วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 468 มีพัฒนาการ
“จะว่าไปก็ถูก”เซี่ยอันน่าคิดอยู่แป๊บหนึ่งแล้วถามอีกว่า “ถ้ามีโอกาสเธอจะเอาคืนวู่จิ่งยังไง”
“ตาต่อตาฟันต่อฟัน” ฉีฉีวางส้อมลงและถามอย่างสงสัย “เซี่ยอันน่าทำไมเธอถามคำถามแปลกๆแบบนี้”
เซี่ยอันน่ารีบยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไรฉันแค่สมมติ”
“งั้นก็อย่าเอาเวลาไปเสียกับคนอย่างนั้นเลยไม่มีประโยชน์”
“แต่วู่จิ่งทำร้ายเธอยังไงก็ต้องถูกลงโทษ ฉันก็เลยคิดอยู่ว่าบทลงโทษไหนถึงจะพอดี”
“เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เธอไม่ต้องกังวลใจ แต่เธอต้องถูกควบคุมตัวแน่”
อันน่าก้มหน้าลงและพูดเบาๆ “ถ้ามันมากกว่านั้นล่ะ”
“อะไร”
เธอหันไปยิ้มให้ฉีฉีและพูด “พวกเราไม่ต้องพูดถึงเธอแล้ว ฉันช่วยหวีผมดีกว่า จะกลายเป็นรังนกอยู่แล้ว”
พูดจบเธอก็เดินมาข้างหลังฉีฉีเพื่อช่วยหวีผม
นิ้วมือของเซี่ยอันน่าค่อยๆไล้ไปทั่วหัวของฉีฉี ฉีฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเซี่ยอันน่ามีอะไรในใจ
เมื่อฉีฉีหลับลงแล้ว เซี่ยอันน่าจึงออกมาจากห้อง สูดอากาศที่สวนชั้นล่าง
ขณะที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวก็มีคนมานั่งข้างเธอและถามว่า “ข้างเธอมีคนนั่งอยู่ไหม”
เมื่อได้ยินเสียงนี้เซี่ยอันน่าก็ตกตะลึง เงยหน้าขึ้นไปก่อนจะเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของคนคนหนึ่ง
“คุณเย่”
คนที่นั่งอยู่ข้างเซี่ยอันน่าก็คือเย่ชูวเสวี่ย
“นี่ฉันให้เธอเรียกว่าชูวเสวี่ยไม่ใช่หรอ ทำไมเรียกห่างเหินขนาดนั้น”
เซี่ยอันน่าเม้มปากเล็กน้อย และพยักหน้าลง จากนั้นก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้เธอจึงถามอย่างกังวล “ชูวเสวี่ยเธอมาอยู่นี่ได้ยังไง ไม่สบายหรอ”
“เปล่า ฉันได้ยินมาว่าเธอมีปัญหา ก็เลยอยากมาดู การดูแลคนป่วยลำบากมาก ให้ฉันช่วยหาพยาบาลให้ไหม”
“ที่นี่มีพยาบาลพิเศษ เสี่ยวอวี้หลินหาไว้ให้แล้วเธอไม่ต้องกังวล”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเย่ชูวเสวี่ยก็รู้สึกแปลกใจมาก
“ว้าว คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวอวี้หลินจะเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คงมีแต่กับเธอสินะที่เขาจะใส่ใจและอดทนได้มากขนาดนี้”
คำพูดของเย่ชูวเสวี่ยทำให้เซี่ยอันน่าได้แต่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แค่แป๊บเดียวเซี่ยอันน่าก็นึกอะไรขึ้นได้จึงถาม “ใช่สิฉันลามานาน ร้านขนม….”
“เธอไม่ต้องห่วง ตรงนั้นปกติดี มีคนมาทำงานแทน เธอยุ่งเรื่องของตัวเองก็พอ”
หลังจากได้ยินอย่างนั้นเซี่ยอันน่าก็พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษจริงๆ ตอนแรกว่าจะตั้งใจทำงาน แต่ก็เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น”
“เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น แต่ช่วงนี้อุบัติเหตุของเธอดูจะเยอะเป็นพิเศษ”
การแสดงออกของเย่ชูวเสวี่ยมีความหมายอะไรบางอย่าง
แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้คิดมาก เธอพยักหน้าตาม “ใช่ ฉันโชคร้ายมาก”
“นี่ไม่ใช่เพราะความโชคร้าย มีคนตั้งเป้ามาที่เธอ”
“ก็คือวู่จิ่งไม่ใช่หรอ เธอโดนจับไปแล้ว คงมาก่อเรื่องกับฉันไม่ได้อีกแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเย่ชูวเสวี่ยก็คิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่พูด
เธอยืนขึ้นตบไหล่เซี่ยอันน่า “โอเค ไม่ต้องห่วงเรื่องร้านขนมนะ รอทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้วค่อยกลับไปทำงาน”
“โอเค ทราบแล้วค่ะ”
“เธอก็ดูแลตัวเองดีดีนะ อย่าเพลียเกินไปละ”
“สบายใจได้”
เย่ชูวเสวี่ยยิ้มให้เซี่ยอันน่าอีกครั้งและเดินจากไป
แต่เธอไม่ได้ขับรถออกไปจากโรงพยาบาล เธอยังคงจอดเอาไว้ตรงลานจอดรถ
ตรงนั้นมีคนคนหนึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่
เย่ชูวเสวี่ยเดินมายืนข้างเสี่ยวอวี้หลิน และหัวเราะเยาะว่า “นายเปลี่ยนเป็นคนเชื่อฟังอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้จักเป็นห่วงคนอื่น บอกมาว่าทำไมต้องใช้ฉันออกหน้า”
“เซี่ยอันน่ามีอุปสรรคในใจ ฉันหวังว่าจะมีคนช่วยเธอได้”
“นายหมายถึงความวิตกในใจใช่ไหม ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก เมื่อกี้ฉันไปหาเธอมาแล้ว สภาพจิตใจของเธอยังโอเคอยู่ ไม่ได้แย่ขนาดนั้น นายสบายใจได้”
เสี่ยวอวี้หลินพยักหน้าและพูด “วันนี้ขอบใจมาก”
เย่ชูวเสวี่ยเกาจมูกและเตือนเขา “เสี่ยวอวี้หลิน บางทีนายโหดกว่านี้อีกหน่อยก็ได้นะ”
“โหดหรอ”
“นี่ ตัวนายก็น่าจะรู้ตัวดี”
เย่ชูวเสวี่ยพูดแปลกๆเสร็จก็ขับรถออกไป
“ต้องการจะพูดอะไรกันแน่”
เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นก็ยิ้มออกมา
…..
เพื่อให้เรียนทัน เซี่ยอันน่าจึงยืมเล็คเชอร์ของเพื่อนมาจด เธอกลับไปโรงเรียนทุกสองสามวันเพื่อเอาเนื้อหามาเรียนกับฉีฉี
แล้ววันนี้เซี่ยอันน่าก็กลับไปเอาเล็คเชอร์อีกครั้ง เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูเธอก็ได้กลิ่นหอมของดอกลิลลี่
ตอนที่เซี่ยอันน่าอยู่ เธอจะไม่ปักดอกลิลลี่ไว้ในห้อง เพราะฉีฉีไม่ชอบกินดอกลิลลี่
พยาบาลผู้ช่วยก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นในห้องจึงไม่มีทางมีกลิ่นของดอกลิลลี่
วันนี้มีคนมาเยี่ยมฉีฉีหรอ
เซี่ยอันน่าเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเห็นดอกลิลลี่บนโต๊ะ
“ฉีฉีวันนี้มีคนมาหรอ”
“ใช่”
ฉีฉีตอบพร้อมกับยื่นปากไปข้างหลังโกรธๆ
เซี่ยอันน่าหันหน้าไปมอง ก่อนจะเห็นซู่เฉียวเฉียวปรากฏตัวขึ้น
ซู่เฉียวเฉียวกำลังช่วยฉีฉีจัดเสื้อผ้าอยู่
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าจึงยิ้มให้ “ฉันเห็นฉีฉีได้รับบาดเจ็บจึงมาเยี่ยม”
แต่ฉีฉีกลับไม่รับน้ำใจ เธอหันหน้าไปอีกข้าง “เธอก็รู้ไม่ใช่หรอว่าฉันเจ็บเพราะใคร ไม่ต้องมาเสแสร้งแถวนี้”
คำพูดของฉีฉีทำให้ซู่เฉียวเฉียวรู้สึกอึดอัด
แต่เธอก็ไม่คิดจะจากไป ยังคงหน้าด้านอยู่ต่อไป
“วู่จิ่งไม่ถูก ฉันก็หวังว่าฉันจะได้ช่วยดูแลฉีฉีเพื่อชดใช้ความผิดของเธอ”
ซู่เฉียวเฉียวแสดงท่าทีอ่อนลง แต่ฉีฉีก็ไม่รับน้ำใจ เธอพูดอย่างเย็นชา “กว่าฉันจะมีชีวิตมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาดูแล”
“ฉัน…..”
เซี่ยอันน่าพูดขัดคำพูดของซู่เฉียวเฉียว “เธอกลับไปก่อนเถอะ เธออยู่ก็ไม่ช่วยอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้ และฉีฉีก็ต้องการความสงบ เธออยู่ที่นี่ฉีฉีจะสบายใจได้ยังไง”
ซู่เฉียวเฉียวหลุบตาลง และยืนขึ้นอย่างทำอะไรไม่ได้ “โอเคงั้นฉันกลับก่อน แต่เซี่ยอันน่าเธอไปส่งฉันหน่อยได้ไหม”
เซี่ยอันน่ารู้ว่าซู่เฉียวเฉียวมีอะไรจะพูดกับเธอ
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็เดินตามไป
เมื่อเดินไปถึงบริเวณที่ไม่มีคน ซู่เฉียวเฉียวก็หันหน้ากลับมาจับมือของเซี่ยอันน่า และพูดอย่างวิงวอน เซี่ยอันน่าขอร้องล่ะ ช่วยขอร้องเสี่ยวอวี้หลินให้หน่อยได้ไหม ถ้าเขาไม่รามือ วู่จิ่งต้องตายแน่”
เซี่ยอันน่าตกใจถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“วู่จิ่งพยายามทำร้ายเธอ และก็ได้ถูกจับตัวไปแล้ว ได้รับการลงโทษแล้ว แต่เสี่ยวอวี้หลินก็ยังคงเอาคืนแทนเธอ เขาสั่งให้คนในนั้นไปสั่งสอนวู่จิ่ง แต่ด้วยวิธีการไหนฉันก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เธอเป็นบ้าแล้ว เธอไม่ได้เป็นคนปกติอีกต่อไปแล้ว”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปวู่จิ่งต้องบ้าจริงๆแน่ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนรวมชั้นกัน เธอช่วยไปขอร้องเสี่ยวอวี้หลินให้หน่อยได้ไหม อย่าให้เขาทำอะไรวู่จิ่งอีกเลย”
เมื่อได้ยินข่าวนี้เซี่ยอันน่าก็รู้สึกตกใจมาก
แต่เธอก็สงบลงอย่างช้าๆ เมื่ออยู่ภายใต้สายตาจับจ้องของซู่เฉียวเฉียว
เซี่ยอันน่าพูดทั้งที่ยังมองไปที่พื้น
“คนที่เธอควรไปหาคือฉีฉี ไม่ใช่ฉัน เพราะคนที่นอนเจ็บอยู่ตอนนี้คือฉีฉี”
“แต่เสี่ยวอวี้หลินออกหน้าแทนเธออยู่นะ และก็มีแค่เธอคนเดียวที่สามารถห้ามเขาได้”
“เธอประเมินฉันสูงเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้สนิทกับเสี่ยวอวี้หลิน และฉันก็ไม่ได้หน้าด้านขนาดไปโน้มน้าวเขา”
ซู่เฉียวเฉียวขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ “เธอเห็นคนตายอยู่ต่อหน้าโดยไม่ช่วยงั้นหรอ”
“ทำไมฉันต้องช่วยด้วย”
คำพูดนี้ทำให้ซู่เฉียวเฉียวตะลึง
“ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการรักษาทันเวลา ฉีฉีอาจจะตายไปแล้ว ตาต่อตาฟันต่อฟัน มันยุติธรรมแล้ว”
คิดไม่ถึงว่าเซี่ยอันน่าจะเย็นชาขนาดนี้ ซู่เฉียวเฉียวพูดด้วยความโกรธ “แต่ฉีฉีก็ไม่เป็นอะไร วู่จิ่งก็ได้รับโทษในคุกแล้ว ยังไม่พออีกหรอ”
“ไม่พอ”
เซี่ยอันน่าพูดเสียงดังขึ้น สายตาเย็นชาของเธอเปลี่ยนไปเป็นอีกคน
“ที่ฉีฉีไม่เป็นอะไรเพราะว่าเธอโชคดี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับวู่จิ่งเลย เธอไม่ต้องมาหาฉันแล้ว ฉันไม่มีทางเปลี่ยนความตั้งใจ ถ้าเธออยากเธอก็ไปหาเสี่ยวอวี้หลินเอง เสี่ยงเอาแล้วกัน”
ซู่เฉียวเฉียวอยากไป แต่เธอก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวอวี้หลิน ถ้าเธอไปก็เหมือนไปแกว่งเท้าหาเสี้ยน
เซี่ยอันน่าก็น่าจะรู้ แต่เธอก็ยังจะให้คำแนะนำอย่างนี้ เหมือนว่าเธอกำลังดูถูกเธออยู่
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ซู่เฉียวเฉียวก็กำหมัดขึ้นมา
“ประตูใหญ่อยู่ข้างหน้า เธอไม่จำเป็นต้องให้ฉันนำทางแล้วมั้ง ฉีฉีก็ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาเยี่ยมเช่นกัน อย่าให้ทุกคนต้องลำบากใจเลย”
พูดจบเซี่ยอันน่าก็หันหลังเดินจากไป
ซู่เฉียวเฉียวได้แต่มองตามหลังหันหน้าไปด้วยความโกรธ
“เซี่ยอันน่าเธอโหดเหี้ยมจริงๆ”
เธอด่าจบก็เดินออกไปจากโรงพยาบาล
เสี่ยวอวี้หลินเดินมาถึงห้องคนไข้ ก็ทันเห็นซู่เฉียวเฉียวคิดจะทำอะไรบางอย่าง
เมื่อเขาเห็นเซี่ยอันน่าก็เดินเข้าไปในห้องเช่นกัน เขาก็อยากไปพาตัวเธอออกมามาก
ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนใจอ่อน ถูกหลอกล่อได้ง่ายมาก
ความสัมพันธ์ของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ถ้ามีคนเข้ามายั่วยุอยู่อีก มันก็จะอยู่ในจุดอันตราย
แต่สิ่งที่ทำให้เสี่ยวอวี้หลินคาดไม่ถึงก็คือ ครั้งนี้เซี่ยอันน่าสงบมาก ทำให้ซู่เฉียวเฉียวหุบปากด้วยวิธีการที่สวยงาม
เซี่ยอันน่าในรูปแบบนี้น่าชื่นชมจริงๆ
เมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าของเซี่ยอันน่าเขาก็หยุดลง
เซี่ยอันน่ากำลังก้มหน้าคิดอะไรอยู่ เพราะไม่ระวังจึงโดนชนกับเสี่ยวอวี้หลิน
“ขอโทษค่ะ ฉัน…..”
เซี่ยอันน่ารีบขอโทษฝ่ายตรงข้าม เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจึงเห็นเขากำลังยิ้มอยู่
เสี่ยวอวี้หลิน
“นี่คุณเดินไม่มีเสียงรึไง”
“มี แต่คุณมัวแต่คิดอะไรอยู่ก็เลยไม่ได้ยิน”เขามองไปที่เซี่ยอันน่าและถามด้วยรอยยิ้ม “เห็นหน้าผมไม่มีอะไรอยากพูดหรอ”
“ฉันควรจะพูดอะไร”
“ผมคิดว่าคุณจะมาร้องขอชีวิตแทนคนอื่นซะอีก”
เซี่ยอันน่าพูดอย่างสงบ “คนบางคนก็ร้ายเข้ากระดูกดำแล้ว ไม่มีค่าให้ฉันต้องเสียปากพูด”
“ใช้ได้นิ มีพัฒนาการ”
ระหว่างที่เขาพูดเขาก็ยื่นมือไปลูบหัวของเธอ ราวกับกำลังชมเด็กตัวเล็กๆอยู่
ความรู้สึกนี้น่าเขินมาก
เซี่ยอันน่าหน้าแดงจากนั้นก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
เธอขมวดคิ้วเงยหน้ามองเขา “คุณรู้ได้ยังไงว่าซู่เฉียวเฉียวมาหาฉัน”
“ผม….”
“คุณให้คนของคุณมาแฝงตัวอยู่ไหนโรงพยาบาลหรอ”
เสี่ยวอวี้หลินถูจมูกอย่างยอมรับกลายๆ
“มีคนต้องการจะทำร้ายคุณ ผมก็แค่มาปกป้อง”
เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก “มีคนคิดจะทำร้ายฉันอีกแล้วหรอ ฉันไปทำอะไรให้ใครอีก ทำไมเอาแต่โชคร้ายอย่างนี้”
“ไม่ต้องห่วงผมจะจัดการแทนคุณเอง”
เสี่ยวอวี้หลินต้องการจะปกป้องเธอ แต่เธอกลับพูดว่า “ฉันอยากรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร”
เสี่ยวอวี้หลินส่ายหน้า “คนอย่างคุณไม่ควรรับรู้เรื่องพวกนี้ เรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง”
“จากนั้นก็ให้ฉันติดหนี้บุญคุณคุณหรอ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ”
“คุณนี่นะตอนที่ควรฉลาดดันไม่ฉลาด ตอนที่ควรจะโง่หน่อยดันฉลาด”
เขายื่นมือไปดีดหน้าผากของเธอด้วยความเอ็นดู
วันนี้เขาเป็นอะไรไป
เซี่ยอันน่ารู้สึกว่าเขาเดาใจยากมาก เธอจึงถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคน
แต่ไม่ว่าเซี่ยอันน่าจะถอยหลังไปเท่าไหร่ เสี่ยวอวี้หลินก็ขยับตามเธอมาเท่านั้น บรรยากาศเหล่านั้นยังคงอบอ้วนอยู่รอบตัวเธอ
ทั้งสองคนเดินมาจนกระทั่งเซี่ยอันน่าไม่มีทางถอยไปได้อีก เธอจึงหยุดเท้าลง
เซี่ยอันน่าจับคอเสื้อของตัวเองแล้วพูดว่า “ไม่ว่ายังไงก็ขอบคุณนะ”
“ขอแค่คุณคิดได้ก็พอ ที่ผมทำพวกนี้ก็เพื่อคุณ”
น้ำเสียงที่อ่อนลงทำให้หัวใจของเซี่ยอันน่าอ่อนลง
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และถามเสี่ยวอวี้หลิน “ทำไมถึงทำดีกับฉันขนาดนี้ ฉันวุ่นวายขนาดนี้ เสียเวลาคุณมาก คุณต้องรู้สึกว่ามันน่ารำคาญสิถึงจะถูก”
“ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมว่างมาก”
เขายังคงตอบอย่างเดิมทำให้สายตาของเซี่ยอันน่าแสดงความผิดหวังออกมา
ความรู้สึกนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว โดยที่เสี่ยวอวี้หลินไม่ทันได้สังเกตุเห็น
เขามองไปที่ไกลๆ สองมือสอดเข้ากระเป๋ากางเกง และพูดด้วยเรียบๆว่า “ผมได้ยินหมอบอกว่า อาการของฉีฉีคงที่มาก คุณพักผ่อนหน่อยก็ดี”
“ฉันไม่เหนื่อย ไม่อยากพักผ่อน”
“แต่ผมเหนื่อยมากเพราะเรื่องของคุณ ทำให้ผมยุ่งตลอด คุณเป็นเจ้าของเรื่องช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม”
เซี่ยอันน่ายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณเป็นถึงคุณชายหมายเลขหนึ่งในเมืองหลวง คนที่อยากอยู่กับคุณ ต่อแถวยาวจนตกทะเลไปแล้วมั้ง”
“แต่ผมไม่อยากให้พวกเธอมาอยู่เป็นเพื่อน ผมอยากให้คุณอยู่กับผม คุณบอกผมมาแค่คำเดียวว่าจะไปไม่ไป”
เซี่ยอันน่าอยากปฏิเสธมาก
แต่เมื่อคิดดูแล้ว เขาช่วยเธอเยอะขนาดนั้น
ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาในครั้งนี้จะเพราะอะไร แต่สุดท้ายมันก็ทำให้ฉีฉีปลอดภัย
ถ้ามองจากตรงนี้ เธอควรจะทำดีกับเสี่ยวอวี้หลินหน่อย ถึงจะทำตามที่ขอไม่ได้ อย่างน้อยก็ทำจนสุดความสามารถ
เมื่อคิดได้ตรงนี้เธอก็ถามว่า “คุณจะไปไหน”
เมื่อเซี่ยอันน่าพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าเธอตกลงแล้ว