วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่228 อย่าแตะต้องเธอแม้แต่ปลายขนเส้นเดียว
- Home
- วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
- บทที่228 อย่าแตะต้องเธอแม้แต่ปลายขนเส้นเดียว
เป็นอย่างที่คิดไว้ กับที่อลิซพูดไม่ต่างกันแม้แต่น้อย เธอมาถึงห้องอาหาร ประตูก็ปิดหมดแล้ว
“คุณมาทำอะไรอยู่ที่นี่?”
มู่เวยเวยตกใจ หมุนตัวกลับไปเห็นกาวินยืนอยู่ไม่ไกล แววตาเย็นชา
“ฉัน เมื่อเช้าฉันยุ่งจนลืม รับประทานอาหารเช้า” มู่เวยเวยพูดอย่างทำตัวไม่ถูก
กาวินมองเธอพูดอยู่อย่างเงียบๆพูดขึ้นว่า”ตามผมมา”
มู่เวยเวยไม่ได้คิดอะไรมาก เข็นรถเด็กตามเขาไป ลูกเห็นเขาแล้วมีความสุขก็ร้องอ้อแอ้ออกมา กาวินก็ไม่ได้หลีกเลี่ยง คว้าที่เอวของเขาออกมาจากรถเด็ก
“ที่รัก เมื่อคืนหลับดีไหม?” เสียงเล็กของเขาถาม ถ้าหากว่ามู่เวยเวยไม่ได้เห็นกับตา เธอไม่มีทางเชื่อว่าผู้ชายคนนี้มีน้ำเสียงที่อบอุ่น
เด็กน้อยหัวเราะคิกคักเสียงอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร แต่ว่ามู่เวยเวยดูออก ลูกชอบกาวินมาก
“หลับสบายไหม?” กาวินมีความอดทนที่จะคุยกับเขา
“อา——”
“โอเค ฉันรู้แล้ว รออีกสักครู่ฉันจะพาไปเล่นที่ชายหาดดีไหม?”
เด็กน้อยปรบมืออย่างดีใจ ไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่า ไอคิวของเขาแตกฉานแล้ว ได้เจอเด็กอัจฉริยะอย่างนี้ ไม่มีใครไม่ชอบ
แต่ทว่ามู่เวยเวยมีความรู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่ว่าเขาได้แผนที่ล้ำค่าที่สมบูรณ์แล้วเหรอ?ทำไมยังไม่ออกเดินทาง?หรือว่าคนของเขาไปนานแล้ว เขารอข่าวอยู่ที่นี่ก็พอ
เกิดคำถามมากมายกาวินก็พาเธอมาที่ห้องรับแขก หน้าต่างกระจกที่ใหญ่โตด้านในกว้างขวางสว่างไสว โซฟาวงกลมฝีมือละเอียดและงดงาม ตรงกลางเป็นโต๊ะคริสตัลหนึ่งตัว บนโต๊ะมีผลไม้กับอาหารว่างหลายชนิด
“เชิญนั่งตามสบาย ” กาวินพูดอย่างไม่อะไร “ถ้าหิวแล้วก็รับประทานอาหารว่างรองท้องก่อน”
มู่เวยเวยมองเขาอย่างสงสัย ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำดีกับเธอขึ้นมาทันที?ไม่คุ้นชินเลย
กาวินไม่ได้สนใจเธอ และนั่งเล่นลงที่โซฟากับเด็กน้อย สองมือจับที่แขนของเด็ก สอนให้เขารู้จักกระโดดกับยืน ชายทั้งสองเล่นกันอย่างสบายอกสบายใจไม่มีที่สิ้นสุด
มู่เวยเวยไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเขาทันที เกลียดไหม? แน่นอนว่าเธอเกลียด ลูกเพิ่งจะเกิดได้สามวันก็พรากแม่ลูกออกจากกัน แต่ว่าเห็นเขาทำดีกับลูก ก็รู้สึกว่าไม่ได้เกลียดอะไรขนาดนั้น
“กาวิน สรุปว่าเมื่อไหร่คุณจะไปหาแผนที่ล้ำค่า?”มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะถามเขา
ผู้ชายกำลังยกเด็กขึ้นๆลงๆโซฟาอยู่ ได้ยินคำพูดที่เหมือนไม่มีอะไรจะถามของเธอ “คุณมู่ ทำไมคุณถึงดูร้อนใจกว่าผม?”
“คุณหาแผนที่ล้ำค่าพบเร็ว ฉันก็จะได้ไปจากที่นี่เร็ว กลับไปอยู่ในที่ของฉัน”
กาวินเงยศีรษะขึ้นมามองเธอ ยิ้มอย่างเย็นชาว่า”คุณมู่ ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ถูกกำหนดให้เป็นคนพเนจร ที่ไหนจะมีที่ที่เป็นของคุณ?”
มู่เวยเวยโต้แย้งอย่างจริงจัง”ฉันไม่เห็นด้วย มีคนรักก็มีสถานที่ที่มั่นคงสงบสุข”
กาวินยิ้มเยาะเย้ยเธอ”คุณมู่ ผมจำได้ว่าครั้งก่อนที่พาคุณออกมาจากเมืองAในเวลานั้น คุณเต็มใจมาก ทำไมครั้งนี้ อ้อ~รักเย่ฉ่าวเฉินแล้ว?”
มู่เวยเวยไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ เพียงแค่พูดเสียงราบเรียบว่า”เมืองAเป็นสถานที่ที่ฉันเกิดและโตมา เป็นบ้านเกิดของฉัน ฉันชอบบ้านเกิดของฉัน”
กาวินหัวเราะอย่างเยือกเย็นเหมือนกำลังจะพูดอะไรขึ้นมา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา รอยยิ้มค่อยๆจางหาย เปลี่ยนเป็นเย็นชา
มู่เวยเวยมีลางสังหรณ์ สายที่โทรเข้ามาต้องเกี่ยวข้องกับเย่ฉ่าวเฉินแน่นอน
“ฉันรู้แล้ว” สีหน้ากาวินไม่มีความสุขกดตัดสายไป หันมามองเธอ”ฉู่เซวียนไม่ได้อยู่สถานที่ครั้งก่อน”
มู่เวยเวยหนังตากระตุกหลายครั้ง พูดอย่างใจเย็นว่า”อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้แล้ว เย่ฉ่าวเฉินมีสถานที่บุกเบิกที่เป็นความลับเท่าไหร่ เขาจะบอกฉันได้อย่างไร?”
กาวินใช้สายตาที่เฉียบแหลมจ้องมองเธอ หลังจากนั้นชั่วพริบตาเดียวสายตาที่ดุร้ายก็จางหาย ยิ้มเล็กน้อยพูดว่า”ไม่ใช่ว่าเธอหิวแล้ว?ทำไมถึงไม่รับประทาน?”
มู่เวยเวยหิวจนหายหิวแล้ว ถูกกาวินทำให้ตกใจไม่น้อยอีก ในเวลานี้ใครจะยังมีอารมณ์รับประทานอาหารอีก?
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ห้องก็มีเสียงของเด็กและผู้ชายหยอกล้อเล่นกันดังขึ้นมาอีก
มู่เวยเวยนั่งที่โซฟามองลูกอยู่เงียบๆ เขาชอบยิ้มหัวเราะมาก หัวเราะขึ้นมาอวัยวะบนใบหน้าก็มารวมกันอยู่ น่ารักมาก ทำให้ความหงุดหงิดในใจเธอลดลง
ไม่นานมาก ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อเชิ้ตเดินเข้ามา สายตาไม่ไขว้เขวเดินตรงมาด้านหน้ากาวิน”เจ้านายครับ เฮลิคอปเตอร์เตรียมพร้อมแล้ว สามารถออกเดินทางได้แล้ว”
“ตกลง” กาวินอุ้มเด็กขึ้น พูดกับมู่เวยเวยว่า”ไปเถอะ คุณมู่ พวกเราออกเดินทางเถอะ”
“ฉันยังไม่ได้เก็บของเลย ยังมีนมผงผ้าอ้อมของเล่น ของอีกมากมาย….”
“ไม่ต้องกังวล ” กาวินพูดตัดบท “เมื่อกี้เธอออกไปข้างนอกมีคนช่วยเก็บแล้ว เธอเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ฉันจะสามารถให้เธอทำเองได้อย่างไร?”
มู่เวยเวยไม่มีคำพูด ผู้ชายคนนี้หน้าเนื้อใจเสือจริงๆ
“เอาลูกมาให้ฉัน” มู่เวยเวยเดินไปขวางหน้าเขา
กาวินยังไม่ทันได้พูดอะไร เด็กน้อยก็กระพริบตาคล้อยตามอย่างไม่ลังเลเธอยื่นมือทั้งสองข้างออกมา เด็กยังอายุน้อย เด็กชอบกลิ่นหอมนุ่มนวลของแม่
ออกจากคฤหาสน์ เฮลิคอปเตอร์สีเขียวจอดอยู่ที่สนามหญ้า ข้างเฮลิคอปเตอร์มีบอดี้การ์ดร่างกายกำยำแข็งแรงยืนอยู่จำนวนหนึ่ง ยังมีอีกชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง ใส่แว่นกรอบทอง พอมองดูเหมือนคนมีความรู้และวัฒนธรรม
“คุณฉ่าย ในที่สุดคุณก็ตอบรับคำเชิญผม” กาวินพูดอย่างให้เกียรติ
ชายวันกลางคนสีหน้าเรียบเฉย พูดว่า”ผมเพียงแค่สนใจในการเปิดเผยเรื่องลับนี้เท่านั้น”
“คุณฉ่ายมีความสนใจในเรื่องนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว” กาวินพูดกับชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวข้างกายว่า”จางเหิง คุณฉ่ายมอบให้นายแล้ว ในตลอดเส้นทางนี้ดูแลเขาให้ดีแทนฉัน”
“เจ้านายวางใจได้ครับ”
มู่เวยเวยมองผู้ชายสูงหล่ออย่างไร้การตำหนิคนนี้ ที่แท้เขาชื่อจางเหิง?
คนจำนวนหนึ่งทยอยกันขึ้นเฮลิคอปเตอร์ กาวินอยู่ตรงกลาง
“เจ้านาย!”อลิซวิ่งมาแต่ไกลอย่างเร่งรีบ
กาวินหันศีรษะกลับไปมองเธอ ก็ลงจากเฮลิคอปเตอร์ รอจนเธอมาอยู่ต่อหน้าถึงขมวดคิ้วถามว่า”เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
อลิซหอบแหก “คุณชาย มีเรือยอชต์ขับมาทางเกาะ”
มู่เวยเวยที่ยืนอยู่ข้างๆใจเต้นแรงมาก เธอมีลางสังหรณ์ คนที่มาต้องเป็นเย่ฉ่าวเฉินแน่นอน
“ยังอยู่อีกไกลแค่ไหน?” กาวินเสียงเยือกเย็น เกิดความสงสัยในใจ เกาะของเขาอยู่ห่างไกลความเจริญมาก สามารถมาได้ต้องมีความมุ่งมั่นมาก
“ช้าสุดยี่สิบนาทีก็จะขึ้นฝั่ง”
“รู้ไหมว่าเป็นใคร?”
“ห่างออกไปไกลมาก มองไม่ค่อยชัด คือสังเกตการณ์พบเห็น เจ้านาย ต้องการที่จะซุ่มโจมตี? ” พออลิซพูดคำนี้ มู่เวยเวยคล้ายกับเห็นผู้หญิงที่อยู่บนเครื่องบินในวันนั้น
“ทำให้พวกเขาหยุดอยู่ห่างออกไปยี่สิบไมล์ทะเล ถ้าไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
“เข้าใจแล้ว ” สายตาของอลิซแสดงออกถึงความโหดร้าย
อลิซออกไป กาวินก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ก่อนจะผ่านมู่เวยเวยไปได้ชะงักฝีเท้า “ดูเหมือนว่าคุณมู่จะสนใจคนที่กำลังมา”
มู่เวยเวยรีบโบกมือพัลวัน”ไม่ ไม่ได้สนใจ”
กาวินคิดอะไรได้อย่างรวดเร็ว เดินเข้าใกล้เธอหนึ่งก้าว ริมฝีปากยิ้มร้ายออกมา”คุณมู่ คุณเดาว่าคนที่มาคือใคร?”
มู่เวยเวยถูกเขาทำให้กดดันจนไม่กล้าเงยศีรษะขึ้นมา แต่น้ำเสียงยังนิ่งอยู่”ฉันจะรู้ได้อย่างไร?”
“อย่างนั้นก็ไปดูด้วยกัน เชิญคุณมู่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เลย”กาวินผายมือเชิญเธอ มู่เวยเวยจำใจที่ต้องอุ้มลูกขึ้นไป
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกนั่งเครื่องบิน เสียงที่ดังทำให้เขาค่อนข้างอึดอัด ฟุบงอตัวมาอยู่ที่หน้าอกของมู่เวยเวย ไม่ร่าเริงคึกคักเหมือนปกติ มู่เวยเวยกลัวเยื่อแก้วหูเขาได้รับอันตราย เอาหูอีกข้างของเขาแนบเข้ากับหน้าอกของเธอ ใช้มือปิดที่หูอีกข้างของเขาแน่น
เฮลิคอปเตอร์ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ วนเวียนไปทางทะเล
มู่เวยเวยใช้มือปิดหูของลูกไว้แน่น อีกด้านก็มองไปนอกหน้าต่าง เรือยอชต์ลำเล็กอยู่ไกลๆกำลังมาทางเกาะ ในเวลาเดียวกันเรือยนต์ลำเล็กก็ออกจากเกาะไป ทำตามคำสั่งของกาวิน
เฮลิคอปเตอร์เสียงดังครั่นครืนบินผ่านไป ถึงเรือยอชต์ในเวลานั้น มู่เวยเวยหัวใจกระตุก เธอมองเห็นผู้ชายที่อยู่บนดาดฟ้าของเรือคนนั้น หุ่นดีมาดเท่ ลักษณะนิสัยและบุคคลิกที่ไม่เหมือนคนทั่วไป
ในเวลาเดียวกันเขาเงยศีรษะสายตาเย็นชามองเฮลิคอปเตอร์ที่ลอยวนเวียนอยู่กลางอากาศ
ใช่เขา
ลูก พ่อของลูกมาแล้ว เขามารับพวกเรากลับบ้าน แต่ว่ามาช้าเพียงหนึ่งก้าว
กาวินก็มองเห็นผู้ชายคนนั้นที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือ หัวเราะฮ่าๆออกมา”ที่แท้ก็เป็นเย่ฉ่าวเฉิน ฉันยอมรับนับถือเขาจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะหาที่นี่เจอเร็วอย่างนี้ แต่น่าเสียดาย มาช้าไปแล้ว”
สองมือของเย่ฉ่าวเฉินกำหมัดแน่น เขามีความรู้สึกว่าเวยเวยกับลูกอยู่ในเฮลิคอปเตอร์นั้น เขาอยากใช้การทำงานพิเศษของเขาหยุดเวลาไว้แล้วช่วยพวกเขาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ แต่ว่าความสามารถของเขามีขอบเขต เวลามากสุดอยู่ได้สามสี่นาที เวลาอันน้อยนิด เดิมที่ไม่สามารถหลบหนีไปจากน่านน้ำนี้ได้
อันตรายเกินไป เขาไม่สามารถทำเช่นนั้น
เฮลิคอปเตอร์บินสูงบินต่ำ บางเวลาบินเข้าใกล้และบินห่าง มีสองครั้งที่เฉียดกับเรือของเขา
เย่ฉ่าวเฉินที่ถูกยั่วยุ และเขายังมองเห็นชายที่ใส่หน้ากากคนนั้นอยู่ในห้องเคบิน ข้างเขายังมีมู่เวยเวยที่กอดลูกอยู่
“นายครับ ตอนนี้จะทำอย่างไร?”ใบพัดเสียงดังมาก เหยี่ยวราตรีจำใจต้องถามเสียงดัง
เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าเย็นชา มองเฮลิคอปเตอร์ด้วยสายตาดุร้าย ตะโกนว่า”แน่นอนว่าอดทนไว้ หรือว่าจะให้จู่โจมตีมันลงมา?”
เหยี่ยวราตรีไม่กล้าพูด เขารู้ว่าเจ้านายกำลังโกรธ ตามมาจากเมืองA คาดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะหนีแล้ว ที่สำคัญไอ้สารเลวคนนั้นคาดไม่ถึงว่าจะสวมใส่หน้ากาก เปลียนจนเกินไปแล้ว
ครั้งสุดที่เฮลิคอปเตอร์บินเฉียดเรือท่องเที่ยวของเขา กาวินยกนิ้วกลางมาให้
ไอ้สารเลว!
ไม่เพียงแค่เย่ฉ่าวเฉินด่า เหยี่ยวราตรีก็ด่าในใจเงียบๆ
แต่จะมีวิธีการไหน? พวกเขาก็ไม่สามารถใส่ปีกบินขึ้นไปได้ เพราะฉะนั้นทำได้แค่ยืนดูเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆบินห่างออกไป สุดท้ายกลายเป็นเฮลิคอปเตอร์หายลับจากสายตา
มองเห็นภรรยากับลูกถูกผู้ชายคนนั้นพาตัวไป เย่ฉ่าวเฉินโมโหแทบจะระเบิดออกมา
“ฮ่า ที่แท้คือเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!”อลิซที่ยืนโต้ลมอยู่บนเรือยนต์ ทำให้มองเห็นรูปร่างเพรียวสวย
“เธอรู้จักฉัน?” เย่ฉ่าวเฉินละสายตากลับมา ห่างจากน้ำทะเลออกไปมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
อลิซยิ้มอย่างอ่อนโยนสวยงามพูดว่า”เย่ฉ่าวมีชื่อเสียงใครจะไม่รู้จัก และอีกอย่าง คุณกับลูกของคุณเหมือนกันมาก”
ได้ยินพูดถึงลูกของตัวเอง เย่ฉ่าวเฉินอารมณ์โกรธยิ่งปะทุมากขึ้น “พูดอย่างนี้ครั้งก่อนที่แย่งแผนที่ล้ำค่าของฉันก็คือพวกแก”
อลิซยอมรับอย่างสง่าผ่าเผย “ไม่ผิดหรอก ก็คือพวกเราเอง”
“ดี ในเมื่อตอนนี้พวกแกก็ได้แผนที่สมบัติล้ำค่านั้นไปแล้ว ทำไมถึงยึดลูกกับเมียฉันไม่ปล่อยสักที”
“เจ้านายพูดแล้วว่า รอเขาหาแผนที่สมบัติล้ำค่านั้นเจอ ก็จะปล่อยพวกเขากลับไปเอง คุณชายเย่ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เอาอย่างนี้คุณกลับไปรออย่างช้าๆเถอะ”
เป็นตามที่เขาคาดคะเนจริงๆ เขาก็รู้ ไอ้สารเลวคนนั้นไม่มีทางปล่อยมู่เวยเวยง่ายๆ หนึ่งวินาทีถัดมา เย่ฉ่าวเฉินยกปืนเล็งใส่อลิซ
“เชื่อไหมว่าตอนนี้ฉันสามารถฆ่าเธอได้” เย่ฉ่าวเฉินแสดงออกอย่างน่ากลัว
แต่ทว่าอลิซไม่ได้มีความกลัวเลย ยิ้มซื่อๆ”เย่ฉ่าวเฉินจะฆ่าก็รีบลงมือเลย แต่ฉันจะเตือนคุณ ที่นี่ไม่ใช่เมืองA ถ้าหากว่าตอนนี้ฉันตายอยู่ที่นี่ พวกคุณไม่มีทางที่จะรอดชีวิตกลับไป”
เย่ฉ่าวเฉินกำปืน เขาเกลียดจนอยากจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ อดทนอดกลั้นอยู่นานถึงวางปืนลง
“บอกเจ้านายของพวกแก แผนที่สมบัติล้ำค่าฉันไม่ต้องการ แต่ถ้าหากว่ามันกล้าที่จะแตะต้องลูกกับเมียฉันแม้แต่ปลายขนเส้นเดียว ชาตินี้ฉันจะตามไปฆ่ามันไม่ว่าจะไกลแค่ไหน”
อลิซผงกศีรษะ “ตกลง ฉันจะไปรายงานเจ้านายให้”
“บอกกัปตันเรือ กลับเรือ”เย่ฉ่าวเฉินพูดกับเหยี่ยวราตรีที่อยู่ข้างกาย มู่เวยเวยไม่ได้อยู่บนเกาะนั้นแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องขึ้นฝั่ง
“ครับ นาย”เหยี่ยวราตรีรีบวิ่งไปบอกกัปตันเรือ เมื่อกี้เขากลัวว่าเย่ฉ่าวเฉินจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ตอนนี้อารมณ์ของเจ้านายดีขึ้นมากแล้ว
อลิซกำลังจับตามองอยู่ เรือยอชต์ของเขาใหญ่กว่าของเธอสิบเท่าหันหัวกลับไปอย่างช้าๆ กลับไปทิศทางเดิม
พูดถึงบนเฮลิคอปเตอร์
หลังจากที่กาวินบ้าระห่ำยกนิ้วกลางให้เย่ฉ่าวเฉิน อารมณ์ดีมาก แต่ในใจยังมีคำถาม เย่ฉ่าวเฉินหาเกาะเจออย่างรวดเร็วได้อย่างไร
สายตาของเขามองมาที่มู่เวยเวย อุปกรณ์สื่อสารอันเดียวของผู้หญิงคนนี้ที่ตบตาถูกยึดไว้แล้ว เธอแจ้งให้เย่ฉ่าวเฉินทราบข่าวได้อย่างไร?
ตอนนี้อยากจะถามเธอมาก แต่เฮลิคอปเตอร์เสียงดัง กาวินเลือกที่จะถามหลังจากลงไป
เวลาสองชั่วโมง เฮลิคอปเตอร์พาคนเจ็ดแปดคนมาถึงเกาะเล็กๆ ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เกาะเล็กนี้มีคนเคลื่อนไหวมากมาย คึกคักมีชีวิตชีวา
มู่เวยเวยแปลกใจกับการตัดสินใจของเขาอยู่ไม่กี่นาที เธอคิดว่าเขาจะหาอีกเกาะเล็กที่ไม่มีคน อย่างไรเสียก็เป็นความถนัดเฉพาะด้านของเขา แต่ทว่าคาดไม่ถึงว่าเขาจะพามาในที่คึกครื้นเช่นนี้
อา เธอคิดออกแล้ว ครั้งก่อนที่เธอคลอดลูก พวกเขาก็พาเธอมาที่นี่ เธอจำได้ว่าหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ของเขาตรงซอกจะมีรูปปั้นสิงโตน่ารักถูกกดควบคุมเป็นปีศาจร้ายไว้อยู่
ตอนนั้นมู่เวยเวยยังคิด สิงโตที่น่ารักอย่างนั้นสงบเงียบอยู่ใต้มือเขาวิญญาณคงอาฆาตแค้นอย่างมากมาย
กาวินเข้ามาในห้องก็จ้องมู่เวยเวย สายตาที่ทำให้คนตกใจ “คุณมู่ ผมอยากรู้มาก เย่ฉ่าวเฉินรู้เกาะที่ลึกลับนั้นได้อย่างไร?”
มู่เวยเวยกอดลูกที่หลับสนิทถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าเศร้าสลดพูดว่า”ฉันจะรู้ได้อย่างไร?”
“หรือว่าไม่ใช่คุณมู่รายงานข่าว?”
มู่เวยเวยหัวเราะเหอะๆอย่างเยือกเย็น”กาวิน ฉันมาถึงที่นี่ก็ถูกยึดโทรศัพท์อย่างอัตโนมัติ ขอถามหน่อยว่าฉันจะไปรายงานเขาได้อย่างไร?หรือว่าขโมยโทรศัพท์ของลูกน้องคุณ?คุณให้เกียรติประเมินฉันมากเกินไปแล้ว แล้วคุณก็ดูถูกพวกเขาเกินไป”
กาวินฟังคำอธิบายนี้ก็หัวเราะเยาะเย้ย “ถ้าหากไม่ใช่เธอ หรือว่าเย่ฉ่าวเฉินเดาเอง?”
“พวกเราคนจีนมีคำโบราณอยู่ว่า ถึงแม้ว่าคนจะจากไปแล้วก็ยากที่จะทำให้ลืมชื่อก็เหมือนกับห่านป่าบินผ่านไป ก็ยังเหลือเสียงของนกอยู่ รอยแผลของคนคนหนึ่งไม่สามารถที่จะลบออกไปได้โดยสิ้นเชิง “มู่เวยเวยชะงัก นึกถึงคนหนึ่ง เขาถูกสลัดทิ้งที่เมืองAที่แสนไกล “คนนั้นคือ เพื่อนของคุณฉู่เซวียนไม่ใช่อยู่ในมือของเย่ฉ่าวเฉินแล้ว?ทำไมคุณถึงไม่สงสัยว่าเขาเป็นคนที่เปิดเผยสถานที่เก็บตัวของคุณ?”
“ฉู่เซวียน?ไม่ เขาไม่มีทางขายความลับฉัน ” กาวินสายตาแน่วแน่ เขารู้จักผู้ชายคนนั้นดี ไม่กลัวว่าตัวเองจะตาย ก็ไม่มีทางที่จะขายความลับเขา
“เพราะฉะนั้นคุณก็เลยสงสัยฉัน?ตกลง แล้วแต่คุณจะพูดอย่างไร ถึงอย่างไรฉันก็อยู่ในมือของคุณแล้ว ไม่มีสิทธิพูดอะไร ไม่อย่างนั้นคุณปล่อยฉันดีกว่า คุณก็สงบจิตสงบใจตามหาแผนที่ล้ำค่า ก็หลีกเลี่ยงความกังวลใจว่าเย่ฉ่าวเฉินจะบุกมา เป็นอย่างไร?”
“ขอโทษด้วย ฉันเป็นคนให้คำมั่นสัญญา พูดว่าหาแผนที่ล้ำค่าเจอแล้วจะปล่อยเธอไป พูดแล้วฉันสามารถทำได้ “กาวินเพื่อนอย่างมั่นใจที่ไม่อาย
“ถุย!”มู่เวยเวยพูดถากถาง”คุณอย่าดูถูกเหยียดหยามคำเหล่านี้อีกเลย”
กาวินก็ไม่ได้โกรธ หันศีรษะพูดกับจางเหิงว่า”พาคุณมู่ไปที่ห้องพักแขก เอาของของเธอไปด้วย”
“ครับนาย”จางเหิงโค้งตัวลงทางมู่เวยเวย”คุณมู่ เชิญด้านนี้ครับ”
คำพูดสั้นๆของเขา แต่ทว่ามู่เวยเวยฟังออกถึงความร้ายที่ซ่อนอยู่
อุ้มลูกอย่างระมัดระวังเดินตามหลังจางเหิง ห้องพักแขกอยู่ที่ชั้นหนึ่ง สะดวกสบายกว้างขวาง ทิวทัศน์ดีกว่าเกาะเล็กนั้นอีก
“คุณมู่ ที่นี่เป็นห้องของคุณ ” จางเหิงเงยศีษะขึ้นมองเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
มู่เวยเวยขาอ่อนแรง จิตใต้สำนึกกอดลูกแน่นถอยหลังไปหนึ่งก้าว แกล้งพูดเหมือนปกติแข็งแกร่ง”ขอบคุณมาก”
จางเหิงยิ้มออกมาอย่างเย็นชามาก “คุณมู่ เรื่องที่สามีคุณเย่ฉ่าวเฉิน ชาตินี้ผมจะจำให้ขึ้นใจ”
มู่เวยเวยทุกข์ทรมานใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “จางเหิง คุณอยากเข้าใจเรื่องราว คุณต้องไปหาคนที่ทำ ในเมื่อเย่ฉ่าวเฉินทำอะไรกับคุณ คุณก็ไปหาเขาเถอะ ฉันกับลูกจะไม่แบกความผิดนี้”
“พ่อติดหนี้ลูกต้องเป็นคนชดใช้” จางเหิงรู้ได้ถึงสายตาประหลาดใจของมู่เวยเวย ก็พูดอีกว่า”แต่ว่าคุณวางใจ ตอนที่เจ้านายยังหาแผนที่ล้ำค่ายังไม่เจอ ผมไม่มีทางทำอะไรเขา แต่ว่า เชอะๆ!”
ทิ้งไว้แค่เสียงสองคำนั้นอย่างเย็นชา จางเหิงก็หมุนตัวออกนอกห้องแล้ว มู่เวยเวยไม่ได้โง่ แน่นอนว่ารู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ไม่สนใจก้มศีรษะลงมองลูกที่หน้าตาน่ารักหลับสนิทอยู่ ในเวลานี้ เธอหวังเพียงแค่ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะมาให้เร็วขึ้น
อยู่ในระหว่างเส้นทางกลับเรือ เย่ฉ่าวเฉินมองจุดสีแดงที่อยุ่ในโทรศัพท์ไม่เคลื่อนไหวแล้ว นั่นเป้นเมืองท่องเที่ยว คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะหยุดพักที่นั่น
ต้องรีบจัดการเรื่องนี้ เย่ฉ่าวเฉินแจ้งจุดมุ่งหมายกัปตันเรือให้ไปอีกหนึ่งเกาะที่ห่างจากนี้ไม่ไกล ครั้งนี้เขาไม่สามารถมุทะลุดึงดันไปก่อน ง่ายต่อการที่พวกเขาจะพบเห็น
หลังจากขึ้นฝั่ง เย่ฉ่าวเฉินจ่ายเงินให้กัปตันเรือเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ซื้อชุดคนในพื้นที่หนึ่งชุด เหมือนครั้งก่อนที่ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว นั่งเรือโดยสารตามหามู่เวยเวยจนทั่ว ไปเป็นเพื่อนเขา มีเพียงแค่เหยี่ยวราตรีคนเดียว คนอื่นแบ่งกลุ่มเข้าเกาะมาตามหลัง
เหยี่ยวราตรีอดไม่ได้ที่จะถาม”นายครับ คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าอยู่เกาะนั้น”
เย่ฉ่าวเฉินหรี่ตามองเขา”ในตัวภรรยาของฉันมีGPSระบบระบุตำแหน่งทั่วโลก เพียงแค่เธออยู่บนโลก ฉันก็สามารถหาเธอเจอ”
เหยี่ยวราตรีประหลาดใจจนพูดไม่ออก ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ เขาก็ว่าแล้วผู้ชายคนนั้นหลบซ่อนอยู่ในทะเลที่ลึกลับเจ้านายยังหาเจอ เป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เย่ฉ่าวเฉินกับเหยี่ยวราตรีมาถึงเกาะที่กาวินอยู่
ผู้คนคึกคัก มองไป ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเขาสองคนเข้าไปรวมอยู่ด้วยก็ไม่เป็นที่เตะตา
เพราะว่ารู้จุดมุ่งหมายที่แม่นยำ เย่ฉ่าวเฉินไม่เสียเวลาก็ควานหาคฤหาสน์ของกาวินเจอแล้ว เพื่อที่จะไม่ถูกจับได้ ทั้งสองคนแอบซ่อนอยู่ที่พุ่มไม้ของต้นไม้ใหญ่เพื่อสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก
ดูจากด้านนอก นี่เป็นคฤหาสน์ทั่วไปที่อยู่ในพื้นที่ ก็คือใหญ่หลายเท่า หน้าประตูมีการป้องกันอย่างเคร่งครัด เป็นทหารถือปืนมีกระสุน เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว ดูอย่างนี้แล้วที่นี่เข้าไปยากกว่าที่ที่เซี่ยเซียวพักอีก
ทำอย่างไร? หรือว่าต้องรอตอนกลางคืน?แต่ถ้าหากว่าตอนบ่ายพวกมันจะออกจากที่นี่ล่ะ?ฝั่งตรงข้ามได้แผนที่ล้ำค่า น่าจะออกเดินทางตามหาอย่างรวดเร็ว ไม่มีทางที่จะพักอยู่ที่นี่นาน
ไม่ได้ ฉันไม่รอจนถึงตอนกลางคืน
“นายรออยู่ที่นี่ ฉันจะเข้าไปดู”
เหยี่ยวราตรีใจร้อน กดลงที่ไหล่ของเย่ฉ่าวเฉิน “เจ้านาย อย่างนี้อันตรายเกินไป สถานการณ์ข้างในเป็นอย่างไรพวกเราก็ไม่รู้”
“แต่ว่าฉันไม่สามารถรออีก พวกมันสามารถออกไปจากที่นี่ได้ตลอดเวลา ” ในเวลาที่พูด ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วง เหยี่ยวราตรีรู้ความลับของเขาแต่ว่าเห็นในระยะใกล้ก็ยังรู้สึกตกตะลึงมาก
ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา เย่ฉ่าวเฉินก็หายไปจากพุ่มไม้แล้ว เหยี่ยวราตรีรู้สึกสับสนยากที่จะอธิบาย
ใจของเย่ฉ่าวเฉินคิดถึงมู่เวยเวย มู่เวยเวย ปารารถนาว่าสถานที่ที่ตัวเองจะปรากฎตัวเป็นห้องที่มู่เวยเวยอยู่ แต่นึกไม่ถึงว่าจะมาโผล่ที่ห้องอาหาร
ตรงกับเวลาพักเที่ยง ทหารสิบกว่าคนกำลังวุ่นวายจะนั่งรับประทานอาหาร ทันใดนั้นสายตาก็ปรากฎเห็นผู้ชายคนหนึ่งขึ้น พวกเขาชะงักงันกันก่อนสักพักหนึ่ง ชักปืนขึ้นผู้ชายคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั้งคนมึนงงหมด ออกแรงกระพริบตาอยู่หลายคู่ นายมองฉัน ฉันมองนาย ถามกันว่า”เมื่อกี้มีผู้ชายใช่ไหม?ฉันไม่ได้ตาลาย”
“ใช่ๆ ฉันก็เห็น ดวงตายังเป็นสีม่วง “เพราะว่าเย่ฉ่าวเฉินปรากฎตัวในระยะเวลาที่สั้น ทุกคนจำได้เพียงแค่ดวงตาที่สวยงามของเขา
“ทำไมถึงไม่เจออย่างกะทันหันล่ะ?”
“พระเจ้า เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เมื่อกี้ห้องอาหารยังเงียบอึมครึมตอนนี้ครึกครื้นขึ้นมาทันที เสียงเย็นชาดังก็ขึ้นมา”เกิดอะไรขึ้น?”
ทหารคนหนึ่งรีบลุกขึ้นทันที “คุณจาง เมื่อกี้ที่นี่มีผู้ชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้น แต่หนึ่งวินาทีก็หายไปแล้ว พวกเราไม่แน่ใจว่าตายลายหรือเกิดขึ้นจริง”
“อืม? นายหมายความว่าอย่างไร?” จางเหิงรู้สึกงง ฟังไม่เข้าใจที่เขาพูด
ทหารมีอารมณ์ที่ตื่นตกหนกอยู่ “พวกเรากำลังรับประทานอาหารอยู่ที่นี่ ทันใดนั้นที่นี่ ” เขาชี้แล้วชี้อีกที่โต๊ะด้านที่อยู่ตรงข้ามเขา พูดอย่างต่อเนื่องว่า”มีผู้ชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นอย่างกะทันหัน แค่เวลาสั้นๆสองสามวินาที เขาก็หายไปไม่เจอแล้ว”
คล้ายกับว่าจางเหิงไม่เชื่อคำพูดเขา เพราะว่าเรื่องนี้ฟังแล้วรู้สึกว่าไร้สาระ
ทหารมองหน้าเขาที่เต็มไปด้วยความสงสัย รีบพูดขึ้นว่า”คุณจาง ผมพูดความจริงทั้งหมด พวกเราไม่กี่คนนี้ก็มองเห็น”
ทหารคนอื่นๆก็รีบผงกศีรษะเห็นด้วย”ใช่แล้ว ผมก็เห็น เป็นผู้ชายจริงๆ”
ในใจของจางเหิงก็ยังไม่เชื่อ หรือว่าปรากฎเห็นผีแล้ว
“อย่างนั้นฉันถามนาย เขาใส่ชุดอะไร ลักษณะเป็นอย่างไร”
ทหารคิดอยู่สักพักแล้วพูด”ใส่เสื้อสีเขียว หน้ามองไม่ชัด แต่ดวงตาของเขาเป็นสีม่วง ผมเห็นอย่างชัดเจน”
“ใช่ เป็นสีม่วง” ก็มีคนสมทบขึ้นมา
จางเหิงหนังตากระตุก ดวงตาสีม่วง? หายไปอย่างกะทันหัน?
เขานึกขึ้นได้ทันทีไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่บ้านของเซี่ยเซียวเกิดเรื่องประหลาดขึ้น เพิ่งจะได้ยินเรื่องเมื่อกี้ยังยิ้มเยาะเย้ย จะมีคนหายอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร? ตอนนี้คาดไม่ถึง….หรือว่าจะเป็นคนที่บ้านเซี่ยเซียวครั้งก่อน
คิดถึงตรงนี้ จางเหิงร้องตะคอกใส่พวกเขาเสียงดัง”อย่างนั้นก็ยังไม่รีบไปตามหา”
ทุกคนตกใจ รีบหยิบปืนออกตามหาคนแปลกประหลาดคนนั้น เพียงแต่ในใจของทุกคนมีความหวาดกลัวและตื่นเต้น จางหางก็ไม่ปล่อยทิ้งไว้ รีบไปรายงานเรื่องนี้ให้เจ้านายทราบ
ครั้งก่อนคนคนนั้นปรากฎตัวที่บ้านของเซี่ยเซียวเพราะแผนที่สมบัติล้ำค่า ครั้งนี้ก็มาที่นี่อีก ยังทำเพื่อแผนที่สมบัติล้ำค่าไหม?
ครั้งที่สอง เย่ฉ่าวเฉินก็ยังปรากฎตัวในห้องที่ว่างเปล่า เขาหายใจหอบมาก โชคดีที่การตอบสนองไว ถ้าไม่อยากนั้นตอนนี้ก็ถูกทหารเหล่านั้นตีเป็นตะแกรงแล้ว
เขาไม่มีเวลามาสงบจิตใจ ก้มตัวลงมาถึงหน้าต่างมองไปด้านนอกบริเวณรอบๆ
นอกหน้าต่างมีสนามหญ้าเขียวขจีและยังมีต้นมะพร้าวสูงใหญ่ ทหารกำลังลาดตระเวน ที่นี่น่าจะเป็นชั้นหนึ่ง
แต่ว่ามู่เวยเวยกับลูกอยู่ที่ไหน?
เย่ฉ่าวเฉินกดดันตัวเองให้ใจเย็นลง รวบรวมสติฟังอยู่เงียบๆ
เสียงฝีเท้าวุ่นวาย เสียงดื่มน้ำดังจั๊กๆ เดี๋ยวก่อน….
“ลูกรัก อร่อยไหม?”
เย่ฉ่าวเฉินใจเต้นแรงอย่างดุเดือด นี่คือเสียงของมู่เวยเวย ไม่ผิด ฟังเสียง เธอน่าจะอยู่ห่างจากเขากั้นไปอีกหนึ่งห้อง
มู่เวยเวยกำลังป้อนข้าวลูก ด้านหลังมีเสียงที่คิดถึงดังขึ้นทันที
“เวยเวย”
เธอหันศีรษะกลับไป เย่ฉ่าวเฉินก็ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความคิดถึงยิ้มมองมาที่เธอ
ทิ้งถ้วยเล็กที่อยู่ในมือ มู่เวยเวยลุกขึ้นตัวตรงโผเข้าอ้อมกอดของเขา น้ำตาไหลพราก “ฉ่าวเฉิน ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินใช้แรงกอดร่างกายที่อ่อนนุ่มนั้น ทั้งหมดเป็นความอิ่มอกอิ่มใจ “เวยเวย เธอได้รับความลำบาก”
มู่เวยเวยโยกศีรษะ ผละออกจากเขา พูดว่า”ไม่ลำบาก ใช่แล้ว นี่คือลูกชายของพวกเรา”
เย่ฉ่าวเฉินถึงสังเกตเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงมองมาที่เขา ดวงตาคู่นั้น ใบหน้าเล็กนั้น เหมือนกันกับเขาราวกับแม่พิมพ์เดียวกัน
เมื่อก่อนดูแค่ในรูป เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ทราบซึ้งใจมากกับการเป็นพ่อ แต่ตอนนี้เด็กที่อยู่ตรงหน้าเขา หัวใจที่ขาดหายไปในที่สุดก็ได้รับการเพิ่มพูลขึ้นมา เขารับรู้ได้อย่างแท้จริง เขาเป็นพ่อคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้
เย่ฉ่าวเฉินกดดันและตื่นเต้น พูดไม่ออก ลำคอเหมือนกับมีอะไรมาติดอยู่ รู้สึกเพียงแค่ว่าลูกของตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้ แต่ทว่าไม่รู้จะพูดคุยกับเขาอย่างไร จะบอกเขาอย่างไร ว่าตัวเองเป็นพ่อของเขา
“คุณมึนงงอะไรอยู่? ไปกอดเขาสิ” มู่เวยเวยพูดเบาๆอยู่ด้านข้างเขา
เย่ฉ่าวเฉินกลืนน้ำลายลงคอ รีบเดินเข้าหาเขา นั่งยองๆมองดวงตาของเขา “ลูกรัก ฉันคือ ฉันคือพ่อของหนูนะ”
เด็กน้อยกระพริบตาซ้ำๆ ไม่เหมือนกับปกติที่จะยิ้มหัวเราะ และยังเงยศีรษะขึ้นมองไปที่มู่เวยเวย