วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 487: ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งของคุณ
“ให้ตายเถอะ คนบ้านนี้น่าสงสารจริงๆ ชีวิตดีๆต้องมาถูกลูกสาวตัวเองก่อกวน”
“ได้ยินมาว่า คุณชายใหญ่บ้านนั้นประสบอุบัติเหตุ ภรรยาเขาก็นอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง พวกเขาเป็นคนดีมาก ทำไมพวกเขาย่ำแย่มาถึงจุดนี้ได้กันนะ?”
“หรือไม่ใช่เพราะลูกสาวตัวดีเอาหายนะมาให้พวกเขา ถ้าให้ฉันคิด ลูกสาวคนนั้นเป็นคนก่อเรื่องแน่ๆ ถึงได้เปลี่ยนชีวิตดีๆให้กลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้”
เสียงพูดคุยกันของคนหลายคนดังขึ้นเรื่อยๆ จนต้วนจื่ออิ๋งทนต่อไปไม่ไหว
เธอลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองรีบเดินออกมา เมื่อวิ่งมาถึงที่ที่ไม่มีใครอยู่ก็เริ่มร้องไห้
ต้วนจื่ออิ๋งร้องไห้หมดแรงจนเธอยืนไม่ไหว
มองท้องฟ้าที่อยู่แสนไกล ต้วนจื่ออิ๋งราวกับได้เห็นหน้าของพ่อที่รักและเอ็นดู
เขารักและทะนุถนอมต้วนจื่ออิ๋งมาโดยตลอดและหัวใจของต้วนจื่ออิ๋งก็เป็นดังความหวัง
แต่ตอนนี้ ความเชื่อใจได้พังทลายไม่เป็นท่า ต้วนจื่ออิ๋งหวาดกลัวไปหมด
“ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำไม!”
เจ้าหน้าที่บอกให้เธอแก้ไขตัวเองใหม่
ครั้งสุดท้ายที่พ่อเจอกับเธอ ก็ให้เธอพิจารณาตัวเองให้ดี
ตอนนี้เธอรู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำผิดและยอมที่จะแก้ไข แต่กลับไม่มีใครมองเห็นว่าเธอพร้อมปรับตัว
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะขอเลวต่อไป
ให้คนที่เคยทำร้ายเธอและคนในครอบครัวเธอตายไปทั้งหมด!
……
เย่ชูวเสวียยกอาหารว่างเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าที่นั่งว่างจึงเอ่ยถาม: “อ้าว เสี่ยวอวี้หลินล่ะ?”
“ไปแล้ว”
“รีบร้อนอะไรขนาดนั้น? ยังไม่ทันได้ชิมของหวานที่ฉันเพิ่งทำขึ้นมาใหม่เลย”
เซี่ยอันน่าจิบน้ำผลไม้และพูดติดตลกว่า: “คนบ้าระห่ำอย่างเขาจะรู้รสอะไร มีแต่คอยหาเรื่องก่อกวน”
หลังจากได้ยินความคิดเห็นนี้ เย่ชูวเสวียถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ไหว ทั้งหัวเราะและพูดว่า: “โธ่ ในโลกนี้มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่กล้าด่าเขาอย่างนี้”
ต้วนอีเหยาที่ยืนอยู่ข้างหลังเย่ชูวเสวียหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมาและพูดว่า: “เอาล่ะ สายแล้วพวกเราไปกันเถอะ”
“อย่าเพิ่งรีบไปสิ ยังไม่ได้ทานของว่างพวกนี้เลยนะ”
“ฉันลดน้ำหนักน่ะเลยไม่ทาน” พูดแล้ว ต้วนอีเหยาก็มองไปยังเซี่ยอันน่าและ “อันน่า เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอ”
“ไม่รบกวนหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไร ทางผ่านพอดี”
เมื่อเห็นทั้งสองตกลงกันอย่างสบายใจได้แล้ว เย่ชูวเสวียก็ไม่ได้พูดอะไร
เฮ้อ ขนมของเธอไม่น่าสนใจงั้นเหรอ?
ขณะนั่งอยู่บนรถ เซี่ยอันน่ามองหน้าด้านข้างของต้วนอีเหยา อยู่ๆก็นึกถึงเย่ชูวเสวียที่พูดถึงความคิดเห็นของเธอขึ้นมา
เซี่ยอันน่าเม้มปากอย่างลังเลใจก่อนเอ่ยถามว่า: “พี่อีเหยา…คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าฉันจะเรียกคุณอย่างนี้?”
“ไม่อยู่แล้ว”
“พี่คิดว่าฉันควรคืนดีกับเสี่ยวอวี้หลินไหม?”
ต้วนอีเหยาเอ่ยด้วยสีหน้าปกติ: “เรื่องนี้ ฉันจะคิดอย่างไรก็ไม่มีค่าอยู่ดี สิ่งสำคัญอยู่ที่เธอ”
“แต่ถ้าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับพี่ พี่จะจัดการยังไง?”
“ทำตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น สักวันเธอจะได้ปรากฏตัวขึ้นในที่ที่เธอควรอยู่อย่างสง่าผ่าเผย นั่นหมายความว่า ตำแหน่งและชื่อเสียงของเธอจะต้องเหมาะสมกับเสี่ยวอวี้หลินมากขึ้นและไม่มีใครพูดได้ว่าเธอใฝ่สูง”
คำพูดของต้วนอีเหยา ทำให้เซี่ยอันน่าเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง
แต่ไม่นานความท้อแท้ก็กลับมาอีกครั้ง
เธอลดสายตาลงและพูดว่า: “พี่อีเหยา สิ่งที่พี่พูดเป็นสิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่เหมือนกัน แต่…เปลี่ยนมาเข้มแข็งเหมือนเสี่ยวอวี้หลิน ดูเหมือนจะเป็นงานยากที่ไม่อาจทำสำเร็จได้ในชีวิตนี้”
“ฉันว่าเธอกำลังเข้าใจความหมายของฉันผิดนะ’
ใบหน้าของเซี่ยอันน่าอันน่าเต็มไปด้วยความแปลกใจ “ผิดตรงไหนคะ?”
“ฉันหมายถึงให้แข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่การมีชื่อเสียงจอมปลอมหรือเป็นการก่อตั้งบริษัทและแข่งขันกับเสี่ยวอวี้หลิน แต่เธอต้องทำความฝันให้เป็นจริงและไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ”
“ตอนนี้เธอกำลังพยายามมุ่งไปทางนั้นอย่างหนักและผลลัพธ์นั้นมันออกมาดีมาก เพราะเธอพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว อีกไม่นานเธอก็จะกลายเป็นสาวน้อยอันดับหนึ่งของประเทศ ถึงเวลานั้นแล้วความฝันของเธอจะเป็นจริง ในใจก็จะแข็งแกร่งและสุขใจเป็นอย่างมาก”
“เธอที่เป็นเช่นนี้ได้จะไม่มีทางพ่ายแพ้ต่อคนอื่น เพราะคนที่เธอจะพ่ายแพ้ได้มีแค่ตัวเธอเอง”
ฟังคำพูดของต้วนอีเหยาแล้ว เซี่ยอันน่าก็รู้สึกสะเทือนอยู่ในใจ
บางสิ่งของก้นบึ้งในหัวใจนั้นค่อยๆละลายหายไป
และเกราะแกร่งนั้นหมุนวนมาห่อหุ้มจิตใจเซี่ยอันน่าไว้อย่างหนาแน่นมากขึ้น
เซี่ยอันน่าอมยิ้มและมองไปยังต้วนอีเหยา “พี่อีเหยา ฟังพี่พูดแล้วฉันรู้สึกว่าอยู่ๆชีวิตก็ดูมีหนทางมากมาย และฉันก็ไม่สับสนอีกต่อไปแล้ว เมื่อรู้ว่าในอนาคตต้องพยายามไปในทิศทางไหน”
“ฉันดีใจนะที่ได้ให้คำแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตกับเธอ หวังว่าสิ่งที่ฉันพูดกับเธอไปจะมีประโยชน์นะ”
“มีประโยชน์แน่นอนค่ะ อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้ฉันไม่วนลูปอยู่ที่เดิมอีกแล้ว และรู้ตัวว่าฉันควรจะทำอย่างไร”
“จริงๆแล้ว คำพูดของฉันเป็นเพียงแค่ผลของคำแนะนำ ในความเป็นจริง หลังจากผ่านไปสองสามวัน เธอก็จะคิดออกได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่ต้องการใครสักคนคอยผลักดันเธออยู่ข้างหลัง”
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก็ต้องขอบคุณพี่มากๆเลยนะค ชูวเสวียพูดถูกพี่เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบมากๆ ได้รู้จักกับพี่เป็นโชคดีของชีวิตฉันจริงๆ”
“สมบูรณ์แบบ?” อยู่ๆต้วนอีเหยาก็หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่น “บนโลกนี้จะมีคนที่สมบูรณ์แบบที่ไหนกันล่ะ ทุกคนไม่ว่าจะมีเสน่ห์มากแค่ไหนก็มีความอึดอัดใจที่ยากจะอธิบายกันทั้งนั้น”
ขณะที่ต้วนอีเหยากำลังพูด สีหน้าของต้วนอีเหยาก็ปรากฏความเศร้าออกมา ดูแล้วไม่เข้ากันเลยสักนิด
เซี่ยอันน่าอยากจะถามอีกแต่พอคิดอีกที ถ้าทำแบบนั้นก็จะดูล่วงเกินมากเกินไป จึงกลืนสิ่งที่อยากพูดลง
ขณะรถเลี้ยวโค้ง ต้วนอีเหยากำลังเตรียมข้ามสะพาน แต่กลับพบรถสีดำหนึ่งคันแล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูง
สัญชาตญาณบอกกับต้วนอีเหยาว่าบุคคลนั้นอันตรายมาก ทันทีที่หรี่ตามอง ต้วนอีเหยาจึงเปลี่ยนใจลอดใต้สะพานและเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น
แต่รถที่อยู่ด้านหลังไล่ตามไม่เลิกพุ่งเข้ามาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น รถของต้วนอีเหยาถูกกระแทกอย่างแรง
“ระวัง!”
ต้วนอีเหยายื่นมือออกมาเพื่อปกป้องศีรษะของเซี่ยอันน่า ขณะเดียวกันก็ควบคุมพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับคิ้วที่ขมวดแน่น
เซี่ยอันน่าตกใจเงยหน้าหันมองไปข้างหลังด้วยสีหน้าซีดเซียว
รถคันสีดำที่อยู่ด้านหลัง ข้างหน้ายุบเข้าไปแล้ว แต่อีกฝ่ายยังคงไล่ตามไม่เลิก
“นั่นมันคนบ้าหรือเปล่า ทำไมต้องชนรถพวกเราด้วย?”
“เธอเป็นคนบ้าแน่ๆ และเป็นคนบ้าที่รนหาที่ตาย!”
ต้วนอีเหยามองคนขับรถ เป็นต้วนจื่ออิ๋งที่หายตัวไปได้สักพักหนึ่ง
ดูท่า ชีวิตในคุกคงไม่อาจทำให้ต้วนจื่ออิ๋งสำนึกได้ กลับกันยิ่งทำให้กำเริบหนักขึ้น ถึงได้ยังทำเรื่องบ้าๆอย่างนี้อีก
คนประเภทนี้ ไม่ผิดคาดจริงๆไม่คุ้มค่าให้สงสาร!
ต้วนอีเหยาหรี่ตาลงเตรียมให้ต้วนจื่ออิ๋งได้เห็นความร้ายกาจสักหน่อย
ต้วนอีเหยาเลี้ยวรถกะทันหันเพื่อเปลี่ยนทิศทางของหัวรถ
แต่เมื่อต้วนอีเหยาอยู่ใกล้ต้วนจื่ออิ๋ง เธอก็เห็นเด็กผู้หญิงกำลังร้องไห้ยืนอยู่ระหว่างรถทั้งสองคัน!
เด็กคนนั้นตกใจทำอะไรไม่ถูก จึงยืนร้องไห้อยู่บนถนน
แม่ของเด็กฝ่าเข้ามาเพื่อช่วยเธอ แต่กลับถูกคนอื่นขวางเอาไว้
ช่วงวิกฤตของเหตุการณ์นี้ ต้วนอีเหยาทำได้เพียงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธและหันไปรอบๆ
ต้วนจื่ออิ๋งกลับคว้าเอาโอกาสนี้ ตรงดิ่งปะทะเข้ากับต้วนอีเหยา
และคราวนี้ ด้านหน้าของต้วนอีเหยาเป็นเสาเข็มสะพานขนาดใหญ่
ช
รถพุ่งชนเข้าอย่างแรง เพราะแรงกระแทกแรงมากรถจึงหักโค้งไปด้านข้าง
และที่นั่น คือน้ำทะเลสีเขียวมรกต….
ตูม——
รถตกลงไปในทะเลเสียงดังสนั่น
ต้วนจื่ออิ๋งกระโดดลงมาจากรถ จ้องมองทะเลที่อยู่ด้วยหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ
ในระหว่างการไล่ล่าเธอได้รับบาดเจ็บ และบนหน้านั้นมีรอยแผล
แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เพียงแค่จ้องมองทะเลสงบที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยเท่านั้น และพูดพึมพำว่า: “จบแล้ว ทุกอย่างมันจบลงแล้ว”
เสียงรถตำรวจ ดังมาตแต่ไกลจนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทุกคนให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่อปราบต้วนจื่ออิ๋ง
ตลอดขั้นตอนการจับกุมการต้วนจื่ออิ๋งไม่ได้ต่อต้านแม้แต่น้อย ราวกับว่าจะเกิดหรือตายก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
เธอทำภารกิจสุดท้ายในชีวิตสำเร็จ มีความแค้นก็ต้องแก้แค้น มีโทษก็ต้องได้รับโทษ หลังจากนี้ทั้งสองก็ไม่ได้ติดค้างอะไรอีก
เมื่อได้ยินข่าวว่ามีรถตกลงไปในทะเล ตำรวจก็รีบโทรศัพท์หาทีมกู้ภัย จัดหากำลังคนและรถเครน
สำหรับมวลชนที่รออยากรู้อยากเห็นอยู่บริเวณรอบๆทะเล ต่างพากันส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งคนทั้งรถตกลงไปในน้ำ แบบนี้ท่าจะรอดกลับมายาก คนร้ายช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว
ในขณะที่ทุกคนกำลังถอนหายใจ ต้วนอีเหยาจมอยู่ใต้น้ำ กำลังปลดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองและเซี่ยอันน่า
ตอนนี้ เซี่ยอันน่าอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น พยายามตะเกียกตะกายว่ายน้ำ
เมื่อเข้าใกล้พื้นผิวทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ ต้วนอีเหยารู้สึกว่าชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม
แต่ความแข็งแกร่งของเธอกลับหมดไปอย่างรวดเร็ว
เพิ่งถูกไล่โจมตีมา ทั้งต้วนอีเหยาและเซี่ยอันน่าต่างได้รับบาดเจ็บ
และเพื่อปกป้องเซี่ยอันน่า อาการบาดเจ็บของต้วนอีเหยาจึงร้ายแรงมากกว่า
เลือดที่หน้าผากไหลซึมออกมา แล้วหายไปกับน้ำทะเล อย่างไร้ร่องรอย
น้ำทะเลนั้น ราวกับมหาสมุทรขนาดใหญ่ที่กำลังดูดกลืนพลังงานทั้งหมดของต้วนอีเหยาไป
หลังจากที่ต้วนอีเหยาดึงเซี่ยอันน่าขึ้นมาจากน้ำได้ ก็มีคนมาพบพวกเธอเข้าพอดี
“เฮ้! ทั้งสองคนอยู่ตรงนี่!”
เมื่อทีมกู้ภัยได้ยินดังนั้น ก็รีบไปทันที เอื้อมมือออกไปรับเซี่ยอันน่าก่อน
แต่เมื่อพวกเขาต้องการคว้ามือต้วนอีเหยา มือของเธอก็ร่วงลงไป ร่างค่อยๆจมหายลงไปในน้ำ
“เร็วเข้า รีบลงไปช่วยอีกคน…”
……
ราวกับว่าเป็นความฝันที่แสนยาวนานของเซี่ยอันน่า
ในความฝัน เธอกำลังลอยคออยู่ในทะเล
เซี่ยอันน่าหวาดกลัว เธออยากกรีดร้อง อยากหลบหนีออกไป
แต่เธอไม่มีแรง ทำได้เพียงแต่ไหลไปตามกระแสน้ำ ที่ไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหน
จนกระทั่งเซี่ยอันน่าได้ยินเสียง เสียงที่กำลังเรียกชื่อเธอ
“อันน่า อันน่า…”
เสียงนี้…เสี่ยวอวี้หลิน!
ณ ตอนนี้ เซี่ยอันน่าค้นพบได้ถึงความกล้าหาญ
เธอไม่อยากล่องลอยอยู่แบบนี้ เธอยังมีความฝันของตัวเอง เธอยังอยากมีคนรัก เธอไม่อาจตกอยู่ในที่นี่ไปตลอดชีวิตไม่ได้
ความกล้าตลบอบอวลไปทั่ว เซี่ยอันน่าพยายามประยุงแขนลูบขาตนเอง เพื่อออกไปจากโลกแห่งความวุ่ยวายที่ไร้ขอบเขตนี้
พยายาม พยายามอย่างหนัก ในที่สุดโลกของเซี่ยอันน่าก็มีแสงสว่างขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
เซี่ยอันน่าลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ อย่างว่างเปล่า
ที่นี่คือที่ไหน?
ในห้องเงียบๆ และในอากาศยังมีกลิ่นหอมของดอกลิลลี่
เซี่ยอันน่ามองไปรอบๆ เกิดความสับสนกับตนเอง
เกิดอะไรขึ้น? ความจำเสื่อมงั้นเหรอ?
เซี่ยอันน่าพยายามนึกถึง แต่ศีรษะของเธอกลับรู้สึกเจ็บขึ้นมา
เซี่ยอันน่าเอื้อมมือไปสัมผัสอย่างไม่รู้ตัว พบว่าที่ศีรษะของเธอถูกห่อหุ้มด้วยอะไรบางอย่าง เมื่อกดลงเบาๆ ก็รู้สึกเจ็บ
เซี่ยอันน่ายิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น
ในขณะที่เธอกำลังพยายามประคองตัวลุกขึ้นนั่ง ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
“เฮ้ คุณหนูเซี่ยคุณฟื้นแล้ว!”
เมื่อพยาบาลเห็นเซี่ยอันน่ารู้สึกตัวแล้ว ก็รีบเดินเข้ามาข้างๆเธอทันที ประคองเธอให้ค่อยๆเอนตัวลงนอน
สีหน้าของเซี่ยอันน่าสิ้นหวังอย่างมาก
เธอไม่ได้ต้องการนอน เธออยากมองดูรอบๆว่ามันคืออะไร
แต่พยาบาลสาวกลับไม่ได้ยินเสียงเรียกในใจของเซี่ยอันน่า เธอหันหลังแล้ววิ่งออกไปจากห้องผู้ป่วย ไปรายงานสถานการณ์กับคุณหมอ
เวลานี้ เซี่ยอันน่าได้กลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง
แต่ความเงียบนี้เกิดขึ้นได้ไม่นาน คุณหมอรีบวิ่งเข้ามาในห้อง เริ่มดำเนินการตรวจร่างกายเซี่ยอันน่าเป็นชุด
“คุณหมอ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
ในขณะที่ความอดทนของเซี่ยอันน่าต่ำลงเรื่อยๆ น้ำเสียงทุ้มต้ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้น ทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกสบายใจขึ้นมา
“คุณหนูเซี่ยไม่มีอะไรร้ายแรงแล้วครับ เพียงแค่ให้พักผ่อนต่อก็พอแล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวอวี้หลินก็โล่งใจ
ทุกคนหลีกทางให้เสี่ยวอวี้หลินเดินขึ้นไปด้านหน้าตรงไปหาเซี่ยอันน่า ด้วยแววตาร้อนรุ่มและเป็นกังวล
เซี่ยอันน่ามองเขา และมองไปยังผู้คนรอบข้างอีกครั้ง เธอเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นความวิตกกังวลของเซี่ยอันน่า เสี่ยวอวี้หลินให้ทุกคนออกไป จากนั้นเขานั่งลงข้างๆเซี่ยอันน่า แล้วกุมมือเธอเอาไว้
อุณหภูมิในฝ่ามือทำให้เซี่ยอันน่าค่อยๆ สงบลง สมองเริ่มทำงานอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมฉันมาอยู่ที่โรงพยาบาล?”
เสี่ยวอวี้หลินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณและอีเหยาประสบอุบัติเหตุรถชนแล้วตกลงไปในน้ำ คุณจำได้ไหม?”
“รถชน…”
เซี่ยอันน่าพยายามนึกย้อนกลับไป ในที่สุดก็คิดถึงตอนที่ตกลงไปในน้ำขึ้นมาได้
ความทรงจำน่าหวาดกลัวย้อนกลับมา เซี่ยอันน่าจับมือเสี่ยวอวี้หลินไว้โดยไม่รู้ตัว ร่างกายยังคงสั่นสะท้าน “คนบ้านั้น ชนเราเข้าอย่างบ้าระห่ำ”
เสี่ยวอวี้หลินจับบ่าของเซี่ยอันน่าทันที พร้อมกับพูดปลอบโยน “ใช่แล้ว เธอทำดีแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก เธอถูกช่วยขึ้นมาได้ จะไม่มีใครมาทำร้ายเธออีก และอีกอย่างฉันจะคอยอยู่ข้างๆปกป้องเธอ ให้เธอปลอดภัย”
คำพูดของเสี่ยวอวี้หลิน ทำให้เซี่ยอันน่าค่อยๆ สงบลง
เซี่ยอันน่าเงยหน้ามองเสี่ยวอวี้หลิน แล้วเอ่ยถามขึ้น “แล้วพี่อีเหยาล่ะ? ฉันจำได้ หลังจากที่ตกลงไปในน้ำ พี่อีเหยาคอยปกป้องฉันตลอด ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวอวี้หลินก็เงียบไป
เห็นว่าเสี่ยวอวี้หลินไม่พูด ในใจเซี่ยอันน่าก็เกิดวิตกกังวลขึ้นมา
เธอคว้าชายเสื้อของเสี่ยวอวี้หลิน แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “เสี่ยวอวี้หลิน ทำไมนายไม่พูดอะไร!”
เสี่ยวอวี้หลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พูดออกมาอย่างอย่างลำบาก “อีเหยาเธออยู่ห้องข้างๆ ยังไม่ฟื้น”
เซี่ยอันน่าจิตใจเหม่อลอยไปชั่วขณะ ส่ายศีรษะอย่างไม่อยากเชื่อ
“พระเจ้า ทำไมถึงเป็นแบบนี้…”
“อย่าเพิ่งเป็นกังวลเลย เธอจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างแน่นอน”
การปลอบโยนของเสี่ยวอวี้หลิน กลับไม่ได้ทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่นิด
เธอก้มหน้าลง สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ส่ายศีรษะแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าพี่อีเหยาไม่พยายามช่วยฉันคงไม่กลายเป็นแบบนี้ เป็นความผิดฉันเอง ทำไมฉันถึงไม่มีประโยชน์ขนาดนี้นะ!”
“คนที่ต้องโทษจริงๆ คือผู้หญิงบ้าคนนั้น เธอคือคนร้าย”
“นาย…รู้ไหมว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องชนพวกเรา”
แววตาของเสี่ยวอวี้หลินหม่นลง “รู้ ผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าต้วนจื่ออิ๋ง เธอชอบเย่จิงเหยียน เพื่อเขาจึงลงมือทำเรื่องบ้าๆ สุดท้ายก็ถูกจับเข้าคุก ทีแรกฉันคิดว่าเธอหลังจากที่ออกมาจากคุกเธอจะเรียนรู้อะไรจากที่นั้นบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะโง่ได้ขนาดนี้”