วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 325 ฉันจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต
“ใช่ใช่ใช่ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ”เย่ชูวเสวียวิ่งออกไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาขยิบตาให้ต้วนอีเหยา “พี่อีเหยา คุณเป็นยาวิเศษณ์ของพี่ชายฉัน คุณดูสิ คุณมาเขาก็ฟื้นเลย” หลังจากพูดจบ ก็รีบวิ่งออกไป
ต้วนอีเหยาไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ ปากของเด็กคนนี้สุดยอดมาก เธอสู้ไม่ได้เลย
“คุณอย่าโกรธเลย หรูอี้ก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่เล็ก ตราบใดที่อยู่ต่อหน้าคนสนิทก็ไม่มีคำว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ”เย่จิงเหยียนกลัวว่าต้วนอีเหยาจะโกรธ จึงอธิบายแทนน้องสาวตัวเอง
“ฉันรู้ เธอมีนิสัยที่ดีมาก ฉันชอบมาก” ต้วนอีเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่จิงเหยียนจ้องมองเธออย่างทุกข์ใจและพูดว่า “คุณผอมลง”
“ผ่าตัดครั้งใหญ่น้ำหนักจะไม่ลดลงเลยเหรอ ? คุณก็เหมือนกับฉัน ผอมลงไปมาก”
สิ้นเสียง ประตูก็เปิดออก มู่เวยเวยเดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นลูกชายฟื้นแล้ว น้ำตาก็เอ่อล้นดวงตาเธอ
เย่จิงเหยียนมองไปที่แม่ของเขา และพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “แม่ ผมทำให้คุณเป็นห่วงแล้ว”
มู่เวยเวยเช็ดน้ำตาที่หางตา และพูดด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตาว่า “เธอฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว ฟื้นมาก็ดีแล้ว”
“คุณแม่ ผมจะต้องดีขึ้น”
“แม่รู้ แม่ก็แค่ดีใจ แม่ดีใจที่เธอฟื้นขึ้นมา ”มู่เวยเวยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาสามี “ฉันจะแจ้งให้พ่อเธอทราบ สองสามวันนี้เขาดูแลบริษัทแทนเธอ และเฝ้าหวังทุกวันว่าเธอจะฟื้นขึ้นมา”
เย่จิงเหยียนยิ้ม “แน่นอนสิ ผมฟื้นแล้ว เขาสามารถโล่งใจได้แล้ว”
ไม่ช้าหมอก็เข้ามา เห็นต้วนอีเหยาก็ทักทาย และเริ่มตรวจเช็คเย่จิงเหยียน
“ฉันพักอยู่ชั้นบน คุณตรวจไปก่อน ไว้มีเวลาว่างฉันลงมาเยี่ยม” ต้วนอีเหยากระซิบ บอกให้เขาปล่อยมือ
เย่จิงเหยียนไม่อยากปล่อยเธอไป แต่ก็ต้องปล่อยเธอไปอีกครั้ง “คุณช้าหน่อย ระวังบาดแผล”
“ฉันรู้แล้ว”ต้วนอีเหยาจับแขนของเย่ชูวเสวียพยุงตัวลุกขึ้น และค่อยๆเดินออกจากห้องผู้ป่วยไปภายใต้การจ้องมองของเย่จิงเหยียน
เขาจะต้องรีบหาย เย่จิงเหยียนกระซิบภายในใจ แบบนี้เขาถึงจะสามารถดูแลเธอได้ เมื่อเห็นเธออดกลั้นและดูซีดเซียว ใจของเขาก็แทบแหลกสลาย
หลังจากตรวจเสร็จ หมอก็แสดงท่าทีประหลาดใจมาก เห็นได้ชัดว่าเมื่อเช้านี้เขายังอาการครึ่งตายครึ่งมีชีวิต ทำไมตอนนี้ตัวบ่งชี้ทั้งหมดถึงเข้าใกล้ค่าความปกติ
หมอหลายคนพูดถึงเรื่องนี้ “สามารถย้ายเขาไปห้องผู้ป่วยปกติได้แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรมากแล้ว?”
มู่เวยเวยไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจในครั้งนี้ เพราะเธอรู้ดีถึงการฟื้นฟูร่างกายของตระกูลเย่
“คุณแม่ พี่ชายไม่เป็นอะไรแล้ว คืนนี้คุณกับคุณพ่ออย่าอยู่ที่นี่เลย กลับไปพักที่บ้านให้เต็มที่เถอะ” เย่ชูวเสวียเห็นแม่ผอมลงมาก ในใจก็รู้สึกทนไม่ได้
“เธอเป็นผู้หญิงอยู่ที่นี่คนเดียวคงจะไม่สะดวก ให้คุณพ่ออยู่ที่นี่…….”
“ไม่ต้อง อีกสักพักเจ้ามอนสเตอร์น้อยก็มาแล้ว”
เย่จิงเหยียนก็ไม่อยากให้พ่อแม่ลำบาก จึงพูดต่อน้องสาวว่า “แม่ อีกเดี๋ยวคุณพ่อมาพวกคุณก็กลับไปเถอะ อยู่ที่นี่พวกคุณก็ไม่ค่อยได้นอน พรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้”
มู่เวยเวยเถียงสองคนนี้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงเห็นด้วย
ชั้นบน ต้วนอีเหยาอารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อคิดถึงคำสารภาพของเย่จิงเหยียนพวกนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอยู่ใต้ผ้าห่ม ตอนนี้เธอบอกว่าจะเริ่มต้นใหม๋ โดยเธอจะไม่สนใจเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเขา
ตั้งหน้าตั้งตารอทุกอย่าง
และหวังว่าพวกเขาจะจบลงอย่างมีความสุข
คฤหาสน์ตระกูลเย่
จ้าวเสวียนกำลังทานอาหารอย่างกระสับกระส่าย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรถ จึงหันไปดู เป็นรถที่เย่ฉ่าวเฉินใช้ในสองสามวันนี้ ด้วยความดีใจ เธอรีบวางตะเกียบและเดินออกไป
จริงด้วย มู่เวยเวยกับเย่ฉ่าวเฉินลงมาจากรถด้วยท่าทางเหนื่อยล้าสุดๆ
“คุณลุงคุณป้า พวกคุณกลับมาแล้ว อาการบาดเจ็บของจิงเหยียนเป็นอย่างไรบ้าง ?” จ้าวเสวียนถามด้วยความเป็นห่วง
มู่เวยเวยพูดขณะเดินขึ้นไปบนห้องนอน “ดีขึ้นมาแล้ว ค่อยๆรักษาก็โอเคแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันเป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว”จ้างเสวียนตบอกตัวเอง
มู่เวยเวยเห็นว่าท้องของเธอใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ในใจก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ……..
“สองสามวันนี้ร่ายกายเธอโอเคดีอยู่ใช่ไหม ”
จ้างเสวียนยิ้มและพูดว่า “ทารกในครรภ์โอเคมาก คุณไม่ต้องเป็นห่วง คุณกับคุณลุงยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม อาหารเสร็จพอดี พวกคุณมาทานข้าวค่ะ”
มู่เวยเวยโบกมือ ฉันไม่ทานล่ะ “สองสามวันนี้เหนื่อยมาก ฉันอยากขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”
แน่นอนว่าเย่ฉ่าวเฉินเดินตามติดภรรยา “เธอทานเองเถอะ พวกเราไม่ทานล่ะ ”
จ้าวเสวียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและพูดว่า “คุณลุงคุณป้าราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
ในช่วงเวลาคืนนี้ทุกคนต่างนอนหลับกันอย่างสนิท
วันรุ่งขึ้น หมอและพยาบาลกลุ่มใหญ่ต่างมาล้อมห้อง เมื่อเห็นเย่จิงเหยียนพิงกำแพงออกกำลังกายภายในห้องผู้ป่วย ทุกคนก็ตกตะลึง
“คุณ……คุณเพิ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อวานไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงลุกจากเตียงลงมาออกกำลังกายได้เร็วจัง ? ”หมอที่อยู่ในกลุ่มนั้นพูดอย่างตะกุกตะกัก
เย่จิงเหยียนหยุดและอธิบายด้วยรอยยิ้มจางๆว่า “ความสามารถในการฟื้นตัวของผมดีมาตั้งแต่เด็กๆ”
“นี่มันเร็วเกินไปแล้ว มามา คุณนั่งลงบนเตียงก่อน ฉันขอตรวจให้คุณหน่อย”
หลังจากตรวจเสร็จ หมอก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ “ฉันเป็นหมอมาตั้งนาน ยังไม่เคยเจอคนไข้ที่มีความสามารถในการรักษาได้เร็วขนาดนี้เลย ถ้าหากว่าทุกคนเหมือนกับคุณ เกรงว่าโรงพยาบาลคงจะต้องปิดตัวลง”
เย่จิงเหยียนยิ้มแต่ไม่พูดอะไร เขาแทบรอไม่ไหวที่จะแข็งแรงจนบินได้ในวันนี้ แบบนี้เขาก้สามารถไปดูแลต้วนอีเหยาได้แล้ว
ประมาณแปดโมง มู่เวยเวยและเย่ฉ่าวเฉินก็มาถึง ในมือถือกล่องอาหารไว้สองกล่อง เมื่มองเห็นผิวของลูกชายดีขึ้น เย่ฉ่าวเฉินก็พูดด้วยความพึงพอใจ “สมแล้วที่เป็นลูกชายฉัน ฟื้นตัวเร็วมาก”
“ตอนที่พวกหมอมาที่ห้องผู้ป่วย สายตาพวกนั้นราวกับว่ามองมนุษย์ต่างดาว ”เย่จิงเหยียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว กลุ่มมนุษย์ที่โง่เขลา
มู่เวยเวยเปิดกล่องอาหาร กลิ่นหอมตลบอบอวนไปทั่วห้องผู้ป่วย “นี่เป็นซุปที่ฉันให้พ่อครัวปรุงเป็นเวลากว่าสามสี่ชั่วโมง ดื่มตอนร้อน มันจะช่วยเพิ่มเลือด”
เย่จิงเหยียนใช้ช้อนจิบ สายตาก็มองไปที่กล่องอาหารอีกใบ และถามด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ อีกอันคืออะไร ?”
“อันนี้สำหรับต้วนอีเหยา”
“แม่ คุณใจดีมาก” สีหน้าของเย่จิงเหยียนราวกับเด็ก
มู่เวยเวยแกล้งเขา “ฉันก็แค่กลัวว่าลูกชายที่โง่เขลาจะเอาซุปของตัวเองไปให้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำเพิ่มอีกหน่อยยังจะดีกว่า เธอว่าใช่ไหมล่ะ”
“แม่รู้ดีเรื่องลูกที่สุด !”เย่จิงเหยียนยกนิ้วให้เธอ วางช้อนลงและพูดว่า “ผมจะเอาไปส่งให้เธอ”
“เธอดื่มซุปอย่างเชื่อฟังดีกว่า” ฉันจะเอาไปส่ง มู่เวยเวยพูดอย่างเคร่งขรึม “เธอเพิ่งฟื้น อย่าเพิ่งเดินไปทั่ว”
“แม่ หมอบอกว่าให้ออกกำลังกายมากๆ ฉันไปเอง อีกเดี๋ยวค่อยลงมาดื่มซุป”
มู่เวยเวยอยากจะหยุดไว้ แต่ก็ถูกสามีรั้งไว้ “คุณให้เขาไปเถอะ ให้เขาแสดงความรัก ไม่อย่างนั้นจะผ่านเรื่องนั้นไปได้ยังไง ?”
แน่นอนว่าเรื่องนั้นหมายถึงเรื่องที่จ้าวเสวียนตั้งครรภ์
เมื่อมู่เวยเวยคิดถึงเรื่องนี้ จึงบอกลูกชายว่า “เธอค่อยๆไปนะ”
“รู้แล้วครับ”
ขณะเดียวกัน ต้วนอีเหยากำลังทานอาหารเช้าอยู่บนเตียง มีโจ๊ก ไข่หนึ่งฟอง และขนมปังสองอัน
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เธอก็ตะโกนไปว่า “เข้ามา” แต่เมื่อเห็นคนที่ปรากฎตรงหน้า ขนมปังในมือก็หล่นลงบนโต๊ะ
เย่จิงเหยียนเหลือบมองไปที่อาหารเช้าบนโต๊ะเธอ ขมวดคิ้วและพูดว่า คุณทานเรียบง่ายอะไรอย่างนี้ ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเลย
“เดี๋ยวก่อน คุณลุกจากเตียงได้ยังไง ?” ต้วนอีเหยาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
เย่จิงเหยียนมองไปที่เธออย่างอ่อนโยน “เพื่อที่จะมาดูแลคุณ”
“พูดดีๆหน่อย”ต้วนอีเหยารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับคำพูดบอกรักของเขา
เย่จิงเหยียนนั่งอยู่ขอบเตียง เปิดกล่องอาหารออก และกระซิบว่า ยีนของครอบครัวพวกเรามีความสามารถในการรักษาตัวเร็วมาก
ทันใดนั้นต้วนอีเหยาก็นึกถึงเรื่องส่วนตัวของเขา ที่แท้…..ที่แท้เขาไม่เพียงบินข้ามกำแพงและหายตัวผ่านกำแพงได้ แต่ยังมีพลังวิเศษนี้อีกด้วย นี่เป็นร่างกายที่ทหารทุกคนใฝ่ฝัน
“อย่าเพิ่งแปลกใจเลย มา ดื่มซุป พ่อแม่ผมเอามาจากบ้าน” เย่จิงเหยียนป้อนช้อนเขาปากเธอ
สติของต้วนอีเหยากลับมา เธอเขินและต้องการที่จะหยิบช้อนดื่มเอง แต่ก็ถูกเขาปฎิเสธ “อย่าแย่งงานของผม รีบดื่มเร็ว”
ไม่มีทางเลือก ต้วนอีเหยาอ้าปากและดื่มมันอย่างไม่เต็มใจ อร่อยมาก
“คุณดื่มรึยัง ?”ต้วนอีเหยาจับมือของเขาและดื่มมันอีกครั้ง
ท่าทีของเย่จิงเหยียนจริงจังมาก ราวกับว่ากำลังทำงานที่สำคัญมากอยู่ “ยังเลย อีกเดี๋ยวค่อยกลับไปดื่ม”
“ถ้างั้นคุณไม่ต้องป้อนแล้ว ฉันดื่มเองได้ ”ต้วนอีเหยาแย่งช้อนในมือเขามาอย่างแรง และกระซิบว่า “ไม่ใช่ว่ามือฉันจะขยับไม่ได้”
เย่จิงเหยียนไม่พูดอะไร และมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวที่ตัวเองชอบ มองยังไงก็ยังสวยยังน่ารัก โดยเฉพาะตอนกำลังตื่นแบบนี้ ผมยุ่งที่ดูมีชีวิตชีวาแบบนี้ ราวกับลูกแมวน้อย
ภายใต้ดวงตาของเขาที่ร้อนรุ่ม ใจของต้วนอีเหยาก็เต้นแรงขึ้น จนแทบจับช้อนไม่อยู่ เธอยื่นมือมาผลักไหล่ของเขา “คุณยิ้มอะไร รีบไปทานข้าว”
“งั้นคุณค่อยๆดื่ม อีกเดี่ยวผมขึ้นมาเก็บกล่องอาหาร”
ต้วนอีเหยาก้มหน้าพูด “อืม” และเอาหน้าที่แดงเธอของมุดลงในถ้วย
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ต้วนอีเหยาก็เงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจอย่างโล่งอก สายตาของชายคนนี้ดูโรคจิตขนาดนี้เลยเหรอ ?
ตลอดทั้งวัน เย่จิงเหยียนแทบจะนั่งอยู่ต่อหน้าต้วนอีเหยา ผู้ป่วยทั้งสองได้รับการสนับสนุนทำกิจกรรมบนทางเดิน ตอนบ่ายจางเห่อก็นำอาหารกลางวันมาให้ทานอีกด้วย
มู่เวยเวยนั่งถอนหายใจอยู่ในรถ “มีคนบอกว่าเลี้ยงลูกสาวเพื่อให้ครอบครัวอื่น แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าลูกชายของพวกเราก็เลี้ยงให้ครอบครัวอื่นด้วย ?”
“งั้นก็ดีแล้วนี่ เราจะได้ไม่ไปเป็นห่วง”เย่ฉ่าวเฉินพูดพลางจับมือเธอ
“จะไม่เป็นห่วงได้ยังไง แล้วคนที่อยู่ที่บ้านนั่นจะทำยังไง” มู่เวยเวยถามอย่างหงุดหงิด
เย่ฉ่าวเฉินจับมือเธอและพูดว่า “ลูกชายโตแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เขาก่อเอง ก็ให้เขาแก้ไขเอง เพียงแต่ต่อไปเขาจะทำยังไงต่อไป คุณอย่าไปรั้งเขา”
มู่เวยเวยขมวดคิ้ว “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ? ถ้าเกิดว่าเขาบังคับให้จ้าวเสวียนทำแท้งล่ะ ?”
“คงไม่ทำหรอก ”รอเขาร่างกายดีขึ้นแล้วก็ค่อยถามว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะทำยังไง”
ในขณะเดียวกัน บุคคลที่พูดถึงนั้นกำลังไปตามหาคนที่โรงพยาบาล เธอเป็นห่วงเย่จิงเหยียนจริงๆ ถ้าเธอไม่ได้เห็นก็รู้สึกไม่สบายใจ นอกจากนี้ ถ้าหากว่าเธอสามารถไปดูแลข้างๆเขาได้เขาอาจจะเปลี่ยนทัศนคติที่มีกับเธอให้ดีขึ้นก็ได้
เย่จิงเหยียนพยุงต้วนอีเหยาเดินไปตามทางอิฐสีเขียว เมื่อเห็นว่าเธอรู้สึกเหนื่อย จึงนั่งพักบนม้านั่งยาว
“เหนื่อยไหม ?”เย่จิงเหยียนใช้แขนเสื้อของเขาเช็ดเหงื่อให้เธอ ต้วนอีเหยาหลบลงอย่างไม่รู้ตัว
เย่จิงเหยียนทำอะไรไม่ถูก “ทำไมคุณต้องหลบผมอยู่เสมอ?”
ต้วนอีเหยาไอแห้งๆ “ฉันไม่ชิน”
เย่จิงเหยียนโน้มตัวไปใกล้หูของเธอ “ถ้างั้นคุณคงจะต้องรีบชินเร็วๆ เพื่อที่อนาคตคุณจะได้ไม่หน้าแดงเวลาผมบอกรัก”
ต้วนอีเหยาขยับออกไปข้างๆ หน้าแดงไปถึงหูและพูดว่า “ถ้างั้นคุณก็พูดดีๆหน่อย”
“ผมจะพยายาม”เย่จิงเหยียนลดสายตาลงเพื่อมองท่าทีที่เขินอายของเธอ ถ้าไม่ใช่ว่าทั้งสองได้รับบาดเจ็บ เขาจะต้องอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน และบอกรักเธอ
ผู้พันต้วนอีเหยาไร้ซึ่งความกล้าหาญอย่างสิ้นเชิง เธอกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่จมอยู่ในความรัก ใจเต้นหน้าแดง และรู้สึกลังเลใจ
ประตูโรงพยาบาล หญิงสาวพุงป่องตัวเรียวลงมาจากรถแท็กซี่ นั่นคือจ้าวเสวียน
เธอไปที่แผนกต้อนรับของโรงพยาบาลก่อน และถามว่าแผนกไหนในโรงพยาบาลที่รักษาอุบัติเหตุรถยนต์ พยาบาลก็บอกว่าอาจจะเป็นแผนกศัลยกรรม หลังจากเธอไปหาที่แผนกศัลยกรรมอยู่นาน เธอก็ถามว่าพยาบาลว่ามีผู้ป่วยชื่อเย่จิงเหยียนหรือไม่ พยาบาลก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่มี
จ้าวเสวียนไม่ถอดใจ ไปดูห้องผู้ป่วยทุกห้องทุกแผนกในโรงพยาบาล เดินไปรอบหนึ่งจนเหงื่อออกเต็มศีรษะ แต่ก็ยังไม่พบอะไร
หรือว่าย้ายโรงพยาบาล ?
เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมือง A แล้ว ในเมื่อเข้ามแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะย้ายไปโรงพยาบาลอื่นได้
จ้าวเสวียนยื่นครุ่นคิดอยู่ตรงหน้าต่าง ทันใดนั้นก็มองเห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังออกกำลังกายอยู่ที่สนามข้างล่าง ใส่ชุดผู้ป่วยและเดินเล่นอยู่กับผู้ป่วยอีกคน
เป็นเย่จิงเหยียน จ้าวเสวียนรู้สึกประหลาดใจ และมองอย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้ง เป็นเขาจริงๆ
เธอเดินลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของจ้างเสวียนเต็มไปด้วยความสุข การเดินทางมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่า ในที่สุดก็ได้รับกลับมาเล็กน้อย
ในสนามผู้คนเยอะมาก ทั้งหมดล้วนเป็นคนในครอบครัวมาติดตามผู้ป่วยเพื่อออกกำลังกาย ยังมีคนที่วิ่งอย่างช้าๆ จ้าวเสวียนสามารถหาร่างนั้นได้ในพริบตาท่ามกลางผู้คนมากมาย
ไม่เจอหลายวัน เขาผอมลงไปมาก ชุดผู้ป่วยที่อยู่บนตัวดูหลวมและก็ยังเดินไม่ค่อยสะดวก
ว่าแต่ ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขานั้นเป็นใคร ?
หรือว่ารู้จักกันที่โรงพยาบาล ? เขาจับแขนของเธออย่างสนิทสนม เดินตามเท้าของเธอ บางครั้งก็หันมาพูดยิ้มหัวเราะให้กับเธอ ดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้นเป็นสิ่งที่จ้าวเสวียนปราถนา
ไม่ ไม่ได้ กว่าเธอจะกำจัดทหารหญิงออกไปได้นั้นไม่ง่ายเลย เธอไม่สามารถปล่อยให้ผู้หญิงอื่นมาเพลิดเพลินไปกับชัยชนะนี้ได้
จ้าวเหยียนรู้ว่าเย่จิงเหยียนจะไม่ชอบแน่ถ้าเธอปรากฎตัวในเวลานี้ แต่เธอก็ไม่ทนดูได้นานขนาดนั้น เธออยากประกาศให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าเย่จิงเหยียนเป็นพ่อของลูกในท้องเธอ
เธอกัดฟัน จ้าวเสวียนเดินไปเข้าใกล้ทั้งสอง แต่ยังไม่ทันเดินถึงสองเมตร เธอก็แข็งทื่ออย่างกะทันหัน นั่นก็เพราะว่าเธอมองเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น
ผิวของเธอซีดเล็กน้อย มีผมบังหน้าเธออยู่ เย่จิงเหยียนค่อยๆช่วยเอาผมไปคล้องหูเธอย่างเบาๆ ในตอนนี้เธอจ้องมองเขาอย่างเย้ายวน และใบหน้าของเย่จิงเหยียนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
สมองของจ้าวเสวียนขาวโพลน เป็นเธอได้ยังไง ? ทำไมถึงเป็นเธอ ?
เธอจากไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงถึงได้รับบาดเจ็บและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพร้อมกับเย่จิงเหยียน ?
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงท่าทีของมู่เวยเวย ทุกครั้งที่เธอขอมาเยี่ยมเย่จิงเหยียนที่โรงพยาบาล ก็จะถูกเธอปฎิเสธด้วยเหตุผลต่างๆนานา แท้ที่ก็เป็นเพราะทหารหญิงคนนี้คือเหตุผลที่แท้จริง
คนตระกูลเย่ไม่ต้องการให้เธอมาปรากฎตัวต่อหน้าทหารหญิง ดังนั้น พวกเขายังคงคิดว่าทหารหญิงคนนั้นสำคัญกว่าผู้หญิงท้องอย่างเธอ
ต้วนอีเหยาสังเกตว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองตัวเอง จึงหันกลับไป แต่ก็ไม่พบอะไร
ขณะที่เธอคนนั้นหันมาจ้าวเสวียนรีบหันตัวกลับ เธอกัดฟันมือทั้งสองข้างกำกระเป๋าแน่น สายตาเต็มไปด้วยความหึงหวงและโกรธ
เย่จิงเหยียน สรุปแล้วฉันไม่ดีตรงไหน ยังมีลูกของคุณอีก ทำไมคุณถึงปฎิเสธที่จะมองฉันให้มากกว่านี้ ? ยังมีผู้หญิงคนนี้อีก ฉันจะไม่ยอมให้แกมาแย่งของของฉันไป แกคอยดูเถอะ
“คุณมองอะไรอยู่ ?” เย่จิงเหยียนมองหน้าเธออย่างจริงจัง
ต้วนอีเหยาหันกลับมา “รู้สึกเหมือนว่ามีคนกำลังมองฉันอยู่ ฉันอาจจะคิดมากไปเอง”
“คุณเครียดเกินไปแล้ว”เย่จิงเหยียนหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ “ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่ที่นี่ทั้งคน”
ต้วนอีเหยาสงสัยประโยคสุดท้ายของเขาอย่างมาก เขาในตอนนี้ยังปกป้องตัวเองไม่ได้เลย
หลังจากเดินวนอีกรอบ ทั้งสองก็มานั่งที่ม้านั่งยาวอาบแดดและพักผ่อน เวลาวิ่งผ่านไปทั่วผิวหนังไป เย่จิงเหยียนกำมือของเธอแน่น และอยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้
ชิงหลงวิ่งมาจากระยะไกล ในมือถือโทรศัพท์ของต้วนอีเหยา
“ลูกพี่ เมื่อครู่มีโทรศัพท์มา” ชิงหลงกระซิบที่ข้างหูเธอ และแอบดูเย่จิงเหยียน เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ลักพาตัวลูกพี่ของเขาอีกแล้ว
ต้วนอีเหยาโทรกลับมาพ่อของเธอ ดังแค่สองครั้งก็โทรติดแล้ว “พ่อ โทรหาฉันเหรอ”
“ร่ายกายฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง ?” เสียงของทหารต้วนหนักแน่น
“ดีมาก กำลังลงมาออกกำลังกายข้างล่าง”
“ได้ยินว่าเย่จิงเหยียนก็ฟื้นแล้ว ?”
ต้วนอีเหยามองไปที่คนข้างๆ และพูดเสียงเบาว่า “อืม เขาฟื้นแล้ว”
“ถ้างั้นก็ดี ทางนี้พวกเราวางแผนเตรียมแผนรบไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันต้องไปด้วย เธออยู่โรงพยาบาลดูแลตัวเองดีๆ”
เมื่อต้วนอีเหยาได้ยิน ก็ยืนหลังขึ้น “พ่อ พวกคุณจะออกเดินทางเมื่อไหร่ ?”
“คืนนี้ก็ออกเดินทางแล้ว”
ต้วนอีเหยารู้กฎ ดังนั้นจึงไม่ถามอะไรอีก แต่พูดอย่างเป็นห่วงว่า “พ่อ คุณต้องระวังตัวด้วย”
“ฉันรู้แล้ว ฉันยังต้องอยู่ดูเธอแต่งงานมีลูก ไม่ตายง่ายๆหรอก”
เมื่อต้วนอีเหยาได้ยินน้ำเสียงสบายๆของพ่อ เธอก็รู้ได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยิ่งเขาผ่อนคลายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้ว่าสถานการณ์อันตรายมากขึ้นเท่านั้น
“เธอเอาโทรศัพท์ให้เย่จิงเหยียน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา”
ต้วนอีเหยาตะลึงและยื่นโทรศัพท์ให้คนข้างๆ “พ่อฉันจะพูดสายด้วย”
เย่จิงเหยียนเอ่ยในลำคอด้วยน้ำเสียงสะเทือนใจ นี่คือพ่อตาในอนาคตร เขาต้องระมัดระวัง
หลังจากรับสาย เขาก็พูดด้วยความเคารพและสุภาพว่า สวัสดีครับคุณลุง ผมคือเย่จิงเหยียน
“สวัสดี ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยเจอฉัน แต่ฉันเคยเจอคุณ เรื่องในครั้งนี้ลุงต้องขอบคุณคุณ”
เย่จิงเหยียนตกใจกลัว “คุณลุงอย่าพูดแบบนั้น นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำ”
น้ำเสียงของทหารต้วนดูอบอุ่น “ลูกสาวฉันคนนี้เติบโตมาในค่านทหาร นิสัยก็เลยเหมือนเด็กผู้ชาย เธอมีอารมณ์ร้าย ถ้าหากพวกเธอจะอยู่ด้วยกันในอนาคต คุณต้องทนกับเธอให้มากๆ”
เย่จิงเหยียนมองไปที่ต้วนอีเหยาและยิ้มขึ้นที่มุมปาก “คุณลุง อีเหยาเธอเป็นคนดี คุณวางใจเถอะ ผมจะดูแลเธออย่างดี”
“เรื่องของพวกเธอฉันไม่คัดค้าน”แต่ว่าฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่งที่คุณต้องทำให้ได้ ประโยคสุดท้ายทหารต้วนพูดด้วยความเคร่งขรึม
ท่าทางของเย่จิงเหยียนก็ดูจริงจังขึ้นเช่นกัน “คุณลุงพูดมา”
“ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะอยู่กับเธอ ฉันไม่อนุญาติให้คุณยอมแพ้ตั้งแต่แรก ถ้าหากทำเรื่องยุ่งวุ่นวายอะไรมา ถ้าทำผิดต่อลูกสาวฉัน ฉันทหารต้วนคนนี้ไม่ใช่คนที่พูดอะไรง่ายๆ”
ทันใดนั้นเย่จิงเหยียนก็นึกถึงเรื่องของจ้าวเสวียน ในใจหนักอึ้ง แต่ก็ยังให้คำมั่นสัญญา “คุณลุง ตราบที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมจะไม่ปล่อยให้อีเหยาเสียใจแน่นอน”
“จำคำที่คุณพูดไว้ด้วย” หลังจากพูดจบทหารต้วนก็ตัดสายทิ้งทันที
ต้วนอีเหยาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือของเขา และพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำว่า “ทำไมฟังคุณพูดเหมือนกับกำลังขายฉันยังไงยังงั้น”
“คุณลุงให้ผมดูแลคุณให้ดี”เย่จิงเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจเขาก็ยังลังเล จะบอกเรื่องจ้าวเสวียตั้งครรภ์กับเธอยังไงดี ความสัมพันธ์ชของพวกเราเพิ่งคลี่คลาย ถ้าหากว่าเธอรู้เรื่องนี้ เธอจะโกรธแล้วหนีไปอีกครั้งไหม ? อีกอย่างตอนนี้ร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัว ข่าวนี้สำหรับเธอแล้วมันเป็นเหมือนชนวนระเบิดอย่างไม่ตั้งใจ
แต่เขาจะไม่พูดก็ไม่ได้……..
“คุณคิดอะไรอยู่ ?”ต้วนอีเหยาเห็นท่าทางเหม่อลอยของเขา จึงถามด้วยความแปลกใจ
สติของเย่จิงเหยียนกลับมา ก่อนที่จะสารภาพเรื่องนี้ เยายังมีอีกเรื่องต้องพูดให้ชัดเจน “อีเหยา ผมคิดถึงเรื่องๆหนึ่ง ไม่มีโอกาศได้ถามคุณเลย”
“มีเรื่องอะไร ?”
เย่จิงเหยียนเงยหน้าขึ้นมองชิงหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ ชิงหลังเม้มริมฝีปาก และวิ่งไปรอบๆด้วยท่าทีที่รังเกียจ
เมื่อต้วนอีเหยาเห็นชิงหลงจากไป ก็รู้ได้ว่าเรื่องนี้คงไม่ธรรมดา และท่าทีของเขาก็ดูจริงจังขึ้น
“ถ้าผมถามแล้วคุณอย่าโกรธผมนะ”เย่จิงเหยียนพูดกันเธอไว้ก่อน
ต้วนอีเหย่าส่งเสียงออกมา “ถ้าหากว่าฉันใจแคบขนาดนั้น ฉันยังจะนั่งอาบแดดอยู่กับคุณตรงนี้เหรอ ?”
เย่จิงเหยียนยิ้มและพูดว่า “ก็คือเช้าวันนั้น ที่คุณมาหาผมที่โรงแรม คุณรู้ได้ยังไงว่าผมพักอยู่ห้องไหนในโรงแรมนั้น ?”
ต้วนอีเหยาเงยหน้าขึ้นมองเขาครู่หนึ่งและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าคุณส่งข้อความมาหาฉันเหรอ ?”
“เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะส่ง”เย่จิงเหยียนอธิบาย “ผมหลับจนกระทั่งคุณมา และไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย และเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ผมจะส่งข้อความไปหาคุณให้คุณมาดูได้ยังไง ?”
“อืม ?”ต้วนอีเหยาหันไปจ้องเขา หมายความว่ายังไง ?
เย่จิงเหยียนโอบไหล่เธอและอธิบายว่า “อย่าโกรธคุณอย่าโกรธ ที่ผมจะอธิบายก็คือ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตอนผมมีสติ ผมก็ตกเป็นเหยื่อ”
ตอนนั้นในห้องมีคนอยู่แค่สองคน ในเมื่อข้อความไม่ใช่เขาไปคนส่ง ถ้างั้นก็เป็นจ้าวเสวียนส่ง และจุดประสงค์ของเธอนั้นก็ง่ายมาก นั่นก็คืออยากแยกเขาออกจากต้วนอีเหยา
เธอทำมันได้ และยังทำให้เธอก็ตั้งครรภ์ได้อย่างราบรื่นอีก
ทันใดนั้นเย่จิงเหยียนก็รู้สึกว่า ตัวเองกำลังถูกผู้หญิงคนนี้หลอก
ที่จริงเขารู้มานานแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นมีใจให้กับเขา แต่เขาก็ได้ปฎิเสธเธออย่างอ้อมๆไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเธอจะยังไม่ยอมแพ้ ดูเหมือนว่าควรที่จะปฎิเสธต่อหน้าไป จะได้ไม่ต้องเผชิญเหตุการณ์แบบปัจจุบัน
“ความหมายคุณเมื่อครู่ก็คือ ผู้หญิงคนนั้นจงใจให้ฉันไปที่โรงแรม ? ต้วนอีเหยาฟังเข้าใจแล้ว”
“ใช่”
ต้วนอีเหยาพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว เธอชอบคุณสินะ”
“ผมเคยช่วยเธอมาก่อน หึ !ไม่คิดเลยว่าเธอจะตอบแทนผมแบบนี้”ท่าทางของเย่จิงเหยียนดูน่ากลัว นี่เป็นเรื่องชาวนากับงูเห่าในเวอร์ชั่นชีวิตจริง และเขาก็มีส่วนร่วมด้วย
ต้วนอีเหยาตบไหล่เขาแล้วพูดติดตลกว่า “หนังโบราณในทีวีไม่ได้พูดเอาไว้บ่อยๆเหรอ ? คุณช่วยหญิงสาวไว้ หญิงสาวก็ใช้ร่ายกายตอบแทน ก็เหมาะสมกับเธอมาก”
“อีเหยา……..”
“พอแล้ว คุณค่อยๆคิดเถอะ ฉันไปเดินเล่นหน่อย”ต้วนอีเหยาจับไหล่ของเขาลุกขึ้น ปากบอกว่าไม่สนใจ แต่แท้จริงแล้วในใจก็ยังรู้สึกเสียใจ
เย่จิงเหยียนเห็นท่าทีเธอแปลกไป จึงไม่กล้าให้เธอไปเดินคนเดียว จึงลุกขึ้นตามพร้อมกับจับมือเธอของไว้ไม่ปล่อย