วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 480 เข้าบุกรุกที่อาศัยของผู้อื่น
เสี่ยวอวี้หลินรู้จักกับอวี๋เวย เขาภูมิใจมาตลอด
ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ลดจุดยืนลงเพียงเพื่อค้นหาคำตอบ
พวกเขารู้จักกันมาหลายปี ที่บอกว่าไม่ปวดใจ พวกนั้นคือสิ่งไม่จริง
แต่จุดที่ต่ำสุดในใจของเสี่ยวอวี้หลิน ไม่ได้ถูกกระตุ้นให้เต้นอีกครั้ง
เขาถอนสายตา เสี่ยวอวี้หลินพูดว่า ระหว่างพวกเรามันจบลงไปแล้ว เธอทำแบบนี้ มันจะยังมีหมายความยังไงอีก ?
“มี มีความหมายแน่นอนสิ จนกว่าฉันจะยอมรับความจริงนี้ด้วยความเต็มใจ ฉันจะยอมแพ้เอง”
“คุณน่ะ ยังแข็งแกร่งแบบนั้น ไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้หรอก”
“เรื่องนี้ไม่เพียงเป็นเพราะประโยชน์ของฉันเท่านั้น คุณก็สามารถใช้โอกาสในครั้งนี้ ลองดูว่าเซี่ยอันน่ารักคุณขนาดไหน ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้ว
“คุณหมายความว่ายังไง ?”
อวี๋เวยจับคางของเธอยกขึ้นเล็กน้อยและวิเคราะห์อย่างไม่เร่งรีบว่า:“ มีคนบอกว่าผู้หญิงขี้หึง และผู้ชายของตัวเองจะไม่ให้ถูกยืมออกไปข้างนอก แต่เซี่ยอันน่าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เธอให้คุณกลับบ้านมากับฉัน ดูเหมือนจะใจกว้างไปหน่อย”
“ทำไม ความใจกว้างของอันน่า ก็กลายเป็นเหตุผลของเธอทำร้ายคุณ ? ไร้สาระจริง !”
“ไร้สาระหรือเปล่า ในใจคุณรู้ดี ”เมื่อมองไปที่เสี่ยวอวี้หลินอย่างยั่วยุ อวี๋เวยก็ถามว่า:“ เฮ้ ที่คุณปฎิเสธ เป็นเพราะคุณรู้สึกผิดใช่ไหม?”
“ผมรู้สึกผิดอะไร ผมเชื่อในความสัมพันธ์ของผมกับอันน่ามาก”
จับแขนไว้ อวี๋เวยยิ้มและพูดว่า เสี่ยวอวี้หลิน ฉันรู้จักคุณดี ถ้าหากว่าคุณมั่นใจขนาดนั้น คุณคงไม่กล้าที่จะสบตากับฉัน พูดตามตรง กับความสัมพันธ์ของพวกคุณ คุณก็ไม่ได้เชื่อมั่นขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะเพิ่งอยู่ด้วยกัน ทนการทดสอบแบบนี้ไม่ได้ มันก็เป็นเรื่องปกติ
“พูดไร้สาระอะไร เธอคิดว่าคนอื่นจะเหมือนกับเธอเหรอ ยอมสละความสัมพันธ์เพื่อผลกำไร ?”
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของอวี๋เวยเปลี่ยนไป
เสี่ยวอวี้หลินก็รู้สึกว่าตัวเขาเองพูดมากเกินไป จึงลดสายตาลงและพูดว่า:“ ขอโทษ”
อวี๋เวยเชิดคางขึ้นอีกครั้งและพูดว่า:“ ไม่เป็นไร ยังไงซะฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ถ้างั้น คุณจะทำให้ฉันได้เห็นความรักที่มั่นคงของพวกคุณได้ยังไง ?”
“ผมไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้น”
หลังจากเสี่ยวอวี้หลินพูดจบ พนักงานปลดล็อคก็ทำงานเสร็จ เขาหันมาพูดกับอวี๋เวยว่า:“ คุณหนู ล็อคเปลี่ยนเสร็จแล้ว นี่เป็นกุญแจอันใหม่ คุณเก็บไว้ให้ดี”
“อืม ขอบคุณมาก”
เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องของตัวเองแล้ว เสี่ยวอวี้หลินก็พูดว่า:“ ผมกลับล่ะ ”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินกลับไป
แต่อวี๋เวยก็เรียกหยุดเขาไว้
“เสี่ยวอวี้หลิน ในใจของคุณก็อยากรู้คำตอบมาก เช่นนั้นคุณก็ยอมรับเถอะ ไม่ว่าคุณจะร่วมมือกับฉันหรือไม่ ฉันก็ยังคงทำในแบบของตัวเอง”
คำพูดนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้ว
เมื่อคิดอยากจะเตือนอวี๋เวย แต่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้าห้อง และปิดประตูไปแล้ว
ผู้หญิงคนนี้…….
เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้ว และกลับไปที่เซี่ยอันน่า
เซี่ยอันน่ารอเสี่ยวอวี้หลินอยู่ที่โซฟา เมื่อเห็นเขากลับมาแล้ว เธอก็ยืนขึ้นต้อนรับเขา
“กลับมาแล้วเหรอ ทานข้าวรึยัง ?”
“ยัง”
“ถ้างั้นฉันทำบะหมี่ให้คุณนะ”
หลังจากพูดจบ เซี่ยอันน่าก็ไปที่ห้องครัว
เสี่ยวอวี้หลินเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินตามหลังเซี่ยอันน่า มองเธอต้มน้ำ หั่นผัก ต้มเส้น
จากนั้นไม่นาน เสี่ยวอวี้หลินก็อดไม่ด้ที่จะถามว่า:“ อันน่า คุณมีอะไรที่จะบอกผมไหม ?”
เซี่ยอันน่าไม่ได้หันศีรษะกลับมาและถามว่า:“ ใส่ไข่ในบะหมี่เพิ่มไหม ?”
เมื่อเห้นเซี่ยอันน่าตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง เสี่ยวอวี้หลินก็ขมวดคิ้วและพูดว่า:“ เซี่ยอันน่า คุณรู้ว่าผมอยากถามอะไรคุณ !”
“ฉันเชื่อคุณ”
“จริงเหรอ ?”
เงยหน้าขึ้นยิ้มด้วยรอยยิ้มแบบโง่ๆ เซี่ยอันน่าพูดว่า:“ ใช่สิ เรื่องคุณกับอวี๋เวยมันเป็นอดีตไปแล้ว พวกเราเดินมาไกลมากแล้ว ทำไมต้องเอาเธอมากระทบกับความสัมพันธ์ของพวกเราด้วยล่ะ”
แม้ว่าเซี่ยอันน่าจะแสดงออกอย่างดี แต่เสี่ยวอวี้หลินก็รู้สึกเสียใจมาก เขากลั้นหายใจไว้ที่อก ทำให้คนแทบบ้า
หลังจากปรุงบะหมี่เสร็จ ปิดไฟ เซี่ยอันน่าก็ถือชามบะหมี่ที่ร้อนมาวางไว้บนโต๊ะ
จากนั้นก็กวักมือเรียกเสี่ยวอวี้หลินและพูดว่า:“ มากินบะหมี่เถอะ”
“ทานข้าวกับผมสิ”
“ตกลง”
ฝีมือของเซี่ยอันน่าไม่เลวเลย ปรุงบะหมี่ได้ถูกต้อง และรสชาติก็กำลังพอดีเลย
แต่เสี่ยวอวี้หลินกลับรู้สึกทานไม่ลง
เอาตะเกียบกวนอยู่สองครั้ง ทันใดนั้นเสี่ยวอวี้หลินงยหน้าขึ้นมา มองเซี่ยอันน่าและพูดว่า คุณมีอะไรจะพูด ก็พูดออกมากับผมตรงๆ ผมไม่ชอบให้คุณเก็บไว้ในใจ
“โอ้”
“เกี่ยวกับอวี๋เวย คุณอย่าคิดมาก ไม่ว่าเธอจะทำยังไง ผมก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเธอ”
“อืม”
“ถ้าครั้งหน้าอวี๋เวยมาหาคุณอีก คุณก็อย่าสนใจเธอ ปล่อยให้เธอบ้าไปเองคนเดียว”
“ตกลง”
ท่าทีที่อ่อนน้อมของเซี่ยอันน่า ทำให้เสี่ยวอวี้หลินโกรธ
“เวลาคุณพูด อย่าพูดที่ละคำที่ละคำได้ไหม !”
เซี่ยอันน่าปฎิบัติตาม เธอพยักหน้าและพูดว่า:“ รู้แล้ว”
เสี่ยวอวี้หลินตะโกนขึ้นมาอย่างดุเดือด:“ เซี่ยอันน่า คุณจะทำให้ผมโกรธจนตายเลยใช่ไหม !”
ทันใดนั้นเสี่ยวอวี้หลินที่อยู่ตรงข้ามก็ลุกออกไป เซี่ยอันน่ายังคงสับสน และถามอย่างไม่เข้าใจว่า:“ โอเคโอเค คุณเจ้าอารมณ์ขนาดนี้ได้ยังไง ?”
“มันไม่ใช่พราะเธอเหรอ ”
“ขอโทษนะฉันไปยุ่งกับคุณได้ยังไง ?”
“เซี่ยอันน่า คุณจะไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่อารมณ์เสียใส่ผมบ่นผม เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นเลยเหรอ ? อวี๋เวยเป็นแฟนเก่าของผม เธอมาที่บ้าน คุณไม่แคร์ ไม่โกรธเลยเหรอ ?”
เซี่ยอันน่าขมวดคิ้ว ส่ายหัวและพึมพำว่า:“ ฉันไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆ ฉันไม่หาเรื่องคุณ คุณไม่รู้สึกสบายเลยเหรอ ?”
“ความหมายนี้มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกันตรงไหน ?”
“ก็ ดูเหมือนว่าในใจคุณไม่มีผม”
ความสัมพันธ์ของพวกเรา ให้คนนอกมาตัดสินตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
คำว่า “คนนอก ”สิ่งนี้มันแสดงถึงสถานะของเซี่ยอันน่า และก็ทำให้จิตใจที่หดหู่ของเสี่ยวอวี้หลิน ดีขึ้นมาก
เสี่ยวอวี้หลินเลียริมฝีปากของเขาและพูดว่า:“ คำพูดนี้ก็ทำให้คนรู้สึกสบาย”
“คุณน่ะ อย่าคิดอะไรไร้สาระเลย ฉันเหนื่อยมาก ช่วงนี้มีการโปรโมทหลายครั้ง ไม่มีเวลามาเล่นเป็นราพันเซลกับคุณหรอกนะ พวกเราสองคนสบายดีแบบนี้ ยังจะมีอะไรสำคัญอีก ใช่ไหม ?”
คำพูดของเซี่ยอันน่า ค่อยๆสงบความโกรธของเสี่ยวอวี้หลินลง
เสี่ยวอวี้หลินยื่นมือไปหยิกใบหน้าของเซี่ยอันน่าและพูดว่า:“ โอเค คุณทำให้คุณชายคนนี้มีความสุขแล้ว สามารถพูดได้เลยว่าคุณผ่านการทดสอบแล้ว”
เธอตบมือของเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าลูบแก้มของเธอและถอนหายใจว่า:“ ถ้างั้น คุณว่างมากใช่ไหม ถึงมีเวลามาคิดอะไรเรื่องอะไรแบบนี้ คนอย่างฉันที่ยุ่งกับชีวิต จนไม่มีเวลามาคิดเรื่องเหล่านี้”
“ถ้าเหนื่อย ก็พักผ่อน ผมเลี้ยงคุณเอง”
“ฉันหวังว่าจะไม่……..”
เซี่ยอันน่ายังไม่ทันที่จะพูดจบ เสี่ยวอวี้หลินก็ยกมือขึ้นโอบไหล่ของเซี่ยอันน่าและพูดว่า:“ โอเค ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร ในเมื่อคุณอยากจะทำงานให้เสร็จ ถ้างั้นก็ไปทำเถอะ แต่เมื่อคุณเหนื่อย อย่าลืมนะว่ายังมีผมอยู่”
คำพูดที่อบอุ่นใจของเสี่ยวอวี้หลิน ทำให้เซี่ยอันน่ายิ้มออกมา
เธอเอนศีรษะไปพิงบนไหล่ของเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าพยักหน้าเบาๆ
“ยังมีบะหมี่อีกไหม ผมอยากจะทานอีกสักถ้วย อีกเดี๋ยวจะได้มีแรงไปออกกายบริหาร”
กายบริหาร ?
เซี่ยอันน่ายังลอยอยู่ในน้ำอุ่นที่นุ่มนวล เมื่อเธอได้ยินประโยคดังกล่าวทันใดนั้นก็ตกตะลึงไป จากนั้นสักพักถึงจะตอบสนองกลับมา
ใบหน้าแดงก่ำ เซี่ยอันน่าออกมาจากอ้อมกอดของเสี่ยวอวี้หลิน และพูดด้วยความโกรธว่า:“ เสี่ยวอวี้หลิน เพิ่งพูดเรื่องร้ายแรงไป คุณทำไมยังมาพูดอะไรไร้สาระอีก !”
“คำพูดนี้มันไม่ถูกต้อง พวกเราสองคนพูดตั้งเยอะขนาดนั้น แค่คำพูดนี้คำพูดเดียวก็มีประโยคแล้ว”
“ขี้เกียจจะสนใจคุณแล้ว”
เธอไม่สนใจเสี่ยวอวี้หลิน และเซี่ยอันน่าก็เดินออกไป
“เฮ้ อย่าลืมอาบน้ำให้หอมๆนะ อีกเดี๋ยวผมจะกลับห้องไปหาคุณ !”
เสียงตะโกนของเสี่ยวอวี้หลิน ทำให้เซี่ยอันน่าหน้าแดงราวกับแอปเปิ้ล
……
อวี๋เวยนัดเพื่อนไปเสริมสวย ในขณะที่ผ่านบริษัทเสี่ยวซื่อ เธอก็อยากจะแวะไปหาเสี่ยวอวี้หลิน
แต่เมื่อเดินไปที่ประตูอาคาร เธอก็ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังถกเถียงกัน
อวี๋เวยถอดแว่นกันแดดของเธอออกมามอง
มีคนจำอวี๋เวยได้ รีบวิ่งไปทักทายกับเธอทันที
อวี๋เวยกดคางลงและถามว่า:“ ตรงนั้นกำลังถกเถียงอะไรกันเหรอ ?”
“อ่อ ผู้หญิงคนนั้นต้องการไปพบคุณสี่ยว แต่ว่าเธอไม่ได้นัดไว้ พวกเราจึงปล่อยให้เธอผ่านไปไม่ได้”
อวี๋เวยพยักหน้า ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ และเตรียมที่จะออกจากลิฟต์ไป
แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เธอก็ได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูด
“ฉันกับคุณเสี่ยวรู้จักกันมานาน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา พวกคุณกล้าหยุดฉัน พวกคุณจะต้องโดนคุณเสี่ยวลงโทษแน่ !”
การปรากฎตัวของผู้หญิงที่ลักษณะเด่นร้ายแบบนั้น ทำให้คนที่เห็นรู้สึกเกลียด
อย่างไรก็ตามผู้คุมไม่ได้สนใจประโยคนี้ และหันไปพูดกับเพื่อนข้างๆว่า:“ ไปเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเถอะ”
หลังจากผู้หญิงได้ยินคำนี้ ก็รีบพูดขู่ทันที:“ ฉันบอกพวกคุณนะ หลานสาวของฉันเป็นว่าที่ภรรยาของประธานพวกคุณในอนาคต ถ้ามายุ่งกับฉัน พวกคุณจบไม่สวยแน่ !”
เมื่ออวี๋เวยได้ยิน ก็ชะงักฝีเท้าลง
เมื่อหันกลับไป ก็เห็นผู้หญิงคนนั้นถูกล้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และกำลังจะไล่เธอออกไป
แต่เมื่ออวี๋เวยตัดสินใจที่จะพูด และเก็บผู้หญิงคนนี้ไว้
“รอเดี๋ยว !”
เสียงตะโกนนี้ ทำให้ทุกคนหันความสนใจมาที่อวี๋เวย
รวมถึงผู้หญิงที่ตะโกนเมื่อกี้ ก็มองไปที่อวี๋เวยเช่นกัน
อวี๋เวยเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นช้าๆและถามว่า:“ หลานสาวของคุณ คือใคร ?”
“เซี่ยอันน่า พวกคุณเคยได้ยินใช่ไหม ดาราใหญ่ !”
มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโบกมือและพูดว่า:“ ไม่เคยได้ยิน รีบไปรีบไป !”
“พวกคุณนี้ ไม่เห็นโลกกันเลยเหรอ ไม่รู้เลยเหรอว่า เซี่ยอันน่าก็คือแฟนสาวของเสี่ยวอวี้หลิน ?”
คนแบบนี้ จะเกี่ยวข้องกับเสี่ยวอวี้หลินได้ยังไง ? หน้าด้านหน้าทนจริงๆเลย !
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยิ้มอย่างเหยียดหยาม แต่คนข้างๆกลับขมวดคิ้วและซุบซิบกัน
“ฉันดูข่าวบันเทิงที่ผ่านมา แฟนสาวของคุณชายเสี่ยว ดูเหมือนจะเป็นชื่อนี้จริงๆ ”
“พระเจ้า จะเป็นไปได้ไหม ที่คนๆนี้จะเป็นป้าของเซี่ยอันน่า ?”
“เป็นไปไม่ได้เหรอ ผู้หญิงปากร้ายคนนี้ ใครเห็นก็ต้องหลบหลีก”
ประโยคนี้ คุณป้าได้ยินอย่างชัดเจน เธอรีบหันศีรษะไปขู่ว่า:“ ฉันก็คือป้าของเซี่ยอันน่า หึ เมื่อครู่พวกคุณปฎิบัติกับฉันแบบนั้น ฉันจำไว้หมดแล้ว ฉันจะต้องให้เสี่ยวอวี้หลินไล่พวกคุณออกไปจากบริษัท !!”
การข่มขู่ของป้า ทำให้ทุกคนมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าเอาจริงหรือเป็นเรื่องตลก
ดวงตากลมกลอกไปมา อวี๋เวยคิดถึงเรื่องนี้
เธอมองไปที่คุณป้าอย่างอ่อนโยน อวี๋เวยเต็มไปด้วยร้อยยิ้มและพูดว่า:“ คุณป้า ฉันเป็นเพื่อนของอันน่า และเป็นเพื่อนของเสี่ยวอวี้หลิน ตอนนี้เสี่ยวอวี้หลินมีธุระไม่อยู่ที่บริษัท ถ้าหากคุณมีธุระอะไร พูดกับฉันก่อนก็ได้”
“คุณเป็นใคร ?”
ฉันเป็นเพื่อนของเสี่ยวอวี้หลิน และเป็นรองประธานบริษัทอวี๋ซื่อ
“ถ้างั้น คุณรักษาคำพูดไหม ?”
“แน่นอน”
“โอเค ถ้างั้นฉันจะเชื่อคุณก่อน”
รอยยิ้มที่มุมปากของเธอลึกขึ้น อวี๋เวยพูดว่า:“ ไป พวกเราไปที่ห้องรับรองแล้วค่อยๆคุยกันเถอะ”
เธอให้คนเตรียมชาและของว่าง อวี๋เวยยิ้มให้คุณป้า และถามเธอว่าที่มาวันนี้ มีเรื่องอะไรกันแน่
คุณป้าเรียนรู้มากจากในโทรทัศน์ ทำท่าทางสง่างาม ค่อยๆยกชาขึ้นมาจิบ
เธอต้องการแสดงให้เห็นถึงความสง่างามและความหรูหราของเธอ แต่จริงๆแล้ว มันเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งนั้น
อวี๋เวยก็ไม่ได้หัวเราะเธอ เพียงแค่รออยู่เงียบๆ
หลังจากจิบชาแล้ว คุณป้าก็พูดอย่างไม่เร่งรีบว่า อันน่าของพวกเราเป็นแฟนของเสี่ยวเซ่า ในฐานะครอบครัวของเธอ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำอะไรเลวร้ายและให้เธออับอาย คุณว่าไหม ?
อวี๋เวยยิ้ม พยักหน้าและพูดว่า:“ นั่นคือความจริงแน่นอน”
“ดังนั้น ฉันจึงกำลังมองหางานที่ดีให้กับลูกชายของฉัน เพื่อพัฒนาการที่ดี เพื่อที่จะได้เติมเต็มและช่วยเหลือซึ่งกันและกันกับอันน่าในอนาคต”
“อืม คำพูดนี้มันก็มีเหตุผลมาก”
“งานอื่นๆ ฉันก็ไม่โอเค และก็ไม่วางใจให้ลูกชายของฉันไปทำ ดังนั้น ฉันจึงอยากให้ลูกชายมาทำงานที่นี่ ก็เลยไปหาเสี่ยวอวี้หลิน จึงมีความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย”
เมื่อพูดถึงสถานที่ที่โกรธ คุณป้าก็เริ่มพูดอีกครั้ง
“เจ้าพวกสุนัขพวกนี้มันมองของต่ำ เพียงเพราะฉันสวมเสื้อผ้าธรรมดานิดหน่อย ก็จะไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยเหรอ ? หึ รอฉันเจอเสี่ยวอวี้หลิน ฉันจะต้องสะสางกับพวกมันแน่ !”
อวี๋เวยรับฟังด้วยรอยยิ้ม และไม่แสดงท่าทางดูถูก เพียงเพราะคำพูดบ้าๆของคุณป้า
ในทางกลับกัน เธอตั้งใจฟังอย่างจริงใจ และเมื่อคุณป้าระบายเสร็จ เธอก็ถามว่า:“ ถ้างั้น คุณอยากให้เขาทำอะไรล่ะ ?”
เมื่อพูดถึงลูกชายที่มีค่าของเธอ สีหน้าของคุณป้าก็เป็นประกายและพูดว่า ลูกชายของฉันฉลาดมาก และสามารถเป็นผู้จัดการหรืออะไรก็ได้ จากนั้นก็ค่อยๆพัฒนากลายเป็นคนใหญ่โต บริษัทมู่ซื่อก็เป็นธุรกิจของฉันเอง และฉันจะต้องพึ่งพาครอบครัวตัวเองในอนาคต ลูกชายของฉัน ไม่มีปัญหาแน่นอน
ขณะที่คุณป้าพูดพล่อยๆ อวี๋เวยก็ถามว่า:“ ฉันขอถามหน่อย เรียนเอกอะไรที่มหาวิทยาลัยหลิงหลาน ?”
“เอ่อ……ก็คือ……..”
เมื่อเห็นท่าทีที่ลังเลของคุณป้า อวี๋เวยก็เข้าใจและพูดว่า ไม่เคยเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ?
“ไอ่หยา ฮีโร่ไม่ต้องบอกที่มา แค่มีความสามารถก็โอเคแล้ว”
“ที่พูดมาก็จริง”อวี๋เวยยิ้มและพูดว่า:“ เรื่องนี้ฉันเข้าใจ รอฉันเจอกับเสี่ยวอวี้หลิน ฉันจะช่วยพูดให้พวกคุณดีๆ”
แต่คุณป้าสงสัยในคำพูดของอวี๋เวย มองเธอขึ้นลงและถามว่า:“ ที่คุณพูด จะมีประโยชน์จริงเหรอ ?”
“ในเมื่อฉันพูดแล้ว ก็จะต้องทำ ฉันคงจะไม่ตบปากตัวเองหรอก จริงไหม ? เพียงแต่ฉันรู้สึกแปลกใจมาก คุณวิ่งมาทั้งแบบนี้ ใครก็ไม่รู้จัก ทำให้เป็นเรื่องยากได้ง่ายๆเลย ทำไมไม่ให้เซี่ยอันน่าพูดให้พวกคุณล่ะ ?”
ป้าก็อยากให้เซี่ยอันน่าช่วย แต่เด็กคนนั้นจะต้องไม่เห็นด้วยแน่อน ไม่มีทางเลือก เธอจึงยอมแพ้หน้าเก่านี้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกรู้เรื่องแบบนั้นอย่างชัดเจน คุณป้าเลยเลือกพูดอะไรที่น่าฟังออกมา
“อันน่าของพวกเรายุ่งมาก ออกไปถ่ายละครข้างนอก กลับไปยังต้องไปเรียนอีก พูดได้ไม่กี่คำ เธอก็ต้องกลับหอพัก ไอ่หยา ดูใบหน้าที่เรียวเล็กของเธอผอมลงไปทุกวัน ฉันก็ปวดใจ”