วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 474 กลยุทธ์และการรับมือ
“ครั้งนี้พวกเรามีตาหามีแววไม่ ขอให้คุณให้โอกาสอีกครั้ง หลังจากนี้ จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
“ตกลง ใครใช้ให้พวกคุณเป็นญาติอันน่าล่ะ ฉันก็แค่เมตตา แต่จำไว้ว่า ถ้าหากยังมีครั้งหน้าอีก ฉํนจะทำให้พวกแกตายอย่างอนาถแน่นอน”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวอวี้หลินก็พาคนออกไปจากห้อง
เมื่อเสี่ยวอวี้หลินจากไป หลังของลูกพี่ลูกน้องชายก็เปียกโชก
เขาทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ตัวเขาทั้งตัวแทบจะพังทลาย
ถึงแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับนักข่าว ลูกพี่ลูกน้องชายก็ไม่ได้ตกใจแบบนี้ ป้ารู้สึกแปลกๆ จึงพูดขึ้นว่า:“ ลูกชาย……”
ป้ายังไม่ทันพูดจบ จู่ๆลูกพี่ลูกน้องชายก็ลุกขึ้น เขาเกือบจะทรุดตัวลงและพูดว่า: “คุณหยุดทำให้ผมเดือนร้อนสักทีได้ไหม !คุณคิดจะส่งคนผมดำไปตายใช่ไหม !”
“เสี่ยวอวี้หลินคนนั้น มันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ ?”
“ยิ่งกว่าเก่งกาจอีก ในเมือง มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าเผชิญหน้ากับเขา”
หลังจากถูกตัดนิ้วไป ลูกพี่ลูกน้องชายก็ไม่พอใจ และหาทางที่จะสร้างปัญหาให้เสี่ยวอวี้หลิน
แต่เขายังไม่ทันได้ลงมือ เขาก็ล้มเลิกความคิดโง่ๆแบบนี้
เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวอวี้หลิน และไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ได้ด้วย พวกเขาทั้งสองคนแตกต่างกันราวกับเมฆและดินโคลน ลูกพี่ลูกน้องชายไม่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเสี่ยวอวี้หลิน
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องชายพูด ป้าก็ขมวดคิ้วและบ่นพึมพำว่า:“ ผู้มีอำนาจแบบนี้ เซี่ยอันน่าไต่เต้าขึ้นไปได้ยังไง สถานะของเธอไม่ได้สูงส่งไปกว่าคุณมากนักนะ”
“ผมไม่สนว่าเธอจะไต่เต้าไปยังไง ผมแค่อยากอยากทำลายความสัมพันธ์ อย่าโกรธกันเลยนะ”
ป้ายิ้มและพูดว่า:“ เจ้าลูกชาย มีเรื่องดีแบบนี้ จะไปทำลายความสัมพันธ์ได้ยังไงกันล่ะ ?”
“หมายความว่ายังไง ?”
“ในเมื่อเซี่ยอันน่าสามารถพูดต่อหน้าเสี่ยวอวี้หลินได้ ถ้างั้นก็ให้เธอพูดคำหวานแทนคุณไง ให้คุณได้ใช้ชีวิตดีๆไง”
ลูกพี่ลูกน้องชายตาเป็นประกาย แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาส่ายหัวและพูดว่า:“ ผมทำให้พวกเขาขุ่นเคืองไปแล้ว พวกเขาจะช่วยผมได้ยังไงล่ะ ”
“ไอ่หยา เป็นญาติกัน มีอะไรขุ่นไม่ขุ่นเคืองกัน และอีกอย่าง เมื่อก่อนพวกเราก็เคยไปขอเงิน พวกเขาก็หาเหตุผลมาไม่ให้เงิน ตอนนี้ ขอแค่ไม่เกลียด พวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธ ถ้าหากว่าคุณมีโอกาสเข้าออกบริษัท ถ้าพูดไป ก็คงจะมีโอกาสเจอหน้ากันมากขึ้น”
“พูดแบบนั้น แต่ว่า……..”
“ถ้าคุณรู้สึกอาย งั้นฉันเอง”
เขามองไปที่แม่ตัวเองอย่าสงสัย ลูกพี่ลูกน้องชายถามว่า:“ คุณสามารถจัดการได้ดีใช่ไหม ?”
“พูดแบบนี้ได้ยังไง วางใจเถอะ ให้แม่จัดการ ฉันจะช่วยคุณแก้ปัญหาแน่นอน !”
……
หลังจากเสร็จสิ้นงานในวันนี้ เสี่ยวอวี้หลินมารับเซี่ยอันน่า และส่งเธอกลับโรงเรียนด้วยตัวเอง
เซี่ยอันน่าพิงกระจกรถมองไปที่ไฟถนนข้างนอก ด้วยความงุนงง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามือของเธอเย็น
เมื่อมองลงไป ก็คือโทรศํพท์ของเซี่ยอันน่า
“เก็บให้ดี อย่าให้คนอื่นแย่งไปอีก”
“คุณเจอคุณป้าแล้ว ?”
“อืม เจอแล้ว”
“คุณ…….ไม่ได้ทำให้พวกเขาลำบากใช่ไหม ?”
“แน่นอนว่าไม่ เพียงแค่ทำให้ตกใจไม่กี่คำ”
“อ่อ”
หลังจากที่ถาม เซี่ยอันน่าก็ไม่พูดอะไรอีก
หลังจากผ่านไปสักครู่ เสี่ยวอวี้หลินก็เอ่ยปากถามว่า:“ ไม่มีอะไรจะถามแล้วเหรอ ?”
“ยังต้องพูดอะไรอีก ?”
“ผมคิดว่า คุณจะขอร้องแทนพวกเขา”
เซี่ยอันน่ายิ้มเบาๆและพูดว่า:“ ฉันไม่ใช่ดอกบัวขาว สำหรับคนที่ทำร้ายฉัน ฉันสามารถให้อภัยได้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีทางที่จะอภัยให้ทุกอย่าง สำหรับฉันลูกพี่ลูกน้องชายและคนที่บ้านฉันนำดีที่สุดแล้ว แต่ไปนี้ ฉันจะไม่ยุ่งอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เสี่ยวอวี้หลินก็ขมวดคิ้วโดยไม่แสดงความคิดเห็น
หลังจากขับรถไปได้สักพัก เสี่ยวอวี้หลินก็พูดว่า:“ อันน่า ผมคิดว่า คุณควรจะย้ายมาอยู่กับผมนะ”
เซี่ยอันน่าเดิมทีที่รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอก็รู้สึกปะหม่าขึ้นมาทันที
“คุณจะทำอะไร ?”
“ไม่ใช่ว่าผมจะทำอะไร แต่มันสะดวกคุณ บางครั้งคุณมีกิจกรรมหรือพบปะสังสรรค์ เพื่อให้กลับโรงเรียนได้ทันเวลา ก็จะต้องออกมาก่อน แบบนี้ จะทำให้คุณพลาดโอกาสไปมาก ตอนนี้คุณเป็นคนใหม่แล้ว ชีวิตแบบนี้ จะไม่สะดวกสำหรับคุณ”
เซี่ยอันน่ารู้ว่า เสี่ยวอวี้หลินพูดถึงอะไร
เช่นเดียวกับวันนี้ เดิมทียังต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลอง แต่กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนนู้น เซี่ยอันน่ากลับไม่ทันอย่างแน่นอน
ดังนั้น เธอจำเป็นต้องขาดไป ขณะเดียวกันก็เสียโอกาสที่จะเรียนรู้แล้วพูดคุยไปด้วย
เซี่ยอันน่าถอนหายใจและพูดเบาๆว่า:“ ฉันเข้าใจแล้ว”
“ดังนั้น คุณเห็นด้วยแล้ว ?”
“ฉันย้ายไปอยู่กับคุณ ดูคุณจะดีใจมากเลยนะ ?”
เสี่ยวอวี้หลินยิ้มและพูดว่า:“ แน่นอนสิ คุณเป็นแฟนของผม พวกเราพักอยู่ด้วยกัน ชายโสดและหญิงโสด เหมือนฟืนและไฟ จะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นบ้าง คุณว่าไหมล่ะ ?”
คำพูดนี้ทำให้เซี่ยอันน่าหน้าแดงและพูดดุว่า พูดบ้าอะไร ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่กับคุณที่นั่น มันก็เป็นเพราะสะดวก และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแน่นอน
“อ่อ ”
ถึงแม้ว่าเสี่ยวอวี้หลินจะพยักหน้า แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความล้อเล่น และไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเซี่ยอันน่าเลย
“ช่างเถอะ คุณเป็นคนพูดไหนไม่มีนั่น ไม่สามารถเชื่อคำพูดของคุณได้”
เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วครุ่นคิดสักพัก จากนั้นดวงตาก็เป็นประกาย
“เอ๊ะ มีแล้ว !”
“มีอะไร มีอะไร ลูกเหรอ ?”
ท่าทางที่ดูหมิ่นของเสี่ยวอวี้หลิน ทำให้เซี่ยอันน่ายกมือขึ้นทุบตีเขาและพูดว่า:“ ทำให้คุณดูหมิ่น ฉันตัดสินใจ จะไม่บอกความลับนี้แล้ว !”
“คุณไม่พูด ช้าเร็วผมก็ต้องรู้อยู่ดี”
“ฉันกลัวว่า สำหรับคุณแล้ว นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
เมื่อเห็นดวงตาที่ยิ้มเป็นประกายของเซี่ยอันน่า เสี่ยวอวี้หลินก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น
จะพูดหรือไม่ก็ช่างมันเถอะ ขอแค่คุณมีความสุขก็โอเคแล้ว
หลังจากกลับไปที่ห้องนอน เซี่ยอันน่าก็พูดคุยกับฉีฉีอยู่นาน จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปที่ตกลงกัน
ทั้งสองทำตามที่พูด ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ และในไม่ช้าก็มีหลากหลายแบบที่พวกเขาชอบมาให้เลือก
แต่เมื่อต้องตัดสินใจขั้นสุดท้าย ทั้งสองคนก็มีปัญหาเล็กน้อย
สถานที่พวกนี้ ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด ไม่ไกลไปก็การเดินทางไม่สะดวก หรือก็แพงเกินไปไม่คุ้มทุน
วิธีเลือกนี้ เป็นปัญหาเล็กน้อย
เธอมองไปที่โทรศัพท์ของตัวเอง เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยและเลื่อนโทรศัพท์ดู
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าไม่ค่อยทานอาหาร เอาแต่มองโทรศัพท์ เสี่ยวอวี้หลินจึงถามว่า:“ คุณดูอะไรอยู่ ?”
“ข้อมูลการเช่าน่ะสิ ”
“ข้อมูลการเช่า ?”
เซี่ยอันน่าพยักหน้าและพูดว่า:“ ฉันตัดสินใจว่าจะเช่าห้องอยู่ข้างนอกกับฉีฉี”
“เอ๊ะ ?”
เสี่ยวอวี้หลินดูจากสถานการณ์แล้วก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
เซี่ยอันน่าอธิบายว่า:“ ฉีฉีเตรียมตัวสำหรับการสอบ ต้องการสถานที่และทิวทัศน์เงียบๆเพื่ออ่านหนังสือ เพราะว่าการถ่ายหนัง จึงไม่สามารถทำงานร้านขนมหวานต่อไปได้ ฉันจึงแนะนำฉีฉีให้กับพวกชูวเสวียเขา”
“แต่ แต่ที่ผมคิดมาก่อน คือให้คุณย้ายออกมาพัก คุณจะไปพักอยู่กับคนอื่นได้ยังไงกัน คุณนี่เหมือนสำนวนใช้ลาเสร็จก็ทิ้งเลยนะ !”
เมื่อเห็นเสี่ยวอวี้หลินกำลังจะโกรธ เซี่ยอันน่าก็ตบแก้มเขาเบาๆยิ้มแล้วพูดว่า:“ พูดไร้สาระอะไร มีลาที่หล่อเหลากว่าคุณด้วยเหรอ ?”
ริมฝีปากขยับ เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกหงุดหงิดมาก
“เซี่ยอันน่า คุณเจ้าเล่ห์แล้ว”
“ชมคุณนะ จะเจ้าเล่ห์ได้ยังไง ?”
“แสดงออกว่าชมผม แต่จริงๆแล้ว คุณกำลังเล่นตลกกับผม แต่ผมก็ยังหลงกลคุณอยู่ ช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ ”
เสี่ยวอวี้หลินเอนหลังพิงเก้าอี้และถอนหายใจ
“คุณกับฉีฉีอยู่ด้วยกัน ถ้างั้นผมจะทำยังไงล่ะ ?”
“คุณจะทำยังไงก็ทำสิ”
“ไม่ได้”ทันใดนั้นเสี่ยวอวี้หลินก็นั่งตัวตรงและพูดอย่างจริงจังว่า:“ พวกคุณผู้หญิงสองคนพักอยู่ข้างนอก อย่างแรกต้องระวังเรื่องความปลอดภัย เอาแบบนี้ ผมช่วยพวกคุณหาห้องพัก รับประกันว่าทำเลดี สภาพแวดล้อมดี และราคาย่อมเยา”
“คุณ ?”เซี่ยอันน่าท่าทางลังเลและพูดว่า “ตามเกณฑ์มาตราฐานของคุณ เกรงว่าจะทำให้ฉันกับฉีฉีล้มละลาย”
“ไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าควรจะทำยังไง ไม่ทำให้พวกคุณต้องลำบากหรอก”เขาหยิบโทรศัพท์ของเซี่ยอันน่า เปิดดูรูปภาพห้องพัก เสี่ยวอวี้หลินทำท่าทางรังเกียจและพูดว่า “มันดีกว่าของพวกคุณเป็นร้อยเท่าแน่นอน !”
เสี่ยวอวี้หลินทำตามที่พูด ห้องพักที่เขาเลือกนั้น สมบูรณ์แบบจนทำให้คนตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น
ห้องพักนี้อยู่ห่างจากโรงเรียนใช้เวลาเดินเพียงสิบนาที
ชั้นล่างมีสระว่ายน้ำและสวน มีบริการแม่บ้านและผู้ช่วยส่วนตัว นอกจากนี้เจ้าของบ้านสามารถสั่งอาหารได้ มีห้องกิจกรรมห้องสมุด โรงภาพยนตร์ มีให้บริการครบทุกอย่าง
และห้องพักก็มีขนาดใหญ่มาก สไตล์การตกแต่งเป็นเอกลักษณ์เรียบง่าย แต่ไม่จำเจ
“สภาพแวดล้อมเป็นยังไง ?”
“มันสมบูรณ์แบบมาก !”
ฉีฉีเปิดดูห้องพักนี้ เธอก็อารมณ์ดีจนแทบจะบิน
เธอหันกลับมาจับมือเซี่ยอันน่า ฉีฉีพูดด้วยความตื่นเต้นว่า:“ อันน่า นี่เป็นบ้านในฝันของฉันเลย ตอนนี้ฝันของฉันเป็นจริงแล้ว !”
ฉีฉีกระโดดขึ้นลง โล้ดเต้นเหมือนกับลิง
เซี่ยอันน่าก็มองดูสถานที่นี้อย่างดี แต่เธอก็ยังมีเหตุผลมากกว่าฉีฉี อย่างน้อย เธอก็ยังใส่ใจกับประเด็นที่สำคัญที่สุด
“งั้นค่าเช่า………”
ตัวแทนยิ้มมองเซี่ยอันน่า และก้มลงไปพูดว่า:“ ห้าหมื่นหยวนต่อเดือน ครึ่งปีจ่ายครั้ง ส่วนค่าธรรมเนียมและทรัพย์สินแยกต่างหาก”
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ ฉีฉีก็ตกตะลึงในทันที
อย่างงี้นี่เอง ของดี ก็ต้องมีราคาที่ดีด้วยนั่นเอง
ดูเหมือนว่าตัวเองจะไม่มีชีวิตแบบสุขสบายแบบนี้แล้ว ฮือฮือ——
สติของฉีฉีหายไป ความรู้สึกนั้น ดูเหมือนไขมันที่ปาก กำลังจะหายไป
ความรู้สึกที่เห็นแต่กินไม่ได้แบบนั้น มันแย่จริงๆ
หลังจากได้ยินราคา เซี่ยอันน่าก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็มองไปที่เสี่ยวอวี้หลิน
เสี่ยวอวี้หลินรู้สถานการณ์พวกเขาในตอนนี้ ถ้าหากว่าสถานที่นี้แพงขนาดนั้น ก็ไม่สามารถแนะนำให้พวกเขาได้ เพราะว่ามันจะเสียเวลาเปล่า
สำหรับเสี่ยวอวี้หลิน เขายิ้มมุมปาก ราวกับว่ากำลังรอเซี่ยอันน่าขอร้องเขา
แต่เซี่ยอันน่ากลับไม่พูดอะไร เธอสบตากับเสี่ยวอวี้หลิน ราวกับกำลังดูว่าใครจะก้มศีรษะลงก่อน
ในที่สุด ตัวแทนคนนั้นก็ก้มศีรษะลง
“เอ่อ คุณเซี่ย ผู้จัดการของพวกเรามองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับโอกาสในการพัฒนาของคุณ ถ้าหากว่าคุณสามารถมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้พวกเราได้ ก็ไม่ต้องเสียค่าเช่าห้อง จนกระทั่งคุณจะไม่อยากพักอยู่ต่อแล้ว”
“จริงเหรอ ?”
“จริงแน่นอน ถ้าหากว่าคุณตกลง พวกเราก็ต้องเซ็นสัญญา”
ข่าวนี้ ทำให้ฉีฉีดูมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
“อันน่าอันน่า เธอก็ตอบตกลงป่ะ แค่เป็นพรีเซนเตอร์ แค่ถ่ายรูปโฆษณาก็สามารถพักอยู่ได้ฟรีแล้ว ต่อรองได้ดีจริงๆ !”
“ฉัน………”
“ได้โปรดล่ะ ได้โปรดล่ะ ฉันจะบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ก่อนหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว”
เธอใช้สายตามองไปที่เซี่ยอันน่า ฉีฉีล่อลวงด้วยสายตาของเธอเอง
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ
แม้ว่าค่าเช่าจะแพงมาก แต่เป็นพรีเซนเตอร์ ก็เป็นการพึ่งพากำลังตนเองในการจ่าย ไม่ใช่เสี่ยวอวี้หลิน
หลังจากคิดอย่างนั้นในใจ เซี่ยอันน่าก็พยักหน้า
“เย้ เยี่ยมมาก อันน่า ต่อไปนี้พวกเราก็มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว !”
ฉีฉีกระโดดขึ้นลงอย่างมีความสุข ราวกับว่าถูกรางวัลยังไงยังงั้น
และความสุขของเธอ ก็แพร่กระจายไปถึงเซี่ยอันน่า มุมปากของเธอกระตุกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
“ในเมื่อคุณเซี่ยตกลงแล้ว ถ้างั้นฉันจะไปร่างสัญญาเดี๋ยวนี้ พวกคุณ สามารถอยู่ดูที่นี่ก่อนได้”
“ตกลงค่ะ”
ตัวแทนจากไปแล้ว ฉีฉีก็ยังคงเดินรอบๆห้องไปทั่ว จะคิดว่า จะต้องวางของอะไรไว้ตรงไหนดี
เมื่อเห็นเวที ฉีฉีก็เอียงศีรษะและพูดว่า:“ เอ๊ะ พวกเราสามารถทำบาร์บีคิวที่นี่ได้นี่ ทิวทัศน์สวยงาม จะต้องสบายมากแน่ๆ”
เซี่ยอันน่ามองดูและพยักหน้าพูดว่า:“ เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการทำบาร์บีคิวจริงๆ”
“ไห่จื่อทำบาร์บีคิวยอดเยี่ยมมาก ทั้งหอมทั้งนุ่ม จะต้องให้เขามาเป็นพ่อครัวให้ได้”
หลังจากได้ยินคำพูดของฉีฉี เซี่ยอันน่ากำลังจะพูดอะไร แต่ก็ได้ยินเสี่ยวอวี้หลินพูดออกคำสั่งว่า:“ ห้องพักนี้ นอกจากผมแล้ว ผู้ชายคนอื่นไม่สามารถเข้ามาได้”
ห๊ะ ?
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าและฉีฉีล้วนมองตัวเองอย่างลึกลับ เสี่ยวอวี้หลินก็ขมวดคิ้วถามว่า“ ทำไม ฟังไม่เข้าใจเหรอ ? ถ้างั้นผมจะพูดอย่างง่ายๆ ไม่สามารถพาผู้ชายเข้ามาในห้องนี้ เข้าใจไหม ?”
“ทำไมล่ะ ?”
หลังจากจัดเนคไทตัวเองแล้ว เสี่ยวอวี้หลินก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า:“ เพราะว่าผมคือเจ้าของห้องนี้ ผมสั่งแบบนี้ พวกคุณทำตามก็โอเคแล้ว”
ฉีฉีทำหน้างุนงง และถามว่า:“ แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าที่นี่คือห้องเช่าของพวกเรานะ”
“เมื่อครู่นี้ ผมซื้อมันมาแล้ว ดังนั้นจึงพูดได้ว่า ผมคือเจ้าของที่นี่”
ค่าเช่าเดือนละห้าหมื่นหยวน เป็นไปได้ว่า ห้องนี้แทบจะแพงจนบินได้เลย
แต่เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่กระพริบตา และทำเหมือนกับซื้อผักอย่างนั้นเลย ทำให้คนประหลาดใจจริงๆ
ตกลง มีเงินก็สามารถทำตามใจได้ ไม่มีเงินก็แค่ต้องทนต่อไป
เซี่ยอันน่าจับแขนของเธอ ใบหน้าเรียบเฉยและพูดว่า:“ เสี่ยวอวี้หลิน คุณนี่มั่นใจจริงๆเลยนะ”
“ผมก็คิดว่าเป็นความปลอดภัยของพวกคุณ”เสี่ยวอวี้หลินจับมือเซี่ยอันน่า เดินไปที่ประตูห้องแล้วพูดว่า:“ อันน่า คุณพักอยู่ห้องนี้เถอะ ดูสิคุณชอบรึเปล่า”
ชอบก็ชอบแน่นอน ทุกอย่างของที่นี่ สร้างโดยศิลปินที่มีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจศิลปะ ก็ยังรู้สึกว่าทุกอย่างของที่นี่สะดวกสบายมาก
แต่ เมื่อมองที่ห้องนี้ เซี่ยอันน่าก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
ฉีฉีเอนตัวไปดูข้างในและพูดด้วยอารมณ์ว่า:“ ว้าว อันน่าห้องของเธอใหญ่มาก และยังเป็นเตียงคิงไซส์ด้วย มันเกินกว่าที่จะอยู่คนเดียวอีกนะ”
ฉีฉีก็พูดอะไรไปเรื่อย แต่ในไม่ช้า เธอก็คิดอะไรบางอย่างได้ เธอหันศีรษะไปจ้องมองเซี่ยอันน่าและเสี่ยวอวี้หลิน เธอชี้นิ้วไปที่พวกเขาทั้งสองและถามด้วยความสงสัยว่า:“ พวกคุณสองคน คงไม่ได้พักอยู่ด้วยกันใช่ไหม ?”
“ไม่ใช่”
“ใช่แล้ว”
ทั้งสองคน ตอบตรงกันข้ามกัน
“สรุปว่าใช่หรือไม่ใช่ ?”
เซี่ยอันน่าใช้สายตาเตือนเสี่ยวอวี้หลินว่าอย่าพูดไร้สาระ
เสี่ยวอวี้หลินลูบจมูกเปลี่ยนน้ำเสียงและพูดว่า:“ เรื่องนี้ ฟังเซี่ยอันน่าดีกว่า”
ท่าทางความเศร้าและอดกลั้นนั้น ยืนยันการคาดเดาของฉีฉีได้อย่างชัดเจน