วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 328 เราเลิกกันเถอะเย่จิงเหยียน
“ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเรื่องนี้ได้ ฉัน….”
“พอแล้ว!” ต้วนอีเหยาพูดห้วนๆ “เย่จิงเหยียน จ้าวเสวียนเข้าไปอยู่ในบ้านคุณแล้วนะ คุณคิดจะจัดการยังไง ลูกในท้องของเธอก็เป็นลูกของคุณ คุณใจดำขนาดนี้เลยหรอ”
คำพูดของเย่จิงเหยียนถูกต้วนอีเหยาพูดแทรก ใจดำหรอ ใช่สิ เขาให้จ้าวเสวียนที่กำลังท้องอยู่ออกไปก็ต้องใจดำสิ และพฤติกรรมแบบนี้ก็คงเป็นสิ่งที่ต้วนอีเหยาไม่ชอบพี่สุด
“เย่จิงเหยียนคุณไม่ต้องลำบากใจอีกต่อไปแล้ว ฉันถอยให้ คุณกับจ้าวเสวียนมีลูกด้วยกัน นี่ต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน คุณปล่อยฉันไปเถอะ” ต้วนอีเหยาพูดอย่างเหนื่อยล้า
“ไม่” สายตาของเย่จิงเหยียนแน่วแน่ “คนที่ผมชอบคือคุณ คนที่อยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตก็คือคุณ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้”
ต้วนอีเหยายิ้มอย่างขมขื่น น้ำตาคลอ “แล้วมันยังไง จะทำยังไงกับลูก ถึงฉันจะยอมสุดๆด้วยการยอมรับลูก แล้วจะทำยังไงกับจ้าวเสวียน นี่มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย เธอเป็นแม่ของเด็กนะ”
“เธอพูดถึงแต่จ้าวเสวียนกับลูก แล้วพวกเราล่ะ” เย่จิงเหยียนเสียใจจนแทบทนไม่ไหว “พวกเราจะทิ้งความสุขของพวกเราไปเพื่อพวกเขาหรอ”
“นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบ”
“มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ถึงจะเป็นอุบัติเหตุแต่ตอนนี้ก็เป็นเรื่องจริงแล้ว” ต้วนอีเหยาหยุดและพูด “ส่วนฉัน ฉันก็คงได้เจอกับผู้ชายที่เหมาะสมกับฉันได้เองในอนาคต”
“ไม่ คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” เย่จิงเหยียนดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เขาไม่กล้าคิดภาพเมื่อเธอไปอยู่ในอ้อมแขนผู้ชายคนอื่น และถูกผู้ชายคนอื่นจูบ เธอเป็นของเขาทั้งหมด
น้ำตาของต้วนอีเหยาค่อยๆไหลลงมา ทำไมเธอจะไม่เสียใจล่ะ แต่ปัญหานี้มันยากเกินไป เธอจึงต้องทำตามหัวใจเลือกทางออกที่เจ็บน้อยที่สุด
แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ อดไม่ได้ที่จะเสียใจ
ยิ่งคิดยิ่งโกรธ ต้วนอีเหยากำมือทุบอกเขา เพราะเขาคนเดียว ทำไมวันนั้นต้องดื่ม ทำไมต้องไปขึ้นเตียงกับจ้าวเสวียน
ถ้าทุกอย่างไม่เกิดขึ้น เธอต้องชอบเขามากๆ….
เย่จิงเหยียนกัดฟันคุกเขากอดเธอ และปล่อยให้เธอระบายอารมณ์ให้เต็มที่ เขาอ่านใจเธอออก รู้สึกได้ถึงความเศร้าและความโกรธของเธอ
ความหวังเดียวของเขาคืออย่าให้เธอทิ้งเขาไป เขามีเงินและอำนาจมากมาย แต่เขากลับจัดการเรื่องเล็กๆแค่นี้ไม่ได้
ชิงหลงตะลึงอยู่หน้าประตูไปชั่วขณะ เมื่อเขาได้ยินเสียงดังมาจากในห้องผู้ป่วยเขาจึงรีบเข้ามา ก่อนจะเห็นฉากที่น่าตกใจจนพูดไม่ออก เขา…เขาเป็นตัวอะไรกันแน่
ทำไมถึงหายตัวมาอยู่ตรงนี้ได้
หลังจากกอดกันครู่ใหญ่ ต้วนอีเหยาก็ดันตัวออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วเช็ดน้ำตาที่หางตาพลางพูด “จิงเหยียนขนาดพระเจ้ายังไม่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกันเลย ช่างมันเถอะ เราเลิกกันเถอะ”
เย่จิงเหยียนจ้องเธอนิ่ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ก่อนจะพูดอย่างมุ่งมั่นอีกครั้ง “ไม่ ผมไม่ยอม ผมเลิกกับคุณไม่ได้จริงๆ คิดอย่าคิดอะไรไปเองจนมันทำร้ายใจของตัวเอง เรื่องทั้งหมดผมจะจัดการเอง”
“ทำไมคุณยังจะ….”
“อีเหยาคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น อาหารเย็นผมเอาวางไว้ให้ในห้องผู้ป่วยแล้ว ต้องกินข้าวเยอะๆนะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง” พูดจบเย่จิงเหยียนก้หายตัวออกไปจากห้องเงียบๆ
ชิงหลงตะลึงอีกครั้ง เขาลองเอามืแกวักไปมาตรงที่เย่จิงเหยียนยืนเมื่อสักครู่ แต่ก็ไม่สัมผัสโดนอะไรเลย….
“เชี่ย เขา…เขาหายตัวไปแล้ว”
ต้วนอีเหยาตอบ “อืม” กลับมาเบาๆ
“คุณ…คุณไม่ตะลึงหรอ เขาหายตัวไปนะ” ชิงหลงทำตัวราวกับเด็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ฉันรู้ว่าเขาไม่เหมือนกับพวกเรา” ต้วนอีเหยาบอกสั้นๆ
ชิงหลงตะลึงกว่าเดิมอีก “งั้นเขาเป็นอะไร”
“เขา…เขาก็เป็นคนเหมือนกัน แต่แค่มีพลังพิเศษ” ต้วนอีเหยาอธิบายอย่างหงุดหงิดใจ
“พลังพิเศษหรอ เหมือนไอรอนแมน แบทแมน ซุปเปอร์แมน ในหนังอเมริการึเปล่า”
“ประมาณนั้นแหละ” ต้วนอีเหยาบอกความลับอันน่าประหลาดนี้ไป เธอเสียใจจะตายอยู่แล้ว แต่ผู้ชายคนนี้ก็เอาแต่ถามนู่นถามนี่อยู่ได้ น่ารำคาญเป็นบ้า
“พระเจ้า มีคนอย่างนี้อยู่จริงๆหรอเนี่ย มีจริงๆหรอ….เจ๋งสุดๆ” ชิงหลงยังคิดไม่หยุด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ชิงหลงอย่าบอกเรื่องนี้กับใครรู้ไหม”
ชิงหลงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมรู้ จะไม่บอกใครแน่นอนครับ”
ต้วนอีเหยามองท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลง จากนั้นก็ถอนหายใจพูด “ไปเอาข้าวมา พวกเรากินข้าวกันเถอะ”
“อ้อ โอเค”
นี่เป็นข้อดีของต้วนอีเหยา แม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มอยู่ตรงหน้าเธอก็ต้องกินให้อิ่มก่อนถึงจะมีแรงไปรับมือกับปัญหาได้ และเธอก็อยากให้ร่างกายของตัวเองฟื้นตัวด้วย
ถนนสายหนึ่งในเมืองA
เฟอร์รารี่สีดำแล่นไปบนท้องถนนมุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลเย่
จ้าวเสวียนปักดอกลิลลี่ดอกสุดท้ายลงไป
ในแจกันดอกไม้ จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนโยน “คุณป้าว่าแบบนี้สวยมั้ยคะ”
“สวยมาก แต่ดอกไม้ดอกนี้ปักไว้ตรงนี้ดูรกเกินไปนะ….”
ขณะที่พูดอยู่ เย่จิงเหยียนก็เข้ามาด้วยท่าทีหุนหัน เมื่อจ้าวเสวียนเห็นท่าทีไม่ดีของเขา เธอก็รีบหลบอยู่ข้างหลังมู่เวยเวยทันที
“ออกมา” เย่จิงเหยียนตะคอก
จ้าวเสวียนจับแขนมู่เวยเวยและพูดด้วยใจสั่นๆ “คุณป้าช่วยหนูด้วย”
“ไม่ต้องกลัวๆ” มู่เวยเวยลูบมือเธอ จากนั้นก็เงยหน้าจ้องลูกชายโกรธๆ “ทำอะไร”
“แม่ถามเธอดีกว่าว่าทำอะไร” เย่จิงเหยียนโกรธจนตัวสั่น เมื่อคิดถึงตอนที่ต้วนอีเหยาสลบไปเพราะเรื่องนี้ เขาก็อยากจะบีบคอผู้หญิงคนนี้ให้ตายนัก
จ้าวเสวียนหลบอยู่หลังมู่เวยเวย และพูดเสียงเครียด “หนู…หนูก็แค่….ก็แค่ไปโรงพยาบาลทหารมา”
มู่เวยเวยหันไปมองเธออย่างแปลกใจ “เธอไปโรงพยาบาลทหารทำไม”
“หนูมีเพื่อนเข้าโรงพยาบาลทหารอยู่ ตอนไปเยี่ยมก็เลยบังเอิญเจอเจ้าหน้าที่ต้วนค่ะ”
“โกหก!” เย่จิงเหยียนว่าเธอทันที “ฉันไปเยี่ยมเธอแต่เช้า แล้วเธอก็ถึงนานแล้วด้วย กล้าบอกว่าเธอไม่ได้ตามฉันไปหรอ”
“ไม่ใช่…ฉันไปเยี่ยมเพื่อนจริงๆ” จ้าวเสวียนตัวสั่น หน้าซีด
มู่เวยเวยเข้าใจทันที ถึงอายุเธอจะมากแล้ว แต่สมองเธอยังไม่ขึ้นสนิม ดังนั้นเธอรู้ดีว่าใครพูดจริง ใครพูดโกหก
เธอแสดงท่าทีเคร่งขรึม และพูดเสียงเย็นชา “เธอไปหาต้วนอีเหยาหรอ”
จ้าวเสวียนเห็นว่าแม้แต่มู่เวยเวยก็ไม่ช่วยตัวเองแล้ว เธอจึงไม่กล้าโกหกอีก เธอพูดสารภาพ “คุณป้าคะ หนุไม่ได้ตั้งใจนะ หนูแค่อยากรู้ว่าต้วนอีเหยาหน้าตาเป็นยังไง….”
มู่เวยเวยมองแวบเดียวก็เข้าใจความคิดของเธอทันที กลัวก็แต่ว่าเธอจะไปบอกให้ต้วนอีเหยาเลิกกับลูกชายเธอ เพราะยังไงเธอก็มีลูกในท้องเป็นไพ่ใบสำคัญ ปกติเด็กคนนี้ก็ดูใสซื่อ ทำไมถึงได้มีเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้
“จ้าวเสวียนฉันรู้ว่าเธอไม่สบายใจ แต่เธอก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผิงอันไม่ชอบให้เธอทำอย่างนี้ บ้านเราก็ไม่ได้ทิ้งขว้างเธอ ได้กินดีอยู่ดี ทำไมเธอยังต้องการอะไรมากมายอีก”
จ้าวเสวียนร้องไห้ออกมา “คุณป้าหนูผิดไปแล้ว หนูไปควรไปพบเธอ จากนี้หนูจะไม่ไปอีกแล้ว”
“จากนี้หรอ” เย่จิงเหยียนพูดเสียงเย็น “เธอรู้มั้ยว่าเพราะเธออีเหยาถึงต้องเข้าห้องไอซียู ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอีเหยา ฉันให้เธอชดใช้แน่”
จ้าวเสวียนขนลุกซู่ ไม่กล้ามองตาโกรธๆของเขา
“ต้วนอีเหยาอาการทรุดหรอ” เย่ฉ่าวเฉินเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้ายพอดี
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วและพยักหน้า “เช้าวันนี้สลบไปเลยครับ”
“ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“อาการไม่ดีเท่าไหร่ครับ”
เย่ฉ่าวเฉินตบไหล่ลูกชาย และพูดกับจ้าวเสวียนอย่างเคร่งขรึม “ฉันขอเตือนให้เธอเก็บความคิดนั้นไปซะ อย่าได้คิดจะทำให้ต้วนอีเหยาเป็นอะไรไป ต้วนอีเหยาไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถไปหาเรื่อง ตอนนี้ไม่เกิดอะไรใหญ่โตก็ดี แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ตระกูลเย่ของเราก็จะทิ้งเธอเช่นกัน”
จ้าวเสวียนอึ้ง ต้วนอีเหยาหรอ ก็แค่ทหารหญิงหน้าตาน่าเกลียด ทำไมถึงมีอำนาจขนาดนี้
“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงใสของเย่ชูวเสวียดังขึ้น ก่อนที่เธอจะมาถึงห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นบรรยากาสมาคุ เธอก้ถามอย่างสงสัย “อ้าว หนูพลาดเรื่องสนุกๆอะไรไปรึเปล่าคะ”
“หรูอี้ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ” มู่เวยเวยปรามลูกสาว
หลังเย่ชูวเสวียเห็นว่าจ้าวเสวียนหลบอยู่หลังแม่ และพี่ชายก็กำลังโกรธอยู่ เธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นต้องก่อเรื่องอะไรอีกแน่ เธอจึงพูดยิ้มๆ “จ้าวเสวียนกล้าทำก็กล้ารับหน่อยสิ จะไปซ้อนอยู่หลังแม่ฉันทำไม”
จ้าวเสวียนเกลียดจนอยากจะฉีกผู้หญิงคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ แต่ก็ต้องแกล้งทำสีหน้าอ่อนโยน “ชูวเสวีย ฉันก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ไม่เคยใจกล้าขนาดนั้น”
เย่ชูวเสวียแสยะยิ้มใส่อย่างไม่พอใจ และพูดกับมู่เวยเวย “แม่ไม่ต้องปกป้องเธอ เธอไม่ใช่สะใภ้บ้านเรา”
มู่เวยเวยถลึงตาใส่ลูกสาว “พอแล้ว เรื่องนี้จ้าวเสวียนผิดจริง แต่เรื่องก็เกิดขึ้นไปแล้ว สืบสาวไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร กินข้าวเถอะ”
เย่จิงเหยียนโกรธจนอิ่มแล้ว ไม่มีอารมณ์กินข้าว เขาจึงหมุนตัวเดินขึ้นชั้นบนไป
“แม่เกิดอะไรขึ้นคะ” เย่ชูวเสวียถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไร กินข้าวเถอะ” มู่เวยเวยไม่อยากพูดถึงอีก เธอรู้ว่าลูกสาวสนิทกับต้วนอีเหยา ถ้าเธอรู้ว่าจ้าวเสวียนทำให้ต้วนอีเหยาโกรธจนเป็นลมไป กลัวว่าเธอจะฉีกจ้าวเสวียนออกเป็นชิ้นๆตรงนี้
เย่ชูวเสวียกระทืบเท้าอย่างเร่งเร้า “ถ้าแม่ไม่พูดหนูไปถามพี่ก็ได้” พูดจบก็วิ่งไปชั้นบน
มู่เวยเวยหันไปปลอบจ้าวเสวียนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “จากนี้เธออย่าไปเจอต้วนอีเหยาอีก เธอมีฐานะสูง อยู่ให้ห่างจากเธอจะดีต่อลูกของเธอมากกว่า”
จ้าวเสวียนพยักหน้าด้วยความรู้สึกผิด ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความสงสัย ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรพิเศษ ก็แค่ทหารไม่ใช่หรอ
ห้องของเย่จิงเหยียน
“ชิบหาย จ้าวเสวียนไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่ได้แล้ว ฉันจะไปจัดการแทนพี่สาว” เย่ชูวเสวียยืนเลิกแขนเสื้อขึ้นเพื่อจะไปคิดบัยชีแทนพี่สาว แต่ก็ถูกเย่จิงเหยียนห้ามไว้ก่อน “มีแม่ปกป้องผู้หญิงคนนั้นอยู่ เธอจะทำอะไรได้”
“แล้วจะปล่อยไปอย่างนี้หรอ พี่อีเหยาเป็นลมไปเลยนะ” เย่ชูวเสวียโกรธเป็นฟืนเป็นไฟยิ่งกว่าตอนตัวเองโดนเองซะอีก
เย่จิงเหยียนเก็บของของตัวเองพลางพูด “แล้วจะให้ทำยังไง คิดว่าพี่ตีจ้าวเสวียนครั้งหนึ่งแล้วจะสามารถไล่เธอออกไปได้หรอ”
“พี่ทำแบบนั้นไม่ได้แน่” เย่ชูวเสวียพูดด้วยความกังวล “น่ารำคาญที่สุด จำไมยัยจ้าวเสวียนนั่นถึงท้องได้นะ บังเอิญเกินไปรึเปล่า”
เย่จิงเหยียนโยนเสื้อผ้าและกางเกงลงกระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังจะออกไป เย่ชูวเสวียก็รั้งเขาไว้อย่างรวดเร็ว “พี่จะไปไหน”
“ไปนอนคอนโด พี่ทนอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้วแม้แต่นาทีเดียวก็เถอะ”
เย่ชูวเสวียกางแขนกั้นเขาไว้ “พี่เวลาอย่างนี้พี่จะไปได้ยังไง”
“จะให้พี่อยู่ที่นี่ต่อไปทำไม”
เย่ชูวเสวียพูดอย่างชอบธรรม “ต้องชิงพื้นที่น่ะสิ พี่ไม่อยู่ จ้าวเสวียนถึงได้ชิงความไว้วางใจของแม่ ถ้าพี่ไปอย่างนี้ ถึงแม่จะไม่พูดออกมา แต่ในใจก็ต้องแอบตำหนิพี่อีเหยาแน่นอน ดังนั้นพี่ต้องอยู่ต่อเพื่อไม่ให้แม่หลงกลจ้าวเสวียนไปมากกว่านี้”
เย่จิงเหยียนมองน้องสาว เขารู้สึกว่าที่เธอพูดมีเหตุผลอยู่มาก เขาปล่อยกระเป๋าเดินทางลงบนพื้น จากนั้นก็ขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างหงุดหงิด
ตอนเย็น
เย่จิงเหยียนนั่งดื่มเบียร์ริมทะเลสาบ และทิ้งกระป๋องไปข้างๆ
“ปักๆๆ” ใครเตะกระป๋องเบียร์ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นเย่ฉ่าวเฉิน
“พ่อดื่มเป็นเพื่อน” เย่ฉ่าวเฉินเปิดกระป่อง
เย่จิงเหยียนเปิดกระป๋องในมือ และเงยหน้าดื่มอึกใหญ่ เย่ฉ่าวเฉินจิบเบาๆ
“พวกเราไม่เคยดื่มกันอย่างนี้เลย” เย่ฉ่าวเฉินพูดยิ้มๆ
เย่จิงเหยียนยิ้มบางๆ “เมื่อก่อนพ่อยุ่งขนาดนั้น จะมีเวลาได้ไง”
“แกก็ยุ่งวุ่นนี่วุ่นนั่นไม่ใช่หรอ”
เย่จิงเหยียนดื่มอีกอึกใหญ่ จากนั้นก็เงียบไปนานก่อนจะพูด “พ่อ ผมขอพูดอะไรหน่อย ถ้าไม่พอใจอย่าด่ากันนะ”
“ไม่ด่า พูดมาสิ” เย่ฉ่าวเฉินเหยียดขาออก และมองไปที่ทะเลสาบตรงหน้า
สายตาของเย่จิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชา “ผมรู้สึกว่าลูกในท้องของจ้าวเสวียนไม่ใช่ลูกของผม ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าไปแตะต้องเธอตอนไหน”
เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองเขา “เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว”
“หมายความว่าไง” เย่จิงเหยียนเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
“รอให้เด็กคลอดออกมา ถ้าเป้นคนตระกูลเย่จริงแค่มองปราดเดียวก็รู้ ยีนของเราโดดเด่นมาก ดูจากลูกกับหรูอี้สิ เหมือนกันขนาดนั้น” เย่ฉ่าวเฉินเผยยิ้มออกมาบางๆ สำหรับเขาลูกทั้งสองคนเป็นสิ่งที่เขาภูมิใจที่สุด “และวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือตรวจดีเอ็นเอ ถ้าเป็นคนตระกูลเย่ เราจะเลี้ยงดูเขาอย่างดี แต่อีกคนเราไม่สนใจแน่นอน แต่ถ้าไม่ใช่ก็ หึ”
เย่ฉ่าวเฉินแสยะยิ้มออกมา ทำให้อีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดถึงกับตัวสั่นขึ้นมา และแอบกลับเข้าบ้านไปเงียบๆ
“แต่….อีเหยาล่ะจะทำยังไง เธอ…..เธอจะเลิกกับผม” เย่จิงเหยียนพูดประโยคสุดท้ายออกมาอย่างปวดใจ
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจออกมาเบาๆ “ผิงอัน ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเมื่อเจอกับเรื่องอย่างนี้ไม่มีใครกล้าพูดว่าไม่สนใจหรอกนะ เธอโกรธก็เป็นเรื่องปกติ ลูกรอให้เะอเย็นลงก่อนเถอะ ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ถ้ามีวาสนาร่วมกัน ไม่ว่าจะห่างกันไปนานแค่ไหน ก้จะได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี”
“พ่อพูดเหมือนแม่ไม่มีผิด” เย่จิงเหยียนยิ้มอย่างขมขื่น
เย่ฉ่าวเฉินเลิกคิ้ว “หรอ พ่อกับแม่ก็ผ่านเรื่องราวมามากเหมือนกัน คำพูดที่ว่าต้องเจออุปสรรคก่อนเจอเรื่องดีๆนั้นไม่ผิดเลย”
เย่จิงเหยียนตั้งมั่นในใจ แตะกระป๋องเบียร์ในมือพ่อและพูด “มา ดื่มเป็นเพื่อนผมอีกกระป๋อง”
“ไม่มีปัญหา แต่คราวหน้าอย่าดื่มจนเมาอีกนะ”
“ไม่อีกแล้วครับ”
ห้องนอนแขก
จ้าวเสวียนพิงประตูหายใจอย่างกระวนกระวาย เธอตกใจกับคำพูดเมื่อกี้ของเย่ฉ่าวเฉินมาก
หลังจากเธอท้อง เธอก็คิดมาตลอดว่าจะใช้เด็กในท้องเป็นทางผ่านให้ตัวเองแต่งเข้ามาในบ้านตระกูลเย่ และกลายเป็นภรรยาของจิงเหยียน เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าถ้าเด็กเกิดออกมาแล้วหน้าไม่เหมือนเย่จิงเหยียนจะทำยังไง
เขาสงสัยกับการท้องในครั้งนี้อยู่แล้ว ถ้าเขาตรวจเจอว่าเด็กไม่ใช่ลูกของเขา งั้น…ถึงตอนนั้นเย่จิงเหยียนจะไม่ฆ่าเธอเลยหรอ
ทำยังไงดี ทำยังไงดี
จ้าวเสวียนเดินไปเดินมาในห้องอย่างกังวล กระดาษห่อไฟไม่มิดอยู่แล้ว สักวันเรื่องนี้ก็ต้องแดงขึ้นมา ดูเหมือน…จะเอาเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้แล้ว…
แต่เธอต้องใช้เด็กคนนี้แลกกับสิ่งชดเชยอันยิ่งใหญ่ ให้เย่จิงเหยียนรู้สึกติดหนี้เธอ รู้สึกผิดในใจตลอดไป
คืนนั้นจ้าวเสวียนนอนไม่หลับเลย เธอคิดวางแผนอย่างรอบคอบ
เย่จิงเหยียนยังไม่นอนเช่นกัน เขากำลังคิดถึงผู้หญิงที่อยู่ในโรงพยาบาลอยู่ ไม่รู้ว่าเธอหลับไปรึยัง
วันรุ่งขึ้น เย่จิงเหยียนมาที่ห้องครัวเพื่อรับอาหารเช้าที่พ่อครัวแม่ครัวเตรียมไว้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดในครัว
จ้าวเสวียนแสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก เธอพูดขอโทษ “จิงเหยียนเมื่อวานฉันทำผิดไป ฉันขอโทษ นี่เป็นโจ๊กพุทราแดงที่ฉันด้วยตัวเอง ถือว่าเป้นการไถ่โทษให้คุณต้วนแล้วกันนะ”
เย่จิงเหยียนมองเธออย่างเย็นชา และพูดอย่างดุถูก “จ้าวเสวียนแม่ฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องใส่หน้ากากพูด”
จ้าวเสวียนรีบอธิบาย “ฉันเปล่านะ ฉันอยากขอโทษคุณต้วนจริงๆ เมื่อวานฉันไม่ควรไปโรงพยาบาล ฉันขอโทษ”
คำพูดของเย่จิงเหยียนเลวร้ายมาก “โจ๊กนี้เก็บไว้ให้ตัวเองกินเถอะ ฉันกลัวว่าอีเหยากินแล้วจะอาการแย่กว่าเดิม” พูดจบก็เดินออกจากห้องครัวไปพร้อมกับอาหารที่แม่ครัวเตรียมไว้
จ้าวเสวียนกัดฟันมองตามหลังเขา เย่จิงเหยียน เพื่อต้วนอีเหยา คุณถึงกับต้องพูดอย่างนี้เลยหรอ
ระหว่างทาง เย่จิงเหยียนก็ขับรถอย่างตั้งใจ พ่อพูดถูก ให้เธอสงบอารมณ์สักพักเถอะ ถ้าเธอต้องการจากเขาไปจริงๆ…เขาก็จะปล่อยเธอไป หลังจากนั้นค่อยไปตามหาเธออีกที
ตอนเช้าโรงพยาบาลคนพลุกพล่านมาก มีคนตื่นมาออกกำลังกายเต็มไปหมด เมื่อเย่จิงเหยียนเดินมาถึงชั้นเขา เขาก็เห็นต้วนอีเหยากำลังเดินเกาะกำแพงช้าๆอยู่โดยที่ชิงหลงพยุงอยู่ข้างๆ
“ลูกพี่” เมื่อชิงหลงเห็นเขา ก็เรียกต้วนอีเหยา ตอนนี้เขามองเย่จิงเหยียนด้วยสายตาแปลกๆ มีทั้งความชื่นชมและสำรวจด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เย่จิงเหยียนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างเดิม “ผมเอาอาหารเช้ามาให้ กินแล้วค่อยออกกำลังกายเถอะ”
“ไม่ต้อง ฉันกินแล้ว” ต้วนอีเหยาตอบเรียบๆโดยไม่มองหน้าเขา
เย่จิงเหยียนปกปิดดวงตาอันเจ็บปวดของเขา และยังคงยิ้มเช่นเดิม “นี่เป็นซุปปลา เดี๋ยวถ้ากระหายคุณค่อยดื่มก็ได้ ผมวางไว้ให้ในห้องนะ”
“ฉันไม่อยากดื่ม” ต้วนอีเหยาปฏิเสธ เธอเป็นคนที่มีความชัดเจนในตัวเอง ในเมื่อบอกว่าจะถอย เธอก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาอีก
หัวใจของเย่จิงเหยียนสลายแตกออกเป็นชิ้นๆ เขามองเธออย่างลึกซึ้ง “ถึงคุณจะโกรธ แต่ก็อย่าทำร้ายร่างกายตัวเองอย่างนี้ คุณก็อยากหายเร็วๆไม่ใช่หรอ”
ต้วนอีเหยาเงียบ
เย่จิงเหยียนส่งกล่องอาหารให้ชิงหลง “เดี๋ยวเทให้เธอดื่มหน่อย ฉันไปทำงานแล้ว”
“อ้อ โอเค” ชิงหลงยังคงมึนอยู่
“ไปแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมาเยี่ยม ต้องการอะไรก็โทรหาผมได้” หลังสั่งเสร็จ เขาก็จากไปด้วยความอาลัยอาวร
เมื่อเขาเดินไปไกลแล้ว ต้วนอีเหยาก็มองตามเขาไปด้วยความเศร้า
“ลุกพี่ ดื่มหน่อยมั้ย” ชิงหลงรีบถาม
“ดื่ม”
เมื่อเลิกงานกลับไปถึงบ้าน เยาจิงเหยียนกินข้าวเสร็จก็ขังตัวเองไว้ในห้อง ตอนนี้ธุรกิจกับทางอเมริกากำลังอยุ่ในช่วงสำคัย เขาจึงต้องวีดีโอคอลคุยกับฝั่งนู้น
เขาเจรจามาเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่าแล้ว
เขาถือแก้วลงมา ตั้งใจจะชงกาแฟและกลับไปทำงานต่อ แต่เขาก็เจอจ้าวเสวียนตรงชั้นสองเสียก่อน เธอกำลังถือกาแฟร้อนๆในมือ
“จิงเหยียน พอดีเลย ฉันช่วยชงกาแฟมาให้ ว่าจะเอาไปให้ที่ห้องหนังสือ” น้ำเสียงของจ้าวเสวียนร่าเริง และดวงตาเป็นประกาย
“ไม่ต้อง” เย่จิงเหยียนพูดอย่างเย็นชา เขาจะเลี่ยงเธอลงไปชั้นล่าง แต่ก็ถูกเธอกันไว้ก่อน “คุณลองชิมดูก่อนสิ ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบใส่น้ำตาลก็เลยไม่ได้ใส่มาให้ ฉันบดเมล็ดกาแฟสด คุณลองดมดูสิ กลิ่นกลมกล่อมมากใช่มั้ย”
เย่จิงเหยียนหงุดหงิดจนทนไม่ไหวจึงปัดถ้วยกาแฟในมือเธอทิ้ง “ฉันไม่ต้องการ” พูดจบ เท้าของจ้าวเสวียนก็ลื่นไปกับพื้น ทันทีที่ถ้วยกาแฟตกลงไปถึงพื้น เธอก็กลิ้งตกบันไดไปทันที
“กรี๊ด” เสียงแหลมกรีีดร้องไปทั่วบ้าน
เย่จิงเหยียนยืนตะลึงอยู่กับที่ เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของจ้าวเสวียนจึงทิ้งแก้วในมือ และวิ่งไปข้างล่างด้วยความกังวล
“ลูก ลูกของฉัน ช่วยลูกของเราด้วย….” จ้าวเสวียนนอนอยู่มุมบันได ยื่นมือมาทางเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกลัว
เย่จิงเหยียนตระหนก วิ่งไปทางเธอและยกขึ้นมากอดตามสัญชาตญาณ โดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
“จิงเหยียนช่วยลุกของเราด้วย ขอร้องล่ะ….” จ้าวเสวียนจับแขนเขาแน่น และขอร้องเขาอย่างขมขื่น “ถึงคุณจะเกลียดฉัน แต่เด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ขอร้องล่ะ คุณช่วยเขาด้วย…”
เสียงของจ้าวเสวียนปลุกทุกคนในบ้าน เมื่อเย่ฉ่าวเฉินเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็รีบวิ่งลงมาข้างล่างและตะโกน “จางเห่อเตรียมรถ เร็วๆ”
“ครับนาย”
มู่เวยเวยใส่ชุดนอนออกมา เมื่อเห็นจ้าวเสวียนใบหน้าซีดเผือดกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของเย่จิงเหยียนพร้อมทั้งมีเลือดออกมา เธอก็ตากระตุก รีบพูดจนเสียงเปลี่ยน “มัวอึ้งอะไรอยู่อีก รีบอุ้มจ้าวเสวียนไปที่รถสิ รีบพาไปโรงพยาบาล”
เย่จิงเหยียนได้สติขึ้นมา เขาจึงอุ้มจ้าวเสวียนออกไป
“คุณจะทำอะไร” เย่ฉ่าวเฉินเห็นภรรยากำลังจะวิ่งตามไป เขาจึงรั้งเธอไว้
“ไปโรงพยาบาลน่ะสิ ผิงอันไปคนเดียวได้ยังไง”
“ผมไปเอง”
“มู่เวยเวยพุดขัดคำพูดเขา “คุณเป็นผู้ชายไม่สะดวกหรอก ฉันไปเอง”
“ไปกันหมดนี่แหละ คุณรอผมหน้าประตูแปบนึง ผมไปเอาเสื้อผ้า” พูดจบเย่ฉ่าวเฉินก็หายตัวไป
รถสองคันขับตามกันไปโรงพยาบาลใกล้ๆ
จ้าวเสวียนนอนอยู่ในอ้อมกอดของเย่จิงเหยียน เธอรู้้สึกทั้งเสียใจและโล่งใจ ที่เสียใจก็คือเธอกับลูกมีวาสนาต่อกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆแค่สองเดือน และก็เป็นเธอเองที่ทำให้เขาต้องจากไป ที่โล่งใจก็คือ สิ่งนี้จะติดอยู่ในใจของเย่จิงเหยียน และชาตินี้เขาก้ห้ามทิ้งเธอเด็ดขาด
“จิงเหยียนฉันหนาวจัง คุณกอดฉันแน่นๆหน่อยได้มั้ย” จ้าวเสวียนพุดสั่นๆ เขารุ้สึกได้ว่าเลือดไหลออกจากตัวเธอไม่หยุด จนร่างกายของเธอค่อยๆเย็นลง