ย “ไม่อยากให้ฉันขอเธอแต่งงานหรอ”
เธอแสดงสีหน้าดีใจออกมา ก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว แม้มันจะแค่สองวิ แต่เย่จิงเหยียนก็สังเกตเห็น
จ้าวเสวียนข่มความดีใจไว้ และพูดด้วยใบหน้านิ่งเรียบ “ฉันรู้ฐานะของฉันดีค่ะ ฉันไม่คู่ควรกับท่านประธาน ดังนั้นฉันไม่กล้าฝันกลางวันอย่างนั้นหรอก”
“ในเมื่อเธอรู้ว่ามันเป็นฝันกลางวัน งั้นฉันก็จะไม่พูดอะไรมากแล้ว”
สมองของจ้าวเสวียนหยุดไปทันที เขา….หมายความว่ายังไง
เธอพูดถึงฝันกลางวันไปตามมารยาทเท่านั้น แต่เขากลับคิดตามคำพูดเธอ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าแม้เธอจะนอนกับเขาแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับเขา อย่าหวังว่าจะได้เป็นภรรยาของเย่จิงเหยียน
เย่จิงเหยียน คุณใจดำขนาดนี้เลย
จ้าวเสวียนเดินออกไปอย่างว้าวุ่น แต่ก็ได้ยินเสียงเย่จิงเหยียนเรียกไว้อีกว่า “เดี๋ยว”
เมื่อกลับมา เย่จิงเหยียนก็จ้องตาเธอ พูดด้วยน้ำเสียงไม่อ่อนโยนสักนิด “ฉันไม่เคยติดหนี้คนอื่นมาก่อน ถ้าเรื่องเมื่อคืนเกิดขึ้นจริง สิ่งที่เธอขอฉันทำให้ได้แน่นอน แต่ถ้าเรื่องเมื่อวานไม่ได้เป็นอย่างที่เธอพูด แต่มีอะไรปิดบังไว้ก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย”
ใจของจ้าวเสวียนสั่นไหวมาก แต่ก็ยังทำเป็นสงบ ถามเขา “ประธานเย่หมายความว่ายังไงคะ จะบอกว่าฉันไปให้คุณเอาถึงที่เองหรอคะ ถึงฉันจะเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แต่ฉันก็ไม่ทำเรื่องน่าอายแบบนั้น นั่นเป็นครั้งแรกของฉันคุณพูดแบบนั้นได้ยังไง”
เย่จิงเหยียนพูดอย่างไม่พอใจ “ก็แค่เส้นบางๆ ฉันไม่เคยใส่ใจเรื่องนั้น ที่ฉันต้องพุดน่าเกลียดอย่างนี้ก็เพราะอยากเตือนเธอว่าอย่าพูดเรื่องไม่สำคัญกับฉัน”