วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 409 เคยเล่นกับไฟมาก่อนแล้ว
ทหารต้วนจ้องไปยังต้วนอีเหยา เห็นสายตาของนางสู้กับสายตาตัวเอง รีบก้มหน้าลงทันที
ทหารต้วนอธิบายให้กับเธอเป็นเวลานาน ที่แท้เป็นคดีปราบยาเสพติดที่เร่งด่วนนี่เอง หัวหน้าพ่อค้ายาเสพติดคนนี้เป็นคนที่ไม่เคยมีใครจับได้มาก่อนใน 10 ปีนี้ เมื่อพวกเขาได้ข่าวคราว คนของหัวหน้าทุกคนยุ่งมาก ไม่มีใครเป็นผู้นำในการไปครั้งนี้ ฉะนั้นจึงต้องเป็นหน้าที่รับผิดชอบของทหารต้วนที่กำลังลาพักอยู่
ต้วนอีเหยารู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่างานของพวกเขานั้นยุ่งยากลำบากแค่ไหน ครั้งนี้ทหารต้วนสามารถอยู่ตรงหน้าเธอ ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว แล้วเธอจะโทษเขาได้อย่างไร
“ลูกสาว เชื่อพ่อสิ มันจำเป็นต้องไปจริงๆ ไม่งั้นพ่อจะจากไปได้ยังไง ตอนที่รับภารกิจพ่อยังกังวลว่า… ”
“พ่อ ท่านไม่ต้องพูดแล้ว”ต้วนอีเหยาตัดคำพูดของเขาทันที “ฉันเข้าใจ พ่อก็ไม่เข้าใจลูกซะแล้ว เมื่อไหร่ล่ะที่ไม่ได้เห็นความสำคัญของกลุ่มมากกว่าส่วนตัว”
ทหารต้วนพยักหน้า บนใบหน้าก็ยังรู้สึกผิดนิดนึง เงยหน้าขึ้นเห็นเย่จิงเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะใส่เขา
เขารู้สึกว่าเย่จิงเหยียนเริ่มจะเข้าสายตาเขาแล้ว เพราะตอนที่เขาไม่อยู่นั้นเย่จิงเหยียนเป็นคนที่อยู่ข้างกายต้วนอีเหยาตลอด หากไม่มีเขา….
ทหารต้วนส่ายหัว ไม่มีหากว่า เพราะเขาดูออกว่าเย่จิงเหยียนรักต้วนอีเหยาจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าครั้งก่อนเขาทำร้ายจิตใจต้วนอีเหยา จากนัยต์ตาที่เขามองเธอ ตัวเองก็คงจะตกลงตั้งแต่แรกแล้ว
“พ่อ ”
“อืม”ทหารต้วนดึงสติกลับมา เมื่อได้ยินต้วนอีเหยาเรียกชื่อตัวเอง ตอบกลับทันที
“คิดอะไรอยู่ น่าจะยังไม่ได้ทานข้าวหรือเปล่า มานั่งใกล้ๆหน่อย”
ต้วนอีเหยาให้ที่นั่งกับเขาทีนึง เอามือปัดเก้าอี้ คนที่อยู่ข้างๆเหมือนกับจะเข้าใจความหมายทันที เดินไปยังห้องครัวไปเอาถ้วยและตะเกียบมาชุดนึง
“ออ” ทหารต้วนเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ในระหว่างทางที่เดินทางมา เขาลืมทานข้าวจริงๆด้วย
เหมือนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ตอนแรกก็ยังรู้สึกอยู่ในบรรยากาศผ่อนคลาย รู้สึกเกรงขึ้นมาทันที เมื่อเห็นเย่จิงเหยียนต่ักเนื้อให้กับต้วนอีเหยา “เธอเพิ่งจะหายดี กินเยอะหน่อย”
หน้าที่รู้สึกพอใจของต้วนอีเหยา ตักเนื้อเข้าปากทันที ทหารต้วนที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกพอใจเหมือนกัน
บนโต๊ะอาหาร ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศชื่นชมยินดี ทหารต้วนผ่านไปไม่กี่คำ ก็วางถ้วยจาน
ต้วนอีเหยาเห็นท่าทางของเขา ตัวเองก็ทานไม่ลง จึงวางถ้วยลง นั่งอยู่ข้างๆเขา
“หูเธอหายดียัง” หทารต้วนคิดอยู่ตั้งนาน คำถามยังคงเป็นคำถามในใจเหมือนเดิม
“อืม ผ่าตัดแล้ว”
“งั้นก็ดี” ได้ยินเธอตอบแบบนี้ ทหารต้วนก็สบายใจแล้ว ตั้งแต่แรกเจอเธอก็อยากจะถาม แต่เห็นเธอมีความสุขแบบนี้ ก็ไม่อยากจะทำให้เสียบรรยากาศ
ต้วนอีเหยาเห็นเขาหายใจอย่างโล่งอก รู้ได้ทันทีว่าเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอด จึงตอบปลอบใจกลับไป “ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ พ่อวางใจเถิด”
“งั้นก็ดี…”
ทหารต้วมก็ยังคงใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “พ่อก็แค่กลับมาดูลูก ภารกิจนี้ยังไม่สำเร็จ อยู่ไม่นานก็จะต้องไปแล้วล่ะ”
“อะไรนะ” ต้วนอีเหยาตกใจ ถ้าหากว่าเป็นภารกิจที่รีบร้อนขนาดนี้ ก็จะยิ่งอันตราย เธอมองหน้าทหารต้วนด้วยความเป็นห่วง
“พ่อ พ่อจำเป็นต้องไปจริงๆหรือ”
ทหารต้วนพยักหน้า “หัวหน้าทุกคนก็ล้วนมีธุรกิจเป็นของตนเอง ฉันเป็นแค่ผู้บังคับบัญชา ลูกวางใจเถอะ เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ไม่อันตรายเลยสักนิด ”
“จริงๆนะ” ต้วนอีเหยาจ้องหน้าเขาด้วยความสงสัย ตั้งแต่เข้าประตูมเธอก็รู้สึกมีอะไรรู้สึกแปลกๆ จากประสบการณ์ที่เธอได้รับหลายปีมานี้ ทหารต้วนต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ
มือข้างซ้ายของเขามักจะตกอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ตอนทานข้าวเธอก็ถามเขาแล้วรอบหนึ่ง แม้ว่าเขาจะบอกว่ามือข้างซ้ายถูกประตูรถหนีบ แต่ต้วนอีเหยาก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น
เธอไม่เชื่อว่าทหารที่มีความรอบคอบขนาดนี้ จับผิดพลาดในเรื่องแบบนี้ เธอเข้าไปทดสอบโดยการตบลงที่ไหล่ซ้ายของทหารต้วน
“พ่อ ตรงนี้ของพ่อมีฝุ่น ฉันช่วยปัดให้นะ”
ร่างกายของทหารต้วนกระตุกทีนึง แต่ว่าแค่แป๊บเดียวก็เขาก็ควบคุมตัวเองได้ นั่งตัวตรง ไม่ว่าต้วนอีเหยาจะทุบยังไงเขาก็ไม่ขยับตัว จริงๆแล้วต้วนอีเหยาได้เพิ่มแรงในการทุบแล้ว แต่เมื่อเห็นทหารตัวอ้วนไม่ได้แสดงสีหน้า ก็ไม่อยากจะซักถามมากเกินไป
ทหารต้วนเห็นเธอหยุดมือ ก็หายใจอย่างโล่งอก ลูบแขนเสื้อเบาๆ “ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว พ่อขอไปก่อนแล้วกัน”
“เดี๋ยวก่อน” ต้วนอีเหยายังคงรู้สึกเป็นห่วงอยู่ แต่ว่าจะให้เธอไปดึงแขนเสื้อของทหารต้วนตรงๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ ทำไมหรือ ยังมีเรื่องอีกหรือเปล่า”
ทหารต้วนหันกลับไปเหมือนจะไม่มีเรื่องอะไร แต่หัวใจเต้นแรงมาก เขาขยับแขนที่แข็งแรงของเขาเบาๆ เหมือนมีของเหลวไหลจากข้างบนลงไปข้างล่าง
เหมือนกับมือจะผลิกไปมา แกล้งทำเป็นดูเวลา ขมวดคิ้วพูดว่า “เวลามีไม่มากแล้ว พ่อต้องไปแล้วล่ะ ”
ต้วนอีเหยาไม่รู้ทำไม ลุกขึ้นทันที “ เดี๋ยวลูกไปส่ง การทำภารกิจต้องระมัดระวังนะ”
ทหารต้วนมองไปยังท้องของเธอ “ลูกพักผ่อนก่อนเถอะ พ่อเป็นชายฉกรรจ์ทั้งแท่ง ยังไม่จำเป็นต้องให้ลูกไปส่งหรอ”
เมื่อพูดจบ ก็ไม่ได้รอให้ต้วนอีเหยาตอบกลับ กลับหลังแล้วเดินออกไปทันที มาถึงหน้าประตู ในที่สุดเขาก็ทนต่อไปไม่ไหว เมื่อถอดเสื้อคลุมออก ผ้าพันแผลรอบแขนทั้งหมดเปื้อนเลือดเหมือนกับผ้าสีแดง
“พ่อ…”
ทหารต้วนหันกลับไปด้วยอาการตกใจ เห็นต้วนอีเหยากำลังยืนอยู่หน้าประตู มือของเขาที่ถือเสื้อคลุมอยู่ทำอะไรไม่ถูกทันที
อึ้งอยู่ตั้งนานกว่าจะพูดขึ้นมาว่า “ลูกออกมาทำไม”
“ฉันเป็นห่วงพ่อนะสิ”ต้วนอีเหยาเดินมาตรงหน้าเขา “พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เออไม่…ไม่เป็นไร”ทหารต้วนพยายามที่จะปกปิดแขนข้างซ้ายของเขาไปด้านหลัง แต่ว่าต้วนอีเหยาเห็นแล้ว จะไม่ปล่อยเขาไปเด็ดขาด เธอจับข้อมือของเขาไว้ทันที
แขนของทหารต้วนถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น ตั้งแต่หัวไหล่จนถึงปลายแขน บาดแผลใหญ่มาก เลือดบางส่วนผ้าพันแผลดูดซับไม่อยู่แล้ว ตกลงสู่พื้นทันที
“จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่” สายตาที่คมกริบของต้วนอีเหยา จ้องมองทหารต้วนทำให้เขาไม่รู้จะหันไปทางไหน
“ก็…ก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไร”ทหารต้วนหันหน้าไปยังอีกทางหนึ่ง “ก็แค่ระหว่างทำภารกิจถูกคนฟันเข้าทีนึง”
ฟังเขาพูดเหมือนจะเรียบง่าย แต่ว่าต้วนอีเหยากลับไม่เชื่อ เพราะถ้าหากว่าแค่ถูกฟันทีหนึ่ง บาดแผลต้องไม่ใหญ่ขนาดนี้แน่นอน
“พ่อ พูดความจริงกับลูกเถิด”
ทหารต้วนถอนหายใจที รู้ว่าถ้าเขาไม่พูดความจริง เธอต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่ “จริงๆแล้วไม่กี่วันก่อนเราเจอรังของพวกโจรแล้ว แต่ว่าไส้สึกของเราที่อยู่ในนั้นก็ถูกจับได้ พวกเขาใช้คนเหล่านั้นเป็นตัวประการเพื่อบีบคั้นเรา”
“ฉันจึงจำเป็นต้องเข้าไปเพื่อแลกตัวประการ…”
เรื่องต่อจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอย่างละเอียด แต่ว่าต้วนอีเหยาก็รู้ว่าเขาต้องประสบเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาอย่างแน่นอน
เธอมองแขนของทหารต้วนด้วยความเป็นห่วง “พ่อบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ยังคิดจะไปอีก”
“อืม”ทหารต้วนผยักหน้า จริงๆแล้วเขาได้รับอนุญาตให้กลับมาพักผ่อน แต่ว่าเมื่อกลับมาเห็นว่าต้วนอีเหยามีความเป็นอยู่ สุขสบายดี เขาเองก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว
“ฉะนั้นก็ไม่ควรจะอยู่นานกว่านี้”ต้วนอีเหยารู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ปกติทุกครั้งเมื่อมีภารกิจ ทหารต้วนจะรีบไปทันที จะไม่อยู่ให้เสียเวลาพูดอะไรมากมายขณะนี้
“อืม ฉันจะไปแล้ว”
อาหารต้วนไม่ได้เห็นสายตาที่สงสัยของต้วนอีเหยา กำลังจะหันหลังกลับ ก็ถูกมือดึงไว้
“ฉันไม่เชื่อว่าเราจะขาดแคลนคนขนาดนี้ พ่อบาดเจ็บขนาดนี้ ยังไม่ให้ลาพัก”
ทหารต้วนทนไม่ไหวต่อไปไม่ได้แล้ว พูดต่อ “นี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบน มีอะไรน่าสงสัยอีกหรือ”
“ลูกไม่เชื่อ” ต้วนอีเหยาหยิบโทรศัพท์ออกมา หาในสมุดจดเบอร์โทรสักพัก หาเจอคนนึงที่เคยเป็นหัวหน้าของเพื่อนเก่าของทหารต้วน เธอกดแล้วโทรออกไปโดยไม่ได้ลังเล
“ฮัลโหล”ผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งมารับสาย
ต้วนอีเหยาหันกลับไปมองทหารต้วนทีนึง จากนั้นก็กังมือปิดโทรศัพท์ไว้ออก แล้วเริ่มพูด “สวัสดีค่ะ คุณลุงเฉิน ฉันคือต้วนอีเหยา”
“ออ อีเหยาหรอ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก แค่อยากถามหน่อยว่า พ่อฉันเป็นยังไงบ้าง” ต้วนอีเหยาพูดโกหกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ทหารต้วนที่อยู่อีกข้าง แทบจะหายใจไม่ออก
การถามแบบนี้เป็นการถามที่ดีกว่าถามโดยตรง เขาว่าเขาเป็นคือทหารผ่านศึกด้วยกัน การทำโดยตรงอาจจะทำให้เขาเดาความหมายได้ อาจจะไม่พูดความจริง แต่ว่าการถามแบบนี้กลายเป็นการเป็นห่วง เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปิดบัง
“เธอไม่รู้หรือ”ฝั่งตรงข้ามหลงกลจริงๆ “ เมื่อวานก่อนพ่อเธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเบื้องบนได้ให้เขาไปพักรักษาตัวหลายวันแล้ว”
“จริงหรอ อาการบาดเจ็บหนักไหม” ต้วนอีเหยารู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถรับรู้ได้เลยหรือความผิดปกติ
กัปตันเฉินจริงจังขึ้นมากกว่าเดิม “บาดแผลของเขาหนักมาก หมอบอกว่าหากไปส่งโรงพยาบาลช้ากว่านี้ แขนซ้ายของเขาจะใช้การไม่ได้อีกเลย”
“อีเหยาเอย ถ้าเธอมีเวลาก็ไปเยี่ยมเขาหน่อยนะ…”
“อืม ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ไว้แค่นี้ก่อนนะลุงเฉิน”
เมื่อวางสายแล้ว ต้วนอีเหยาก็มองไปยังทหารต้วน “พ่อ ท่านมีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม”
กับการแสดงของต้วนอีเหยาแล้ว ทหารต้วนเองก็ไม่สามารถที่จะจับผิดได้เลย ไม่แปลกเลยที่คุณลุงเฉินก็ไม่สามารถสังเกตได้
“อีเหยา ไม่ต้องไปฟังคำพูดของเขา พ่อก็แค่มีแผลเล็กๆบนไหล่เท่านั้น พวกเขากังวลมากไปเอง”
ทางนี้ต้วนอีเหยาไม่เชื่ออีกแล้ว “พวกเราเข้าไปก่อน พ่อได้พกยามาด้วยเปล่า เดี๋ยวฉันทำแผลใหม่ให้อีกรอบ”
ทหารต้วนไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ได้แต่ยิ้มอย่างเกรงๆ ตามต้วนอีเหยเดินเข้าไปข้างใน
ในรถSUV ของเขามียาที่เก็บไว้ใช้เปลี่ยนมากมาย ขณะที่ต้วนอีเหยาเปิดแผล แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นบาดแผล ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหลับตา
ผ้าพันแผลที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด ตั้งแต่หัวไหล่จนถึงข้อมือ เนื้อเปิดออกอย่างกว้าง มีบางที่ที่ลึกลึกจนสามารถมองเห็นกระดูกขาวที่อยู่ภายใน
“แบบนี้เรียกว่าแผลเล็กหรือ” ต้วนอีเหยายิ้มทีหนึ่ง ทำให้ทหารต้วนทำอะไรไม่ถูก
ในความเป็นจริงแล้ว เขาก็พูดอะไรออก ต้วนอีเหยาหายาที่ใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดจากกล่องยา แล้วใส่ลงไปตรงแผลที่ยังมีเลือดไหลอยู่ อาหารต้วนถึงกับขมวดคิ้ว แต่ก็อดทนไว้ไม่ได้พูดอะไร
ต้วนอีเหยาเองก็สังเกตเห็นการแสดงออกของทหารต้วน แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะยาแบบนี้เมื่อใส่ลงไปบนบาดแผล ก็จะรู้สึกเจ็บปวดมากอยู่แล้ว
เย่จิงเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังต้วนอีเหยา เห็นเธอทำแผลยังคล่องแคล่ว ช่วงเวลาเสี้ยวนึงกลับมีความรู้สึกเป็นหมื่นเป็นพัน
ตอนที่เธอไม่ได้อยู่ข้างใจเขา การทำสิ่งเหล่านี้เธอต้องทำด้วยตัวเอง อยากจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก็ไม่มีคนฟัง หากได้รับบาดเจ็บแบบนี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะไม่มีใครให้เปลี่ยนยาให้เลย
เย่จิงเหยียนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเจ็บใจ สายตามองไปโดยไม่ได้ตั้งใจเห็นเธอลูบที่ท้องของตัวเองเบาๆ ในใจยิ่งเกิดความรู้สึกช้ำใจ
หรือว่าตอนที่เธออยู่ในกองทัพก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็เทียบไม่ได้กับที่อยู่ข้างๆกายเขา เพราะความเจ็บปวดแบบนี้อาจจะถึงชีวิต ใจของเธออาจจะแหลกสลาย…
“ยืนเฉยอยู่ทำไม ส่งยามาสิ”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ต้วนอีเหยาหันหน้ามาเห็นเย่จิงเหยียนกำลังเหม่อลอย ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เย่จิงเหยียนได้ยินเสียงของต้วนอีเหยารีบดึงสติกลับมาทันที “อ๋า เอายาอะไร ”
“เอากล่องที่อยู่ใกล้มือข้างขวาของเขากล่องนั้น”
เย่จิงเหยียนก้มหน้าลงดูยาที่วางอยู่ข้างๆเขา แล้วยื่นกล่องให้กับต้วนอีเหยาตามที่เธอบอก
ยากล่องนั้นเป็นยาปิดแผล เมื่อลงยาชั้นนี้แล้ว ก็สามารถที่จะพันคอได้แล้ว ทหารต้วนเห็นการทำแผลของต้วนอีเหยาที่มีความคล่องมากกว่าพยาบาลซะอีก ในใจก็มีความรู้สึกที่บอกไม่ถูกบางอย่าง
หากตั้งแต่แรกไม่ได้ให้เธอเข้ามาอยู่ในกองทัพ เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะไม่ต้องได้รับการฝึกฝนหนักหน่วงขนาดนี้ แล้วใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง
เติบโตขึ้นมาโดยไม่ต้องกังวลอะไรจนถึงอายุ ประมาณ20 หาคนที่ชอบแล้วก็แต่งงานกับเขา อาจจะเป็นไปได้ว่าตอนนี้ลูกๆจะวิ่งเล่นไปทั่ว
เมื่อพูดถึงลูก เขามองไปยังเย่จิงเหยียน เห็นว่าเขาเองก็ได้ให้ลูกในท้องของต้วนอีเหยาคนนึงเหมือนกัน พยักหน้าอย่างมีความสุข
เส้นทางแห่งความรักของเขาสองคนแม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ปล่อยมือกันและกัน
“ได้แล้วล่ะ ไม่กี่วันนี้ท่านก็พักผ่อนดีๆ ไม่ต้องไปไหนมั่วซั่วล่ะ”
ต้วนอีเหยาพูดคำพูดนี้ออกมา ก็รู้สึกอยากหัวเราะ เมื่อก่อนเขาจะเป็นคนที่สั่งตัวเองตลอด ไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ สลับหน้าที่การโดยไม่รู้ตัวเฉยเลย
“โอเคร ผู้คุม” ทหารต้วนทำความเคารพทีนึง ทำให้ต้วนอีเหยากั้นหัวเราะไม่อยู่
แต่ก่อนเขาเป็นคนที่ไม่ถนัดกลับการใช้คำพูดตลกเลย จะปล่อยมุกก็ปล่อยไม่เป็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะทำให้เธอมีความสุข
……
ในโรงพยาบาล เย่ชูวเสวียก็ยังคงงอนอยากออกจากโรงพยาบาล จริงๆแล้วเธอก็แค่แผลถลอกนิดหน่อย นอกจากขาหักไปข้างหนึ่งแล้วเธอก็ไม่ได้มีอะไรบาดเจ็บอีก ตอนแรกที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะว่าเสียเลือดมากจนสลบ ตอนนี้ยิ่งเข้าเฝือก ทำให้เธออยู่ต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ฉันไม่สน ยังไงฉันก็จะออกไป พี่อีเหยายังออกไปได้ ฉันก็จะออกไปด้วย”
เย่ชูวเสวียกลิ้งไปมาบนเตียง ไม่ได้ระวังขาของเธอกระทบกับราวเตียง “โอ๊ย เจ็บจัง”
มู่เวยเวยรีบวิ่งเข้าไปเช็คดูด้วยความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม ชูวเสวีย”
“ฉันอยากกลับบ้าน”เย่ชูวเสวียดูด้วยสายตาที่น่าสงสาร ท่าทางเหมือนกับว่าถูกเอาเปรียบอย่างนั้น
“แม่รู้ว่าลูกอยากกลับบ้าน แต่ก็ต้องรักษาแผลให้หายก่อน หากว่าที่บ้านเกิดเรื่องไม่คาดคิด…”
“ไม่เกิดแน่นอน อยู่ที่บ้านจะเกิดปัญหาได้ยังไง”เย่ชูวเสวียเงยหน้าขึ้นมา เห็นหนานกงเจากำลังเดินเข้ามา รีบส่งคำพูดไปให้เขาทันที “เจ้าทึ่ม นายว่าใช่ไหม”
“อะไรหรอ”หนานกงเจาเพิ่งเข้ามา ก็ถูกถามทันที สิ่งสำคัญก็คือทั้งมู่เวยเวยและเย่ฉ่าวเฉินหันหน้ามาหาตัวเอง เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูก ส่งสายตาให้กลับเย่ชูวเสวีย เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เย่ชูวเสวียส่งสายตาเหมือนบังคับให้เขา หนานกงเจารู้ทันทีว่า จากนี้ตัวเองจะต้องเห็นด้วยโดยที่ไม่มีข้อแม้ถึงจะถูก
“ตอนนี้เรามี 4 คน เรามาจับฉลากเพื่อหาข้อตกลงกันเถอะ” เย่ชูวเสวียยกคิ้วขึ้นส่งสายตาไปยังเย่ฉ่าวเฉิน
มู่เวยเวยก็เข้าใจเจตนาของเย่ชูวเสวียทันที หันหน้าไปเหมือนกัน เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกหัวแทบแตก เพราะผู้หญิงสองคนนี้เขาเองเลือกไม่ถูก จะช่วยใครตัวเองก็ยังไม่ชัดเจน แต่ตอนนี้เขาจะต้องแสดงออกมาว่าจะเลือกใคร
“พ่อ พูดอะไรหน่อยสิ”เย่ชูวเสวียมองไปยังมู่เวยเวยด้วยความมั่นใจ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเธอก็มีสองเสียงแล้วรอแค่คำพูดของเย่ฉ่าวเฉินเท่านั้น