วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 448 : การหลอกลวงย่อมเป็นการหลอกลวง
ทางฝั่งนักข่าวรีบคว้าทุกโอกาสที่มี ถ่ายภาพทุกรูปของพวกเขาทั้งสอง
เชื่อได้เลยว่าหนังสือพิมพ์วันพรุ่งนี้ต้องมีข่าวที่น่าเต้นตื่นอย่างแน่นอน
แต่เซี่ยอันน่ากลับยิ้มไม่ออก
เธอรู้สึกว่าพันธนาการระหว่างเสี่ยวอวี้หลินและเธอนับวันยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ แต่นี่ กลับไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยอันน่าต้องการเห็น
เมื่อเดินไปถึงจุดไร้ซึ่งผู้คน เสี่ยวอวี้หลินก็เริ่มหันมาเอาอกเอาใจเซี่ยอันน่า
“เป็นยังไง ผมช่วยคุณแก้ปัญญาใหญ่ขนาดนี้ได้แล้ว คุณจะขอบคุณผมอย่างไร?”
เสี่ยวอวี้หลินคิดว่าเซี่ยอันน่าคงซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล ก้มหน้าร้องไห้บนไหล่ตัวเอง
ไม่คิดถึงว่าสีหน้าเธอจะเย็นชา ก้มลงแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณไม่จำเป็นต้องช่วยฉัน และการเสียสละที่ทำออกไปเมื่อกี้มันคือการแสดง”
รอยยิ้มของเสี่ยวอวี้หลินแข็งทื่ออยู่บนใบหน้า “คุณคิดว่าสิ่งที่ผมทำในวันนี้ เป็นเพียงแค่การแสดงงั้นเหรอ?”
หากเซี่ยอันน่ามองเข้าไปในดวงตาของเสี่ยวอวี้หลิน เธอก็จะรู้ว่าในดวงตาของเขามีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ เพื่อความอยู่รอด เธอก็ไม่อาจทรยศเขาได้อีกต่อไป
น่าเสียดายเซี่ยอันน่าไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เธอยังก้มหน้ายั่วโมโหเสี่ยวอวี้หลินอยู่เช่นเดิม
“ไม่อย่างนั้นเพราะอะไรล่ะ? เพราะว่าคุณชอบฉันเหรอ? อย่ามาตลกหน่อยเลย ฉันไม่ได้หลงตัวเองขนาดนั้น”
“เซี่ยอันน่า ดี ดีมาก!”
เสี่ยวอวี้หลินกำหมัดทั้งสองมือแน่น เขากลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วเผลอจับคอเล็กๆ ของเธอ
ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถทำให้เขาโกรธจะเป็นจะตายได้ทุกครั้ง และก็ไม่รู้ว่าในความในหัวสมองขี้เลื้อยที่ดื้อรั้นของเธอนั้นมีอะไรอยู่ข้างในบ้าง!
ในเมื่อเช่นนี้เธอยังไม่รู้ว่าดีหรือเลว ตัวเองยังต้องช่วยเธออยู่หรือไม่? หรือให้เป็นเธอไปตามยถากรรม!
เสี่ยวอวี้หลินหันหนีจากความโกรธ ศีรษะของเขาแทบระเบิดอยู่แล้ว
เมื่อเห็นเสี่ยวอวี้หลินห่างออกไปไกลเรื่อยๆ ดวงตาแดงก่ำของเซี่ยอันเน่าก็มีน้ำตาร่วงหล่นลงมา
เซี่ยอันน่าก็อยากหลอกตนเองและคนอื่นๆ แต่ความจริงไม่ให้โอกาสเธอในครั้งนี้ เธอเพียงแค่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง ไม่มีทางเสแสร้งต่อไปได้อีก
ไม่ใช่ของของตนเอง คิดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เธอกับเสี่ยวอวี้หลินอยู่คนละโลกมาตั้งแต่แรก
ฉะนั้น ก่อนที่จะจมดิ่งไปมากกว่านี้ ออกมาเสียตอนนี้ก็ยังไม่น่าอายมากเท่าไหร่
เพียงแค่ในตอนนี้เธอยังปลีกตัวออกมาทันใช่ไหม?
เซี่ยอันน่ากัดริมฝีปากตนเองเบาๆ ก้มหน้าลงแล้วเดินไปอย่างเงียบๆ
แสงสว่างตกกระทบร่างกายเธอกลายเป็นเงาที่ทอดยาวออกไป แสดงให้เห็นถึงความอ้างว้างและหนหมดทาง
ทันใดนั้น มือของเซี่ยอันน่าก็ถูกมือใหญ่ของใครบางคนจับไว้
เมื่อเงยหน้าขึ้น เซี่ยอันน่าก็ตกตะลึง
เสี่ยวอวี้หลินที่จากไปแล้วกลับมา
“คุณกลับมาอีกทำไม?”
เสี่ยวอวี้หลินไม่อยากสนใจผู้หญิงคนนี้ที่ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี
แต่เมื่อคิดถึงวันนั้น วันที่พี่หกแย่งเซี่ยอันน่าไป เสี่ยวอวี้หลินก็รู้สึกไม่สบายใจ ตัดสินใจส่งเธอกลับ หลังจากนั้นค่อยไปสั่งสอนทีหลัง
เขายัดเซี่ยอันน่าเข้าไปในรถ เสี่ยวอวี้หลินสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อผมพาคุณออกมา ผมก็จะส่งคุณกลับไป”
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวอวี้หลินยังเป็นห่วงเซี่ยอันน่า
การพบกันครั้งนี้ทำให้เซี่ยอันน่ามีความอบอุ่นในใจ
แต่เพียงไม่นาน ความอบอุ่นทั้งหมดก็ถูกปกคลุมด้วยความหดหู่
เสี่ยวอวี้หลินทำแบบนี้เพียงแค่รู้สึกสมเพชตัวเอง ไม่มีอะไรเกียวข้องกับความรักเลยสักนิด
เธอค่อยๆหลับตาลง เซี่ยอันน่าบอกกับตัวเองว่าอย่าไปคิดเรื่องอื่น เสี่ยวอวี้หลินเป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตตัวเอง
……
เพราะเมื่อคืนไม่ค่อยสบาย จึงทำให้เซี่ยอันน่าตื่นสาย
หลังจากตื่นนอน ก็รู้สึกมึนศีรษะ จะทำอะไรก็ไร้เรี่ยวแรงไปหมด
หรือว่าจะไม่สบายอีกแล้ว?
เมื่อยกมือขึ้นแตะหน้าผากตัวเอง รู้สึกว่าอุณหภูมิสูงเล็กร้อย
เธอหลับตาลงแล้วดื่มน้ำ เซี่ยอันน่าค้นหายาแก้หวัด ต้องป้องกันไว้ก่อน เธอจึงกินยาและไปรับประทานอาหาร
แต่เพิ่งจะกินยาไปไม่นาน ประตูห้องก็ถูกผลักออกอย่างแรง พร้อมกับเสียงตะโกนดังลั่น จนแก้วหูของเซี่ยอันแทบแตก
“เฮ้ ทำไมแกยังนอนอยู่อีก รีบมาดูข่าวบนหนังสือพิมพ์วันนี้เร็ว!”
เซี่ยอันน่ารู้สึกไม่ดีเล็กน้อย ถูกเธอทำแบบนี้ ศีรษะเธอยิ่งปวด
หนังสือพิมพ์หนึ่งชุดวางไว้ตรงหน้าเซี่ยอันน่า ด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจของฉีฉี จนหางแทบลอยขึ้นฟ้า และยังขอให้เซี่ยอันน่าเร็วเปิดมันดูโดยเร็ว
เซี่ยอันน่านวดคลึงขมับ เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม “แกอ่านหนังสือพิมพ์ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ทีแรกฉันก็ไม่อ่านหรอก แต่พอมีแกอยู่บนนั้น ฉันเลยอดตื่นเต้นไม่ได้”
อะไรนะ ตัวเองอยู่บนหนังสือหน้าพิมพ์งั้นเหรอ?
คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย เซี่ยอันน่าพยายามประคองสติ มองดูหนังสือพิมพ์อย่างละเอียด
เพียงแค่เห็นบรรทัดแรกบนหัวกระดาษ พาดหัวข่าวเด่นสะดุดตา—ชายหนุ่มเบอร์หนึ่งในเมืองหลวง เพลย์บอยกลับใจ เพื่อให้แฟนสาวมีความสุขต้องวางเดิมพันอย่างมหาศาล
เมื่อมองดูภาพภาพด้านบนอีกครั้ง เป็นรูปถ่ายของเสี่ยวอวี้หลินพร้อมกับเซี่ยอันน่าในอ้อมแขน
ในรูปภาพนั้น เสี่ยวอวี้หลินหัวเราะอย่างมีความสุข เซี่ยอันน่าราวกับลูกนกตัวเล็กน่ารัก เมื่อมองดูแล้วช่างเป็นคู่ที่เหมาะสม
ใบหน้าสีแดงระเรื่อ มือประสานกัน เธอพูดขึ้นด้วยท่าทางหลงใหล “มองไม่ออกจริงๆ อันน่าแกถ่ายรูปแล้วสวยมาก เมื่อยืนอยู่ข้างเสี่ยวอวี้หลิน ราวกับคุณนายในคฤหาสน์อันแสนร่ำรวย”
“ทุกอย่างยุ่งเหยิงกันไปหมด” เซี่ยอันน่าทิ้งหนังสือพิมพ์ลง แล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้ก็คุ้มที่แกจะตะโกน จริงๆแล้วมันไม่น่าใจเย็นเลยสักนิด”
“แกก็นิ่งเกินไป แกรู้ไหมว่าสิ่งนี้แปลว่าอะไร?”
“แปลว่าอะไร?”
ฉีฉียืดไหล่ของเซี่ยอันน่าขึ้นแล้วพูดอย่างจริงจัง “ตัวตนของแกได้รับการยอมรับเพราะเสี่ยวอวี้หลิน แกก็ไม่ใช่ผู้หญิงไม่ดีอะไร แกคือแฟนของเสี่ยวอวี้หลิน ไม่มีใครกล้าวิจารณ์ว่าแกในทางไม่ดี!”
ใช่ มีเสี่ยวอวี้หลินคอยปกป้อง ตัวเองจะปลอดภัยได้สักกี่วัน
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจอมปลอม ตัวเองไม่ใช่คนรักของเสี่ยวอวี้หลิน รอให้เขามีเหยื่อคนใหม่เธอก็จะถูกทิ้งไปตามยถากรรมของตัวเอง ไม่มีทางอยู่ร่วมกับเสี่ยวอวี้หลินได้
เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจของเซี่ยอันน่าก็เจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
เธอรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนมานานแล้ว แต่ทุกครั้งที่คิดถึงมัน ความรู้สึกของเซี่ยอันน่าก็ยากที่จะยอมรับได้
หากเป็นไปได้ เธอหวังว่าไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้
เช่นนี้ เธอก็จะยังคงเป็นเซี่ยอันน่าผู้แข็งแกร่งคนนั้น
เมื่อเห็นว่าเซี่ยอันน่าไม่ยิ้ม ฉีฉีจึงถามด้วยความสงสัย “อันน่า ทำไมแกดูไม่มีความสุขเลย?”
“อาจจะเพราะเป็นหวัดมั้ง”
“อืม สีหน้าแกดูไม่ค่อยดีเลยนะ อยากพักอีกสักหน่อยไหม?”
“ไม่ละ ตอนบ่ายมีเรียน ฉันจะลุกไปเก็บของสักหน่อย”
เซี่ยอันน่าพูด แล้วกำลังจะลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่ฉีฉีกลับกดไหล่เธอเอาไว้ “เฮ้ ถ้าไม่สบายจริงๆลาก็ได้นะ สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอเป็นแฟนเสี่ยวอวี้หลิน ใครจะ…”
“ฉีฉี!”
ฉีฉียังพูดไม่ทันจบ เซี่ยอันน่าก็เรียกชื่อเธอให้หยุดพูดทันที
ฉีฉีมองไปที่เซี่ยอันน่าด้วยความประหลาดใจ “มีอะไรเหรอ?”
“อย่าพูดแบบนี้อีก ฉัน…ไม่ใช่แฟนของเสี่ยวอวี้หลิน”
ฉีฉียิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมล่ะเสี่ยวอวี้หลินเขาก็รับสารภาพเองหนิ เธอยังอายอยู่งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ เรื่องมันไม่ใช่แบบนั้น เธอก็อย่าพูดแบบนี้อีกแล้วกันมันทำให้ฉันอึดอัด”
เมื่อเห็นว่าท่าทีของเซี่ยอันน่าไม่ได้ล้อเล่น ฉีฉีก็หุบยิ้ม “เธอ…”
ฉีฉีพูดยังไม่จบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ
“เข้ามา”
นักศึกษาสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอยิ้มให้เซี่ยอันน่าอย่างเอาใจ “เซี่ยอันน่าคณบดีเรียกไปที่ห้องทำงาน”
“เข้าใจแล้ว”
“เห็นท่าทางเธอน่าจะยังไม่ได้ทานอาหารเช้า นี่ขนมปังอันใหม่ของฉัน เธอกินสักหน่อยนะ”
พูดแล้วหญิงสาวก็วางถุงขนมปังสดใหม่ของเธอไว้บนโต๊ะของเซี่ยอันน่า
“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ”
“เอ่อ เธอรับมันไว้เถอะ วางไว้นี่นะค่อยๆ กินล่ะ”
พูดจบหญิงสาวก็ยิ้มแล้วโบกมือลาเซี่ยอันน่า จากนั้นเดินออกไปจากห้องนอน
แม้ว่าจะคอยประจบเอาใจเซี่ยอันน่า แต่ฉีฉีกลับไม่ชอบใจเลยสักนิด
เธอกอดอกแล้วบ่นพึมพำ “ทีเมื่อก่อนเอาแต่เยาะเย้ยแก มาตอนนี้เมื่อเห็นว่าเสี่ยวอวี้หลินคอยหนุนหลังแกอยู่ ก็มาประจบประแจง น่าขยะแขยงจริงๆ”
เซี่ยอันน่าปล่อยวาง เธอไม่ได้นึกใส่ใจเรื่องพวกนี้ จึงลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า “เอาล่ะ ฉันต้องไปหาท่านคณบดีก่อน”
“อืม”
เมื่อเข้าไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ เซี่ยอันน่าเคาะประตู แล้วเอ่ยถาม “อาจารย์คะ เรียกหาหนูเหรอคะ?”
“อันน่าเข้ามา นั่งลงก่อน”
กิริยาท่าทางและคำพูดดูถูกก่อนหน้านี้เปลี่ยนไป คณบดีต้อนรับเซี่ยอันน่าอย่างกระตือรือร้น เชิญเธอนั่ง และยังรินน้ำดื่มให้เธอด้วยตัวเอง
“เรื่องนั้น ก่อนหน้านี้ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนก็สรุปข้ามไปเลย ทำให้เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม อาจารย์ต้องขอโทษด้วย”
เซี่ยอันน่าถือแก้วน้ำไว้ในมือ แล้วรีบเอ่ย “อาจารย์อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ”
“ทางเราจัดการเรียบร้อยแล้ว เป็นอาจารย์จางที่ใช้กำลังอำนาจข่มเหงนักศึกษา ตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงหลายคนออกมาเป็นพยาน หลักฐานแน่นหนา ทางโรงเรียนจึงตัดสินใจไล่อาจารย์จางออก แล้วเปิดโปงความจริง”
เมื่อได้ฟังการตัดสินเช่นนี้เซี่ยอันน่าก็ยิ้ม “แบบนี้ดีมากเลยค่ะ ไม่เพียงแค่ช่วยหนูล้างมลทิน และยังช่วยเพื่อนๆผู้หญิงในห้องไม่ให้ถูกข่มเหงอีก”
“ใช่ๆ ที่ขาดไม่ได้คือคุณงานความดีของเธอ หลังจากที่หารือกับผู้หลักผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยแล้ว เราจึงตัดสินใจที่จะดำเนินการประเมินทุนการศึกษาให้เธอต่อ ตอนที่มีการจัดงานสดุดี เธอก็ต้องขึ้นไปพูดบนเวที”
“เรื่องนี้…ช่างมันไปเถอะค่ะ”
“เฮ้ เธอเป็นแบบอย่างให้นักศึกษาคนอื่นๆ นะ แค่พูดไม่กี่คำ แบ่งปันประโยชน์ให้เพื่อนสักหน่อย”
เซี่ยอันน่าอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นดางตาของเธอก็มืดลง
เซี่ยอันน่าพยายามฝืนร่างกาย พูดขึ้น “คือ อาจารย์คะ หนูรู้สึกไม่สบายนิดหน่อยค่ะ บ่ายนี้…”
ยังไม่ได้พูดจบ คณบดีก็กล่าวขึ้น “วันนี้พักผ่อนเถอะ อยากให้อาจารย์พาไปที่ห้องพยาบาลไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูกินยาแล้ว”
“ถ้าไม่สบายก็บอกอาจารย์ อาจารย์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเธอ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”
เซี่ยอันน่าลุกขึ้น แล้วค่อยๆเดินออกไป
เซี่ยอันน่าคิดว่าตัวเองหน้ามืด แต่เมื่อออกมาข้างนอก ลมเย็นๆพัดมา เธอก็ได้จิตวิญญาณคืนมาไม่น้อย อย่างน้อยก็ได้กลับไปนอนที่ห้องคนเดียว
ระหว่างทาง เซี่ยอันน่าได้เจอกับเพื่อนร่วมชั้นหลายคน
แต่ไม่ได้รับการเยาะเย้ยเหมือนก่อนหน้านี้ ตอนนี้ท่าทีของพวกเขาที่มีต่อเซี่ยอันน่าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง บางครั้งก็เดินเข้ามาทักทายและยิ้มให้เธอ
ความแตกต่างกันระหว่างก่อนและหลัง จริงๆก็ไม่ได้มากมายอะไร
แต่เซี่ยอันน่าขี้เกียจจะใส่ใจ จากนั้นก็ยิ้มให้เบาๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ตอนนี้เธอแค่อยากกลับไปนอน และหวังว่าหลังจากตื่นขึ้นมาจะรู้สึกดีขึ้นสักหน่อย
เมื่อกลับมาที่ห้อง เซี่ยอันน่าก็เอาผ้าห่มคลุมศีรษะแล้วนอนลงไป
เธออยากหลับไปซะ แต่นอนอย่างไรก็ไม่หลับ ได้แต่ฝันว่ากระโดดจากฝันหนึ่งไปสู่อีกฝันหนึ่งอยู่อย่างนั้น
ดวงตาทั้งสองข้างลืมขึ้นมาในทันใด เซี่ยอันน่าหอบหายใจแรงอยู่สองสามครั้ง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้ายาวๆ
ในที่สุดเธอก็ตื่นขึ้นมา ถ้านอนไม่หลับอยู่แบบนี้ ต้องเหนื่อยตายแน่ๆ
เธอลุกขึ้นมองดูเวลา เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว
และตอนนี้เซี่ยอันน่าน้ำสักหยดก็ไม่ตกถึงท้อง หิวจะแย่
เมื่อเห็นขนมปังชิ้นเล็กๆวางอยู่บนโต๊ะ เซี่ยอันน่าจึงปีนลงมาจากเตียงทันที เปิดห่อขนม แล้วกินอย่างมูมมาม
อืม แม้คนจะหน้าไหว้หลังหรอก แต่รสชาติของขนมปังร้านนี้ก็อร่อยอยู่ดี
กินไปได้ครึ่งถุง เรี่ยวแรงของเซี่ยอันน่าก็กลับคืนมา
แต่แบบนี้ เซี่ยอันน่าคงนอนหลับต่อไม่ได้
แต่สภาพของเซี่ยอันน่ายังไม่ดีขึ้น ราวกับว่าในหัวของเธอเป็นของเหลว ช่างทรมานอย่างมาก
เนื่องจากนอนไม่หลับ งั้นก็ออกไปข้างนอกไม่ดีกว่าหรือ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยอันน่าจึงตัดสินใจไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด
เวลานี้ ในห้องสมุดมีคนไม่มาก ยังมีที่นั่งวาง
เซี่ยอันน่ากำลังมองหาที่นั่ง แต่ได้ยินใครบางคนเรียกชื่อเธอ
“อันน่า”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง คนคนนั้น เหมือนจะเคยเจอตอนที่เรียนคลาสพิเศษด้วยกัน
แต่เธอเรียกชื่อตัวเองทำไม?
อีกฝ่ายพูดกับเซี่ยอันน่าด้วยท่าทางสนิมสนม “ทางนี้มีที่นั่ง มานั่งตรงนี้สิ”
เซี่ยอันน่ายิ้มเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันนั่งตรงนี้ก็ได้ ริมหน้าต่าง อากาศดี”
หญิงสาวหน้าเจื่อน แต่ไม่ได้พูดอะไร และคนรอบข้างก็มองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน
สร้างสัมพันธมิตรแต่กลับล้มเหลว น่าขายหน้าจริงๆ
แต่พวกเธอก็ไม่ได้พูดไม่ดีลับหลังเซี่ยอันน่าเหมือนแต่ก่อน เพราะพวกเธอไม่กล้า
เห็นเซี่ยอันน่านั่งอยู่คนเดียว วู่จิ่งบีบปากกาแน่น
“เธอกำลังเจอจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น เธอนี่มันไร้ค่าจริงๆ!”
ซู่เฉียวเฉียวมองไปที่เซี่ยอันน่า แล้วพูดว่า “เบาเสียงหน่อย ตอนนี้เซี่ยอันน่ากำลังชมวิวอยู่ ระวังจะถูกเธอทำให้ซวยเอานะ”
“หึ แค่อาศัยใบบุญของผู้ชาย เธอก็ไม่มีความสามารถอะไรนักหรอก”
“สยบเสี่ยวอวี้หลินได้ เป็นความสามารถที่ร้ายกาจเลยนะ!”
“แต่ฉันโกรธมาก เซี่ยอันน่ามีดีอะไรทำไมเธอถึงอยู่สูงกว่าฉันทุกที ถูกคนประเภทนั้นกดให้ต่ำลง มันน่าอารมณ์เสียจริงๆ!”
เธอหรี่ตาลง สัมผัสได้ถึงความเป็นปกปักษ์ แต่ก็หายไปในชั่วพริบตา ซู่เฉียวเฉียวเป็นลูกสาวของคนมีเงิน เธอทั้งน่ารักและเฉลียวฉลาด
แต่คำพูดของเธอ กลับเย็นชาไร้ความรู้สึก
“ตอนนี้เพียงแค่หยุดไว้ก่อน แต่ฉันไม่ปล่อยให้เธอภูมิใจได้ตลอดไปหรอก!”
“แล้วก็ให้เธอมีความสุขอีกครั้ง จากนั้นเธอจะหัวเราะไม่ออกเลยล่ะ!”
ฮัด ฮัดเช่ย——
จู่ๆ เซี่ยอันน่าก็จามออกมา เธอถูกจมูกไปมา คิดว่าตัวเองคงเป็นหวัดเข้าแล้ว
อืม คราวนี้เซี่ยอันน่าแน่ใจ เธอเป็นหวัดแล้วจริงๆ
เป็นไปได้ไหมว่าเพราะเมื่อคืนใส่เสื้อผ้าน้อยเกินไป?
คิดๆดูแล้ว ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
เฮ้อ เสี่ยวอวี้หลินคนนี้จัดเสื้อผ้าเย็นๆให้ตัวเธอซะขนาดนั้น กางเกงสแล็คกับเสื้อสูทของเขา แต่กลับจัดซะรัดแน่น
แต่เมื่อวานตัวเองโกรธเสี่ยวอวี้หลิน ผู้ชายคนนั้นคงไม่โทรมาหาอีกแล้ว
เธอถูกจมูกไปมา เซี่ยอันน่ารู้สึกตาร้อนผ่าว
ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดถึงผู้ชายคนนั้นอีก เขาไม่ได้เป็นของเราตั้งแต่แรก คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
เซี่ยอันน่าทำจิตใจให้สงบ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
แต่ยังไม่ทันเปิดไปอีกสองสามหน้า โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
โทรศัพท์มือถือสั่น เซี่ยอันน่าชำเลืองมองหน้าจอแสดงผล
เป็นเสี่ยวอวี้หลิน
แค่คิดถึงเขา เขาก็โทรมา