วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 347 : บังเอิญ คนที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
- Home
- วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
- บทที่ 347 : บังเอิญ คนที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
“ไม่……” เย่ชูวเสวียต้องการปฏิเสธ แต่นึกถึงว่าเซียวอวี้หลินไม่สามารถให้เธอไปทานข้าวโดยไร้เหตุผล แน่นอนว่าต้องมีปัญหาอะไร เลยหันกลับไป ตอบรับ “เอ่อ……โอเค”
“ตกลง ที่โรงแรมไนท์เมาน์เท็น”
เซียวอวี้หลินวางสายไป มองไปที่ต้นไม้ริมถนนทั้งสองข้างแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บรรยากาศระหว่างพี่จิงเหยียนกับต้วนจื่ออิ๋งช่างลึกซึ้ง เขาหายใจไม่ออกเล็กน้อย……
ณ โรงแรม
เย่จิงเหยียนเดินเข้าไปในห้องวีไอพีก่อน ต้วนจื่ออิ๋งเดินตามหลังเขาไปด้วยสีหน้าดีอกดีใจ เหลือเพียงแต่เซียวอวี้หลิน มู่ยู่วฉีมองสองพี่น้องมองไปที่ประตูอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด
พวกเขาคิดว่าบรรยากาศจะผ่อนคลายขึ้นเมื่อมาถึงโรงแรม แค่คาดไม่ถึงว่ายังคงแปลกๆเล็กน้อย เช่นนี้พวกเขาจะกล้าทานข้าวอย่างมีความสุขได้อย่างไร!
“คุณเข้าไปก่อนเถอะ” มู่ยู่วฉีผลักๆเซียวอวี้หลิน ให้เขาแทรกเข้าไป
เซียวอวี้หลินดึงขอบประตู เค้นคำพูดรอดไรฟันมาสองสามคำ “คุณเข้าไปก่อน”
“ทำไมอ่ะ!”
“บอกให้คุณเข้าไปก็เข้าไปสิ จะมาไร้สาระอะไรขนาดนั้น!” เซียวอวี้หลินอาศัยตอนที่ไม่ทันระวังตัว หันกลับไปอยู่ข้างหลังเขา ใช้เท้าถีบเขาเข้าไปที่ประตู
“โครม”
เย่จิงเหยียนได้ยินเสียง ก็หันไปมองพวกเขา “พวกคุณทำอะไรกัน?”
มู่ยู่วฉีกุมบริเวณที่เท้าถีบจนเจ็บแล้วมองไปที่เซียวอวี้หลิน “คุณชนะแล้ว!”
เซียวอวี้หลินเงยหน้า เลิกคิ้วมองไปทางเขา เหยียบเข้าไปในห้องวีไอพีอย่างภาคภูมิใจ ภายในมีแสงไฟอบอุ่น เก้าอี้นุ่มสบาย เพียงแต่ทั้งสี่คนนั้นใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ขอโทษด้วย ฉันมาช้า!” เย่ชูวเสวียรีบวิ่งมาที่หน้าประตู เห็นคนด้านในนั่งไม่ไหวติง ก็แปลกใจเล็กน้อย
“ทำไมคุณดเพิ่งจะมา รอคุณตั้งนานแล้ว ไปไปไป เป็นเพื่อนฉันไปเน่งห้องครัวให้เอาอาหารมาเสิร์ฟ” เซียวอวี้หลืนเห็นผู้ช่วย ก็ลากเธอออกไปทันที
เย่ชูวเสวียรู้สึกประหลาดใจ ขณะเดินก็หยุดลง เอามือเท้าเอวจ้องมองเซียวอวี้หลิน “พูดมา ที่จะหาฉันสรุปมีเรื่องอะไร? ฉันไม่เชื่อว่าคุณให้ฉันมาเพื่อเฉพาะแค่ทานข้าว!”
เซียวอวี้หลินมองซ้ายมองขวา กะด้วยสายตาแล้วระยะทางไกลขนาดนี้คาดว่าเย่จิงเหยียนจะไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขาจึงหยุดเดิน
ปิดปากเย่ชูวเสวีย “คุณเสียงเบาๆหน่อย พี่จิงเหยียนหูดีมาก!”
“อื้ออื้อ……อื้ออื้ออื้ออื้อ……”
“คุณพูดเบาๆฉันก็จะปล่อยคุณ”
เย่ชูวเสวียเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างน่าสงสาร พยักหน้าประนีประนอม เมื่อได้รับอากาศ เย่ชูวเสวียก็สูดลมหายใจทันที “คุณคิดจะปิดให้ฉันตายเลยหรือไง!”
น้ำเสียงของเธอน่าตกใจ เซียวอวี้หลินรู้สึกกลัวเมื่อได้ยินเธอ แล้วปิดปากเธอใหม่ “พี่เสียงเบาๆหน่อย!”
เห็นเธอขยับอยู่ตลอดเวลา ดวงตาสองข้างกลอกไปมา เซียวอวี้หลินก็ใจอ่อน จึงปล่อยมือออก
เย่ชูวเสวียได้รับอิสระ เรียนรู้บทเรียนจากครั้งที่แล้ว มองเขาตาปริบๆ “สรุปเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ดูลึกลับๆ”
“คุณเข้าไปเมื่อกี้ไม่เห็นความผิดปกติหรอ?”
เย่ชูวเสวียรู้สึกประหลาดใจ นึกถึงสถานการณ์เมื่อกี้นี้ที่ยืนอยู่ตรงประตู ส่ายๆหัว “ไม่นะ”
“ไอ๊หยา!” เซียวอวี้หลินตบหัวของเธอเล็กน้อย “คุณเป็นผู้หญิงทำไมไม่ละเอียดอ่อนเลย! คุณไม่เห็นว่าพี่จิงเหยียนกับต้วนจื่ออิ๋งดูแปลกๆหรอ?”
เย่ชูวเสวียไม่เข้าใจ “มีอะไรแปลกหรอ? ทั้งสองคนก็เป็นแบบนี้มาตลอดหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ไม่ใช่!”
เซียวอวี้หลินกำกำปั้นแน่นอย่างไม่พอใจ ถือไว้ตรงหน้าเธอและเปรียบเทียบ แล้วเก็บกลับมา “พวกเขาสองคนมีปัญหากันอย่างแน่นอน จากประสบการณ์ของฉัน ระหว่างพวกเขาตลบอบอวลไปด้วยเรื่องชู้สาว!”
“เชี่ย!”
เย่ชูวเสวียกลอกตาด้วยความเหยียดหยาม “เรื่องชู้สาวบ้าบออะไร! ต้วนจื่ออิ๋งชอบพี่ชายฉันอยู่แล้ว คุณมองไม่ออกเลยหรอ?”
“ไม่ใช่!” เซียวอวี้หลินร้อนใจ เดินหลับมาตรงหน้าเธอ “ฉันหมายความว่าพวกเขาออกมาจากคฤหาสน์ด้วยกัน บรรยากาศดูแปลกๆอย่างอธิบายไม่ถูก”
“คุณก็ระแวงมากไป คนอื่นมีอะไรแปลกๆซะที่ไหนกัน? ฉันเห็นว่าก็ปกติมาก!”
“จริงๆนะ คุณต้องเชื่อฉัน ไม่งั้นลองไปถามต้วนจื่ออิ๋งสิ?”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน เย่ชูวเสวียไม่ได้คิดมาก “มิเช่นนั้น……ลองดูหรอ?”
“อืม”
กลับไปที่ห้องวีไอพี ด้านในก็เงียบเหมือนปกติ มู่ยู่วฉีเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม ก็ลุกขึ้นต้อนรับทันที
เดินเข้าไปใกล้ๆเซียวอวี้หลิน ใช้กำปั้นทุบไปที่ไหล่ของเขา “พวกคุณทำไมเพิ่งจะมา? ไปเร่งอาหารมาเป็นยังไงบ้าง?”
“ใกล้แล้ว วันนี้ลูกค้าเยอะมาก”
เซียวอวี้หลินพูดอย่างขอไปที แล้วหันกลับไปมองเย่ชูวเสวีย ทั้งสองคนมองหน้าก็รู้ใจ แล้วก็แยกย้ายกัน เย่ชูวเสวียนั่งลงข้างๆต้วนจื่ออิ๋ง
“ชูวเสวีย คุณมาแล้ว” ต้วนจื่ออิ๋งเห็นเธอ ก็เงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เธอ ดูเหมือนว่าเย่ชูวเสวียจะตกตะลึงเล็กน้อย
เธอขยี้ตา มองต้วนจื่ออิ๋งเห็นว่าเธอยังคงยิ้มอยู่ ก็อดถามไม่ได้ว่า “มีเรื่องอะไรที่น่าดีใจหรือเปล่า? ถึงได้ร่าเริงขนาดนี้……”
“ไม่มี……” ต้วนจื่ออิ๋งยิ้ม ก้มหน้าพูดอย่างเขินอายว่า “เย่ชูว คุณอย่าถามเลย ไม่มีจริงๆ”
เย่ชูวเสวียขมวดคิ้ว เธอก็ถามไปอย่างนั้น เห็นท่าทางเธอเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรจริงๆ!
“สนใจเรื่องของตนเองเถอะ อย่ามาถามเรื่องของคนอื่น” เย่จิงเหยียนที่ไม่ได้พูดจามาโดยตลอดก็เงยหน้าขึ้นมองทางด้านเย่ชูวเสวียนั้น พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์
“พี่……”
เย่ชูวเสวียหันมา เห็นเย่จืงเหยียนสีหน้าไร้อารมณ์ ก็กลืนคำต่อท้ายลงไป ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนก้มหน้าลงด้วยความอึดอัดใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“เสิร์ฟอาหารแล้วๆ พวกคุณอย่าห่วงแต่คุยเล่น ทานข้าวเถอะ” เซียวอวี้หลินเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี พอดีกับเห็นว่ามาอาหารมาเสิร์ฟ จึงรีบจัดอาหารให้พวกเขา
เย่จิงเหยียนหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบ เคี้ยวอย่างพิถีพิถันแล้วค่อยๆกลืน ต้วนจื่ออิ๋งเห็นเขาทานข้าว ตนเองก็ยื่นมือไปคีบอาหารจานนั้นที่เขากิน
“อืม……อร่อยจริงๆ พี่จิงเหยียน!” อาหารเพิ่งจะเข้าปาก ต้วนจื่ออิ๋งทำตาโต จ้องมองเย่จิงเหยียนด้วยความประหลาดใจ
เย่จิงเหยียนไม่ตอบสนองต่อสายตาของเธอ แต่แค่ทำเสียงออกจมูกว่า “อืม”
น้ำเสียงไม่เล็กไม่ใหญ่ ทว่าทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ เย่จิงเหยียนไม่อยากคุยกับพวกเขา ทว่าตั้งใจตอบกลับต้วนจื่ออิ๋ง นี่……นี่หมายความว่าอย่างไร?
ทุกคนบนโต๊ะอาหารก็ต่างครุ่นคิด พวกเขาคีบตะเกียบขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี มีเพียงแต่ต้วนจื่ออิ๋งเท่านั้นที่อารมณ์ดีมาก พูดคุยกับเย่จิงเหยียนตลอด สิ่งที่แปลกคือแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยกระตือรือร้นนัก แต่ก็ตอบกลับเป็นส่วนมาก
“ฉันจะไปห้องน้ำ” ฟลังทานอาหาร เย่ชูวเสวียก็ลุกขึ้นจัดกระโปรงเล็กน้อย เมื่อลุกจากที่นั่งก็หันกลับไปพูดว่า “จื่ออิ๋ง คุณมากับฉันหน่อย กระโปรงของฉันเปื้อน จำเป็นต้องให้คุณช่วยจับ”
“ห๊ะ? อ้อ……”
ต้วนจื่ออิ๋งถูกเรียกก็รู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินชัดเจนก็รู้ตัวทันที บอกลาเย่จิงเหยียน แล้วลุกตามเย่ชูวเสวียออกไปอย่างร่าเริง
ในห้องน้ำ ต้วนจื่ออิ๋งอยู่ด้านหลังเย่ชูวเสวียตอนนี้รู้สึกกังวลเล็กน้อย “ชูวเสวีย ให้ฉันช่วยอะไรคุณหรอ?”
เย่ชูวเสวียหยิบเครื่องสำอางออหมาจากในกระเป๋า แต่งที่หน้ากระจก เธอเขียนคิ้วไปพลางถามไปพลาง “จื่ออิ๋ง คุณมีเรื่องอะไรปิดบังฉันใช่ไหม?”
“เรื่อง……เรื่องอะไร?”
ต้วนจื่ออิ๋งไม่กล้ามองกระจกฝั่งตรงข้าม กลัวถูกเย่ชูวเสวียระแคะระคาย ก้มหน้าถามกลับอย่างประหม่า
“คุณอย่ามาปิดบังฉันเลย ฉันมองออก”
“งั้นเรื่องอะไรล่ะ ชูวเสวียคุณอย่าเหลวไหลสิ”
เย่ชูวเสวียหยุดการกระทำในมือลง มองต้วนจื่ออิ๋งในกระจก “แน่นอนว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคุณกับพี่ชายของฉันเมื่อวานนี้ มิเช่นนั้นคุณจะเป็นเช่นนี้ได้ยังไง?”
“ฉัน……”
ต้วนจื่ออิ๋งไม่มีวิธีโต้แย้ง คิดสักพักแล้วเงยหน้าขึ้น “ฉันบอกกับคุณ แต่คุณห้ามไปพูดที่ไหนนะ……”
“อืม”
“อะไรนะ? คุณกับพี่ชายของฉัน……?”
สามนาทีต่อมา หลังจากฟังต้วนจื่ออิ๋งเล่าเรื่องเย่ชูวเสวียหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ เป็นเรื่องที่หน้าเหลือเชื่อ
“ชูวเสวีย คุณเสียงเบาๆหน่อย!” ต้วนจื่ออิ๋งมองไปที่เธออย่างเขินอาย ฉับพลันหน้าก็แดงไปจนถึงติ่งหู
“ท้ายที่สุดมันเกิดขึ้นได้อย่างไร? พี่ชายฉันทำไมเขาจึงสามารถ……”
เย่ชูวเสวียไม่กล้าเชื่อ ชัดเจนว่าเย่จิงเหยียนรักต้วนอีเหยาจนไม่มีวันลืมเลือน จะสามารถไปอะไรกับคนอื่นภายในชั่วพริบตาได้อย่างไร!
“ก็……ก็……”
“ไอ๊หยา เขาคิดว่าฉันเป็นพี่อีเหยา!”
ต้วนจื่ออิ๋งเกาหัวเธออย่างหงุดหงิด “จริงๆ ฉันต้องพูดให้ชัดเจนแบบนี้”
“นี่ก็สมเหตุสมผล……” เย่ชูวเสวียถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็เพราะว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร
เมื่อวานเป็นวันวาเลนไทน์ แน่นอนว่าพี่ชายฉันต้อคิดถึงเรื่องราวของพี่อีเหยา จึงสวมบทบาทนักดื่ม บังเอิญไปเจอกับต้วนจื่ออิ๋งที่รูปร่างหน้าตาเหมือนพี่อีเหยา ก็มีเหตุผลที่จะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเธอ
“เย่ชูว คุณหมายความว่าอะไร?”
เดิมทีต้วนจื่ออิ๋งเขินอายมาก แต่ได้ยินเย่ชูวเสวียพูดทำให้เสียบรรยากาศว่า”พูดมีเหตุผล” ฉับพลันเธอก็ไม่มีความสุขเล็กน้อย เธอมีสิทธิ์อะไรมาคิดว่าเป็นแค่เงาของต้วนอีเหยา……
เย่ชูวเสวียสติกลับมา ถอนหายใจ “ฉันไม่ได้หมายความว่าอะไร เพียงแต่คุณก็รู้ เป็นไปไม่ได้ที่พี่ชายฉันจะลืมพี่อีเหยาเร็วขนาดนี้ ฉะนั้น……”
“ฉะนั้นอะไร?”
“ฉะนั้นพี่ชายของฉันเขาพูดว่าอะไรล่ะ?”
“เอ่อ……” ต้วนจื่ออิ๋งก้มหน้าลงอีกครั้ง บีบๆมุมเสื้อ ” พี่จิงเหยาบอกว่าจะรับผิดชอบฉัน”
พี่ชายฉันพูดแบบนี้จริงๆหรอ?” เย่ชูวเสวียไม่เข้าใจเล็กน้อย ชัดเจนว่าในใจพี่ของเธอยังคงมีพี่อีเหยาอยู่ ทำไมถึงรับปากกับต้วนจื่ออิ๋งว่าจะรับผิดชอบเธอ?
“อืม” ต้วนจื่ออิ๋งหูแดงไปหมด กลัวว่าเย่ชูวเสวียจะถามอีก
ณ เมืองหลวง
เย่จิงเหยียนลงจากเครื่อง ลากกระเป๋าเดินทางเดินไปทางรถที่มารับส่ง ตามหลังด้วยมู่ยู่วฉีกับต้วนจื่ออิ๋ง
“พี่จิงเหยียน คุณช้าหน่อย!” ต้วนจื่ออิ๋งไล่ตามเขาจนหายใจไม่ทัน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว หยุดยืนอยู่ข้างหลังเขา
“ทำไมหรอ?” เย่จิงเหยียนได้ยินเสียงคนข้างหลังหยุดเดิน ก็ขมวดคิ้วมองไปทางต้วนจื่ออิ๋ง
ต้วนจื่ออิ๋งเท้าเอวหายใจหอบตลอด “ฉัน ฉันเดินไม่ไหวแล้ว (เสียงหายใจหอบ)”
“ไม่ไกลแล้ว คุณอดทนหน่อย” เย่จิงเหยียนมองกลับไปที่รถที่จอดอยู่ที่ประตูทางเข้าสนามบิน น้ำเสียงอ่อนโยนลงเล็กน้อย
“ฉัน……”
ต้วนจื่ออิ๋งกำลังจะเอ่ยปาก เห็นเย่จิงเหยียนหันเดินออกไปแล้ว อดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
“พอเถอะ อย่าแกล้งเลย ทักษะการแสดงไม่ได้ครึ่งหนึ่งของทักษะการแสดงของฉันเลย” มู่ยู่วฉีมาทีหลังแต่นำหน้าไปก่อน หยุดพูดประชดประชันกับเธอแล้วก็เดินไป
“คุณ……ฮือฮือฮือฮือ……” ต้วนจื่ออิ๋งโกรธ ชี้ตามหลังมู่ยู่วฉีไปแต่ทว่าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กระโดดโลดเต้น
เดินไปที่รถอย่างยากลำบาก ต้วนจื่ออิ๋งกำลังจะเปิดประตูที่นั่งเบาะหลัง ทว่าถูกมู่ยู่วฉีที่มาก่อน แย่งตัดหน้าเข้าไป
เขาเลื่อนหน้าต่างรถลง แลบลิ้นใส่ต้วนจื่ออิ๋ง “พี่ใหญ่บอกว่าจะส่งคุณกลับไปก่อน คุณนั่งด้านหลังไม่สะดวกหรอก”
“ทำไมจะไม่สะดวก ฉันก็สามารถลงจากรถูได้นี่!”
ต้วนจื่ออิ๋งเคาะประตูรถ มองหน้าต่างรถที่ค่อยเลื่อนขึ้นช้าๆตาปริบๆ ความโกรธในใจลุกไหม้อย่างร้อยแรง
ผ่านไปสักครู่ หน้าต่างรถก็เลื่อนลงมาอีกครั้ง ใบหน้าที่กวนประสาทของมู่ยู่วฉีปรากฎตรงหน้าเธอ “พี่ใหญ่ให้ฉันถามคุณว่า ทำไมไม่ขึ้นรถ?”
“คุณ……” ต้วนจื่อิ๋งกำหมัดแน่น แต่ก็จนปัญญา ในที่สุด เธอเหยียยร้องเท้าส้นสูงอย่างจนใจและเปิดประตูรถข้างคนขับ
“พี่จิงเหยียน เขา…..เขารังแกฉัน!”
พอขึ้นรถ ต้วนจื่ออิ๋งก็อดไม่ได้ที่จะฟ้อง ในระหว่างพูด ก็ยังอดไม่ได้ที่จะจ้องมองมู่ยู่วฉีอย่างโหดเหี้ยม
“ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ขอตัวหลับก่อน” เย่จิงเหยียนคลึงหน้าผากเล็กน้อย หลีบตาแล้วงีบหลับไป
ต้วนจื่ออิ๋งงุนงง กวาดสายตาไปยังมู่ยู่วฉี เขากำลังยักคิ้วหลิ่วตาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่เธอ ต้วนจื่ออิ๋งโมโหจับเข็มขัดนิรภัยบนรถแน่น สายตาที่คับแค้นใจจ้องมองไปที่เย่จิงเหยียนที่ไม่ให้ความสนใจเธอ
เยือกเย็น ทำให้คนขับรถข้างๆอดงอตัวเพราะความหนาวไม่ได้ จับพวงมาลัยอย่างแข็งทื่อ สายตามองไปข้างหน้าตลอด ไม่กล้าส่งสายตามองไปข้างๆเลยสักนิด
เวลานี้ ถนนของเมืองหลวงที่โล่งเป็นพิเศษ ต้วนจื่ออิ๋งที่นั่งอยู่บนรถ รู้สึกเพียงว่าประเดี๋ยวเดียว ก็ถึงบ้านของตนเองแล้ว
“ถึงแล้วครับ” คนขับรถเห็นต้วนจื่ออิ๋งนิ่งเฉยไม่ลงจากรถ กํอดไม่ได้ที่จะเตือนสติ
เสียงนี้ทำให้เย่ติงเหยียนลืมตาจากการงีบหลับ เจามองไปยังด้านนอกหน้าต่างีอบหนึ่งแล้วถามต้วนจื่ออิ๋งว่า “ที่นี่คือบ้วนคุณหรอ?”
ต้วนจื่ออิ๋งดีใจว่าในที่สุดเขาก็สนใจตนเอง พยักหน้าคล้ายกับป๋องแป๋ง
เย่จิงเหยียนมองเธออย่างงุนงง “กล่าวถามว่า” แล้วทำไมคุณถึงไม่ลงจากรถ?”
“ฉัน……ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”
ต้วนจื่ออิ๋งยกปากขึ้นอย่างน้อยใจ “พี่จิงเหยียน ฉัน…….”
“หืม?”
“ฉันสามารถไปโรงแรมกับพวกคุณก่อนได้ไหม?”
เธอมองเย่จิงเหยียนอย่างน่าสงสาร ชั่วประเดี๋ยวเดียวน้ำตาก็คลอเบ้า เย่จิงเหยียนกลัวผู้หญิงร้องไห้ที่สุด โบกไม้โบกมือ “ตามใจคุณ”
ประตูรถที่เปิดอยู่ก็ปิดทันที ต้วนจื่ออิ๋งรีบตอบกลับคำหนึ่งว่า “ขอบคุณพี่จิงเหยียน!”
อีกด้านหนึ่ง ต้วนอีเหยาจัดการดอกไม้สดอยู่ในร้านขายดอกไม้ เธอนำดอกไม้ปักทีละดอกๆจนเสร็จ พอถึงด้านในสุดที่เป็นตำแหน่งของดอกยิบโซ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
หันไปยังด้านนอกกล่าวถามฮัวเสี่ยวกุ้ยที่ยุ่งอยู่กับงานว่า “เสี่ยวกุ้ย ดอกยิปโซใช้หมดแล้วหรอ?”
“เหมือนจะใช้นะ สองสามวันมานี้คนมาซื้อดอกไม้เยอะเป็นพิเศษ ล้วนแต่ต้องใช้ดอกยิบโซมาตกแต่งเล็กน้อย ดังนั้นจึงใช้ไปอย่างรวดเร็ว”
ต้วนอีเหยาเห็นดอกไม้ตรงหน้าไม่มีสีที่ขับให้เด่นของดอกยิปโซทำให้สีซีดไปไม่น้อยจริงๆ กำชับเสี่ยวกุ้ยคำหนึ่ง “ฉันไปซื้อดอกยิปโซมาเข้าร้านก่อนนะ คุณดูร้านด้วย”
เสี่ยวกุ้ยรับปากคำหนึ่ง ต้วนอีเหยาสวมหมวก ขี่รถออกไปร้านขายดอกไม้
“พี่ใหญ่……”
“ทำไมหรอ?” เย่จิงเหยียนเห็นเขาอยากจะพูดแต่ไม่พูด เงยหน้าที่สับสนงุนงงมองเขา
“เอ่อ……เอ่อ……”
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว “คุณเปลั่ยนเป็นกระมิดกระเมี้ยนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”
“เดี๋ยวก็จะถึงสถานที่ที่เธอออดิชั่นอล้ว พวกเราจอดด้านหน้าหน่อยได้ไหม ฉันอยากไปซื้อดอกไม้สักช่อหนึ่ง?”
เย่จิงเหยียนชำเลืองสายตาของเขามองไปยังด้านนอก ตาก็เห็นอาคารหลังหนึ่งที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย นอกประตูมีดอกไม้จัดวางไว้จำนวนมาก
สายตาเหลืองไปเห็นถึงการตกแต่งด้านใน ก็ตกตะลึงในทันใด ฉากนี้……เหมือนกันทุกอย่างกับร้านขายดอกไม้ในความฝันของเขา
“จอดรถ”
เย่จิงเหยียนรีบเปิดประตูรถ มุ่งตรงไปยังหน้าประตูร้านขายดอกไม้ ยิ่งเข้าไปใกล้ ก็ยิ่งสั่น
“พี่จิงเหยียน!” ต้วนจื่ออิ๋งที่นั่งอยู่บนรถยังไม่ทันมีปฏิกริยาตอบสนอง แต่ก็พบว่าเย่จิงเหยียนไม่อยู่ในรถแล้ว เลยรีบตามไป
“พี่ใหญ่ คุณเป็นอะไร?” มู่จื่ออิ๋งไม่รู้อะไรก็ตามเขาลงมาจากรถแล้ว เห็นฝีเท้าเย่จิงเหยียนโซซัดโซเซ จึงดึงเขาจากด้านหลังของเขา
“ฉันไม่เป็นไร”
เย่จิงเหยียนผลักมือของมู่จื่ออิ๋ง ฝืนใจหยุดฝีเท้าที่สั่นระริก เพียงแค่เดินไปอีกก้าวหนึ่ง ก็ยังคงสั่นไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย
“พี่จิงเหยา คุณรอฉันด้วย” พอลงจากรถได้ ต้วนจื่ออิ๋งก็ตะโกนเรียกเสียงดัง
“คุณไม่ต้องตามเข้ามา”
ตอนนี้เย่จิงเหยียนรู้สึกกลัดกลุ้มใจ เพียงแค่นึกถึงว่าเธอตามเข้าร้านดอกไม้ไปเอะอะโวยวาย ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น
“ฉัน….” สายตาของเย่จิงเหยียนที่ยากต่อการปฏิเสธ ต้วนจื่ออิ๋งมีคำพูดอยู่ในปาก แต่ก็กลายเป็นคำหนึ่ง “อ้อ”
“ยินดีต้อนรับค่ะ”
พวกเขาทั้งสองเดินนำหน้าตามหลังกันเข้ามาในร้านดอกไม้ ฮัวเสี่ยวกุ้ยที่อยู่ข้างเคาท์เตอร์ส่งเสียงต้อนรับ หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียง ก็หันสายตามองไปยังเธอโดยไม่ได้นัดกัน
“ท่านทั้งสองต้องการสั่งอะไรคะ?” ฮัวเสี่ยวกุ้ยเงยหน้า ทันใดนั้นก็สบตาเข้ากับดวงตาสีดำขลับของเย่จิงเหยียน บนใบหน้าก็แดงระเรื่อทันที อดไม่ได้ที่จะใจสั่นอย่างรุนแรง
แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นผู้ชายหล่อเหลาขนาดนี้ ถึงแม้จะเป็นดาราในทีวี ก็แทบจะมีเสน่ห์กว่าพวกเขา
“ฮัลโหล! สติ!”
ต้วนยู่วฉีดีดนิ้วตรงหน้าเธอทีหนึ่ง เพื่อให้ฮัวเสี่ยวกุ้ยดึงสติกลับมา “อ๋า? อะไรหรอ?”
“ฉันบอกว่า พวกเราขอดูๆเองก่อน”
“เอ่อ…..อ้อ”
เวลานี้ เย่จิงเหยียนไม่ได้สนใจพวกเขาแล้ว เข้าไปพินิจพิเคราะห์ด้านในร้านดอกไม้คนเดียว องค์ประกอบที่ตกแต่งด้านใน แม่กระทั่งการจัดวางดอกไม้ ทั้งหมดบังเอิญจนน่าอัศจรรย์ หรือว่า……..นี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเรื่องหนึ่งหรอ?
ไม่!
เย่จิงเหยียนส่ายหน้า บนโลกนี้มีเรื่องบังเอิญมากขนาดนี้ที่ไหนกัน ดอกไม้ด้านในที่จัดวางยิ่งมากขึ้น ช่องว่างยิ่งเข้ามายิ่งเล็กลง มุมเลี้ยวเป็นผนังกั้นอันหนึ่ง ดวงตาของเย่จิงเหยียนจับจ้องไปที่มุมตรงนั้น คล้ายกับว่าเพียงหันสายตาก็สามารถเห็นได้ถึงใบหน้าที่คุ้นเคยของคนๆหนึ่ง
เขาค่อยๆก้าวเท้าช้าๆ มุ่งฝีเท้าเข้าไปใกล้พื้นที่ว่างด้านใน ตาต้องการมองไปยังหัวมุม เงยหน้ามองเข้าไป หางจาอดไม่ได้มี่จะรู้สึกหดหู่
ภาพในความฝันถึงอย่างไรก็เป็นภาพในความฝัน เขาโง่ที่จะเฝ้ารอเรื่องที่โกหกแบบนี้ได้ยังไง?
“พี่ใหญ่?”
ได้ยินบางคนที่อยู่ด้านหลังเรียกเขา เย่จิงเหยียนหันกลับมาอย่างงุนงง มองแววตาที่เป็นห่วงของมู่ยู่วฉี เขาส่ายหน้า กล่าวถามว่า “เลือกเสร็จแล้วหรอ?”
“อื้มๆ” มู่ยู่วฉีชูช่อดอกไม้ในมือขึ้นมา “คุณดู ดอกกุหลาบนี้เป็นยังไงบ้าง เธอน่าจะชอบไหม?”
“ก็ดีนะ” เย่จิงเหยียนคลึงๆจมูก มองไปทีหนึ่งอย่างคร่าวๆ แล้วก็กล่าวอย่างขอไปที
“อ้อ……” มู่ยู่วฉีลูบท้ายทอยอย่างเขินอาย แล้วเดินตามเย่จิงเหยียนออกจากร้านดอกไม้
“เฮ้……ยังไม่ได้คิดเงินนะ!” ฮัวเสี่ยวกุ้ยมองดอกกุหลาบช่อใหญ่ที่หายไปจากตรงหน้าของตนเอง อดไม่ได้ที่จะไล่ตามออกไป
มู่ยู่วฉียกมือข้างหนึ่งแล้วยกบัตรธนาคารออกมา “ฉันไม่เข้าไปแล้ว เอาไปรูดให้หน่อย”
“แต่ว่า รหัส…….”
มู่ยู่วฉีก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย หันไปมองเย่จิงเหยียน “พี่ใหญ่”
เย่จิงเหยียนกลัวจะนึกถึงเรื่องที่ทำให้เสียใจ ก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่นาน หนิบดอกไม้ในมือมา “คุณเข้าไปเถอะ”
“ขอบคุณพี่ใหญ่!” มู่ยู่วฉีรู้สึกยินดีปรีดา หยิบบัตรเดินตามฮัวเสี่ยวกุ้ยเข้าไปในร้านขายดอกไม้อย่างอิ่มอกอิ่มใจ
ในรถ ต้วนจื่ออิ๋งนับดอกไม้ข้างร้านขายดอกไม้อย่างหมดอาลัยตายอยาก ทีละดอกๆ จนกระทั่งนับถึงดอกไม้ที่ถืออยู่ในมือของเย่จิงเหยียน ช่อใหญ่สวยงามช่อหนึ่ง ทำให้เธอเซอร์ไพรส์อย่างยิ่ง
เธอดันประตูรถ ยิ้มกริ่ม “พี่จิงเหยียน”
เย่จิงเหยียนได้ยินเธอเรียกตนเอง หอบช่อดอกไม้ที่ยากจะหันตัวกลับ “มีเรื่องอะไร?”
“ดอกไม้นี้……….?”
“ดอกไม้นี่คือเจ้ามู่ยู่วฉีนั่นซื้อให้ดาราที่เขากำลังตามจีบอยู่”
“แล้วฉันล่ะ?” ได้ยินว่าไม่ใช่ดอกไม้ที่มามอบให้เธอ ต้วนจื่ออิ๋งก็รู้สึกน้อยใจทันที
เย่จิงเหยียนงุนงง นึกถึงวันนั้นที่พูดว่าตนเองจะรับผิดชอบเธอ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเธอมาตลอด ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณเข้าไปเลือกมาช่อหนึ่ง แล้วนี้ก็ชำระเงิน รหัสผ่านคือ534278”
“อ้อ……”
ต้วนจื่ออิ๋งตอบรับอย่างไม่สบายใจ รู้ว่าขืนพูดขอร้องเขาให้มากอีกก็คงเป็นไปไม่ได้ รับบัตรในมือของเขามาแล้วเยื้องย่างเข้าร้านดอกไม้ไป
สถานที่ที่อยู่ไกลออกไป ต้วนอีเหยาขี่รถไฟฟ้าค่อยๆมุ่งมายังร้านขายดอกไม้ เห็นผู้ชายคนหนึ่งจากระยะไกลหอบดอกกุหลาบที่เพียงพอจะปิดบังใบหน้าของเขา อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย
มองเงาด้านหลังที่สูงโปร่ง เสน่ห์ทั่วทั้งตัวล้วนไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป ช่วงเวลาหนึ่งก็ไม่แน่ใจเล็กน้อย
“พี่จิงเหยียน!”
ต้วนอีเหยากำลังจะเพิ่มความเร็ว ต้องการจะเห็นความจริง แต่ได้ยินเสียงร้องเรียกของผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว เธอก็เหมือนฟ้าถล่มดินทลาย มือที่ควบคุมคันเร่งก็อดไม่ได้ที่จะสั่น
เขา…….เขาคือเย่จิงเหยียน”
เย่จิงเหยียนได้ยินเสียงร้องรัยกเหมือนกัน หันกลับไปมองแหล่งที่มาของเสียง ต้วนจื่ออิ๋งโอบช่อดอกไม้สีชมพูยิ้มแป้นแล้วโบกมือให้เขา
ครั้งนี้เห็นชัดเจนแล้ว!
ต้วนอีเหยายิ่งขี่ช้าลง ในที่สุดก็จอดลงโดยตรง
เป็นเขา!!
เป็นเขาจริงๆ!!
เขามาได้ยังไง?!
ในอ้อกอดโอบช่อดอกไม่ใหญ่ขนาดนั้น แต่ยังคงปล่อยตามใจให้ผู้หญิงคนนั้นไปเลือกดอกไม้ต่อ นี่มันคือความสัมพันธ์แบบไหน? เธอรู้อยู่แก่ใจ
เขามีผู้หญิงคนอื่นแล้ว……
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเข้ามาอย่างกะทันหัน เธอก็ไม่เคยคิดว่าสักวันหนึ่ง พวกเขาจะได้พบกับฉากแบบนี้ ใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะเต้นตามขึ้นมาอย่างรุนแรง เธอยอมรับ เธอกำลังเครียด เครียดอย่างมาก
ต้วนอีเหยามองผู้หญิงคนนั้นยืนกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างเย่จิงเหยียน รูม่านตาก็หดเล็กลงในชั่วพริบตา คนๆนั้น ทำไมลักษณะคล้ายกับตนเองขนาดนี้? ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?
ดอกไม้ในอ้อมกอดต้วนจื่อิ๋งเล็กกว่าช่อดอกไม้นั้นของเย่จิงเหยียนมาก แต่ชัดเจนว่าละเอียดและงดงามกว่ามาก
เย่จิงเหยียนไม่แน่ใจเล็กน้อย “คุณเลือกอันนี้หรอ?” ช่อเล็กๆ ทำให้เขาแปลกใจ
เดิมทีเขาก็คิดว่าเธอจะเลือกเยอะแยะมากมาย กระทั่งช่อดอกไม้ที่แพงและหรูหราที่สุดในร้าน แต่เธอไม่ได้เลือก
“อื้ม อันนี้ก็พอแล้ว” ต้วนจื่ออิ๋งกระโดดโลดเต้นอยู่ด้านหน้า เอาจมูกเข้าไปดมดอกไม้ในมือใกล้ๆ มุมปากยิ้มเล็กน้อย มือคล้องแขนของเย่จิงเหยียนอย่างเป็นปกติ
เย่จิงเหยียนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยจากการกระทำอย่างกะทันหันนี้ แต่ก็ยังคงอดกลั้นที่จะไม่ผลักเธอออก
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เดิมทีมือทั้งสองข้างของมู่ยู่วฉีที่ล้วงกระเป๋าอยู่ ออกมาเห็นคนทั้งสองโอบช่อดอกไม้ช่อหนึ่ง เย่จิงเหยียนชัดเจนว่าหงุดหงิดเล็กน้อย
มู่ยู่วฉีก็คิดได้ว่าตนเองอยู่ด้านในนายเกินไป ทำให้พี่ใหญ่ต้องรอเขา
ชั่วพริบตาเข้าก็เก็บพลังเข้าไปเผชิญหน้ารับเอาดอกไม้ในมือเย่จิงเหยียน “พี่ใหญ่ ฉันช่วยคุณ”