วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่252 คุณหนูหายไปแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินคิดแล้วคิดอีก พูดอย่างไม่แน่ใจว่า”น่าจะเคยเห็นนะ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางตัดใจอย่างเด็ดขาดกับกาวินหรอก ถ้าหากว่านายเป็นฉู่เซวียน กาวินมีลักษณะอย่างไรยังไม่รู้ นายจะสามารถรักเขาไหม?”
มู่เทียนเย่จ้องเขม็งใส่เขา “กูชอบผู้หญิงโว้ย!”
“ฉันรู้ๆ ฉันมีตามองเห็นอยู่ ฉันแค่พูดว่าถ้าหาก นายตื่นตระหนกเพื่ออะไร?”เย่ฉ่าวเฉินหยอกล้อเขา
“ไร้สาระ ทำไมนายถึงไม่ยกตัวอย่างตัวนายเอง?”
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราเบาๆ”กูไม่ได้โง่”
มู่เทียนเย่ยกเท้าขึ้นเหมือนจะถีบ แต่เย่ฉ่าวเฉินหลบหลีกอย่างว่องไว”พูดเรื่องกูต่อหน้า?อยากถูกตีใช่ไหม?”
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะไม่ได้พูดอะไร
หมอหานได้พักผ่อนอย่างสบายอยู่หลายเดือน ถูกพ่อบ้านหวังโทรตามให้มาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่
“คุณอาหวัง ใครป่วยอีกล่ะ?” หมอหานลงมาจากรถ ถามอย่างระมัดระวัง
พ่อบ้านหวังหัวเราะอย่างอ่อนโยน “คุณหนูครับ”
เวลานั้นหมอหานยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา “คุณหนูคนไหน?”
พ่อบ้านหวังจ้องเขม็งใส่เขา”จะมีใครอีกล่ะ? แน่นอนว่าเป็นมู่เวยเวย”
“ห้ะ? เธอกลับมาแล้ว?”หมอหานถามอย่างประหลาดใจ
พ่อบ้านหวังผงกศีรษะอย่างมีความสุข “กลับมาแล้วๆ ยังมีคุณชายน้อยด้วยนะ”
“อย่างนั้น……” หมอหานสอดรู้สอดเห็นกระซิบข้างหูพ่อบ้านหวัง”คนฮ่องกงที่ชื่อฉู่เหยียนคนนั้นล่ะ?”
พ่อบ้านหวังโบกมือพัลวัน “ฉู่เหยียนอะไรไม่มีหรอก ตระกูลเย่ของพวกเรามีแค่คุณหนูคนเดียว นั่นก็คือมู่เวยเวย”
หมอหานนึกว่าพ่อบ้านหวังไม่ให้ตัวเองพูดถึง กลัวว่ามู่เวยเวยรู้แล้วจะอึดอัดแล้วโกรธ คิดไปเองแล้วผงกศรีษะพูดว่า”ใช่ๆ มีแค่มู่เวยเวย เอ้ะ? เธอเป็นอะไรอีกล่ะ? เรียกผมมาทำอะไร?”
พ่อบ้านหวังถอนหายใจออกมาเบาๆ “สมองเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่กี่วันมานี้พักฟื้นที่โรงพยาบาลทำการผ่าตัด ช่วงนี้คุณก็รับผิดชอบเปลี่ยนยาให้เธอ จำไว้ว่าเรื่องที่ไม่ควรถามห้ามถาม”
“วางใจเลย ผมอยู่ที่นี่มาตั้งนาน เข้าใจกฎเกณฑ์”
พ่อบ้านหวังพาเขาขึ้นไปชั้นสอง เคาะประตูห้องของเย่ฉ่าวเฉิน
“คุณชาย”หมอหานมาแล้วครับ
“อ้อ เข้ามาเถอะ ” เย่ฉ่าวเฉินใส่ชุดลำลอง เป็นเสิ้อเชิ้ตสีเทา กางเกงลำลองสีเข้มกับสวมใส่รองเท้าสลิปเปอร์
สายตาของหมอหานสะดุดกับขวดนมที่เย่ฉ่าวเฉินถืออยู่ในมือ เขาคาดไม่ถึงเหมือนกับฟ้าผ่าอย่างรุนแรง ผู้ชายที่อำมหิต มือที่ถือปืนเปลี่ยนมาถือขวดนม คาดไม่ถึงว่าจะเหมาะสมอย่างนี้
ห้องไม่ได้สะอาดโล่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ละพื้นที่มองเห็นของเล่นเด็ก ตุ๊กตาหมี รถถัง เครื่องบินเล็ก ของที่ควรจะมีก็มี
“ผิงอัน ดื่มนมกัน” เสียงของเย่ฉ่าวเฉินอบอุ่นและนุ่มนวล ราวกับแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นในวันที่หนาวเหน็บ
หมอหานยืนฟังอยู่ด้านหลังจนรู้สึกว่าขนลุกจนหลุดออกมา พระเจ้า นี่ใช่เย่ฉ่าวเฉินที่เขารู้จักไหม?เสียงอบอุ่นเกินไปแล้ว ผิงอัน?ลูกชายของเย่ฉ่าวเฉิน?
สายตารีบมองหาภายในห้องอย่างรวดเร็ว มองเห็นบนพรมปูพื้นมีเด็กนั่งอยู่ กำลังก้มศีรษะเล่นรถยนต์คันเล็กอยู่ ในกล่องด้านหน้ามีชิ้นส่วนอะไหล่อยู่มากมาย
ตอนที่เขากำลังเงยศีรษะขึ้นมาอย่างน่ารักนั้น หมอหานชะงักฝีเท้า
ถึงอย่างไรช่วงมหาวิทยาลัยเขาก็เรียนเรื่องวรรณกรรมวัยรุ่นชาย แต่ทว่าในเวลานี้ไม่รู้จะทำอย่างไรกับรูปร่างหน้าตาของเด็กคนนี้ สวย?น่ารัก?ละเอียดงดงาม?หรือว่าจะใช้คำเหล่านี้ทั้งหมด?ที่โดดเด่นคือดวงตาของเขาทั้งสองข้าง ดวงตาของเขาไม่เหมือนกันได้อย่างไร?
เขาเรียนหมอมาหลายปี ไม่เคยเจอเด็กที่มีดวงตาไม่เหมือนกัน และอีกทั้งพูดตามหลักพันธุศาสตร์ เขาไม่ควรที่จะมีดวงตาสีม่วง
ผิงอันรับนมที่เย่ฉ่าวเฉินยื่นมาให้ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ สายตาก็กลับไปสนใจอยู่ที่รถยนต์คันเล็กที่รื้อออก
“ยังไงก็อย่าให้มู่เทียนเย่เห็น นี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่มีจำกัด หาอยู่นานถึงจะซื้อมาได้” เย่ฉ่าวเฉินลูบศีรษะลูก หันศีรษะกลับมาพูดกับหมอหานที่ยืนมึนงงอยู่ว่า”นี่คือลูกชายของผม”
นี่คือลูกชายของผม
คำพูดสั้นๆ แต่ทว่าหมอหานรับรู้ได้ถึงความภาคภูมิใจ
“อืม ดูออกแล้ว มีลักษณะคล้ายคุณมาก” หมอหานตอบตามความจริง
เย่ฉ่าวเฉินพาเขาเดินไปทางระเบียง ผู้หญิงคนหนึ่งใส่หมวกสีชมพูนั่งอยู่ใต้แสงแดด สงบนิ่งเหมือนภาพวาด
คือมู่เวยเวย หมอหานจำข้างหลังของเธอได้
ได้เจอกันอีกครั้ง หัวใจของหมอหานก็รู้สึกเจ็บจี๊ดอย่างไม่รู้สาเหตุ ผู้หญิงคนนี้ผ่านประสบการณ์มาในช่วงเวลาสั้นๆ เทียบกับเขาสามสิบกว่าปีถือว่ามีอนุภาพที่แข่งแกร่ง ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนกับในละคร
เก้าอี้สำหรับเอนด้านข้างวางกล่องยาอยู่ ด้านในมียาที่ในช่วงนี้มู่เวยเวยจำเป็นต้องใช้อยู่ในนั้น
“เวยเวย ควรจะเปลี่ยนยาแล้วนะ”
มู่เวยเวยเงยศีรษะขึ้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน สายตาแสดงออกถึงการปฏิเสธ เปลี่ยนยาเจ็บมากเลย
“ไม่ต้องกลัว หมอหานมือเบามาก “เย่ฉ่าวเฉินอ่านสายตาเธอออก พูดปลอบโยนเธอ
มู่เวยเวยมองชายแปลกหน้าที่อยู่ทางด้านหลังเขา ไม่เหมือนกับที่หมอหานคิดว่าเธอจะทักทาย และยังใช้สายตามองเหมือนคนแปลกหน้า ก็ยังหันศีรษะกลับไปอย่างไม่มีความสุข
ตามจากไหวพริบตามสายอาชีพของหมอหาน หมอหานดูออกอย่างรวดเร็วว่ามู่เวยเวยผิดปกติ
เมื่อก่อนเธอเกรงใจเขามาก ถึงจะอารมณ์ไม่ดีแต่ก็ไม่มีทางใช้สายตาเย็นชามอง
“คุณนายเย่เป็นอะไร?” หมอหานถามเย่ฉ่าวเฉินตรงๆ
เย่ฉ่าวเฉินหลบสายตาลงยากที่จะสังเกตเห็นความเจ็บปวด พูดเสียงราบเรียบว่า”สมองเธอได้รับกระทบกระเทือน ตอนแรกสายตาก็มองไม่เห็นอะไรเลย ไม่กี่วันมานี้ได้ทำการผ่าตัด การมองเห็นกำลังกลับมาฟื้นฟู แต่ความทรงจำยังคงยากหน่อย หลายคนหลายเรื่องราวเธอก็จำไม่ได้แล้ว”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้
“ยานี้เป็นยาที่นำมาจากโรงพยาบาล นี่คือผ้าพันแผลที่ใช้กับยา หมอกำชับมาว่าทุกเช้าต้องทำการเปลี่ยนยาให้เธอ ”
หมอหานดูยาทุกตัวอย่างละเอียด ส่วนหนึ่งคือใช้ฟื้นฟูบาดแผล อีกส่วนหนึ่งคือใช้รักษาระบประสาท
“ผมเข้าใจแล้ว เรื่องในนี้มอบให้ผมดูแลเถอะ”หมอหานพูด
เย่ฉ่าวเฉินแสยะยิ้มที่มุมปาก “เกรงว่าจะไม่ได้ ตอนนี้เธอกลัวเจ็บมาก ถ้าหากผมไม่อยู่เป็นเพื่อนเธอ คาดว่ายาของคุณก็คงไม่มีหนทางได้เปลี่ยนแล้ว”
หมอหานยักไหล่พูดว่า”ก็ได้”
เย่ฉ่าวเฉินถอดหมวกสีชมพูของเธอออก มองเห็นศีรษะล้านๆของเธอ ด้านซ้ายของศีรษะมีผ้าปิดปากแผลอยู่
“โอเคแล้ว คุณทำได้เลย”
เย่ฉ่าวเฉินเปิดทางให้ ย่องอขาลงกอบกุมมือของมู่เวยเวย พูดคุยเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ “สองวันก่อนหน้านี้มู่เทียนเย่บอกว่าเขาอยากขอเสี่ยวซีหร่านแต่งงาน”
มู่เวยเวยสนใจกับข่าวที่ได้รับจริงๆ”ขอแต่งงาน?”
“ใช่ พวกเขาสองคนไม่เหมาะสมกัน พวกเขาปีศาจร้ายทั้งคู่ ควบคุมไว้ทั้งสองฝ่ายดีแล้ว หลีกเลี่ยงการปลดปล่อยออกมาเป็นอันตรายต่อคนอื่น”เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความสะเทือนใจ
มู่เวยเวยได้ยินคำว่าปีศาจร้ายก็หัวเราะเหอะๆ
“แต่เธอไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้เห็น มู่เทียนเย่พูดแล้ว เขาต้องการวางแผนให้รอบครบ และอีกทั้งยังรอเธอฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ดีถึงจะขอแต่งงาน เธอดีใจไหม?”ที่จริงเย่ฉ่าวเฉินรู้ว่ามู่เทียนเย่ไม่อยากให้น้องสาวรู้สึกเสียดาย
ในโลกนี้แล้ว นอกจากผิงอันก็เหลือแค่มู่เทียนเย่กับมู่เวยเวยที่มีสายเลือดเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาทั้งสองถึงต้องให้ความสัมคัญกัน
“อืม ดีใจ” มู่เวยเวยยิ้มเล็กน้อย
เย่ฉ่าวเฉินก้มศีรษะลงจูบที่มือของเธอ “ถ้าดีใจเธอต้องรีบดีขึ้นมานะ ไม่อย่างนั้นเมื่อไหร่มู่เทียนเย่จะได้แต่งงานกับเสี่ยวซีหร่าน?”
มู่เวยเวยยิ้มแหยๆ”ได้สิ “พูดจบก็รู้สึกเจ็บหนังศีรษะนิดหนึ่ง จิตใต้สำนึกทำให้เธอหดศีรษะถอยสักพักหนึ่ง
เย่ฉ่าวเฉินใช้มือทั้งสองข้างจับแก้มเธอไว้ พูดเหมือนปลอบโยนเด็ก “โอเคแล้วๆ อีกสักพักก็ดีแล้ว เวยเวยแข่งแกร่งที่สุด”
ดวงตาใสสะอาดของมู่เวยเวยน้ำตาคลอเบ้า ยาเข้าไปกระตุ้นโดนบริเวณบาดแผล ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะออกอาการสั่นระริก
เย่ฉ่าวเฉินเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงหัวใจ รีบพูดเร่งหมอหาน”คุณเร็วๆหน่อยสิ”
“หนึ่งนาที”หมอหานพูดอย่างเรียบง่าย เขากำลังทำขั้นตอนสุดท้าย ใช้เทปกาวทางการแพทย์แปะเสร็จเรียบร้อย ปกปิดรอยแผลที่น่ากลัวนั้นไว้
“โอเคแล้ว” ทำเสร็จทั้งหมดแล้ว หมอหานก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ ก็นับว่าทำเสร็จแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินลูบแก้มมู่เวยเวยเบาๆอย่างไม่อาย”เยี่ยมมาก” หลังจากนั้นก็หยิบหมวกมาใส่ให้เธอใหม่อีกครั้ง
หมอหานมองการกระทำของเย่ฉ่าวเฉินแล้วรู้สึกระทมทุกข์
เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนไปมาก ถ้าเขาไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าเย่ฉ่าวเฉินจะมีความอบอุ่นนุ่มนวลเหมือนเส้นที่อยู่ในน้ำ
เขารู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินต้องเคยเห็นบาดแผลนั้น เขาเป็นหมอ เห็นบาดแผลอย่างนั้นรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่ใช่อีกทั้งยังไม่ได้มีท่าทีที่รังเกียจหรือไม่เหมาะสมออกมา หมอหานยอมรับนับถือเขาตรงจุดนี้
หมอหานเก็บกระเป๋ายา อดไม่ได้ที่จะถามเย่ฉ่าวเฉิน”ที่จริงเรื่องการเปลี่ยนยาเป็นเรื่องง่าย คุณเย่ก็สามารถที่จะทำเองได้ทั้งหมด”
เย่ฉ่าวเฉินมองเขาแวบหนึ่ง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา”อย่างนั้นแล้วมีคุณไว้ทำไม?”
เอ่อ…..
“ทำเหมือนว่าผมไม่ได้ถามละกันนะครับ” หมอหานคิดผิดแล้ว เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้เปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนทุกอย่างให้เพียงแค่มู่เวยเวย ใช่แล้วยังมีอีกคนคือลูกชายของเขา
เย่ฉ่าวเฉินส่งเขาออกไป ถามอีกว่า”ลักษณะอาการของเวยเวยเป็นอย่างนี้ คุณคิดว่าเธอจะกลับมาเป็นปกติได้เมื่อไหร่?”
หมอหานไม่มั่นใจ เขาไม่ใช่หมอเฉพาะทางด้านสมอง
“เรื่องนี้ผมตอบไม่ได้จริงๆ”หมอหานตอบอย่างเคร่งขรึม”เรื่องระบบประสาทและสมองของคนเป็นเรื่องยากอย่างหนึ่งของการศึกษาของวงการแพทย์ ลักษณะอาการของคุณนายเย่เหมือนกับว่าลำธารเล็กๆที่ถึงมีก้อนหินขวางกั้น เตรียมตัวว่าวันไหนที่ลำธารเล็กๆจะสามารถผ่านทะลุจากก้อนหินไปได้อย่างกะทันหัน อย่างนั้นเธอก็หายแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินฟังจบ มอบให้กับเขาว่า”ไร้สาระ”
หมอหานเงียบสนิทไม่พูดออกมา อึดอัดใจมากเลยรู้ไหม? เขาพูดอะไรผิด?เขาพูดความจริงทั้งนั้นเลย
“หรือว่าไม่มีวิธีที่ดีที่สุดแล้วเหรอ? ทำได้แค่เพียงรอ?” เย่แ่าวเฉินพูดอย่างหงุดหงิด
หมอหานพูดเพื่อจะสะท้อนให้เห็นเฉพาะสาขา คิดแล้วคิดอีกพูดว่า”อืม…..คุณนายเย่ชอบทำอะไร ชอบกินอะไร ชอบไปเที่ยวที่ไหน รอแผลของเธอหายสมานกันแล้ว คุรสามารถที่จะพาเธอไปทดลองดู อารมณ์ของคนไข้ดีหรือไม่ดีก็ส่งผลต่อการฟื้นฟูร่างกายด้วย ถ้าหากว่าอยู่บ้านทุกวัน คนก็ง่ายต่อการจิตใจหดหู่หนักสุดก็ง่ายต่อการเป็นโรคซึมเศร้า”
เย่ฉ่าวเฉินฟังอย่างละเอียด ไม่ได้ออกความคิดเห็นแต่อย่างใด แต่ทว่าในใจคิดจะทำวิธีการของหมอหาน
เธอชอบทำอะไร?เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเธอชอบออกแบบเสื้อผ้า งานอดิเรกอย่างอื่นไม่รู้อะไรทั้งนั้น
อย่างนั้น เอากระดาษให้เธอแผ่นหนึ่งกับดินสอหนึ่งแท่งลองดูไหม?
คิดได้อย่างนั้น เย่ฉ่าวเฉินก็มาห้องข้างๆที่มู่เวยเวยเคยพักอยู่ หยิบสมุดงานออกแบบเมื่อก่อนของเธอออกมาจากลิ้นชัก ก็เป็นเธอในเวลาที่เป็นฉู่เหยียน เย่ฉ่าวเฉินเห็นสมุดเล่มนั้นที่อพาร์ตเมนต์
หยิบสมุดออกแบบเล่มหนาวางลงตรงหน้ามู่เวยเวย สายตาของเธอแพรวพราวขึ้นมา
“นี่เป็นงานออกแบบเสื้อผ้าของเธอเมื่อก่อน ดูสิ เธอยังจำได้ไหม?”เย่ฉ่าวเฉินนั่งลงข้างเธอ วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เขามีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเธออีกเยอะ ส่วนลูกชายก็สามารถเล่นคนเดียวได้สบายมาก เขาอยู่อีกด้านเหมือนเป็นส่วนเกิน
มู่เวยเวยพลิกสมุดออกแบบ หน้าแรกวาดกระโปรงยาวของผู้หญิง ลายเส้นเรียบง่าย
เข้ากับเอวได้อย่างเหมาะสม ยังเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความคุ้นชิน อีกทั้งยังใหม่เช่นนี้
“นี่คืออะไร?”มู่เวยเวยถามอย่างระมัดระวัง
เย่ฉ่าวเฉินโอบเอวของเธอ ทำให้เธออยู่บนตัวของเขา “นี่คือกระโปรงที่เธอออกแบบ”
“ฉัน?”มู่เวยเวยไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ เธอนั่นแหละ เธอเป็นนักออกแบบที่เก่งมาก”
มู่เวยเวยยิ้มออกมาอย่างดีใจ พลิกไปทีละแผ่นเรื่อยๆจนถึงหน้าสุดท้าย เธอมองเห็นว่าออกแบบชุดเด็กเป็นจำนวนมาก ตกตะกอนความคิดว่าเป็นผิงอันที่เติบโตมาในโลกนี้พูดว่า”ลูกสินะ”
เย่ฉ่าวเฉินผงกศีรษะ”อืม คือผิงอัน”
มู่เวยเวยยิ้มอย่างมีความสุขอิ่มเอิบหัวใจ”ฉันวาดสินะ”
เย่ฉ่าวเฉินมองความน่ารักน่าหลงใหลของเธอ โน้มตัวไปด้านหน้าจูบที่ริมฝีปากของเธอ”ใช่เธอเป็นคนวาด”
สาวน้อยมีความสุขมาก ใช้มือลูบเบาๆที่ลายเส้นนั้น รู้สึกว่ามีบางอย่างวิ่งผ่านสมองของเธอไป เธออยากจับไว้แต่ทว่าจับไม่ได้
เย่ฉ่าวเฉินนั่งข้างเธอ ตอนแรกยังนั่งอาบแดดอย่างสงบเสงี่ยม แต่ทว่าร่างกายของมู่เวยเวยมีกลิ่นอายที่หอมหวล ยั่วยวนเซลล์ทุกเซลล์ที่อยู่ในร่างกายของเขา ทำให้เขาละสายตาจากแผ่นหลังที่สวยงามของเธอไม่ได้เลย มือทะลวงล้วงเข้าไปภายในเสื้อของเธอ
มู่เวยเวยรับรู้ได้ถึงการวุ่นวายตอแยของเขา ในที่สุดก็หันความสนใจจากสมุดออกแบบไปที่ใบหน้าของเขา เขาล้วงสัมผัสผิวด้านในของเธออย่างหยาบโลน ทำให้เขารู้สึกอิ่มเอิบชื่นมื่นหัวใจ
เธอมองเขา เขามองเธอ ทั้งสองฝ่ายมองตากัน ทำให้รู้สึกเกิดเสียงพลุแตกดังขึ้น
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น สาวน้อยยื่นริมฝีปาก…..
เย่ฉ่าวเฉินคาดไม่ถึงว่าเธอสูญเสียความทรงจำแล้ว จะเปลี่ยนกลายเป็นคนกล้าหาญอย่างนี้ เธอจูบเขาเอง
อีกทั้งยังเป็นเวลากลางวันแสกๆ สถานการณ์สร้างความผาสุกอย่างนี้เธอไม่เคยทำให้เขามาก่อนเลยสักครั้งเดียว
จูบเธอสัมผัสที่อ่อนหวานนุ่มนวล คล้ายกับค่อยๆเป็นเผยความรักของเขาออกมาทีละนิด
เดิมที่เป็นจูบที่เพียงลิ้มลองแล้วหยุดไป แต่ทว่าเย่ฉ่าวเฉินทำให้เป็นจูบที่มีกลิ่นอายล้ำลึกร้อนระอุ เต็มไปด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรง
คเย่ฉ่าวเฉินไม่พึงพอใจกับจูบที่ค่อยเป็นค่อยไปนี้ เขาต้องการมากกว่านี้
“แม่——”เสียงที่อ่อนนุ่มนวลและประหลาดใจของเด็กน้อยดังขึ้น
เย่ฉ่าวเฉินได้สติกลับมา เขาลืมเด็กน้อยคนนี้ไปได้อย่างไร?เขารับรู้ได้ว่าตัวของหญิงสาวแข็งทื่อไป ใบหน้าแดงก่ำรีบลุกเป็นพัลวันออกจากตัวของเขา
“คุณกัดแม่ทำไม?”สองตาคู่นั้นมองเย่ฉ่าวเฉินด้วยความโกรธ
เย่ฉ่าวเฉินเอามือลูบหน้าผาก ใครสามารถที่จะบอกเขาว่าคำถามนี้จะตอบได้อย่างไร?
“อย่างนี้นะ ผิงอัน ฉันไม่ได้กัดแม่เลย ฉันรักแม่ของหนูถึงได้ทำอย่างนี้”
ผิงอันเป็นเด็กอายุน้อยที่ฉลาด เลยไม่เชื่อคำพูดของเขา”คนโกหก”
“จริงๆ”
“ผมจะไปถามคุณปู่” คุณปู่ที่ว่าก็คือพ่อบ้านหวัง
ผิงอันวิ่งไปทางประตู เย่ฉ่าวเฉินตกใจวูบ รีบลุกขึ้นวิ่งตามเขาไป สั่งสอนเขาอย่างจริงจังว่า”เรื่องอย่างนี้ไม่ควรที่จะไปถามคนอื่น และไม่ควรที่จะบอกคนอื่น”
ผิงอันสงสัยมาก”ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่า…เพราะว่า…”เวลานี้เย่ฉ่าวเฉินไม่มีคำพูด พูดคำว่าเพราะว่าอยู่เป็นเวลานานถึงพูดออกมาว่า”หนูโตขึ้นก็รู้แล้ว อีกอย่างไม่ควรที่จะถามคนอื่น ก็ทำเหมือนว่าเป็นความลับระหว่างพ่อแม่กับลูก ตกลงไหม?”
ผิงอันลังเลอยู่สักพักถึงผงกศีรษะ ความลับ?พอฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่นะ
เย่ฉ่าวเฉินหงุดหงิดไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ภายในใจ ไม่ง่ายเลยที่จะเจอมู่เวยเวยเป็นคนเริ่มก่อนหนึ่งครั้ง ถูกเด็กน้อยทำพังแล้ว ต่อไปก็ไม่รู้ว่ายังจะได้พบเจอเรื่องราวดีๆอย่างนี้อีกไหม
ดูเหมือนว่า ต่อไปเวลาทำอะไรกับมู่เวยเวยต้องพาเขาออกไปก่อนค่อยว่ากันอีกที
ถ้าไม่อย่างนั้นเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาต้องลงแดงตายแน่
…….
วันปีใหม่มาถึงแล้ว บนถนนหนทางแต่ละสถานที่มีกลิ่นอายและความคึกคักของวันปีใหม่
แผลบริเวณศีรษะของมู่เวยเวยหายแล้ว เส้นผมก็งอกขึ้นมา เพียงแค่ยังสั้นอยู่ลูบดูก็รู้สึกทิ่มแทงมือ
จิตใจของเด็กสะอาดบริสุทธิ์ รู้ว่าใครทำดีกับเขาอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นที่เย่ฉ่าวเฉินพยายามมาในช่วงนี้ ชนะใจเขาแล้วไม่น้อย บางครั้งที่เขานอนไม่หลับก็จะรั้งให้เย่ฉ่าวเฉินอ่านนิทานกล่อมนอน ตอนนี้ นิทานของเย่ฉ่าวเฉินเริ่มเล่าตั้งแต่ประวัติศาสตร์พระเจ้าผู้บุกเบิกโลกถึงตอนที่จักรพรรดิหวังตี้สู้รบทำสงครามกับชือโหยว
และห้องนอนของผิงอันก็ย้ายจากชั้นหนึ่งมาที่ห้องเย่ฉ่าวเฉินชั้นสอง
ด้วยเหตุนี้ เย่ฉ่าวเฉินมีทั้งความเศร้าและความสุข
ตอนกลางคืน ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่โซฟาดูโทรทัศน์ ข่าวกำลังออกอากาศกิจกรรมใหม่ๆตามห้างสรรพสินค้าต่างๆกับจุดสถานที่สำหรับการท่องเที่ยวน่าสนใจในเทศกาลวันปีใหม่
ตั้งแต่ที่มู่เวยเวยกับผิงอันกลับมาที่เมืองA นอกจากโรงพยาบาลก็เป็นคฤหาสน์ตระกูลเย่ หนึ่งที่ผ่านมาเพราะอาการของมู่เวยเวยยังไม่หายดี สองเพราะว่าผิงอันมีความพิเศษ ด้วยสาเหตุนี้ทั้งสองถึงได้ดูสถานการณ์ด้านนอกผ่านโทรทัศน์
เย่ฉ่าวเฉินมองใบหน้าของทั้งสองคนที่ตื่นเต้น ไม่เพียงแค่พิจารณาตัวเอง ใช่หรือไม่ใช่อย่างที่มู่เทียนเย่พูด เขาปกป้องทะนุถนอมพวกเขาสองคนเกินไป จนกระทั่งพวกเขาออกห่างจากโลกความเป็นจริง
ใช่สิ เขาไม่สามารถที่จะปกป้องทะนุถนอมพวกเขาไปตลอดชีวิต
“อยากไปเที่ยวไหม?”เย่ฉ่าวเฉินถาม
มู่เวยเวยหันศีรษะกลับมามองเขา หมายความว่าอย่างไร?
เย่ฉ่าวเฉินจับใบหน้ารูปไข่ของเธอ “พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอกับลูกออกไปเที่ยวนะ”
“ออกไป?”มู่เวยเวยงงงวยก่อน เธอฟังเข้าใจความหมายของเขาแล้วก็ตามาด้วยความดีใจ
“ใช่ ออกไปข้างนอก ไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆที่เธอชอบ”
“อืมๆ” มู่เวยเวยผงกศีรษะ
ผิงอันปีนเข้ามาในอ้อมกอดของเย่ฉ่าวเฉิน พูดอย่างตื่นเต้นว่า”ผมก็จะไปด้วย”
เย่ฉ่าวเฉินหอมที่ใบหน้าของเขาแรงๆ”แน่นอนว่าจะต้องเอาลูกไปด้วย แต่ว่าไปแล้วห้ามวิ่งไปมั่ว”
หลังจากที่ผิงอันร้องโห่ดีใจ เขาก็เอาใบหน้าไปถูกับเสื้อของเย่ฉ่าวเฉินอย่างไม่อาย เช็ดน้ำลายที่เย่ฉ่าวเฉินหอมเมื่อกี้ออก
วันที่สอง เย่ฉ่าวเฉินพันรอบๆทั้งเล็กทั้งใหญ่อย่างแน่นสนิท หลังมั่นใจว่าป้องกันไม่ให้หนาวแล้ว ถึงพาพวกเขาขึ้นรถ ในระหว่างเดินทางทั้งสองเกาะขอบหน้าต่างมองดูอย่างพร้อมเพรียงกัน มองเห็นสิ่งของที่สนใจก็กระซิบกันเบาๆ ถึงแม้ว่าการสนทนาของทั้งสองคนจะพูดแตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นผลกระทบต่อความคึกคักดีใจ
เป็นเด็กทั้งสองคนจริงๆ เย่ฉ่าวเฉินคิดเงียบๆในใจ
บางครั้งที่เขามองเห็นมู่เวยเวยเป็นอย่างนั้น เขาก็คิดอย่างนั้นก็ปล่อยให้เธอเป็นอย่างนี้ต่อไปเถอะ ไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ลืมทั้งเรื่องราวที่ทำให้หงุดหงิดใจ มีความสุขผ่านไปในทุกๆวันก็ดีเหมือนกัน
แต่ทว่าก็ไม่ยุติธรรมกับมู่เวยเวย ความฝันของเธอคือเป็นนักออกแบบที่เก่ง ไม่ใช่เป็นคนที่กินเพื่อรอความตายเหมือนมอด ถึงแม้ว่ามอดตัวนี้จะมีความสุขแต่ก็ไม่ใช่มู่เวยเวยที่สมบูรณ์แบบ
รถจอดที่ด้านนอกห้องสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองA
เย่ฉ่าวเฉินสวมหมวกแก๊ปให้ผิงอัน แล้วพันผ้าพันคอให้หนึ่งเส้น ปิดบังใบหน้าที่ไม่อาจะเทียบได้ของเขาอยู่เจ็ดแปดนาที ถ้าไม่ใช่การคัดค้านประท้วงของผิงอัน เย่ฉ่าวเฉินอยากให้เขาสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วย
เหมือนกับผู้ชายส่วนมาก มือหนึ่งข้างของเย่ฉ่าวเฉินอุ้มลูก อีกข้างจูงภรรยา เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอย่างมีความสุข ที่ไม่เหมือนก็คือด้านหลังของเขามีบอดี้การ์ดอยู่สี่คน
ในสายตาของมู่เวยเวยกับผิงอันทุกอย่างเป็นเรื่องราวที่แปลกใหม่น่าสนใจ ในห้างสรรพสินค้าวางต้นคริสต์มาสต้นใหญ่มากที่ยังไม่ได้รื้อออก ด้านบนห้อยของเล่นกับลูกโป่งหลากสีสัน ดูแล้วสวยงามมาก
ผิงอันแววตาเป็นประกาย เด็กน้อยชอบของที่สว่างไสวกระพริบเช่นนี้
ถึงแม้ว่าสมองของมู่เวยเวยจะได้รับความกระทบกระเทือนไม่ชัดเจนแล้ว แต่การเลือกเสื้อผ้าสายตายังคงดหดเหี้ยมเฉียบขาด แค่เข้ามาที่ชั้นสองร้านเสื้อผ้าสุภาพสตรี เธอก็สะบัดมือเย่ฉ่าวเฉินแล้วช๊อปปิ้งเอง
“คุณผู้หญิง อยากจะซื้อเสื้อผ้าแบบไหนคะ” พนักงานแนะนำสินค้าต้อนรับอย่างยินดี
มู่เวยเวยไม่รู้จะทำอย่างไร หันศีรษะกลับไปหาเย่ฉ่าวเฉิน
“ไม่จำเป็นต้องการให้คุณแนะนำ ให้เธอเป็นคนเลือกเอง” เย่ฉ่าวเฉินพูดกับพนักงานแนะนำสินค้า
“ตกลงค่ะ”
มู่เวยเวยมองเห็นเสื้อขนสัตว์สวยมาก เอามาเทียกับตัวอยู่หลายรอบ เย่ฉ่าวเฉินพูดว่า”เข้าไปลองเปลี่ยนดูสิ”
“ได้เหรอ?”
“ได้สิ”เย่ฉ่าวเฉินตอบเพื่อยืนยันกับเธอ หลังจากนั้นได้เรียกพนักงานแนะนำสินค้ามา”หยิบไซส์Mมาหนึ่งตัว ไม่สิ เอาไซส์Lมาดีกว่า”
ใช่ มู่เวยเวยกินจนใส่เสื้อผ้าไซส์Mไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากที่เธอรับรู้ข่าวร้ายนี้จะเจ็บปวดหัวใจไหม
เย่ฉ่าวเฉินกับผิงอันนั่งบนโซฟา นั่งรออย่างใจจดใจจ่อย่างอดทน ส่วนคนหลังมองสำรวจไปรอบๆ
รอจนมู่เวยเวยออกมา ทั้งสองคนพ่อลูกมองไปที่เธอพร้อมกัน หลังจากนั้นก็ส่ายศีรษะอย่างพร้อมเพรียง
เสื้อผ้าสีนี้ไม่เหมาะสมกับมู่เวยเวยจริงๆ
มู่เวยเวยหันซ้ายขวาอยู่หน้ากระจก อืม ไม่เหมาะสมกับเธอจริงๆแหละ
ออกจากร้านเดินไปทางด้านซ้ายช๊อปปิ้งอย่างต่อเนื่อง
อากาศในห้างสรรพสินค้าอบอุ่นมาก หลังจากเดินช๊อปปิ้งไปสามสี่ร้าน ผิงอันร้อนจนเหงื่อแตก ขยับผ้าพันคอต้องการที่จะดึงออกให้หลุดพ้น
“เป็นอะไร?” เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าเขาหงุดหงิด
ผิงอันผงกศีรษะแล้วพูดว่า”ร้อนครับ”
“โอเค”เย่ฉ่าวเฉินช่วยเขาถอดผ้าพันคอยื่นให้กับจางเห่อที่ยืนอยู่ด้านหลัง ได้ยินเสียงทอดถอนหายใจออกมาอย่างสบายของเด็กน้อย
เหมือนกับว่าแค่นี้จะยังไม่พอ ผิงอันชี้ที่หมวกแล้วพูดว่า”ถอดออก”
เย่ฉ่าวเฉินส่ายศีรษะอย่างจริงจัง “ถ้าหากว่าลูกไม่อยากถูกคนมุงชม สวมไว้ดีๆ”
ผิงอันไม่เข้าใจมุงชมคืออะไร แต่มองสีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินแล้วก็ได้แต่อดทนไว้
มู่เวยเวยซื้อเสื้อผ้าสี่ห้าตัว คนจำนวนหนึ่งเดินไปทางบันไดเลื่อน ชั้นห้าเป้นเสื้อผ้าเด็ก แต่พอถึงชั้นสี่สายตาของผิงอันก็หยุดค้างนิ่ง
เพราะว่าชั้นสี่เป็นสวนสนุกของเด็ก ตั้งแต่ที่เขาเกิดมา เขาก็ไม่เคยเจอเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันเยอะอย่างนี้? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องสไลด์ลงมาจากที่สูงๆลงมาด้านล่าง แล้วมีลูกบอลหลากสีกลบปิดไว้มิด
ในอากาศล่องลอยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของพวกเด็กๆที่ไร้เดียงสา ผิงอันกักเก็บความอยากนั้นไว้ไม่ได้ ดอบที่คอของเย่ฉ่าวเฉินแล้วพูดว่า”ผมอยากเล่น”
เขามองเย่ฉ่าวเฉินด้วยสายตาที่คาดหวัง สายตาเหมือนแมวน้อยที่กำลังรอกินอาหาร
เย่ฉ่าวเฉินหันศีรษะกลับไปมองสวนสนุกของเด็กที่คึกครื้น รู้สึกลังเลใจ
ผิงอันเห็นเขาไม่ตอบตกลง ก็ใช้แผนการของนักฆ่าพิชิตใจ ออกแรงบีบแล้วบีบอีก น้ำตาก็คลอเต็มเบ้า คล้ายกับคนที่ได้รับความเสียใจเป็นอย่างมาก
สิ่งที่เย่ฉ่าวเฉินทนดูไม่ได้คือน้ำตาของทั้งสองคน คนแรกคือมู่เวยเวย อีกคนก็คือผิงอัน เพียงแค่ทั้งสองคนน้ำตาไหลออกมา ใจของเขาก็อ่อนยวบ อยากที่จะเก็บดวงดาวบนฟ้าลงมาให้พวกเขาทั้งสองคน
ช่างเถอะๆ อย่างไรผิงอันก็ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้
ไม่ช้าก็เร็ว
“โอเคๆ อย่าร้องไห้เลย ให้ลูกไปเล่นได้”
ผิงอันรีบหยุดร้องไห้ แล้วยิ้มออกมาทันที
เย่ฉ่าวเฉินแตะที่จมุกของเขา หัวเราะอย่างไม่ได้อะไรพูดว่า”ลูกนี่นะ ต่อไปนี้อย่าร้องไห้บ่อย ลูกเป็นเด็กผู้ชาย ไม่ควรที่จะร้องไห้ออกมาบ่อย”
ผิงอันหัวเราะอิอิ แต่ทว่าในใจกำลังโต้แย้ง ผมร้องไห้จริงๆที่ไหนกัน แต่ทำให้คุณตกใจก็เท่านั้นเอง
ถอดเสื้อคลุมที่หนาออก ถอดหมวกที่ใส่มานานออกสักที ผมอ่อนนุ่มของผิงอันมีเหงื่อชุ่มอยู่ ซื้อตั๋วเสร็จ เย่ฉ่าวเฉินปล่อยให้เขาเข้าไป
ในเวลานี้รู้สึกจะเป็นบ้าแล้ว เขากลิ้งอยู่ในกองลูกบอลหลากสี
เย่ฉ่าวเฉินกับจางเห่อและลูกน้องใช้สายตามองตามร่างเล็กนั้น มองเห็นเขากำลังหัวเราะอยู่กับเด็กคนอื่นอยู่ มองเห็นเด็กคนอื่นจูงมือเขาไปเล่นด้วยกัน เย่ฉ่าวเฉินถึงค่อยๆวางใจลง
เขาประเมินเสน่ห์ความสามารถของลูกต่ำไป คิดว่าเด็กคนอื่นจะดูถูกเหยียดหยามที่ดวงตาของลูกเขาแตกต่าง ตอนนี้ดูเหมือนว่า จิตใจความคิดของเด็กสะอาดบริสุทธิ์กว่าผู้ใหญ่มาก
มู่เวยเวยนั่งพักอยู่ที่เก้าอี้นุ่มสบาย มู่เวยเวยมองของเล่นชนิดต่างๆด้านในอย่างมีความปรารถนา เธอก็อยากจะเข้าไปเล่นด้านในมากๆ
เย่ฉ่าวเฉินกอบกุมที่มือของเธอ ยิ้มออกมาเล็กน้อยพูดว่า”อากาสอบอุ่นแล้วฉันจะพาเธอไปสวนสนุก สวนสนุกของครอบครัวเรา”
“สนุกไหม?”มู่เวยเวยถามอย่างตื่นเต้น
“สนุกแน่นอน”เย่ฉ่าวเฉินใช้มือเช้ดเหงื่อที่หน้าผากของเธอ “ยังมีของอร่อยอีกมากมาย เธอต้องชอบอยู่แล้ว”
“อืมๆ เมื่อไหร่เหรอ?” มู่เวยเวยถามอย่างอดใจรอไม่ไหวอีกแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินคิดแล้วคิดอีกพุดขึ้นว่า”ดูว่าวันไหนอากาศดี ช่วงนี้อากาศหนาวมากทั้งยังมีความสลัว ง่ายต่อการทำให้เป็นไข้”
“ได้เลย “มู่เวยเวยขานรับเสียงใส หลังจากนั้นก็โน้มศีรษะซบลงที่หัวไหล่เขา มองดูลูกที่กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขอยู่ด้านใน
อาจจะเพราะว่าไม่เคยสัมผัสสิ่งเหล่านี้ และยังมีเพื่อนเยอะแยะ ผิงอันเห็นอะไรก็สนใจไปหมด สิ่งที่เขาเล่นไม่เป็น ก็ดูเด้กคนอื่นเล่นก่อนอยู่เงียบๆ เล่นเป็นแล้วก็รีบลงมือเล่นทันที ฉลาดมากๆ
หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมงจนจะสามชั่วโมงแล้ว ผิงอันเหนื่อยล้าหมดแรงถึงเดินออกมา ด้านหลังของเขามีเพื่อนเดินตามมาจำนวนหนึ่ง
ผิงอันแนะนำเพื่อนเขาให้เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยรู้จักทีละคนอย่างภาคภูมิใจ “หลานหลาน เสี่ยวเหมย เอ่อตัว นี่คือเถาเถา เพื่อนๆของผม”
เย่ฉ่าวเฉินเงียบกริบ ทำไมถึงมีเพื่อนเร็วอย่างนี้?
“สวัสดีหนูๆ “เย่ฉ่าวเฉินทักทายอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีครับคุณอา สวัสดีค่ะคุณน้า”
ผู้ปกครองของเหล่าเด็กน้อยก็เดินมา มองเห็นผิงอันก็ชะงักไปสักครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ชื่นชมความอ่อนน้อมความน่ารักความละเอียดละมุนงดงามของรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ผิงอัน เธอไปเที่ยวเล่นที่บ้านเราเถอะ”สาวน้อยที่ใส่เสื้อไหมพรมสีชมพูเดินมาจับมือของเขา ใบหน้าแก้มแดงระเรื่อ เย่ฉ่าวเฉินจำได้ว่าเธอชื่อเสี่ยวเหมย
ผิงอันยังไม่ทันได้ตอบกลับ เด็กผู้ชายที่เถาเถาก็เดินมาจับมืออีกข้าง “ไปบ้านฉันเถอะ บ้านฉันใหญ่มาก มีของเล่นเยอะแยะ”
ผิงอันไม่มีทางเลือก เขาชอบความน่ารักของสาวน้อยและก็ชอบของเล่นที่บ้านของเด็กชาย จึงเงยศีรษะขึ้นขอความเห็นจากเย่ฉ่าวเฉิน
“เอาอย่างนี้นะ พรุ่งนี้พวกหนูมาเล่นที่บ้านเราดีไหม?”เย่ฉ่าวเฉินเสนอแนะวิธีที่ดีทั้งสองทาง เขายินดีต้อนรับเพื่อนของผิงอัน
“ดีๆๆๆ”
ผู้ปกครองของเด็กที่ยืนอยู่ด้านข้างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นี่ยังไม่ได้ถามพวกเขาเลยว่าตกลงยินยอมหรือไม่ ก็ตอบตกลงแล้ว?
แต่ไม่นานก็มีคุณพ่อวัยรุ่นรูปหล่อและสุภาพก็ดูออก นี่ไม่ใช่เย่ฉ่าวเฉินผู้บริหารของเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป?
ก่อนวันเทศกาลมีพิธีเปิดสวนสนุกยังได้เจอเขาอยู่เลย
“คุณคือคุณเย่สินะคะ” มีผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมา
เย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน”ใช่ครับ”
“นี่คือลูกชายคุณเหรอคะ?โตมาน่ารักมากเลย”
เย่ฉ่าวเฉินยอมรับอย่างยินดีปรีดา “อืม หลายคนก็พูดอย่างนี้ คุณคือ?”
“นี่คือลูกสาวของฉัน”หญิงสาวชี้ไปที่เอ่อตัว
เย่ฉ่าวเฉินที่ลักษณะท่าทีที่ภูมิฐานสูงส่งลดลง พูดอย่างเป็นกันเองเข้ากับผู้คนได้ว่า”สวัสดีครับ ลูกของผมเพื่อนน้อย สามารถเล่นด้วยกันกับเพื่อนๆนั่นถือว่าเป็นพรมหมลิขิต พรุ่งนี้คุณสามารถพาเด็กๆมาเที่ยวเล่นเป็นแขกของบ้านเราได้ไหมครับ?”
“ได้แน่นอนค่ะ “หยิงสาวตอบอย่างเต็มใจ คฤหาสน์ตระกูลเย่นะ นั่นเป็นตระกูลดังในเมืองAถึงจะสามารถเข้าไปในสถานที่นั้นได้
จึงได้แลกเบอร์โทรศัพท์กับผู้ปกครองของเด็กๆ นัดไว้ว่าพรุ่งนี้ช่วงเช้าช่วงเวลาสิบโมงให้มาสังสรรค์ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่
นี่เป็นคนธรรมดาที่สุดที่เย่ฉ่าวเฉินเรียนเชิญแล้ว
“คุณชาย คุณหนูหายไปแล้ว”เสียงของจางเห่อทำลายบรรยากาศการสนทนาที่กำลังเข้ากันได้
สมองของเย่ฉ่าวเฉินระเบิดเสียงดังครืดออกมา หันศีรษะกลับไปมองเก้าอี้ที่มู่เวยเวยนั่ง ตอนนี้ไม่มีคนแล้ว
“ไม่เจอแล้วได้อย่างไร?”ใจของเขากระตุกปังๆๆขึ้นมา
“เมื่อกี้ยังอยู่ที่นี่….”
“ยังไม่รีบไปตามหาอีก?” เย่ฉ่าวเฉินตื่นตระหนกตะคอกใส่ เอาคนออกมาด้วยตั้งมากมายทั้งหมดคือไม่มีประโยชน์ใช่ไหม?
จางเห่อและบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งรีบหมุนตัวออกตามหา
เย่ฉ่าวเฉินยกผิงอันขึ้น สายตาที่กำลังแปลกใจของเขารีบใส่เสื้อผ้าให้ลูกอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังให็มือของพ่อเขาที่สั่น ลมหายใจก็ถี่เร็วขึ้น
ผู้ปกครองเด็กที่ยืนคุยกันอยู่ด้านข้างเมื่อสักครูรีบพุดขึ้นทันทีว่า”คุณเย่ พวกเราจะช่วยคุณตามหา คุณนายเย่มีลักษณะอย่างไร? สวมใส่เสื้อผ้าแบบไหน?”
เดิมทีเย่ฉ่าวเฉินอยากจะตอบปฏิเสธ แต่ว่าห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่างนี้ แน่นอนว่าคนช่วยหามากเท่าไหร่ยิ่งดี
จึงล้วงโทรศัพท์ หารูปภาพของมู่เวยเวยไม่กี่รูปที่ถ่ายเมื่อไม่นานมานี้ “ชื่อมู่เวยเวย ใส่เสื้อหนาวสีขาวอมเทา ใส่กางเกงยีนส์ ใส่หมวกขนสัตว์สีขาว ”
หลังจากที่พวกเขาฟังและจำได้อย่างละเอียดแล้ว พูดว่า”พวกเราแยกย้ายกันหา หาเจอแล้วโทรศัพท์มาบอกกัน”
“ขอบคุณมากครับ”
“ไม่เป็นไร” ผู้ปกคองของเด็กต่างพาลูกของตัวเองไปด้วยแยกกันออกตามหา เริ่มตามหาสาวน้อยที่มึนงงในกลุ่มผู้คน
เย่ฉ่าวเฉินอุ้มผิงอันเดินวุ่นตามหาในห้างสรรพสินค้า ใจของเขาถูกบีบรัดไว้แน่น ทั้งเจ็บทั้งกลัว ถ้าหากว่ามู่เวยเวยหายตัวไปเอง เขาจะไม่กังวลใจอย่างนี้เลย แต่ถ้าหากมีคนตั้งใจล่ะ? อย่างเช่นกาวินที่หายสาบสูญไปคนนั้น
ผู้ชายคนนั้นเหมือนลูกระเบิดที่ตั้งเวลาไว้แล้ว สามารถปรากฎตัวต่อหน้าเขาได้ตลอดเวลา สามารถเอามู่เวยเวยหรือผิงอันไปได้ตลอดเวลา สามารถทำให้ชีวิตของเย่ฉ่าวเฉินแตกละเอียดย่อยยับได้
มู่เวยเวย มู่เวยเวย เธอเห็นอะไร? สุดท้ายแล้วเธอวิ่งไปที่ไหน? แค่ไม่ระวังก็หายไปแล้ว?
ผิงอันก็รู้แล้วว่าแม่หายไป วางศีรษะเล็กๆไว้บนบ่าของเย่ฉ่าวเฉินมองหาทั่วสารทิศ
หาทุกซอกทุกมุมของชั้นสี่แล้ว ไม่พบเงาของมู่เวยเวยเลย
เย่ฉ่าวเฉินได้ขึ้นไปชั้นห้าที่เป็นเสื้อผ้าเด็ก เธออาจจะไปซื้อเสื้อผ้าให้ผิงอันแล้ว?
บันไดเลื่อนเลื่อนช้ามาก เย่ฉ่าวเฉินใจร้อนระอุทนไม่ไหวต่อระดับความช้านี้ เย่ฉ่าวเฉินจึงกอดผิงอันแน่นวิ่งขึ้นบันได คนที่อยู่ตรงบันไดเลื่อนทยอยหลีกทางให้เขา
ผู้คนที่ชั้นห้าเยอะมาก ทุกที่ก็คือผู้ปกครองที่อุ้มลูกอยู่