วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่ 494 ความจริง ช่างเป็นสิ่งที่น่าสับสน
- Home
- วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
- บทที่ 494 ความจริง ช่างเป็นสิ่งที่น่าสับสน
เซี่ยอันน่าหายใจเข้าลึกๆ และหันไปมองดวงตาที่มีเสน่ห์คู่นั้น
“คุณ….”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เธอก็เป็นลมไป
ท่าเรือเหิงสุ่ย
เย่จิงเหยียนมองเวลาผ่านไปเรื่อยๆด้วยความรู้สึกกังวลเมื่อไม่ได้รับข่าวจากเสี่ยวอวี้หลิน
หนานกงเจาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อกับเย่จิงเหยียน
“ถึงเวลาแล้ว ทำไมไอ้สาระเลวนั่นยังไม่ออกมา แถมทางฝั่งมู่ยู่วฉีก็ไม่มีข่าวอะไรด้วย จะไม่เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม”
เย่จิงเหยียนหรี่ตาพูด “รออีกสักหน่อย พวกเธอสองคนส่วนตัวให้ดี อย่าให้มันจับได้”
“โอเค”
เข็มนาฬิกาชี้ไปที่แปดโมงห้านาที ท่าเรือยังคงคึกคักไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่เย่จิงเหยียนที่กำลังรอคนอยู่ ก็เริ่มอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ
และในที่สุดภายใต้ความหวังของทุกคน เสียงโทรศัพท์ของเสี่ยวอวี้หลินก็ดังขึ้น
มู่ยู่วฉีโทรมา
เย่จิงเหยียนรับโทรศัพท์แล้วถามว่า “ทำไมเพิ่งจะโทรมา หาชูวเสวี่ยเจอรึยัง”
เสียงโทรศัพท์ทางฝั่งนั้นยังคงวุ่นวาย และน้ำเสียงของมู่ยู่วฉีก็ยังมีความร้อนรนอยู่
เขาพูดกับเย่จิงเหยียน “ชูวเสวี่ยไม่เป็นไร ทุกคนรีบออกจากท่าเรือเร็ว ชูวเสวี่ยบอกว่าเธอแอบฟังคนอื่นคุยกัน ที่ท่าเรือมีระเบิดซ่อนอยู่ มันต้องการให้ทุกคนโดนระเบิดตาย”
สายตาของเขาเปลี่ยนไป เขารีบวิ่งไปทางต้วนอีเหยา และพูดผ่านเครื่องสื่อสารว่า “รีบออกไปเร็ว”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ที่นี่มีระเบิดอันตรายมาก”
ตอนนั้นเย่จิงเหยียนมาถึงตัวต้วนอีเหยาแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเย่จิงเหยียน เสี่ยวอวี้หลินก็ขมวดคิ้วทันที
“ระเบิดหรอ แต่ที่นี่มีคนบริสุทธิ์เยอะมาก พวกเขาทำได้ยังไง”
“ไม่ต้องไปสนใจ ชีวิตสำคัญที่สุด”
เย่จิงเหยียนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาจับมือต้วนอีเหยาวิ่งออกไป
แต่ต้วนอีเหยาทำเป็นไม่สนใจอะไรไม่ได้
ไม่ได้ จะให้คนจำนวนมากตายอย่างนี้ไม่ได้
ดวงตาของต้วนอีเหยาดำมืดลง เธอหยิบปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้า
“นี่คือการขู่โจมตี รีบวิ่งเร็ว”
เสียงของต้วนอีเหยาทำให้คนบริสุทธิ์รีบวิ่งออกไปจากท่าเรืออย่างบ้าคลั่ง
เย่จิงเหยียนมองผู้หญิงข้างกายด้วยความรู้สึกชื่นชม
เพราะเตือนได้ทันเวลาทำให้ผู้คนออกมาจากท่าเรือได้ทันก่อนจะระเบิด
แม้จะไม่ได้เจอคนที่ลึกลับ แต่การช่วยเย่ชูวเสวี่ยก็ถือว่าสำเร็จ
เมื่อนั่งในรถเย่จิงเหยียนก็โทรหาเสี่ยวอวี้หลิน เพื่อถามรายละเอียด
เสี่ยวอวี้หลินพูดอย่างอ่อนล้า “ชูวเสวี่ยอยู่ที่ฟาร์มม้าแถวนั้นจริง เราเสียแรงไปนิดหน่อยกว่าจะช่วยเธอออกมาได้”
ถึงเสี่ยวอวี้หลินจะไม่ได้พูดอย่างละเอียด แต่เย่จิงเหยียนก็รู้ดีว่าขั้นตอนนี้เต็มไปด้วยความอันตราย
เรื่องราวทั้งหมดค่อยคุยกันตอนเจอหน้าแล้วกัน
“ชูวเสวี่ยล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“เธอสบายดี แค่ตกใจเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้หลับไปแล้ว”
“งั้นก็ดี”
“ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
เย่จิงเหยียนหรี่ตาตอบ “ไม่เป็นอะไร แต่ไม่ได้เจอผู้ชายคนนั้น”
“ถ้าไม่มีมูลจะทำเรื่องพวกนี้ทำไม”
“ไม่สนใจแล้ว กลับไปค่อยว่ากัน”
หลังจากวางสาย ทุกคนก็ขับรถไปที่บ้านพักของเสี่ยวอวี้หลิน ก่อนจะเห็นว่าพวกเสี่ยวอวี้หลินขับรถมาถึงบ้านแล้ว
เมื่อเห็นเย่ชูวเสวี่ย เย่จิงเหยียนก็ตั้งใจว่าจะปลอบโยนเธออย่างอ่อนโยน
แต่เย่ชูวเสวี่ยก็วิ่งไปหาหนานกงเจาด้วยดวงตาแดงก่ำ
หนานกงเจากอดเย่ชูวเสวี่ยแน่น ราวกับกำลังกอดสิ่งของที่ล้ำค่า
ต้วนอีเหยาที่ยืนอยู่ข้างเย่จิงเหยียนตบไหล่ยิ้มให้เขาบางๆ
เย่จิงเหยียนแทบทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกนั้นเหมือนลูกสาวกำลังแต่งงานไม่มีผิด หัวใจของเธอไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไปแล้ว
เมื่อเธอสงบขึ้นมา ถึงเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองยังมีพี่
เธอเงยหน้าไปมองเย่จิงเหยียน เดินไป และพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “พี่”
เขาตบไหล่เธอและพูด “เธอทำดีมาก พี่หาเธอเจอแล้ว ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอทุกคนแล้วสะอีก”
ตอนที่เย่ชูวเสวี่ยพูดประโยคนี้น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอีก
ต้วนอีเหยาโอบไหล่เย่ชูวเสวี่ย พร้อมลูบเบาๆ เพื่อปลอบโยนเธอ
เย่ชูวเสวี่ยยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาและถาม “จับตัวมันได้ไหม มันกล้าลักพาตัวฉัน พวกเราต้องเอาคืนมัน”
“มันหนีไปได้ ตอนเธอถูกขังรู้อะไรบ้างไหม”
เย่ชูวเสวี่ยคิด “ฉันถูกขังอยู่ในห้องไม้เล็กๆ มีแค่ผู้หญิงสองคนเข้ามาหาฉัน พวกเธอเอาอาหารมาให้ แล้วก็มาเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนซักให้”
“อาหารรสชาติไม่เลวเลยใช่ไหม”
เย่ชูวเสวี่ยมองไปที่มู่ยู่วฉีและถามอย่างแปลกใจ “ทำไมถึงถามแบบนี้”
“เพราะฉันรู้สึกว่าเธออ้วนขึ้นมาหน่อยแล้ว”
เย่ชูวเสวี่ยอายจึงรีบพูดแย้ง “เพราะว่าฉันร้องไห้เลยตัวบวมต่างหาก”
“นี่เธอจะยอมรับก็ไม่เป็นไรนะ คนที่อยู่ใต้ความกดดัน ความอยากอาหารก็มักจะมากขึ้น ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“แต่มันไม่ใช่นี่นา”
เมื่อเห็นเย่ชูวเสวี่ยโดนแกล้ง หนานกงเจาจึงผู้ช่วยว่า “ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้ทำอะไรเธอ แถมยังดูแลเธออย่างดีด้วย”
“จริง”
มู่ยู่วฉีกอดอกพูดอย่างสงสัย “ไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้มีปัญหาอะไรกับตระกูลเย่กันแน่”
“ไม่ว่าความรู้สึกของมันจะเป็นยังไง แต่ถ้ามันกล้าแตะต้องคนของตระกูลเรา มันก็ต้องชดใช้”
สีหน้าของเย่จิงเหยียนเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ราวกับจะฟันคนนั้นเป็นพันๆครั้ง
“ไม่ใช่แค่นายเสี่ยวอวี้หลินก็เกลียดมันเข้ากระดูกดำเช่นกัน ใช่สิ เสี่ยว….”
มู่ยู่วฉีกำลังจะหันไปพูดกับเสี่ยวอวี้หลิน แต่เมื่อหันไปก็ไม่เจอเขาแล้ว
“เสี่ยวอวี้หลิน”
ทันทีที่พูดจบไปอีกก็เดินออกมา
สีหน้าของเขาไม่ได้สงบอย่างทุกคน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
“เสี่ยวอวี้หลินเป็นอะไร”
“อันน่าหายไป”
“อะไรนะ”
ทันทีที่เสี่ยวอวี้หลินกลับมา เขาก็ตั้งใจจะไปบอกข่าวดีกับเซี่ยอันน่า
แต่เขาหาจนทั่วก็หาเธอไม่เจอ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกกังวล
“เธอเบื่อก็เลยไปเดินใกล้ๆนี้หรือเปล่า”
เสี่ยวอวี้หลินส่ายหน้า “ของของเธอทั้งหมด รวมทั้งพาสปอร์ตและกระเป๋าตังค์ยังอยู่ที่นี่ เทอจะไปไหนได้”
ทุกคนไปที่ห้องของเซี่ยอันน่า และพบว่าห้องของเธอไม่มีร่องรอยความเสียหาย ทุกอย่างยังเป็นปกติดี
ต้วนอีเหยาหรี่ตาพูด “ไม่มีแม้แต่โอกาสขัดขืน….”
“แปลว่าอีกฝ่ายเก่งมากใช่ไหม”
เย่จิงเหยียนพูดต่อจากต้วนอีเหยา “ไม่ใช่แสดงว่าในนี้มีเกลือเป็นหนอน”
“เกลือเป็นหนอน”
ข้อสรุปนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
และสีหน้าของเสี่ยวอวี้หลินก็ดูแย่ที่สุด
“ไอ้บ้านั่นไม่ปล่อยพวกเราไปง่ายๆเลย”
ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของเสี่ยวอวี้หลินดี แต่ก็ไม่รู้จะพูดปลอบยังไง การหาเบาะแสเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า
มู่ยู่วฉีพูด “มันเป็นคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือมาก และก็คุ้นชินกับพวกเราเป็นอย่างดี แต่ฉันไม่เข้าใจวิธีการของมันจริงๆ ถ้ามันจับตัวชูวเสวี่ยไปเพื่อขู่จิงเหยียน งั้นจับอันน่าไปทำไม ถ้าอันน่าจะมีประโยชน์กับมัน แล้วตอนแรกจะปล่อยเธอไปทำไม”
เย่จิงเหยียนพูดต่อว่า “นี่คือความฉลาดของมัน”
“หมายความว่ายังไง”
“นี่เป็นแผนต่อเนื่อง นอกจากจะกำจัดฉันแล้ว มันยังจับตัวอันน่าไป แสดงว่ามันต้องมีความสัมพันธ์อะไรกับอันน่า”
ตอนนี้เย่ชูวเสวี่ยแทบไม่อยากจะเชื่อ “อันน่าเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง จะรู้จักคนที่ซับซ้อนอย่างนี้ได้ยังไง”
สายตาของเสี่ยวอวี้หลินเต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่ อันน่าเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่น่าสับสนคนหนึ่งจริงๆ”
“ใคร”
“พี่หก”
ต้วนอีเหยาขมวดคิ้วถาม “พี่หกที่ฉันบอกนายตอนนั้นหรอ”
“ใช่”
เมื่อต้วนอีเหยาได้ยินก็ถามอย่างแปลกใจ “นายกำลังพูดถึงอะไร ที่หกอะไร”
“อันน่าเคยโดนลูกพี่ลูกน้องของเธอขายให้ผู้ชายคนหนึ่ง แล้วฉันก็ไปช่วยเธอออกมา และผู้ชายที่ซื้อเธอไปก็คือพี่หก”
เมื่อต้วนอีเหยาได้ยินเธอก็กำหมัดแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
“อันน่าน่าสงสารจริงๆ ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก ฉันจะสั่งสอนลูกพี่ลูกน้องของเธอ”
ตอนนี้เสี่ยวอวี้หลินไม่สนใจคำพูดพวกนั้นแล้ว เขาพูดอย่างใจลอย “ถ้าเป็นพี่หกจริง เรื่องก็จะเริ่มยุ่งยากขึ้น เขามีอำนาจมากในด้านมืด การจะพาใครสักคนไปไม่ใช่เรื่องยาก”
สีหน้าของเย่ชูวเสวี่ยเป็นกังวลขึ้นมา “ห้ามให้เขาพาอันน่าไปเด็ดขาด พี่มีวิธีแก้ปัญหาไหม”
เย่จิงเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง “มันยังไม่ได้ฆ่าฉัน มันต้องติดต่อกลับมาอีกแน่ ถึงตอนนั้นค่อยหาวิธีจัดการ”
“กลัวว่ากว่าจะถึงตอนนั้นทุกอย่างจะสายเกินไปน่ะสิ”
เมื่อเสี่ยวอวี้หลินพูดจบ ทุกคนก็หันไปมองเขา ก่อนจะเห็นสายตาคุ้มคลั่งของเขา
เมื่อเห็นเสี่ยวอวี้หลินเป็นอย่างนี้ มู่ยู่วฉีก็รู้สึกเป็นห่วงเขามาก
แต่ถ้ามองในมุมของเขา ก็ไม่มีอะไรทำให้เสี่ยวอวี้หลินสบายใจได้เลย
มู่ยู่วฉีลังเลก่อนจะพูด “นายคิดจะทำยังไง”
“คนที่ใช้อำนาจมืดใดไม่ใช่มีแค่เขาคนเดียว ฉันก็ทำได้ มาดูกันว่าใครจะโหดกว่ากัน”
ทุกคนต่างดูออกว่าเสี่ยวอวี้หลินบ้าคลั่งไปแล้ว
เพราะกลัวว่าเสี่ยวอวี้หลินจะทำสุดขั้วมากเกินไป มู่ยู่วฉีถึงพูดว่า “ไม่ต้อง เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของฉัน”
“นายเป็นห่วงฉันหรอ ไม่จำเป็นเลย ฉันจะจับไอ้นั่นด้วยตัวเอง จะทำให้มันเสียใจไปตลอดชีวิต”
“งั้นนายต้องการให้พวกเราทำอะไร”
“ฉันจะไปคุยกับชายมีหนวดก่อน ถ้าต้องการอะไรจะบอกอีกที”
พูดจบเสี่ยวอวี้หลินก็เดินจากไป ทิ้งให้ทุกคนได้แต่มองหน้ากัน
เมื่อแน่ใจว่าเสี่ยวอวี้หลินจะไม่ได้ยินแล้ว เย่ชูวเสวี่ยก็ดึงแขนเสื้อของมู่ยู่วฉีและถาม “ทำไมพี่หกต้องจับตัวอันน่าไป”
“เธอถามฉันแล้วฉันจะไปถามใคร”
“นายกับเสี่ยวอวี้หลินเป็นแฝดกันไม่ใช่หรอ เกิดอะไรขึ้นกับเขาทำให้นายจะไม่รู้”
สีหน้าของมู่ยู่วฉีเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย “ขอโทษนะ ใครบอกว่าเป็นแฝดกันแล้วต้องส่งกระแสจิตถึงกันได้ เป็นเรื่องของเขากับแฟนของเขา ฉันจะรู้ได้ยังไง”
เย่ชูวเสวี่ยกำลังจะพูดต่อ แต่หนานกงเจาก็ห้ามเธอไว้ก่อน “ช่างเถอะชูวเสวี่ย เธออย่าไปกดดันยู่วฉี ช่วงนี้เขาอยู่อังกฤษเขาไม่มีทางรู้หรอก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นมู่ยู่วฉีก็พยักหน้าทันที
คำพูดนี้มีเหตุผลมาก แต่เย่ชูวเสวี่ยกลับกระวนกระวายมาก
เย่ชูวเสวี่ยนั่งลงบนโซฟาด้วยความรำคาญใจ เธอเม้มริมฝีปากสีแดงสดของเธอ และพึมพำ “จะบ้าอยู่แล้ว ตระกูลเย่ของเรา ไปมีเรื่องกับใครเนี่ย”
“ชูวเสวี่ย เรื่องนี้อย่าบอกพ่อกับแม่”
เย่จิงเหยียนราวกับรู้ว่าเย่ชูวเสวี่ยกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงเตือนเธอก่อน
เย่ชูวเสวี่ยอึ้งถาม “พี่แน่ใจนะ”
“ใช่ ตอนนี้เรื่องยังไม่ได้ข้อยุติ อย่าเพิ่งบอกให้พวกเขากังวลใจ”
เย่ชูวเสวี่ยรู้สึกลำบากใจ “แต่พ่อแม่กำลังไปพักร้อนที่ยุโรป หวังว่าเขาจะไม่คิดมาหาพวกเราแล้วกัน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นทุกคนก็เงียบลง
เมื่อเห็นว่าทุกคนไร้กำลังใจ ต้วนอีเหยาจึงตบมือและพูด “ทุกคนอย่าพึ่งคิดไปในแง่ร้าย เสี่ยวอวี้หลินรู้จักพี่หกดีกว่าพวกเรา เขาอาจจะมีแผนอะไรในใจแล้วก็ได้ พวกเราอย่าพึ่งทำหน้าลำบากใจ ให้เขาเห็นแล้วรู้สึกวุ่นวาย พรุ่งนี้พวกเราจะเริ่มพลิกแผ่นดินหาพี่หกให้เจอ”
เมื่อได้รับกำลังใจจากต้วนอีเหยา ทุกคนก็เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น “โอเคทำตามนี้”
ทางนี้ทุกคนกำลังตรวจสอบกำลังของตน ส่วนทางนั้น เสี่ยวอวี้หลินก็กำลังเดินไปที่ห้องลับอย่างมั่นคง
ชายมีหนวดครึ่งหลับครึ่งตื่น เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู จึงเงยหน้าขึ้นมามอง
เขาสบตากับเสี่ยวอวี้หลินพอดี
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย เสี่ยวอวี้หลินเดินไปข้างชายมีหนวด และพูดเสียงต่ำ “เห็นพวกเราอีกครั้ง ตื่นเต้นมากใช่ไหมล่ะ”
ชายมีหนวดตอบ “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”
“ไม่ต้องมาปิดบัง ฉันรู้แล้วว่ามีคนร่วมมือกับแก แถมมันยังสัญญาว่าจะคืนอิสรภาพให้แก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะผิดสัญญาซะแล้ว”
สายตาของชายมีหนวด มีประกายความแปลกใจขึ้นมา
และการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ถูกเสี่ยวอวี้หลินจับได้
“ลูกพี่ของแกมาที่นี่ และพาคนที่มันอยากได้ไปแล้ว ส่วนแกก็ถูกทิ้งไว้เป็นตายไม่สนใจ”
“แกทำงานให้มันด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่อีกฝ่ายกลับทิ้งแกไปไม่ใยดี ถึงแกตายไปก็ไม่เป็นไร แต่คนในครอบครัวของแกก็จะตายเพราะความโง่ของแกด้วย แกรู้สึกว่ามันไม่เป็นไรอีกไหม”
ชายมีหนวดเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น เขาขมวดคิ้วพูด “พวกเขาถูกย้ายไปที่ปลอดภัยแล้ว นายไม่มีทางหาพวกเขาเจอ”
“จริงหรอ”เสี่ยวอวี้หลินพูดเสียงเย็น จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปให้ชายมีหนวดดู
รูปพวกนี้เป็นรูปที่ลูกน้องของเขาส่งมาก่อนหน้านี้ แต่เสี่ยวอวี้หลินพนันได้เลยว่าชายมีหนวดไม่ทันคิด เขาแค่เลือกรูปมายั่วไม่กี่รูป ชายมีหนวดก็จะสงสัยอีกฝ่ายทันที
เขาไม่มีไพ่ในมือแล้ว เหลือแค่ให้คนอื่นมาตัดสินชีวิตเขาเท่านั้น เพราะอย่างนั้นมันจึงทำให้เขาเปราะบางได้ง่ายมาก
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของชายมีหนวด เสี่ยวอวี้หลินก็รู้ว่าเขาชนะการเดิมพันแล้ว
ชายมีหนวดพยายามข่มความรู้สึกของตัวเอง แต่หนวดของเขาก็ยังสั่นเล็กน้อย
“รูปพวกนั้นมาจากไหน”
“หึ แกคิดว่าไงล่ะ ลูกสาวแกน่ารักมาก ตากลมโต สวยมาก ถ้าเธอโตขึ้นต้องเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งแน่ แต่ประเด็นก็คือ เธอจะได้โตอย่างสงบมั้ยนะ”