วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 486 : คนที่รังแกฉันคือคุณชัดๆ
“การเชิญแบบนี้ปกติต้องแจ้งล่วงหน้าครึ่งเดือน เพื่อทำการเผยแพร่การโปรโมทสินค้า ทำไมครั้งนี้ถึงฉุกละหุกขนาดนี้?”
“จู่ๆ คนก็ว่าง คุณน่าจะเข้ามาแทนที่ใครสักคน เฮ้อ… คุณทำไมคุณใส่ใจขนาดนี้ บางเรื่องแค่ก้าวไปข้างหน้าก็พอแล้ว คืนนี้คุณพักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้มาที่บริษัทเพื่อแต่งตัวและไปลองชุด”
“ค่ะ เข้าใจแล้ว”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ เซี่ยอันน่าก้มหน้าครุ่นคิด
เสี่ยวเหมยที่เป็นสไตลิสต์กำลังออกแบบทรงผมให้กับเซี่ยอันน่า ถามขึ้นอย่างสงสัย “อันน่ามีอะไรรึเปล่า?”
“อ่อ พรุ่งนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยงหนะ”
“ก็เป็นเรื่องที่ดีนะ ทำไมคุณไม่ยิ้มเลยล่ะ?”
“เพราะฉันรู้สึกว่า…” พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เซี่ยอันน่าหัวเราะให้กับตัวเอง “เฮ้อ แต่ฉันคิดมากนะสิ”
“งั้นก็เลิกคิดซะ คุณหนะช่วงนี้เหนื่อยมามากแล้ว ฉันเคยพูดคุยกับดารานักแสดงคนอื่นๆ แต่ไม่มีใครทำงานหนักเหมือนคุณเลย ฉันมองว่ามันเหนื่อยทั้งกายและใจมากไป”
“ไม่ลำบาก จะมีชื่อเสียงได้ยังไงล่ะ?”
“คุณไม่ใช่แฟนของท่านประธานหรอกเหรอ ดาราสาวหลายๆคนเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยจุดประสงค์เพื่อหาแฟนรวย ตอนนี้คุณก็สมบูรณ์แบบแล้ว ควรที่จะผ่อนคลายบ้าง”
คำพูดของเสี่ยวเหมยเป็นไปโดยธรรมชาติ แต่ใบหน้าของเซี่ยอันน่ากลับหม่นลง
“ทำไมฉันจะเข้าสู่วงการบันเทิงล่ะเพื่อตัวเองไม่ได้ล่ะ ?”
เสี่ยวเหม่ยไม่ได้ยินที่เซี่ยอันน่าพูด จึงถามว่า “หึ?”
“ไม่มีอะไร?”
ณ ตอนนี้ ถึงเวลาที่เซี่ยอันน่าต้องไปถ่ายละคร เธอลุกขึ้น ปรับเปลี่ยนอิริยาบถต่างๆ เข้าสู่โหมดทำงาน
ณ งานเลี้ยงสังสรรค์
เนื่องจากเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ที่จัดขึ้นโดยนิตยสารแฟชั่น ดารานักแสดงทุกคนกำลังแต่งตัวให้ตัวเองกันอย่างเต็มที่ บ้างอลังการ บ้างสวยหวาน แต่ทุกคนล้วนเด่นสง่ามีราศรี
แต่เมื่อเซี่ยอันน่าปรากฎตัวออกมา กลับกลายเป็นจุดเด่นของงาน
ชุดที่เธอสวมใส่ดูสมาร์ท ชุทสูทสีขาว และรองเท้าส้นสูงลูกไม้สีดำ มัดผมหางม้ามวยต่ำ บวกกับการแต่งหน้าและทาริมฝีปากสีแดงเพลิง และยังความสวยที่ทำเอาใจหายใจคว่ำ
กิริยาท่าทางของเซี่ยอันน่าสวยงามทุกอิริยาบท ตอนนี้ยิ่งทำให้ดูดีมีความสามารถขึ้นไปอีก ทำให้ผู้ที่พบเห็นตาเป็นประกาย
เธอยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้าเวที เซี่ยอันน่าสอดมือข้างหน้าไว้ในกระเป๋ากางเกง ใบหน้ายิ้มแย้ม ทั้งหางตา ทั้งคิ้ว บุคคลิกองอาจผึ่งผาย
เมื่อเผชิญหน้ากับเซี่ยอันน่าที่สวยเป็นพิเศษเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่เหล่าสื่อมวลชนจะโดนแย่งซีน พวกเขาค่อยๆ เล็งจับภาพไปที่เธอที่ละช็อต
เมื่อเห็นว่าเซี่ยอันน่าเซ็กซี่ยั่วยวนขนาดนี้ จนดาราสาวคนอื่นๆ ไม่อยากเชื่อสายตา
แต่เพราะชายหนุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังของเซี่ยอันน่า พวกเธอจึงทำได้เพียงแค่อิจฉา แต่ขณะเดียวกันก็คอยประจบประแจงเธอด้วย
ยอมลดตัวเพื่อเอากเอาใจ พวกเธอเป็นดาราสาวอันสามอันดับสี่ ส่วนเซี่ยอันน่าแม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้
เมื่อเผชิญหน้ากับความประจบสอพลอของคนเหล่านี้ เซี่ยอันน่าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ก้มหน้ายิ้มบางๆ
เซี่ยอันน่าเหน็ดเหนื่อยกับมาเผชิญหน้ากับปัญหาที่ผ่านเข้ามาก่อความวุ่นวาย
เซี่ยอันน่าจึงมองข้ามไป จากนั้นก็ได้ยินคำพูดซุบซิบของคนอื่น
“เฮ้! คุณชายเสี่ยวมาแล้ว!”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของเซี่ยอันน่าก็แข็งทื่อ
“ใคร เสี่ยวอวี้หลินงั้นเหรอ?”
“ใช่ๆๆ”
“คุณชายเสี่ยวมาทำอะไรที่นี่?”
“ได้ยินมาว่าเขาเป็นสปอนเซอร์ของงานนี้”
“แบบนี้นี่เอง”
“ว่าแต่คุณชายเสี่ยวนี่หล่อจริงๆเลยนะ ฉันเพิ่งเคยเจอเขาครั้งแรก หล่อกว่าในทีวีตั้งเยอะ”
“หล่อก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก คนในครอบครัวเขาก็หล่อก็สวยกันอยู่แล้ว”
เสียงพูดคุยเบาลง เซี่ยอันน่ารู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องมองมาที่ตัวเองจนรู้สึกร้อนอบอ้าว
ในสายตาของคนอื่นคงมองว่าเซี่ยอันน่ากำลังโอ้อวด
ตัวเองกลายเป็นจุดสนใจของผู้ชม ตอนนี้แฟนหนุ่มเจ้าของสปอนเซอร์ก็ปรากฎตัวขึ้น แน่นอนว่าทั้งสองเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม
แต่อันที่จริงแล้ว เซี่ยอันน่ากลับรู้สึกแย่เอามากๆ
เขามาทำไม เขามาทำไม เขามาทำไม…
ในขณะนี้หัวของเซี่ยอันน่ามีแต่ประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา ส่วนที่เหลือนั้นว่างเปล่า
เซี่ยอันน่าไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเสี่ยวอวี้หลินอย่างไร ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาดี
และอีกอย่างการที่เสี่ยวอวี้หลินร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆ เหรอ?
ตอนที่ความคิดกำลังฟุ้งซ่าน เสี่ยวอวี้หลินก็เดินเข้ามา
เซี่ยอันน่าหายใจเข้าลึกๆ เธอคิดว่าไม่ว่าทั้งสองจะอึดอัดแค่ไหน แต่ก็ให้คนนอกที่มองอยู่อย่างตื่นเต้นรู้ไม่ได้ ใบหน้าจึงฉีกยิ้ม
ทั้งสองใกล้กันเข้ามาเรื่อยๆ เซี่ยอันน่ายื่นมือออกไปเตรียมจะควงแขนเขาเหมือนเมื่อก่อน
แต่ เสี่ยวอวี้หลินเดินผ่านเธอไป!!
แขนของเซี่ยอันน่าถูกแช่แข็งอยู่กลางอากาศ รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่เช่นนั้น แต่เสี่ยวอวี้หลินไม่ได้หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตอนแรกผู้คนที่อยู่รอบๆ ยังไม่มีการตอบสนองใด จากนั้นจึงเริ่มซุบซิบกัน
“ทำไมเป็นแบบนี้ เธอเป็นแฟนเสี่ยวอวี้หลินไม่ใช่เหรอ? ทำไมเสี่ยวอวี้หลินไม่สนใจเธอเลยล่ะ?”
“อาจจะเลิกกันแล้วก็ได้”
“เป็นไปได้ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร หน้าตาก็งั้นๆ เสี่ยวอวี้หลินคงจะแค่เล่นๆด้วย ตอนนี้เบื่อแล้วเลยทิ้งไปไม่ได้สนใจ”
“ฮ่าๆ ท่าทางมั่นอกมั่นใจเมื่อกี้ ตอนนี้ก็กลายเป็นตลกให้คนดู คนคนนี้ลำพองใจจนเกินไป เกรงว่าคงต้องได้ตบหน้าตัวเอง!”
เสียงซุบซิบรอบข้าง พูดขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของเซี่ยอันน่ายิ่งแย่ลง
ที่เซี่ยอันน่ารู้สึกแย่ ไม่ใช่เพราะคำดูถูกถากถางเหล่านั้น แต่เพราะเสี่ยวอวี้หลิน
เขารู้ว่าการทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร แต่ก็ยังทำมัน เห็นได้ชัดว่าจงใจทำให้เธอดูไม่ดี
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้เป็นคนรักกัน ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เสี่ยวอวี้หลิน… คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”
แขนของเซี่ยอันน่าตกลง เธอเดินไปที่มุมมุมหนึ่ง และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้
“คุณหนูเซี่ย?”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก เซี่ยอันน่าจัดการกับอารมณ์ด้านลบของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วหันกลับไปแสดงใบหน้ายิ้มแย้มสวยงาม
“หัวหน้าบรรณาธิการเซียวเสี่ยว”
ไม่เหมือนกับเซี่ยอันน่าที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง เซียวเสี่ยวเธอเป็นหญิงแกร่งจริงๆ ทำเรื่องต่างๆอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดได้ด้วยตัวเอง สร้างความก้าวหน้าในโลกของแฟชั่น
เซียวเสี่ยวมองไปที่หญิงสาวตรงหน้า ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “คุณเหมือนกับที่ฉันคิดไว้เลย ดูเหมือนอ่อนแอแต่กลับเข้มแข็งมาก”
เซี่ยอันน่าไม่เข้าใจว่าคำพูดนี้ของเซียวเสี่ยวหมายความว่ายังไง จึงทำได้เพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
“คุณตรงกับสไตล์ของนิตยสารเรามาก”
เซี่ยอันน่าคิดในใจ แล้วเอ่ยถาม “คุณหมายความว่ายังไงคะ?”
“ฉันชื่นชมคุณ หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานกัน”
คิดไม่ถึงว่าเรื่องต่างๆจะพัฒนามาขนาดนี้ เซี่ยอันน่ายิ้มกว้างอย่างหุบไม่ได้ “จริงเหรอคะ? เป็นเกียรติของฉันจริงๆค่ะ”
“หัวหน้าบรรณาธิการเซียว คุณอย่าไปหลงกลกับการแสดงของเธอ”
เซี่ยอันน่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง แต่ราวกับคนแปลกหน้า
เซียวเสี่ยวมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามด้วยสีหน้าสับสน “คุณชายเสี่ยวพูดอะไร?”
สายตาเหลือบมองไปที่เซี่ยอันน่า เสี่ยวอวี้หลินพูดขึ้น “นักแสดงสาวคุณเซี่ยผู้เหย่อหยิ่งของเรา คุณเป็นฝ่ายเข้าหาเธอเอง จริงๆแล้วคุณไม่ได้อยู่ในสายตาเธอตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับมาบอกว่าช่างเป็นเกียรติมาก ในความเป็นจริงแล้วไม่รู้ว่าในใจลึกๆคิดอะไรอยู่”
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวอวี้หลินมาที่นี่เพื่อจับผิดเธอ
ครานี้ทำให้เซี่ยอันน่าโกรธมาก
แม้ว่าทั้งคู่กำลังทะเลาะกันอยู่ แต่งานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว ทำไมถึงเอามาพัวพันกันยุ่งเหยิงแบบนี้?
เซี่ยอันน่าจ้องมองตรงไปที่เสี่ยวอวี้หลิน เธอโมโหมากจึงพูดออกไปอย่างหยาบคาย “คุณชายเสี่ยว คุณก็พูดเกินไปนะคะ คุณเป็นพยาธิตัวตืดในท้องฉันรึไง คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่?”
เซี่ยอันน่าอมยิ้มมองไปที่เขา แต่รอยยิ้มนี่กลับไปไม่ถึงสายตาของเสี่ยวอวี้หลิน
“เพราะเราทั้งคู่ยังเป็นแฟนกันอยู่ เชื่อเถอะว่าที่นี่ไม่มีใครรู้จักเธอดีไปกว่าฉัน”
“แต่…”
“หัวหน้าบรรณาธิการเซียว ผมรู้จักนักแสดงคนหนึ่งไม่เลวเลยล่ะ ผมอยากแนะนำให้คุณรู้จัก โปรดเชิญทางนี้ครับ”
ไม่รอให้เซี่ยอันน่าพูดจบ เสี่ยวอวี้หลินก็พูดขัดจังหวะขึ้นมา แล้วพาหัวหน้าบรรณาธิการเดินจากไปด้วยกัน
เซียวเสี่ยวมองไปที่เซี่ยอันน่าอย่างรู้สึกผิด เพื่อเซี่ยอันน่าเธอไม่อาจทำให้เสี่ยวอวี้หลินไม่พอใจได้ “ขอโทษด้วยนะคะคุณหนูเซี่ย ไว้เราค่อยคุยกับคราวหน้านะคะ”
พูดจบ เซียวเสี่ยวและเสี่ยวอวี้หลินก็เดินจากไปด้วยกัน เดินเลี่ยงไปอีกด้าน
ด้านในนั้น มีนักแสดงสาวสวยในชุดสีแดงยืนอยู่ เธออ่อนหวานและงดสวย
เมื่อเห็นเสี่ยวอวี้หลินพาเซียวเสี่ยวเข้ามา เธอก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาอกเอาใจหัวหน้าบรรณาธิการเซียว แม้สีหน้าของเธอจะดูอึดอัดเล็กน้อย
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญสำหรับเซี่ยอันน่าอีกต่อไป ตอนนี้เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าดวงตาเธอร้อนผ่าว เธออยากร้องไห้ออกมาจริงๆ
เธอรู้จักเสี่ยวอวี้หลินดี รู้ว่าเสี่ยวอวี้หลินกำลังบอกตัวเธอว่า เมื่อไม่พึ่งพาเขา จะลงเอยเช่นไร
อันที่จริง มีคนมากมายรอคุกเข่าให้เสี่ยวอวี้หลิน
แต่เพียงแค่เธอไม่ยอมพึ่งพาเขา มันไม่น่าให้อภัยขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอต้องการไต่เต้าด้วยความสามารถของตัวเอง ไม่สมควรได้รับมันงั้นเหรอ?
เซี่ยอันน่าคิดไม่ออก เธอโกรธมากจนอยากจะด่าใครสักคน
และทางด้านเสี่ยวอวี้หลิน ก็ไม่ได้มองเซี่ยอันน่าตั้งแต่แรก เขายืนอยู่ข้างๆ นักแสดงสาวพร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ราวกับได้พบรักครั้งใหม่
การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นเข้าใจได้ทันที เซี่ยอันน่ากลายเป็นคนรักเก่า เป็นแฟนเก่าที่ตายไปแล้ว
ทุกคนดีอกดีใจกับความโชคร้ายของเธอ ด้วยการดูถูกเย้ยยัน และยังมีเสียงถอนหายใจอย่างน่าเวทนา
แต่พวกเขาจะมีปฎิกิริยาอย่างไร เซี่ยอันน่าไม่สนใจ
เธอเพียงแค่อยากรู้ว่า เสี่ยวอวี้หลินไม่สนใจอะไรเลยจริงๆ? หรือว่าเพื่อระบายความโกรธ จึงทำอะไรออกมาใช่ไหม?
เธอค่อยๆ หลับตาลง เซี่ยอันน่าเจ็บปวดหัวใจ
ถึงเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ควรทำก็ต้องทำต่อไป
แม้ว่าเซี่ยอันน่าไม่มีความสุข แต่ก็ไม่อาจเผยอารมณ์ออกมาให้คนนอกให้เห็นได้
ปรับตัวเองใหม่อีกครั้ง เซี่ยอันน่ามองหาใบหน้าที่คุ้นเคย หรือผู้หลักผู้ใหญ่ที่ต้องการทำความรู้จัก
ในขณะที่กำลังมองหา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชนตรงเข้ามาหาเธอ
“เฮ้! เธอไม่มีตารึไง เธอเหยียบกระโปรงฉัน!”
เสียงของเธอแหลมคมจนทำให้ทุกคนหันกลับมามองทันที
เสี่ยวอวี้หลินก็ได้ยินเช่นกัน แต่เขาไม่หันไปมอง เพียงแค่กำแก้วไวน์ในมือแน่น
เซี่ยอันน่ามองไปที่เท้าของตัวเอง เห็นได้ชัดว่ายังมีระยะห่างจากกระโปรงของหญิงสาวอยู่
กลายเป็นว่าโดนอีกคนหาเรื่องเข้าแล้ว
เพียงแค่หญิงสาวคนที่เข้ามาหาเรื่องเธอคนนี้ดูคุ้นมาก
เซี่ยอันน่าครุ่นคิด นึกย้อนกลับไป เธอเป็นผู้หญิงคนนั้นที่คอยเอาอกเอาใจเธอเมื่อสักครู่
คนเรายังสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงเสมอ เมื่อสักครู่คิดว่าตัวเธอมีอำนาจ จึงพยายามอย่างหนักเพื่อเข้ามาเอาอกเอาใจเธอ
ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเธอไร้ซึ่งอำนาจใดๆ ก็เข้ามาเหยียบย่ำเธอแบบนี้ ราวกับหมาที่คอยกระดิกหางเอาใจเจ้าของ
แต่เซี่ยอันน่าไม่ต้องการโต้เถียงกับเธอ จึงพูดเบาๆ “ขอโทษค่ะ”
พูดจบ เซี่ยอันน่าก็เลี่ยงออกจากหญิงสาว กำลังจะเดินจากไป
แต่น้ำเสียงทุ่มต่ำของเซี่ยอันน่าไม่ได้ทำให้ทุกอย่างเงียบลง อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย “โง่จริงๆ คนอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรถึงมาอยู่ที่นี่ได้!”
สายตาของทุกคน ล่องลอยอยู่ในอากาศที่มีก็เหมือนไม่มี
ตอนนี้เมื่อเห็นทั้งสองทะเลาะกัน สีหน้าก็ดูสนุกคึกคักขึ้นมาทันที
สำหรับเซี่ยอันน่า เธอได้รับการดูถูกถากถางจากผู้หญิงคนนี้มามากพอแล้ว เธอขมวดคิ้ว แล้วตอบโต้กลับ
“ฉันไม่ได้รับคำเชิญจากคุณ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลหรอกนะ”
“เธอ…” หญิงสาวพูดไม่ออกเมื่อถูกเซี่ยอันน่าตอบโต้กลับ เมื่อครุ่นคิดอยู่สักครู่ จึงตัดสินใจเหยียบเท้าที่ปวดของเธอ “หึ ถูกเขี่ยทิ้งแล้ว ยังจะกล้ามาอวดดีที่นี่อีก หน้าด้านจริงๆ”
คำพูดของผู้หญิงคนนั้นได้ผล หัวใจของเซี่ยอันน่าเจ็บปวดขึ้นมา
เธอไม่อยากเล่นเกมน่าเบื่อนี้อีกต่อไป ไม่อยากสนใจว่าผู้หญิงจะพูดถึงเรื่องอะไร จึงต้องการเดินเลี่ยงเธอออกมา
แต่หญิงสาวกำลังสนุก จะปล่อยให้เธอเดินจากไปได้อย่างไร?
จู่ๆ หญิงสาวก็เรียกชื่อเซี่ยอันน่า เธอหยุดฝีเท้า แล้วค่อยๆ หันกลับไป
“ระวัง!”
สิ้นเสียง น้ำแก้วหนึ่งถูกสาดใส่หน้าเซี่ยอันน่า
ผู้หญิงคนนั้นทำสีหน้าประหลาดใจ ราวกับว่าคนที่เพิ่งสาดน้ำไม่ใช่เธอ
หญิงสาวใช้มือปิดปาก เอาแต่พูดไม่หยุด “ขอโทษจริงๆนะ มือฉันลื่น เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หึ เธอจะโอเคไม่โอเคก็ไม่สำคัญหรอก เธอไม่รู้เหรอ?
เซี่ยอันน่าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาอย่างใจเย็น จ้องมองไปที่หญิงสาวคนนั้นตาเขม็ง
หญิงสาวตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ และในขณะเดียวกัน เซี่ยอันน่าก็หันหลังแล้วเดินจากไป
เมื่อได้สติกลับมาหญิงสาวโกรธมาก บ่นไล่หลังเซี่ยอันน่า “มองแบบนี้ทำไม ฉันบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วทำไมถึงยังมามองแบบนั้นอีก น่ารำคาญจริงๆเลย!”
ตอนที่หญิงสาวพูด สายตาพลันมองไปที่เสี่ยวอวี้หลิน
เห็นรอยยิ้มที่มีก็เหมือนไม่มีปรากฎที่มุมากเขา ในใจก็มีความสุขขึ้นมา
สันนิษฐานว่าทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น เสี่ยวอวี้หลินเห็นทุกอย่าง
หากการกระทำของตัวเองนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินมีความสุขได้ จากนั้นคอยทำความคุ้นเคยกับเขา ก็ยังพอมีหวัง
คนที่มีความคิดแบบนี้ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียว
มีไม่กี่คนที่อยู่ในฐานะนักแสดงชาย ที่คิดว่าทำมากเกินไปก็ไม่ดี
แต่หากแอบทำให้เธอยากลำบาก ก็ยังพอมีวิธี
ดังนั้น ระหว่างทางที่เซี่ยอันน่ากำลังเดินออกไป มีนักแสดงชายเข้ามาขวางทางเธอไว้
“คุณหนูเซี่ย เราเคยร่วมงานกันมาก่อน คุณยังจำผมได้ไหม?”
“ดูเหมือนว่า…จะยังจำได้อยู่นะค่ะ”
“ในเมื่อรู้จักกันแล้ว เราไปดื่มกันสักหน่อยเถอะครับ”
เซี่ยอันน่าชะงักไป พูดเตือนขึ้นมาว่า “แต่ฉันมีเรื่องที่ต้องไปทำค่ะ”
ตอนนี้เซี่ยอันน่ายังมีน้ำหยดติ๋งๆ อยู่ที่บนผม เห็นแล้วน่าอายมาก
แต่อีกฝ่ายไม่สนใจสิ่งที่เซี่ยอันน่าพูด ยื่นแก้วไวน์ให้เธอ แล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “อ่า ดื่มสักหน่อยค่อยไปก็ไม่สายหรอกครับ มาๆๆ ผมดื่มก่อน”
เซี่ยอันน่าไม่มีทางเลือก จึงเงยหน้าขึ้นมองและดื่มแล้วไวน์ในมือ หวังให้หายไปจากภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้โดยเร็วที่สุด
แต่เมื่อเซี่ยอันน่าดื่มไวน์ ความเดือดร้อนมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าดื่ม ดาราผู้ชายคนอื่นๆ ก็ล้อมวงกันเข้ามา ทีละคน ทุกคนต่างต้องการให้เซี่ยอันน่าดื่มด้วยเช่นกัน
หนึ่งแก้วสองแก้ว เซี่ยอันน่ายังจัดการได้
แต่เมื่อดื่มไปแล้ว พวกเขาก็คิดหาแก้วใบใหม่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆให้เซี่ยอันน่าดื่มต่อไป
ค่อยๆ มาเรื่อยๆ เซี่ยอันน่าไม่อาจทนต่อไปได้อีก ใบหน้าแดงก่ำ เดินโซซัดโซเซ
ไม่ได้ เธอไม่อาจดื่มต่อไปได้อีก
เซี่ยอันน่าคิ้วขมวด เริ่มปฎิเสธแก้วไวน์จากฝั่งตรงข้าม
แต่ว่าคราวนี้เธอแหย่รังแตนเข้าให้แล้ว บางคนไม่พอใจ ก็เริ่มพูดเหน็บแนมด้วยท่าทางหยิ่งยโส ไม่เห็นว่าเป็นรุ่นพี่อยู่ในสายตา