วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 441 มุมมองเกี่ยวกับชีวิตของเขา
พลังเวทย์ สามารถใช้ได้ในเฉพาะทางเลือกสุดท้าย นี่เป็นกฎของพี่หก และเป็นกฎที่เสี่ยวหูจื่อก็ต้องปฎิบัติตาม
“เฮ้ ฉันต้องการดูว่า เจ้าสองคนนี้จะสามารถจะออกจากพลังเวทย์ของคุณปู่หูได้หรือไม่”เสี่ยวหูจื่อเปลี่ยนแปลงพลังเวทย์อีกครั้ง ทำให้พลังเวทย์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ในตอนนี้ ซานซานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าออร่านั้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขารู้ว่ามีใครบางคนจงใจต่อสู้กับเขา หรือไม่ก็มีใครบางคนจงใจตีกรอบเขา
“พวกเราจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ขยับไปไหน” ซานซานเหลือบมองเซี่ยอันน่า และพูดอย่างแผ่วเบา เขาไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว วันนี้พวกเขาก็จะยังออกไปจากพลังเวทย์นี้ไมได้ ? เขาก็ไม่เชื่อความชั่วร้ายนั่นแล้ว
“ตกลง ฉันเองก็ไม่เข้าใจ ฟังคุณแล้วกัน” เซี่ยอันน่าพยักหน้า และนั่งลงตรงนั้นไม่ขยับไปไหนอย่างเชื่อฟัง สายตาก็มองไปที่ทิวทัศน์รอบๆที่เปลี่ยนไป
เสี่ยวหูจื่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสองคนข้างในทำอะไรกับพลังเวทย์นี้ เขาเพียงยึดตามความคิดของตัวเองทำให้พลังเวทย์มันซับซ้อนยิ่งขึ้น และความซับซ้อนนี้ทำให้เขาได้รับความรู้สึกและความคิดบางอย่างเท่านั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอะไร
“พลังเวทย์นี้ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ”ซานซานขมวดคิ้วพูดเบาๆ และสายตาก็มองดูต้นไม้รอบๆนี้อย่างต่อเนื่อง และหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี้เร็วๆ
แต่ว่า ท้องฟ้าสีเทาเหลือง กดอากาศไว้ ทำให้คนรู้สึกหดหู่
“แล้วพวกเราจำยังไงกันดี ?”แววตาของเซี่ยอันน่าเต็มไปด้วยความกังวล เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี แต่เธอรู้เพียงว่า เธอและซานซานอาจจะติดอยู่ที่นี่อีกนาน
“เสี่ยวอวี้หลินล่ะ ?” ทันใดนั้นเซี่ยอันน่าก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ? จึงถามไปว่า เสี่ยวอวี้หลินอยู่ที่ไหน ?
ซานซานตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าเซี่ยอันน่าจะเรียกชื่อของเสี่ยวอวี้หลินตรงๆแบบนี้ นี่เป็นสิ่งที่ซานซานไม่คาดคิด เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า สรุปแล้วเธอเป็นใครกันแน่ ?
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ?
“รอพวกเราอยู่ข้างนอกไง”น้ำเสียงของซานซานดูหนักแน่นขึ้น ดูเหมือนว่าเสี่ยวอวี้หลินจะมีความสำคัญกับเขามาก ยังไงก็ตาม เมื่อมองจากมุมนี้ เขามีความสำคัญมากที่สุด อย่างน้อย การกระทำในครั้งนี้เสี่ยวอวี้หลินจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้เขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อซานซานคิดถึงตรงนี้ในใจก็รู้สึกเศร้า ยังไงก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพลาด เออ ไม่ ไม่ใช่พลาด บางทีผ่านไปอีกสักครู่อาจจะออกไปได้
เมื่อตาเห็นว่าเวลาใกล้จะหมดลงแล้ว ซานซานกับเซี่ยอันน่าก็ยังไม่ออกมา เสี่ยวอวี้หลินกับตกจื่อก็เริ่มรู้สึกกังวล
“ในห้องใต้ดินนี้ ยังมีของอย่างอื่นอีกเหรอ ?” เสี่ยวอวี้หลินอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับใต้ดินนี้มาก
“ได้ยินมาว่า พี่หกเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หายากมาก เขายังมีงานวิจัยที่มากมายเกี่ยวกับพลังเวทย์และธาตุทั้งห้านี้ ”ตงจื่อพูดด้วยความลังเลเล็กน้อย ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากพูดถึง หรือเขาไม่ต้องการที่จะเผิชญหน้ากับมัน บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องมากกว่านี้ และเรื่องบางเรื่อง ไม่ใช่ว่าคุณไม่พูดแต่คุณไม่ได้อยู่ในนั้น
“ถ้างั้นก็หมายความว่า พวกเขาอาจจะติดอยู่ในพลังเวทย์นั้นรึเปล่า ?” เสี่ยวอวี้หลินถามด้วยความกังวล จริงๆแล้ว ในใจเขาลึกๆแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มีลางสังหรณ์ แต่ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ไม่เหมือนกับในจินตนาการของเขา
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า เรื่องพวกนี้ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขาอีกต่อไป ซึ่งมันทำให้เขาตกใจเล็กน้อย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแข่งขัน ที่ทำให้คนรู้สึกอึดอัด
ในการแข่งขันครั้งนี้ เสี่ยวอวี้หลินไม่อยากแพ้ แต่ว่าครั้งนี้ดูแล้วเขาแพ้อย่างราบคาบเลย
“รออีกหน่อยเถอะ” เสี่ยวอวี้หลินหรี่ตาลง สำหรับพี่หกคนนี้ เขาไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม
แต่นี่ก็ไม่ได้หมานความว่าเขาไม่ได้เตรียมตัว ในเมื่อกล้ามาแตะคนของเขา เขาไม่สามารถยอมแพ้ได้อยู่แล้ว
เพียงแต่ว่า ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ เขาจำเป็นจะต้องรอจนกว่าจะไม่มีทางแพ้ เขาถึงจะให้อีกฝ่ายชดใช้ในสิ่งที่ควรชดใช้ แต่ว่าตอนนี้ ทุกอย่างมันยังไม่ชัดเจน
“ตกลง” ตงจื่อรู้สึกสงสัย เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวอวี้หลินคิดอะไรอยู่ ? ช่วงนี้ชายคนนี้เพราะเรื่องของเซี่ยอันน่าถึงตีตัวออกห่างจากเขา แต่ว่า เขากับเซี่ยอันน่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริงๆ อย่างไรก็ตามเรื่องบางเรื่องยิ่งอธิบายก็ยิ่งทำให้คนรำคาญเท่านั้น
อย่างเช่น เรื่องนี้ ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงใช้ความสามารถทั้งหมดของตัวเองช่วยเหลือเซี่ยอันน่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สงสัยในความสามารถของซานซาน แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ซานซานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่หก ไม่อย่างนั้น เขาคงจะไม่อยู่ในนั้นนานขนาดนี้
“ซานซานจะเป็นยังไงบ้าง ?”เสี่ยวอวี้หลินเหงื่อออกเต็มหน้าผาก นี่ไม่ใช่เรื่องปกติของเขา แต่วันนี้เขาเป็นกังวลก็เพราะเซี่ยอันน่า
ซานซานจามออกมา
“หึ อากาศร้อนมากเลยนะ คงเห็นผีเข้าแล้วจริงๆ” ซานซานพูดอย่างมีอารมณ์ พลางมองไปที่ทิวทัศน์รอบๆที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
“นี่มันใครทำกันแน่ ? ทำได้ย่ำแย่ขนาดนี้เลยเหรอ ?”ซานซานส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ นี่มันสร้างความ
อับอายให้บรรพบุรุษ นอกจากนี้ยังแสดงทักษะที่ต่ำขนาดนี้ออกมาไว้ตรงนี้อีก
เสี่ยวหูจื่อที่ไม่รู้ว่าระดับของตัวเองจะโดนคนวิจารณ์แบบนี้ ตัวเองยังคงอิ่มเอมใจอยู่ที่นั่น
ระดับนี้ ทำให้คนกังวลจริงๆ เมื่อรอให้ทุกๆอย่างสงบลง ซานซานก็ใช้เวลาเพียงห้านาที ในการค้นหาว่าพลังเวทย์อยู๋ตรงไหน เขาเดินเข้าไป แบบนี้ก็สามารถใช้เวลาในระยะสั้นๆ ทำลายพลังเวทย์นี้เพื่อเปิดทางสู่โลกภายนอก
“เสี่ยวหูจื่อ คุณมานี่ ”หลังจากพี่หกเห็นพลังเวทย์ที่เสี่ยวหูจื่อสร้างขึ้น ใบหน้าของเขาก็อดไม่ได้ที่จะซีดเซียวลง สีหน้าแสดงออกดูขมขื่น ทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกยังไงดี
เสี่ยวหูจื่อวิ่งไปวิ่งมาอย่างตื่นเต้น เขาอยากได้ยินคำชมของลูกพี่ แต่ว่า เมื่อตอนที่เขาเดินเข้าไปข้างพี่หก แต่กลับเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของพี่หก นั่นจึงทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก
คำชมล่ะ ? ความสุขล่ะ ?
“ลูกพี่ ผม……..”แววตาของเสี่ยวหูจื่อเต็มไปด้วยความสับสน นี่มันทำให้พี่หกรู้สึกปวดหัว
แม้ว่าเมื่อครู่จะบอกเสี่ยวหูจื่อแล้ว ว่าให้เสี่ยวหูจื่อสร้างพลังเวทย์ดีๆ แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้จะทำให้เขาปวดหัวแบบนี้ และยังเสียหน้ามากอีกด้วย
พลังเวทย์นี้ มันธรรมดามาก !
“คุณมาดูด้วยตัวเอง พลังเวทย์นี้ขาดอะไรไปรึเปล่า? ”พี่หกพูดอย่างอ่อนโยน ไม่มีความเข้มงวดเลยสักนิด แต่ว่า เมื่อเสี่ยวหูจื่อได้ยินเข้าหู ก็รู้สึกไม่สบายใจ
เดิมที เขาอยากจะช่วยลูกพี่แก้ไขปัญหา ไม่คิดเลยว่า สุดท้ายแล้วเขาจะเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมาแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าตอนนี้ ลูกพี่ก็หดหู่มากเช่นกัน
“ขอโทษครับ ลูกพี่ ผมทำผิดอีกแล้ว”เสี่ยวหูจื่อพูดอย่างเจ็บปวด พลางก้มศีรษะลงเกือบตลอดเวลา
พี่หกทำได้เพียงถอนหายใจ และไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิเขา แต่ว่า การแสดงออกของพี่หกทรยศต่อใจของเขา ไม่ว่าเขาจะปิดบังมันยังไง มันก็ยังทำให้เสี่ยวหูจื่อเห็นความอึดอัดเขา
“โอเค ในเมื่อคุณรู้ของผิดพลาดก็ดีแล้ว” ใจของพี่หกไม่ได้อยู่ที่เสี่ยวหูจื่อแล้ว ตอนนี้เขาคิดแค่ว่าจะทำยังไงถึงจะสามารถเห็นหน้าของเสี่ยวอวี้หลินได้ และจะรู้สถานการณ์ของตระกูลเย่ได้ยังไง
ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นเสี่ยวอวี้หลินและไม่เห็นการติดต่อของคนตระกูลเย่ก็ตาม แต่สำหรับพี่หกแล้ว เขาได้ทำตามขั้นตอนแรกแล้ว
แบบนี้ ไม่ว่ายังไง เขาก็เข้าใกล้ความสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
“ลูกพี่ คุณจะตีหรือด่าก็ได้“ เสี่ยวหูจื่อพูดขึ้นมาอีกครั้ง
พี่หกขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสี่ยวหูจื่อ พวกเราเปลี่ยนคำพูดกันหน่อยไหม ? เลิกใช้คำเดิมนั้นได้ไหม ใช้มาตั้งกี่ครั้งแล้ว ?”
เสี่ยวหูจื่อดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางอย่างหน้าเขาเขินแดงเล็กน้อย และไม่พูดอะไรอีก
มาดูพลังเวทย์นี้ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้น ต้องระวังและอย่าให้มันปลดได้ง่ายๆ แต่ถ้าเจอเจ้านายที่ดุร้าย ถ้าทำไม่ดีพลังเวทย์ของคุณอาจจะยุ่งเหยิงได้ ถ้าทำไม่ดี จะทำให้คนมาก่อความวุ่นวายได้ พี่หกพูดอย่างจริงจังมาก การศึกษาพลังเวทย์ ก็เหมือนกับการตำหนิลูกของตัวเอง เขาไม่เคยจริงจังขนาดนี้กับเรื่องนี้มาก่อน
ข่าวลือจากโลกภายนอกก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความจริง ยกเว้นที่เขาชอบทำนี้แล้ว สิ่งอื่นและความรุนแรงนี้ ก็ยังคงเป็นความจริง
“โอเค ลูกพี่ ต่อไปผมจะจำไว้ เมื่อพูดแบบนั้น ”เสี่ยวหูจื่อก็ไตร่ตรองพลังเวทย์ของตัวเองอย่างถี่ถ้วน สรุปแล้วยังขาดตรงไหนไป
ทันใดนั้น พวกเขาก็เห็นพืชกำลังเคลื่อนไหว และพลังเวทย์นั้นก็ระเบิดอย่างรุนแรง
“พวกเขาเปิดได้แล้ว” พี่หกมองไปเสี่ยวหูจื่ออย่างสงบ
เสี่ยวหูจื่อมีแรงกระตุ้นเล็กน้อย นั่นก็คืออยากไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยากรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงยังอยู่ในนั้น ดูว่าพวกราแก้ไขพลังเวทย์นั้นได้อย่างไร
“ลูกพี่ ผมอยากไปดู” เสี่ยวหูจื่ออดไม่ได้ที่จะพยายาม แต่เมื่อเห็นความน่าเกรงขามของลูกพี่ เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะวิ่งไปไหน
“พูดตรงๆนะ”เห็นได้ชัดว่าพี่หกกลัวเสี่ยวหูจื่อจะก่อปัญหาอะไรอีก เพราะยังไงก็ตามคนที่มีทักษะพิเศษมักจะประสบปัญหาโดยไม่รู้ตัว
ในจุดนี้ พี่หกมีประสบการณ์อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้โดนควบคุม เขาไม่ยอมให้สิ่งชั่วร้ายที่แสดงออกมาควบคุม นี่คือทั้งหมดที่เขาไม่อนุญาติ
นอกจากนี้เขาก็ไม่ยอมให้เสี่ยวหูจื่อถูกควบคุมอยู่ใต้ความรู้สึกที่ไม่จำเป็นนี้ ข้อเสียเปรียบที่ใหญ่ที่สุดก็คือมันมักจะทำให้เขาเฉยชา เพราะว่า เสี่ยวหูจื่อไม่ใช่คนที่ควบคุมได้ง่าย บางครั้งเขาก็เชื่อฟัง ในบางครั้ง เขาเด็กคนนี้ก็มีความคิดเป็นของตัวเอง
ทุกอย่างห้ามรีบร้อนเกินไป นี่เป็นคำพูดที่พี่หกพูดกับตัวเอง เขาเชื่อว่า เมื่อเวลาผ่านไป เสี่ยวหูจื่อจะทำได้ดีขึ้น เพียงแต่ว่า ตอนนี้เสี่ยวหูจื่ออายุยังน้อย
“ตกลง” เสี่ยวหูจื่อได้ยินลูกพี่พูดแบบนี้ เขาก็ไม่พูดอะไรอีก
“ตามไป”หลังจากรอซานซานเปิดพลังเวทย์ออก พี่หกก็พูดกับเสี่ยวหูจื่อ และก็หันศีรษะจากไป
เสี่ยวหูจื่อรู้สึกสับสนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเรื่องของลูกพี่หมายถึงอะไร รู้เพียงแค่ ตอนนี้ลูกพี่ให้เขาตามไป ส่วน ตามใครนั้น เขาก็ยังไม่รู้
“นี่สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”เสี่ยวหูจื่อยังคงตกตะลึง และนิ่งไปสักพักก่อนจะมีปฎิกิริยาตอบสนอง
ลูกพี่ให้เขาตามสองคนนั้นไป ไปดูว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่พูดคำว่าตามไปออกมาหรอก
“ตกลง ลูกพี่ ผมเข้าใจแล้ว” เมื่อรอพี่หกเดินไปไกลแล้ว เสี่ยวหูจื่อก็รีบเดินตามรอยเท้าของซานซานและเซี่ยอันน่าไป
“ซานซาน ขอบคุณนะ”เซี่ยอันน่ารู้สึกไม่สบายใจ อีกครู่เธอก็จะได้พบเสี่ยวอวี้หลินแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องที่ตัวเองถูกลักพาตัวยังไง และก็ไม่รู้ว่าจะพูดกับเสี่ยวอวี้หลินยังไงดี ?
บางที พวกเขาอาจจะมาถึงจุดนี้แล้ว เป็นจุดจบที่ดีที่สุด
มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นความขี้ขลาด เซี่ยอันน่าเข้าใกล้เสี่ยวอวี้หลินมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆแล้วเธอรู้สึกอายเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยที่จะเจอเขา นี่เป็นเหตุผลที่เซี่ยอันน่าตัวสั่น
อย่างแรกเธอไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับเขายังไง อย่างที่สองก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเสี่ยวอวี้หลินยังไงดี ตัวเองเป็นแบบนี้แล้วจะยังมีหน้าไปเจอเขาได้ยังไง ?
และในขณะนี้เสี่ยวอวี้หลินก็รอเซี่ยอันน่าด้วยความคาดหวัง เขาต้องการรู้สถานการณ์ปัจจุบันของเซี่ยอันน่า ทั้งหมดนี้เป็นความทุกข์ทรมานในขณะที่รอ
“ถึงแล้ว คุณไปเถอะ พวกเขารอคุณอยู่ที่นั่น ” ซานซานส่งเซี่ยอันน่าไปยังสถานที่เสี่ยวอวี้หลินและตงจื่อพักอยู่ และตัวเองก็เดินไปยังมุมหนึ่งของสวนสาธารณะที่ว่างเปล่า
ในกิจการของพวกเขามีกฎที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ นั่นคือการไม่พบปะกับลูกค้า ค่าตอบแทนจะถูกเก็บเป็นความลับ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้ แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้จะต้องจ่ายหนึ่งในสามก่อนเริ่มงาน และอีกสองส่วนที่เหลือเมื่อเสร็จงานแล้ว จะถูกนำไปในที่ที่สองคนนั้นตกลง
ซานซานเฝ้ามองดูเซี่ยอันน่าเดินไปที่ด้านข้างทางออก ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การทำงานในครั้งนี้มันยากมาก เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกโชคดีมาก เพราะในแง่มุมของพลังเวทย์ ในที่สุดเขาก็พบคู่ต่อสู้ นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาไม่รู้สึกมานานหลายปี สำหรับเขาแล้ว การมีคู่ต่อสู้ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย และยังมีความรู้สึกที่เข้าใจซึ่งกันและกันด้วย
“อันน่า ?”ในช่วงเวลาที่เขาเห็นเซี่ยอันน่า เสี่ยวอวี้หลินก็เดินโซเซไปข้างๆเซี่ยอันน่า ไม่เหลือรูปลักษณ์ของท่าประธานผู้ทรงอิทธิพลเลย
เซี่ยอันน่ามองไปที่หนวดเคราของเสี่ยวอวี้หลิน และรู้สึกว่าเขาแก่ลงไปมาก ไม่เหมือนกับท่านประธานผู้ทรงอิทธิพลเมื่อก่อนหน้านี้เลย
เซี่ยอันน่ามองไปที่ใบหน้าของเสี่ยวอวี้หลิน ในใจเธอก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย นี่คือคนที่คิดถึงเธอทั้งวันทั้งคืนเหรอ ? แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยังมีร่องรอยของความจริงใจของชายคนนี้ที่เขาพยายามอย่างมากเพื่อจะช่วยชีวิตเธอ
ไม่ว่าความจริงใจนี้จะจริงมากสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย ในใจเขาตอนนี้ เซี่ยอันน่าก็มีจุดยืนในใจของเขาอย่างแน่นอน
“ผมเป็นห่วงคุณมาก เด็กน้อย” นี่เป็นคำทักทายแรกที่เสี่ยวอวี้หลินเรียกเซี่ยอันน่า เมื่อเซี่ยอันน่าได้ยินเสี่ยวอวี้หลินเรียกตัวเองแบบนั้น เธอก็ตกตะลึงและมองไปที่เสี่ยวอวี้หลินอย่างหลงใหล
พวกเขามองกันและกัน เป็นเวลาเกือบห้านาทีเต็ม แม้แต่ตงจื่อที่อยู่ข้างๆก็ทนไม่ได้
“เสี่ยว ทำไมคุณ………..” เขาอยากจะพูดอะไรอกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เมื่อเห็นเซี่ยอันน่ากลับมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะดีใจแทนพวกเขา
“มานี่มา”เสี่ยวอวี้หลินกลั้นเป็นเวลานาน ถึงพูดประโยคนั้นออกมา สีหน้าของเขาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะวิ่งไปกอดเซี่ยอันน่าแน่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม เขาค่อยๆเดินไปข้างๆเซี่ยอันน่า เมื่อห่างจากเธอไม่กี่เมตร เขาก็พูดประโยคนี้ออกมาได้อย่างสบายๆ