วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 450 : เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน
“คุณอย่าทำให้ตกใจกลัวสิ”
“เป็นคำพูดของคุณหมอ ไม่เชื่อก็ไปถามเองได้”
“ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น คุณก็ทำให้กลัวอยู่ดี”
เสี่ยวอวี้หลินคิดว่าเซี่ยอันน่าจะขอบคุณตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะเล่นงานเขากลับ ตรงกันข้ามกลับโทษตัวเอง เขาจึงกลอกตาไปมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มันเกี่ยวอะไรกับผม?”
“เมื่อคืนคุณจงใจให้ฉันใส่เสื้อผ้าบางๆ วันนี้ก็ให้ฉันที่ป่วยอยู่แล้วมาปรนนิบัติรับใช้คุณ ทั้งควันทั้งไฟ สุดท้ายก็เหนื่อย จะบอกว่านี่ไม่เกี่ยวกับคุณงั้นเหรอ?
เสี่ยวอวี้หลินพูดไม่ออก “สำหรับจุดที่คุณโฟกัส ทำไมชอบพูดอะไรแปลกๆ อยู่เรื่อย?”
“ทำไม คิดว่าสิ่งที่ฉันพูดไม่ถูกหรือไง? งั้นคุณก็เถียงฉันสิ”
พูดแล้ว เซี่ยอันน่าก็กำลังจะดึงเข็มออกและพร้อมเดินออกไป
เสี่ยวอวี้หลินหยุดพฤติกรรมบ้าๆ ของเธอ เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณเป็นบ้าอะไร รีบนอนลงไปเลย”
“ฉันไม่ใช่แมวไม่ใช่หมาที่จะทำตามคำสั่งของคุณ”
เสี่ยวอวี้หลินจับไหล่เซี่ยอันน่าไว้ด้วยสีหน้าจริงจัง “หมาแมวงั้นเหรอ? เซี่ยอันน่า สำหรับคุณผมไม่ใช่แค่สนุกไปวันๆนะ”
“งั้นมันคืออะไร?”
“คือ…คือ…”
ทันใดนั้นเสี่ยวอวี้หลินก็พูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าต้องพูดอย่างไร
สำหรับเซี่ยอันน่าเขามีความรู้สึกแบบไหนให้กับเธอ?
ชอบเหรอ?
ก็ดูเหมือนจะมีนิดหน่อยนะ
แต่ก็เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ไม่ได้มากมาย
เสี่ยวอวี้หลินหาข้ออ้างที่น่าเชื่อถือให้กับตัวเอง จากนั้นพูดออกไปอย่างมั่นใจ “ผมไม่ชินกับการที่คุณทำตัวโง่ให้คุณอื่นค่อยกลั่นแกล้ง เลยอยากปกป้องคุณ”
“ฉันไม่ต้องการ ตราบที่คุณไม่มายุ่งวุ่นวายกับฉัน ชีวิตฉันก็คงไม่ลำบากขนาดนี้”
“ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ!”
เซี่ยอันน่ากลับไม่ได้ซาบซึ้งในบุญคุณ “แต่หลังจากที่ฉันได้รู้จักกับคุณ ชีวิตฉันก็ลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันไม่ได้คิดว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่นะ”
“เซี่ยอันน่า ที่คุณกำลังเมินผมใช่ไหม!”
เธอหลับตาลง น้ำเสียงของเซี่ยอันน่าดูเศร้าขึ้นเล็กน้อย “คุณเป็นชายหนุ่มอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ฉันจะกล้าชอบคุณได้ยังไง? อย่างมาก แค่เป็นเพื่อนกับคุณฉันยังไม่สมควรด้วยซ้ำ”
“ผมคิดว่าคุณมีคุณสมบัติเพียงพอนะ”
“งั้น ฉันขอสละมันทิ้งได้ไหม?”
เสี่ยวอวี้หลินพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้!”
เซี่ยอันน่ายิ้มเบาๆ “คุณดูสิ คุณเรียกฉันมาฉันก็มาบอกให้ไปฉันก็ไป เป็นไก่ในกำมือของคุณ”
เสี่ยวอวี้หลินอยากจะบ้าตายจริงๆ ที่เขาพูดออกไปก็ชัดเจนแล้ว ทำไมผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจนะ? หัวขี้เลื้อยจริงๆเลย!
ดวงตาของเสี่ยวอวี้หลินถลนออกมา พูดด้วยความโมโห “เซี่ยอันน่า คุณเป็นผู้หญิงหรือเปล่า คุณดูไม่ออกเหรอว่าผมเป็นห่วงคุณแค่ไหน!”
“ดูออก”
“งั้นคุณก็ตั้งใจพูดเรื่องโง่ๆ พวกนั้นออกมา คุณตั้งใจยั่วโมโหผมใช่ไหม!”
เซี่ยอันน่าส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันกล้าซะที่ไหนล่ะ ตอนนี้ฉันเป็นแค่ของเล่นที่คุณสนใจมากกว่า หรือว่าเป็นของที่คอยปรับทุกข์เวลาคุณผิดหวังกับความรัก คุณมีความสุข ฉันก็ต้องมีความสุขกับคุณ คุณไม่มีความสุข ฉันก็ต้องไสหัวตัวเองไปเพื่อไม่ทำให้คุณต้องอารมณ์เสีย”
เสี่ยวอวี้หลินจ้องมองแววตาของเซี่ยอันน่าที่อยู่ใกล้ๆ “ถ้าคุณเป็นแค่ของเล่นจริงๆ งั้นทำไมผมต้องสนใจว่าคุณจะเป็นหรือตาย ไม่มีคุณผมก็หาคนที่เชื่อฟังผมไม่ดีกว่าเหรอ!”
เซี่ยอันน่าเงยหน้าขึ้นมองทันที จ้องมองไปที่เสี่ยวอวี้หลิน แล้วเอ่ยถามขึ้น “งั้นคุณก็พูดมาสิว่าฉันเป็นอะไรกับคุณ?”
เสี่ยวอวี้หลินพูดไม่ออก เขาครุ่นคิดถึงมันแล้วพูดออกไปอย่างคลุมเครือ “เป็น…มันไม่เหมือนกัน”
เซี่ยอันน่ายังคงถามต่อไป “ไม่เหมือนตรงไหน?”
นึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆ หลังจากที่ทั้งสองได้พบกัน เสี่ยวอวี้หลินค่อยๆพูดขึ้น “คุณได้รับบาดเจ็บ ผมก็เป็นห่วง คุณไม่มีความสุข ผมก็อยากให้คุณมีความสุข เมื่อเห็นคนอื่นทำร้ายคุณ ผมก็โกรธจนอยากจะฆ่าใครสักคน เมื่อมีคนรังแกคุณ ผมก็อดไม่ได้ที่จะตัดสินใจแทนคุณ”
เสี่ยวอวี้หลินพูอย่างจริงจัง จริงจังเสียจนเซี่ยอันน่าไม่มีทางที่จะไม่เชื่อคำพูดของเขา
ในแววตามีความหวังเล็กน้อย เซี่ยอันน่าถามขึ้น “แบบนี้ คุณคิดว่ามันสื่อถึงอะไร?”
ในใจของเสี่ยวอวี้หลิน ดูเหมือนว่าจะมีคำตอบผุดขึ้นมาแล้ว
แต่เขาไม่อยากยอมรับ ไม่อยากยอมรับว่าเขาถูกดึงดูดด้วยสาวผมสีทองคนนี้ หันไปพูดว่า “ผมจะรู้ได้ยังไง ยังไงมันก็ไม่เหมือนกัน”
“เสี่ยวอวี้หลิน ฉันกลัวมาก”
“กลัวอะไร ใครจะทำร้ายคุณอีก?”
“คุณ”
เสี่ยวอวี้หลินทำอะไรไม่ถูก “ผม? ตลกล่ะ ผมเพียงแค่ปกป้องคุณแค่นั้น”
เซี่ยอันน่าส่ายหัวและพูดว่า “คนอื่นทำร้ายฉัน ฉันใช้เกราะตัวเองป้องกันตัวเองได้ แต่คุณมันต่างออกไป คุณใช้มีดแทงหัวใจของฉัน ฉันไม่มีแรงแม้จะขัดขืน”
น้ำเสียงขาดหายไปชั่วขณะ เซี่ยอันน่ารวบรวมความกล้าออกมา พูดต่อว่า “เสี่ยวอวี้หลิน เราอย่าติดต่อกันอีกเลย”
เสี่ยวอวี้หลินชะงักงัน พูดออกไปอย่างลนลาน “พูดมาก คุณจะทำกับผมแบบนี้เหรอ?”
“งั้นคุณต้องการอะไร? คุณเพียงแค่เล่นๆเอาสนุก แล้วต้องการให้ฉันปฏิบัติด้วยความจริงใจงั้นเหรอ? เสี่ยวอวี้หลินฉันก็มีเส้นตายเหมือนกัน”
“คุณมองออกได้ยังไงว่าผมเพียงแค่สนุก?”
“ในใจคุณยังมีคนอื่น คุณยังไม่ลืมอวี๋เวยใช่ไหม ยังจะชอบคนอื่นอีกงั้นเหรอ?”
ฝ่ามือบีบเข้าหากันแน่น เสี่ยวอวี้หลินพยักหน้าแล้วพูด “คุณพูดถูก ผมแค่เล่นสนุก ตอนนี้ผมมองแค่คุณ ขอเพียงแค่คุณอยู่กับผม คุณกล้าที่จะเชื่อไหม?”
แม้ว่าในใจจะเจ็บปวด แต่เซี่ยอันน่าก็ยิ้มอย่างอ่อนหวาน พูดออกไปอย่างโล่งใจ “ในที่สุดคุณก็พูดความจริง แบบนี้ฉันค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย”
เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นแพรวพราวอย่างมาก เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “งั้นคุณก็นอนอยู่ที่นี่ต่อ ผมไม่ได้สั่งห้ามไปไหน”
“ไม่ได้ ฉันยังต้องกลับไปที่มหาวิทยาลัย
“ผมลาป่วยให้คุณแล้ว คุณเพียงแค่พักผ่อนร่างกายก็พอ”
“ลาอีกแล้ว? ครั้งล่าสุดที่ลาไปก็มีข่าวลือออกมามากมาย คราวนี้…”
“ครั้งนี้มีผมอยู่ ไม่มีใครกล้าพูดหรอก”
พูดจบ เสี่ยวอวี้หลินก็หันหลังเดินจากไป ไม่เปิดโอกาสให้เซี่ยอันน่าปฏิเสธอีก
เซี่ยอันน่ามองตามแผ่นหลังของเสี่ยวอวี้หลินไปด้วยสีหน้างงงวย
เธอไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้ บางครั้งก็ทำดีกับเธอ บางครั้งก็พาลใส่เธอ ดาดเดาไม่ได้จริงๆ
แต่เซี่ยอันน่าอยากให้เสี่ยวอวี้หลินทำไม่ดีกับเธอ เช่นนี้ ตอนที่เดินออกไปแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องนึกถึงเขา
หลับตาลง เซี่ยอันน่าสั่งตัวเองว่าอย่าคิดมาก ใจเย็นๆ นิ่งๆ ไว้ก่อน
เซี่ยอันน่าไม่รู้ตัวว่าหลับไปตอนไหน
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืด ท้องก็เริ่มร้องครวญคราง
ดูเหมือนว่าเธอจะหิวแล้ว
เซี่ยอันน่าลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง เตรียมจะออกไปหาอะไรกินสักหน่อย
แม้ว่าสีหน้าจะไม่ค่อยดี และยังเวียนหัวอยู่เล็กน้อย แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กินอิ่มแล้ว ก็พอมีแรงวางแผนหาทางออกไปจากที่นี่ได้
แต่ทันทีที่เซี่ยอันน่าเปิดประตู ก็เจอคุณยายท่านหนึ่งที่ด้านนอกประตู
เซี่ยอันน่าตกใจ แต่คุณยายที่อยู่ตรงข้ามดูใจเย็นอย่างมาก ถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “คุณตื่นแล้ว”
“คุณเป็นใครเหรอคะ?”
“นายน้อยสั่งให้ฉันมาดูแลคุณจ๊ะ เรียกฉันว่าคุณยายฉางก็ได้”
คุณยายฉางพูดแล้วเดินผ่านไปข้างๆเซี่ยอันน่า ขณะที่เดินก็บ่นพึมพำไปด้วย
“นายน้อยบอกว่าให้ฉันมาดูแลผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนแรกฉันก็ตกใจคิดว่านายน้อยทำผู้หญิงท้อง แล้วไม่กล้าเรียนให้คุณพ่อคุณแม่ทราบ จึงแอบให้ฉันมาดูแล”
“จนกระทั้งฉันได้พบกับคุณ จึงโล่งใจขึ้นมา ฉันเลี้ยงนายน้อยมาตั้งแต่เล็กจนโต ปกติแล้วเขาไม่ให้ฉันมาดูแลเรื่องพวกนี้ช่วยเขา แต่เห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ในใจเขา สถานะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ”
เซี่ยอันน่าตอบอย่างอายๆ “คนนั้น หนูก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเธอหรอกค่ะ”
“อืม… ใช่เหรอ?”
คุณยายฉางไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงสามคำง่ายๆ แต่กลับทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกผิด
“คุณหลับมาตลอดจนถึงตอนนี้คงหิวแย่แล้ว มา ฉันเตรียมอาหารเย็นไว้ให้ รีบทานเถอะจ้ะ”
เมื่อคุณยายฉางพูดถึง เซี่ยอันน่าก็มองเห็นถาดที่อยู่ในมือเธอ จึงรีบเอื้อมไปจับเข้ามา ได้กลิ่นหอมเตะเข้าจมูก
“หอมจังเลยค่ะ”
“คุณป่วยอยู่ อาจจะไม่ค่อยอยากอาหาร ฉันทำโจ๊กหมูไข่เยี่ยวม้ามาให้ คุณลองชิมดูว่าจะถูกปากไหม”
เซี่ยอันน่าแทบรอไม่ไหวหยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักไปคำหนึ่ง สีหน้าของเธอพึงพอใจมาก “อร่อยมากเลยค่ะ”
“ชอบก็ทานเยอะๆนะจ้ะ”
คุณยายฉางยิ้มความความรักใคร่เอ็นดู ทำให้คนที่ได้เห็นยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น
หลังจากที่ได้พักผ่อน เซี่ยอันน่าก็เจริญอาหารมาก เธอกินโจ๊กไปสองชามโดยไม่รู้ตัว
คุณยายใจดีท่านนี้ ทำให้คนที่อยู่รอบข้างชอบไปด้วย
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณยายใจดีท่านนี้ อดทนต่อราชาปีศาจอย่างเสี่ยวอวี้หลินได้อย่างไร
“หนูกับนายน้อยเสี่ยวเป็นอะไรกันเหรอจ๊ะ?”
แม้ว่าคุณยายฉางจะอายุมากแล้ว แต่สายตายังแหลมคม เพียงแค่มองดูท่าทีนั้นของเสี่ยวอวี้หลิน ก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แต่คิดว่าด้วยนิสัยของเสี่ยวอวี้หลินแล้ว คงไม่ยอมพูดออกมา ดังนั้นคุณยายฉางจึงมาหาเซี่ยอันน่า เผื่อเธอยอมเปิดปาก
เธอวางช้อนลง เซี่ยอันน่าเงียบไปครู่หนึ่ง “หนูกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ”
“เฮ้อ พวกคุณสองคนทำไมตอบเหมือนกันเลย เห็นว่าฉันแก่แล้วสายตาไม่ดีงั้นรึ?”
คุณยายฉางยิ้มแล้วเอ่ยว่า “แม้นายน้อยเสี่ยวจะทำตัวไม่มีเหตุผล แต่เขาก็เป็นคนที่ไว้ใจได้ ถ้าคุณได้แต่งงานกับเขาต้องมีความสขุมาก”
เซี่ยอันน่าหน้าแดง “คุณยายเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันกับเสี่ยวอวี้หลินไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นต่อกัน คุณยายก็พูดเกินไป”
“ฉันไม่ได้พูดไร้สาระนะ ฉันบอกว่าถ้าหากคุณได้แต่งงานกับเขาคงมีความสุข แต่จะแต่งหรือไม่แต่งคุณก็เป็นคนเลือกเอง”
คุณยายฉางพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ราวกับว่าเธอแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย แต่เซี่ยอันน่าจริงจังกับมัน
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยอันน่าลำบากใจ ก้มหน้าลงเพราะความเขินอาย
หลังจากที่คุณยายฉางเข้ามา เธอจ้องมองไปที่เซี่ยอันน่าตลอดเวลา
คุณยายฉางมองออกเลยว่า เด็กคนนี้นิสัยดี มีความกรุณา ใจดี เมื่อเทียบกับอวี๋เวยคนนั้น ทั้งสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ถ้าเซี่ยอันน่าจะพิชิตใจเสี่ยวอวี้หลินได้ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
เพียงแค่ตอนนี้ ระหว่างทั้งสองมีปัญหากัน ถ้าไม่แก้ไขได้ทันท่วงที เกรงว่าจะกลายเป็นปมในใจ
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของความรู้สึก คนนอกไม่อาจช่วยเหลือได้แม้ว่าจะร้อนใจเพียงใด พวกเขาต้องคิดได้ด้วยตัวเอง
คุณยายฉางถอนหายใจเบาๆ คิดว่าตนเองต้องทำอะไรสักอย่าง กระตุ้นทั้งสองคนให้อย่ามั่วแต่นิ่งเฉย ปล่อยเวลาให้ผ่านไปวันๆ อย่างไร้ค่า
หลังจากอาหารค่ำ เซี่ยอันน่าอยู่คนเดียวในห้องอย่างเบื่อหน่าย
เสี่ยวอวี้หลินก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น มันน่าโมโหจริงๆ
ตามนิสัยของเสี่ยวอวี้หลินแล้ว เขาไม่ปล่อยเซี่ยอันน่าไปแน่ คงกักตัวเธอไว้ตลอด
ช่วงนี้เซี่ยอันน่าไม่รู้จะทำอะไร มหาวิทยาลัยก็ลาไปแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็เหมือนเดิม
และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเธอไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัย ข่าวลือเหล่านั้นจะได้ค่อยๆ จางหายไป เธอรอที่จะกลับไป บางทีพายุลูกนั้นคงผ่านไปแล้ว
เร็วๆนี้จะมีการสอบ แต่เซี่ยอันน่าไม่มีเอกสารอะไรติดตัวมาด้วยเลย นี่สิปัญหา
เซี่ยอันน่าครุ่นคิด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรออก
“ฮัลโหวฉีฉี ช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
“เฮ้ อันน่าแกไปไหนมา ทำไมยังไม่กลับ”
“เอ่อ ฉันไม่สบาย ตอนนี้อยู่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง พรุ่งนี้แกช่วยเอาเอกสารมาให้ฉันหน่อยได้ไหม ใกล้จะสอบแล้ว ฉันยังไม่ได้ทบทวนเลย ฉันกลัวว่าจะสอบตก”
“โอเคๆ แกอยู่ที่ไหน ตอนบ่ายไม่มีเรียนฉันเอาไปส่งให้แกได้”
เซี่ยอันน่าบอกที่อยู่ให้กับฉีฉี จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ไป
หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ทำไมยิ่งคิดอยากหนี เธอยิ่งจมอยู่กับมัน ยิ่งคิดต้องการหลีกเลี่ยง ก็ยิ่งพัวพันกันยุ่งเหยิ่งไปหมด? การทรมานและการทดสอบนี้ เมื่อไหร่จะถึงจุดสิ้นสุด?
เซี่ยอันน่าถอนหายใจเบาๆ เกยคางไว้บนหัวเข่า สีหน้าเรียบเฉย
อีกด้าน
คุณยายฉางที่ออกมาจากห้องของเซี่ยอันน่า เดินเข้าไปที่ห้องครัว
แต่เมื่อถึงประตูห้องครัว เธอก็มองเห็นเสี่ยวอวี้หลิน
เขายืนกอดอกพิงประตู เสี่ยวอวี้หลินกะแอ่มในลำคอเบาๆ แล้วถามขึ้นว่า “เอ่อ เซี่ยอันน่าทานข้าวหรือยัง?”
“กินแล้วค่ะ เจริญอาหารไม่น้อย กินเยอะมาก”
เมื่อเสี่ยวอวี้หลินได้ยินแบบนั้นก็ส่งเสียง “ฮึ”ในลำคอ แล้วพูดว่า “ยัยเด็กนี้ไม่คิดอะไรมากจริงๆ”
“คุณชายเสี่ยว ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด ก่อนหน้านี้คุณให้ฉันทำอาการดีๆ ให้ทาน และต้องทำให้คุณหนูเซี่ยทานเยอะๆด้วย และเธอก็กินเยอะแล้ว ทำไมคุณยังดูไม่มีความสุขอีกล่ะ?
“ผมไม่ดีใจ ก็ใช่ ผมแค่พูดไปเท่านั้นเอง อืม ดึกแล้ว ผมจะกลับไปนอนแล้ว คุณยายก็รีบพักผ่อนเถอะ”
พูดจบเสี่ยวอวี้หลินก็หันหลังเดินจากไป
คุณยายมองตามแผ่นหลังเสี่ยวอวี้หลินไป แล้วยิ้มอย่างจนปัญญา
วันต่อมา
ฉีฉีตามที่อยู่มาเพื่อมาหาเซี่ยอันน่า
คนรับใช้พาฉีฉีไปที่ห้องของเซี่ยอันน่า ชาและของว่างถูกนำมาเสิร์ฟให้ทั้งสองคน
ตอนที่มีคนรับใช้อยู่ด้วย ฉีฉีแสร้งทำท่าทีเป็นเคร่งขรึม
แต่พอคนรับใช้ออกไป เธอเกิดตื่นเต้นขึ้นมาราวกับเป็นคนละคน
“ที่นี่สวยมาก มีแม้กระทั่งคนรับใช้คอยปรนบัติแก อันน่าตอนนี้แกเหมือนกำลังอยู่ในโทรทัศน์เลย ได้รับบทเป็นคุณย่าน้อย มีความสุขจังเลย”
เซี่ยอันน่ายิ้มเล็กน้อย พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “มีความสุขงั้นเหรอ? ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย”
“มีสักกี่คนที่เคยได้ใช้ชีวิตแบบแก ไม่คอยกังวลว่าจะกินอะไรใส่อะไร มีคนรับใช้คอยดูแล แฟนก็หล่อมากๆ สมบูรณ์แบบจะตาย”
เซี่ยอันน่ามองไปที่ฉีฉีด้วยสีหน้าจริงจัง พูดแก้ว่า “ฉีฉี เสี่ยวอวี้หลินไม่ใช่แฟนของฉัน”
ฉีฉีกระพริบตาปริบๆ ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “เขาดีกับแกขนาดนี้ ยังจะบอกว่าไม่ใช่แฟนอีกเหรอ?”
“เขาดีกับฉัน เพราะ…” คำพูดติดอยู่ที่ปาก เซี่ยอันน่าพูดออกมาไม่ได้ เพราะแบบนั้นจะแสดงความเศร้าของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน หันกลับไปพูดเบาๆว่า “ช่างเถอะ พูดไปแกก็ไม่เข้าใจหรอก”
“แกก็อย่าคิดมากเกินไปสิ”
ฉีฉีหยิบขนมเข้าปาก แล้วรับประทานอย่างมีความสุขด้วยสีหน้าพึงพอใจอย่างที่สุด