วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 437 รอยยิ้มอันอบอุ่นนั้น
ถ้าไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็เสียเปล่า
ทุกอย่างเป็นเพียงโชคชะตา และบางสิ่งก็ถูกลิขิตไว้
อย่างเช่นการมาถึงของเซี่ยอันน่า การที่ใช้เซี่ยอันน่าเป็นเหยื่อในครั้งนี้ ทั้งหมดพี่หกคิดว่าเป็นเพราะชะตากรรม
การต่อสู้กับตระกูลเย่ จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนี้
“พี่หก ไม่งั้นเราล็อคทางออกไว้ไหม” เมื่อเห็นพี่หกเสียใจ เสี่ยวหูจื่อที่อยู่ข้างๆก็พูดอย่างเกลียดแค้น
คนที่ทำให้พี่หกเสียใจยังไม่โผล่มาเลย เขาจะยอมให้ผู้หญิงตัวเล็กๆมาทำร้ายพี่หกได้ยังไง ผู้หญิงที่ไม่มีค่าอะไรเลยกลับทำให้พี่หกเสียใจอย่างนี้ได้ มันไร้เหตุผลจริงๆ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เสี่ยวหูจื่ออยากเห็น
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นท่าทีของพี่หก เขาจึงโกรธเซี่ยอันน่ามากขึ้น
แต่เซี่ยอันน่าไม่รู้เลย ตอนนี้เธอกำลังกายเป็นเนื้อใกล้ปากเสือแล้ว เขาจะทำยังไงกับเธอก็ต้องดูตามอารมณ์ของเขา
ส่วนซานซาน เขาก็เป็นแค่คนที่อยู่ในวงการนี้ แต่เมื่อเทียบกับพี่หกแล้ว เขาก็ยังรั้งท้ายอยู่มาก
เสี่ยวอวี้หเสี่ยวอวี้หลินก็อยู่แต่ในโลกธุรกิจ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจเรื่องเวทมนต์เหล่านี้
“ไม่ต้อง ให้พวกเขาหาวิธีออกไป” พี่หกโบกมือให้เสี่ยวหูจื่อ แสดงออกว่าเขาจะไม่ทำอะไรผลีผลาม ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา และเพราะอย่างนี้ เสี่ยวหูจื่อจึงแอบคิดในใจ ไม่งั้นหรือว่าเขาจะไปขวางทางดี เขาไม่สามารถทนเห็นเจ้านายได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของคนอื่นได้
“เสี่ยวหูจื่อแกจะไปไหน” เมื่อเห็นเสี่ยวหูจื่อเดินไปข้างหน้าโกรธๆ พี่หกก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ดังนั้นจึงรีบห้ามเสี่ยวหูจื่อไว้
“ไม่มีอะไรลูกพี่ ผมแค่จะไปเข้าห้องน้ำ” เสี่ยวหูจื่อรู้ว่าพี่หกจะพูดอะไร แล้วเขาจะยอมรับได้ยังไงว่าตัวเองตั้งใจจะไปขวางทางพวกเขา
หลังจากที่ลูกพี่สอนเวทมนตร์เขามา ก็ย้ำกับเขาว่าอย่าเอาสิ่งนี้ไปทำร้ายคนอื่น แต่ก็ไม่ได้บอกว่าห้ามเอาสิ่งนี้ไปขัดขวางคนเลวนี่นา
ในสายตาของเสี่ยวหูจื่อ ใครที่ทำให้ลูกพี่ไม่มีความสุขก็เป็นคนเลวทั้งนั้น และใครที่ทำให้ลูกพี่มีความสุข ก็เป็นคนดี
ทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีของเขาเอง แต่บางครั้ง เสี่ยวหูจื่อก็เป็นคนเอาแต่ใจอย่างนี้ ตั้งแต่เขาติดตามลูกพี่มา เขาก็เป็นแบบนี้มาตลอด
“โอเคเสี่ยวหูจื่อ อย่าก่อเรื่อง” เมื่อเห็นท่าทางของเสี่ยวหูจื่อ พี่หกก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ จึงไม่แน่ใจว่าเขากำลังคิดทำอะไรอยู่
เสี่ยวหูจื่อไม่สนใจคำเตือนของพี่หก เข้าไปตรงหน้าบริเวณเวทมนต์ เพื่อจะทำอะไรบางอย่าง หลายปีมานี้เขาแทบไม่ได้มาทำอะไรตรงนี้เลย และพี่หกก็ไม่ยอมให้เขามายุ่งเกี่ยวกับตรงนี้
ใจเขาเข้าใจดี ว่ากลัวเขามาทำอะไรให้มันวุ่นวาย และกลัวว่าเขาจะติดกับดักเวทมนต์ซะเอง
ก่อนหน้านี้เขาก็ทำเรื่องอย่างนี้มานับไม่ถ้วน และสุดท้าย ก็เป็นพี่หกที่หาวิธีช่วยเขาออกมา เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง
แน่นอนว่าสิ่งที่พี่หกกังวลไม่ใช่ไม่มีมูล แต่เพราะว่ามันเกิดขึ้นมาก่อน
เสี่ยวหูจื่อเดินมาจนถึงบริเวณเวทย์บังตา เขาค่อยๆใช้มือผลักเบาๆ และหยิบหินโยนเข้าไปในนั้น เมื่อเห็นตำแหน่งทางเข้าหลัก เขาก็เอาต้นไม้สลับทีกัน
พอเป็นอย่างนี้ก็เท่ากับว่าใช้เวทมนต์ไปแล้วสองอย่าง
ถ้าเป็นคนปกติแน่นอนว่าออกไปไม่ได้ นอกจากจะเป็นคนอย่างพี่หกเท่านั้น
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ เขาก็มองซานซานกับเซี่ยอันน่าในกรงเวทมนต์ พร้อมคิดในใจว่า หาวิธีแก้มนต์เองเถอะ
คาดว่าถึงจะให้เวลาสองคนนี้อีกสิบวัน เขาก็ออกมาไม่ได้ ใครสั่งให้ผู้หญิงคนนี้ทำให้พี่หกโกรธกัน สมควรโดนแล้ว
เสี่ยวหูจื่อมีอคติต่อเซี่ยอันน่า แต่ก็เหลือบมองเธอนิดนึง ก่อนจะเดินจากไป
เสี่ยวหูจื่อสามารถมองเห็นพวกเขา แต่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นเสี่ยวหูจื่อ เพราะเวทย์เหล่านี้บังตาพวกเขาหมดแล้ว
“ซานซาน คุณชื่อซานซานใช่ไหม” เซี่ยอันน่าลองพูดดูอย่างไม่แน่ใจ เพราะเมื่อกี้ถึงแม้เธอจะได้ยินเขาพูดชื่อตัวเองโดยบังเอิญ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกเขายังไงดี
“ใช่” ซานซานหงุดหงิดใจมาก เขาหวังว่าเซี่ยอันน่าจะเงียบลงได้ ไม่ใช่พูดจ้ออย่างตอนนี้
ตอนนี้ซานซานหาทางออกไม่เจอ และไม่รู้ว่าบริเวณบังตาอยู่ตรงไหน เขาไม่มีเบาะแสอะไรเลยอยู่ในหัว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกร้อนใจ และไม่มีวิธีคุมมันได้ ทุกอย่างที่เขามีในตอนนี้ มันต้องเดิมพันด้วยชีวิต
เดิมทีเขาคิดว่างานในครั้งนี้จะทำให้เขาได้เงินมาก้อนหนึ่ง แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ปัญหาในครั้งนี้มันยากเกินกว่าจะจัดการ ยิ่งเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว จริงจัดการได้ยากกว่าเดิมมาก
เรื่องพวกนี้จึงทำให้ซานซานค่อนข้างไม่อยากคุยกับเซี่ยอันน่าอีก แต่เธอก็ยังหาเรื่องคุยกับเขาไม่หยุด
“เมื่อก่อนนายเคยเจอเวทย์อย่างนี้ไหม” เซี่ยอันน่าไม่รู้ว่าจะถามคำถามนี้ยังไงดี แต่ความหมายก็ประมาณนี้ เธอคิดว่าเธอถามได้ชัดเจนแล้ว
“เมื่อก่อนหรอ ตอนไหนล่ะ แน่นอนสิ” ซานซานจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อได้ยินเซี่ยอันน่าพูดถึงเวทมนต์ เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เวทมนต์เป็นเรื่องมหัศจรรย์ และเขาก็เคยชอบสิ่งนี้มาก
แต่วันนี้เมื่อเขาได้มาเจอกับปรมาจารย์ เขาจึงไม่สามารถคลายเวทย์ได้ง่ายๆ
“ฉันจะลองดู” เมื่อเดินตรวจมาหลายรอบ ซานซานก็รู้สึกว่ามีลมหายใจพัดเข้ามา สัญชาตญาณและประสบการณ์บอกเขาว่า ตรงนี้เป็นบริเวณทางออก
“ฉันช่วยคุณทำอะไรได้บ้าง” เซี่ยอันน่ามองไปที่ซานซานที่กำลังรีบร้อนอยู่ เธอจึงรู้สึกว่า ถ้าเธอไม่ช่วยก็ดูไร้น้ำใจเกินไป
ซานซานมองเซี่ยอันน่า “ไม่ต้องผมจัดการเอง”
เซี่ยอันน่ายืนเงียบสงบอยู่ข้างๆ เธอมองดูเขาคลายเวทมนต์ สำหรับเรื่องนี้เซี่ยอันน่าก็รู้สึกแปลกใจมาก
ทั้งสองคนกำลังพยายามคลายกับดักเวทมนต์ เพื่อที่จะออกไป ในขณะที่เสี่ยวอวี้หเสี่ยวอวี้หลินกับตงจื่อ ก็กำลังเหงื่อตกอย่างร้อนรน ไม่รู้จะทำยังไงดี
ตอนนี้เซี่ยอันน่ากับซานซานควรจะออกมาจากห้องใต้ดินแล้ว แผนที่นี้แสดงระยะห่างระหว่างพวกเขา
แต่ว่าตอนนี้อย่าว่าแต่ว่าพวกเขาจะถึงจุดหมายเลย แม้แต่เงาคนสักคนก็ไม่มี นี่มันไม่สมเหตุสมผล มันไม่ปกติ
ดังนั้นตงจื่อจึงเช็ดเหงื่อและเดินไปข้างเสี่ยวอวี้หลิน เขาตั้งใจจะไปปลอบเขา แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี จึงได้แต่มองเขาและพูดเบาๆว่า “พวกเรารออีกซักหน่อยเถอะ พวกเขาน่าจะกำลังมาแล้ว”
เสี่ยวอวี้หลินไม่พูดอะไรออกมา เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น สำหรับความสามารถของซานซาน เขาไม่ได้กังวล แต่เขารู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมาก นี่เป็นความรู้สึกในใจของเขา
ซานซานก็รู้ดีว่าเงินนี้เขาไม่ได้ได้ไปฟรีๆ เขาถูกเสี่ยวอวี้หลินจ้างมาด้วยเงินมหาศาลขนาดนี้ ก็เพื่อให้เขามาแก้ปัญหา เขาไม่สามารถทำลายชื่อเสียงตัวเองได้ เขาต้องอยู่ในสังคมนี้ต่อไป เขาจะถอดใจไปง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไง
“ตรงนี้แหละ” เมื่อสามเอาก้อนหินทุบต้นไม้ครั้งที่สาม ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป
เซี่ยอันน่าเห็นว่าต้นไม้เคลื่อนตัวไป จากนั้นถนนก็เปลี่ยนไป ทุกอย่างกลับตาลปัตรกันหมด เพราะต้นไม้เหล่านี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นไม้ผลเขียวชอุ่ม แตกต่างจากพุ่มไม้เมื่อกี้โดยสิ้นเชิง
“มีเวทมนต์จริงๆด้วย น่าทึ่งมาก” เซี่ยอันน่ารู้สึกทึ่งกับความเก่งของซานซาน แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองช่างไม่รู้อะไรเลย
ซานซานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแสดงให้เห็นถึงความสง่างาม ไม่หลงเหลือความดุดันอย่างเมื่อกี้
“ขอบใจนะ” เซี่ยอันน่าพูดกับซานซานด้วยความจริงใจ
ซานซานยิ้มออกมาอย่างอายๆ “มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว”
“อ้าว ทำไมเปลี่ยนอีกแล้ว” เซี่ยอันน่าหันไปพูดกับซานซาน ขณะที่เธอกำลังจะบอกว่าพวกเราไปกันเถอะ ก็เห็นว่าสถานที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง มันเหนือกว่าการคาดหมายมาก มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เธอคิดว่าจะออกไปได้แล้ว
ครั้งนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อกี้มาก
“แย่แล้ว พวกเราโดนปิดตายแล้ว” ซานซานซับเหงื่อบนหน้าผากของเขา เขาอุตส่าห์พยายามจะออกไปแทบตาย แต่ตอนนี้เขากลับทำอย่างนั้นไม่ได้
ซานซานหาที่เงียบๆอยู่ และบอกให้เซี่ยอันน่ารู้ว่าไม่ต้องตามเขาไป เขาต้องคิดว่าจะทำลายเวทมนต์ครั้งนี้ได้ยังไง การจะทำลายแต่ละครั้งต้องใช้พลังงานเยอะมาก และมันก็ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมาก
ซานซานเพิ่งจะทำลายเวทมนต์เมื่อกี้ไป และภาพหลวงตาในครั้งนี้ก็คือห้องรั่วๆและฝนตกตลอดเวลา
พี่หกรอข่าวอยู่ในห้องใต้ดิน เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปสักพักแล้ว และพอจะเดาความสามารถของซานซานออก เขาจึงคิดว่าเวลานี้ซานซานน่าจะคลายเวทมนต์ได้แล้ว
เด็กคนนี้ฝีมือไม่เลว ถือว่าเก่งกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน
แต่ผ่านมานานแล้วก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ นั่นทำให้พี่หกสงสัย
เขาเดินออกมาจากห้อง และอ้อมไปบริเวณป่าไผ่ข้างหลังที่กำลังมีเวทย์บังตาอยู่
เอ๊ะ ทำไมรู้สึกแปลกแปลก เวทมนต์นี้ตอนแรกไม่ใช่อย่างนี้หนิ ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นอย่างนี้
ทั้งหมดนี้ทำให้พี่หกรู้สึกสงสัย
“เสี่ยวหูจื่อ” พี่หกนึกถึงคำพูดของเสี่ยวหูจื่อขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาต้องตามหาเสี่ยวหูจื่อเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเสี่ยวหูจื่อจริงไหม ถ้าเกี่ยวข้องกับเสี่ยวหูจื่อจริง เขาก็รู้สึกรับไม่ได้ เขาเคยบอกกับเสี่ยวหูจื่อไปแล้วว่าอย่าทำอะไร
แต่เสี่ยวหูจื่อกลับไม่ฟัง ตอนนี้มนต์มันแย่ไปหมด เหมือนว่าเด็กนั่นจะเป็นคนทำ
ถ้าเป็นเขา ถ้าเขาอยากปิดตายใครสักคน เขาก็คงจะไม่ทำอะไรชัดเจนขนาดนี้ วิธีนี้ไม่โอเค
“พี่หกผมอยู่นี่” เสี่ยวหูจื่อเดินออกมาตัวสั่น แต่เขาก็ยังเดินออกมาด้วยความกลัว ในเมื่อเขาทำความผิดเขาก็ต้องยอมรับผิด เขายังมีความนึกคิดอยู่บ้าง
แต่เขาก็ยังแอบรู้สึกกลัวพี่หกอยู่ในใจ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ได้ทำเพื่อลูกพี่แล้วหนึ่งเรื่อง ถึงจะโดนด่า ก็ถือว่าคุ้ม เขาไม่ยอมหรอก เขาไม่อยากให้ลูกพี่เสียใจอย่างนี้
“นี่มันอะไรกัน” พี่หกทั้งรู้สึกโกรธและตลก เด็กคนนี้ช่างเอาแต่ใจตัวเอง เวทมนต์อย่างนี้เต็มไปด้วยช่องโหว่ แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้มาจากปรมาจารย์
ถ้าเป็นคนที่มีความสามารถ เพียงแค่ดูดีๆก็จะสามารถออกมาจากกับดักนี้ได้
แต่วันนี้ดูจะไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะมนต์เวทย์ที่พี่หกทำก่อนหน้านี้มันสูงขึ้นกว่าปกติหนึ่งขั้น และพอตอนนี้รวมกับมนต์เวทย์ของเสี่ยวหูจื่ออีก จึงยากไปอีกหนึ่งขั้น
พี่หกรอไม่ไหวดังนั้นจึงมาดูด้วยตัวเอง
ที่แท้เสี่ยวหูจื่อก็ก่อเรื่อง
“ลูกพี่ผมว่าสองคนนี้ทำเกินไปแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นลูกพี่ในสายตา คิดว่าจะหนีไปได้ง่ายง่ายหรอ ผมไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนี้ ลูกพี่จะตีจะด่าผมยังไงก็ได้” เสี่ยวหูจื่อพูดจบ เขาก็แสดงสีหน้ารับไม่ได้ แต่ก็หยอกล้อกับพี่หก
พี่หกไม่โกรธแต่กลับยิ้มออกมา เขาพูดกับเสี่ยวหูจื่อว่า “เสี่ยวหูจื่อ นายกล้ามาก กล้ามาเล่นหัวลูกพี่หรอ ไปเดี๋ยวนี้ ไปทำเวทมนต์ให้มันยากกว่านี้ ทำง่ายง่ายอย่างนี้เห็นแล้วกวนใจ”
“ครับ” เมื่อได้ยินพี่หกพูด เสี่ยวหูจื่อก็หันหลังเดินไปยังพอใจ นอกจากลูกพี่จะสอนเขาแล้ว ยังให้โอกาสเขาแสดงความสามารถด้วย
“ไปสิ อย่าทำอ่อนเกินไปล่ะ” พี่หกยิ้มออกมาเต็มหน้า
ตอนที่เซี่ยอันน่ายืนอยู่ข้างซานซาน และมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน ทำให้ซานรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจ
ถึงแม้เซี่ยอันน่าจะรู้จักเขาไม่ถึงสองชั่วโมง แต่เธอก็พยายามที่จะคิดแทนเขาอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนทำอย่างนี้กับสาม
ปกติเขาจะเป็นคนเดียวที่พยายาม ไม่มีใครทำเพื่อเขาอย่างนี้
“ซานซานให้ฉันช่วยอะไรไหม” เซี่ยอันน่ามอซานซานอย่างไม่สบายใจ ตอนพูดก็รู้สึกขัดเขิน ราวกับว่านี้เป็นวิธีพูดคุยปกติของพวกเขา
แต่ซานซานกับไม่เป็นอย่างนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองเซี่ยอันน่าและไม่พูดอะไร
เมื่อเสี่ยวหูจื่อเห็นว่ากับดักเวทมนต์ที่เขาสร้างขึ้น สามารถกักขังฝ่ายตรงข้ามได้ เขาก็รู้สึกดีใจมาก
เมื่อก่อนลูกพี่ไม่เคยอนุญาตให้เขาฝึกมาก่อน แถมยังบอกเขาว่า อย่าใช้เวทย์นี้กับคนอื่น เพราะมันจะทำให้เกิดปัญหาได้ และนอกจากนั้นยังต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจ อาจเป็นเพราะอย่างนี้ ถึงจะทำให้เขาไม่แสดงความขายหน้าออกมา มนต์คาถาประเภทนี้ หายจากโลกใบนี้ไปนานมากแล้ว
และนี่ก็เทียบกับโทษทางอาญา พี่หกกลัวว่าเสี่ยวหูจื่อจะพลาดพลั้ง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ห้ามถ้าเสี่ยวหูจื่อจะเอาเวทย์นี้ไปจัดการเรื่องทั้งหมด