วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่264 คุ้นเคยกับทุกอย่างที่เป็นเธอ
ผิงอันที่อยู่ทางด้านข้างกำลังดูทุกคนหัวเราะกัน เขาก็หัวเราะตามพร้อมทั้งยังเลียนเสียงพูด “ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะๆ”
มู่เวยเวยอดที่จะหัวเราะไม่ได้พร้อมกับบีบไปที่จมูกเล็กๆของผิงอันและพูดว่า“ลูกก็มาดูเราสนุกกันหรอ?”
“ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะๆ”ผิงอันหัวเราะฮิๆและพูดขึ้น
“ฮ่าๆๆๆ”เย่ฉ่าวเหยียนหัวเราะขึ้นเสียงดัง “ผิงอันชั่งเป็นหลานที่น่ารักของอาเสียจริง มานี่สิ อาขอชื่นชมเธอหน่อย”เย่ฉ่าวเหยียนคีบเนื้อปลาหนึ่งชิ้นขึ้นมาหยุดต่อหน้าเขา จากนั้นก็ป้อนเข้าไปในปากของเขา
“ขอบคุณครับคุณอา”ผิงอันมีน้ำเสียงที่สดใสน่ารัก
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกลูก”เย่ฉ่าวเหยียนลูบๆที่ผมอ่อนของเขา
ในเวลานี้มีทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะคละเคล้าอย่างมีความสุข พ่อบ้านหวังทำหน้าที่รินเหล้าด้วยความตื้นตันใจ บ้านหลังนี้ไม่มีเรื่องราวที่ทำให้มีเสียงหัวเราะแบบนี้นานแล้ว
แต่ก็มีทั้งคนที่มีความสุข และคนที่กำลังโมโห
“ผละ——”ฟานเสี่ยวเหมยวางตะเกียบลง ทันใดนั้นเสียงของมันก็ได้ดังขึ้นมาขัดจังหวะความสุขของคนที่อยู่รอบๆข้าง
มู่เวยเวยรู้ดี แต่ก็ยังคงถามเธอด้วยความอ่อนโยนพร้อมกับมีร้อยยิ้มว่า“คุณฟาน มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณไม่สบายใจอย่างนั้นหรอ?”
“อาหารของฉันทำไมยังไม่มา?ยังอยากจะให้คนกินอยู่หรือเปล่า?”ฟานเสี่ยวเหมยพูดด้วยความโมโห
มู่เวยเวยไม่โกรธ เมื่อกี้พ่อบ้านหวังพึ่งจะเข้าไปเร่งพวกเขา แต่เห็นเพียงแค่สาวใช้คนเดียวยกอาหารสองอย่างออกมา
“มานี่ มาวางตรงนี้ ”มู่เวยเวยเคลื่อนจานอาหารสองจานก่อนหน้ามาวางไว้ตรงหน้าของฟานเสี่ยวเหมย และจานที่อยู่ในมือของสาวใช้ด้วย
จานหนึ่งคือผัดเนื้อ และอีกหนึ่งจานคือเต้าหู้หมาล่า
แม่บ้านฉินก็นะ……ทำออกมาพอเป็นพีธีเพื่องานนี้
แต่เธอไม่ชอบ
“อาหารพื้นๆแบบนี้หรอ?”ฟานเสี่ยวเหมยรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
สาวใช้โค้งตัวลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า“แม่บ้านฉินบอกว่า ที่บ้านไม่ได้เตรียมเรื่องวัตถุดิบอาหารไว้ ดังนั้นจึงสามารถทำออกมาได้เพียงอาหารสองอย่างนี้ที่มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย”
พ่อบ้านหวังเดาออกทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงอธิบายว่า “วัตถุดิบอาหารของบ้านนี้ทุกวันเราจะเริ่มไปซื้อตอนเข้ามืดเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่สดใหม่ที่สุด เป็นปกติที่เวลานี้ห้องครัวจะไม่มี”
ฟานเสี่ยวเหมยจะพูดอะไรได้อีกล่ะ พี่ชายที่อยู่ทางด้านข้างสะกิดที่แขนของเธอเพื่อบอกให้เธอสงบปาก
ฟานเสี่ยวเหมยถอดหายใจหนึ่งครั้ง และจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า“เอาอย่างนั้นก็ได้”
มู่เวยเวยหัวเราะพร้อมกับนั่งลง ในใจของเธอแอบคิดเบาๆว่า สาวน้อย บ้านตระกูลเย่ไม่ใช่ว่าเธอคิดแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้นนะ
……
นอกจากมีเสียงเพลงประกอบละครแทรกเข้ามา บรรยากาศของการทานอาหารในค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นกันดี เพื่อเป็นการทำให้เย่ฉ่าวเฉินนึกเรื่องราวในอดีตออก เย่ฉ่าวเหยียนเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายในสมัยที่พวกเขาเป็นเด็กให้เขาฟัง รวมทั้งเรื่องที่เขาปลอมเป็นผู้ปกครองของน้องเพื่อไปเข้าร่วมงานประชุมผู้ปกครองและถูกคุณครูสั่งสอน เรื่องที่มีผู้หญิงเขียนจดหมายรักมาส่งให้ถึงมือของเขาแต่เขาโยนจดหมายนั้นทิ้งจนทำให้ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ เรื่องที่สองพี่น้องไปเที่ยวบนภูเขาและเกิดหลงทางและยังมีเรื่องอื่นๆอีก เรื่องราวพวกนี้มู่เวยเวยได้ฟังเป็นครั้งแรก
ชนแก้วกันไปกันมา ตอนนี้ก็ดื่มเข้าไปห้าถึงหกขวดแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอหน้าแดงจึงพูดกับเธอหนึ่งประโยคว่า“เธออย่าดื่มอีกเลยดีไหม”
ใครจะรู้ว่ามู่เวยเวยจะทำท่าโบกมือ“ฉันไม่เป็นไร ฉันยังดื่มได้อีก สองสามเดือนที่คุณหายไป ตกกลางคืนถ้าฉันนอนไม่หลับก็จะอาศัยการดื่มเหล้าแบบนี้แหละ คุณดูสิ ฉันฝึกดื่มจนดื่มได้มากขนาดนี้แล้วนะ”
เธอพูดอย่างมีความสุข แต่คนที่ฟังกลับรู้สึกทุกข์ใจ โดยเฉพาะเย่ฉ่าวเหยียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ
เรื่องที่มู่เวยเวยนอนไม่หลับเขารู้ดี แต่เรื่องที่เขาไม่รู้คือ ตกถึงตอนกลางคืนเธอจะแอบดื่มเหล้า
สายตาของเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเศร้าใจอย่างเห็นได้ชัด
เย่ฉ่าวเหยียนถามคำถามเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ “พี่ เอาแบบนี้ไหม พรุ่งนี้เราไปที่บริษัทกัน ไม่แน่ว่าสภาพแวดล้อมของที่นั่นอาจจะทำให้คิดอะไรออกได้บ้าง ความทรงจำของพี่อาจจะกลับมาได้เร็วขึ้นก็เป็นไปได้ ฉันก็จะได้ออกจากสภาพแวดล้อมที่มันร้อนเป็นไฟแบบนี้เร็วขึ้นหน่อย”
เย่ฉ่าวเหยียนเขาคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับการทำงานอยู่ที่บริษัท เมื่อเห็นตารางงานของตัวเองในบริษัทที่ไม่เหมือนกันในแต่ล่ะอาทิตย์ หัวของเขาก็จะระเบิดแล้ว และการจัดการในแต่ล่ะเดือนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เขาคิดว่าเขายังคงเหมาะสมกับการเป็นเจ้าชายที่อยู่ว่างๆและออกเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆจะดีกว่า หากมีพี่ชายอยู่แน่นอนว่าก็คงยังมีเงินใช้จ่ายได้สบาย
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มเขารู้สึกทำตัวไม่ถูก“แต่ว่าถ้าฉันไปก็ทำอะไรไม่เป็นอยู่ดี จะให้ฉันไปทำไมล่ะ?”
“ความรู้ด้านการทำธุรกิจของพี่มันมีมากกว่าผมเยอะ ตั้งแต่ที่เรียนมาก็เรียนได้เร็วกว่าผม และเรื่องวันพรุ่งนี้ก็ไม่ซับซ้อนอะไรมาก ทำหน้านิ่งๆก็ได้แล้ว”
“อย่างนี้……ก็ได้หรอ?”
มู่เวยเวยแขวะเขาขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนิ วันๆก็ชอบทำหน้าเย็นชา ราวกับว่ามีใครไปทำให้คุณลำบากใจอย่างนั้นแหละ”
เอ่อ……เขาเป็นประธานที่มีลักษณะอย่างนั้นจริงๆหรอ?
“เอาเป็นว่าแบบนี้และกัน วันพรุ่งนี้พี่ไปบริษัทกับผม และก็ไม่ต้องตื่นเต้น ผมจะคอยยืนอยู่ด้านข้างของพี่”เย่ฉ่าวเหยียนมองไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามพร้อมกับหัวเราะและพูดว่า“เวยเวย พรุ่งนี้เธอก็ไปด้วยกันสิ เพื่อเป็นการป้องกันคนอื่นซุบซิบนินทา”
“ซุบซิบนินทาอะไร?”มู่เวยเวยถามด้วยความสงสัย
เย่ฉ่าวเหยียนจำใจเขาวางมือลงที่โต๊ะ“ยังจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ?พนักงานในบริษัทต่างคิดว่าฉันเป็นคนแย่งชิงตำแหน่งประธานบริษัทไป สายตาของพวกเขาแปลกๆเวลามองมาที่ฉัน พวกเขาไม่คิดเลยสักนิดว่าคนอย่างฉันที่เป็นคนดีมีน้ำใจจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ?ดังนั้นพวกคุณทั้งสองต้องไปเป็นพยานให้กันฉันในวันพรุ่งนี้ด้วย”
“เอาล่ะๆ พูดซะน่าสงสารเลย ฉันไปก็ได้ โอเคมัย?”มู่เวยเวยใช้ตะเกียบเคาะไปที่สันจมูก จากนั้นก็ เชอะ ออกมาหนึ่งที
ฟานเสี่ยวเหมยไม่ฟังว่าใครจะมีความคิดย่างไร“ฉันก็จะไปด้วย”
“ติง——”ตะเกียบของมู่เวยเวยหล่นลงไปในแก้วจึงมีเสียงใสๆของแก้วดังขึ้น เธอหันหน้าไปมองที่ฟานเสี่ยวเหมย“เธอจะไปทำอะไรล่ะ?ที่นั่นคือบริษัทนะไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าซะหน่อย”
ฟานเสี่ยวเหมยพูดเสียงแข็งว่า“ฉันอยากไปดูบริษัทของพี่ฉ่าวเฉินไม่ได้อย่างนั้นหรอ?”
วันนี้มู่เวยเวยดื่มมากไปหน่อย เธอพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก“สาวน้อย เธอรู้ไหมว่าพี่ฉ่าวเฉินหนะ เวลาอยู่ต่อหน้าหพนักงานเป็นคนอย่างไง?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?”ฟานเสี่ยวเหมยรู้สึกไม่ค่อนยุติธรรม เธอไม่ได้เคยทำงานบริษัทสักหน่อย
มู่เวยเวยวางมือข้างหนึ่งลงที่ไหล่ของเย่ฉ่าวเฉิน “เขานะ มีหน้าตาที่หล่อเหลา ทำงานก็เก่ง มีน้ำใจและใจกว้างต่อพนักงาน รักภรรยาและรักครอบครัวมาก คนในที่ทำงานล้วนแต่มองเขาว่าเป็นดังเทพ ที่เธอไปเพื่อต้องการจะบอกทุกคนว่า ชายคนที่พวกเขารักและเคารพ เป็นประธานที่อยู่เหนือหัวของพวกเขาเป็นคนหลายใจอย่างนั้นใช่ไหม?”
การพูดแบบไม่ได้ตั้งของเธอแต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกได้ คำพูดที่มู่เวยเวยพูดออกมานี้ล้วนแล้วไม่ได้ถูกกลั่นกรองออกมาจากสมอง แต่เมื่อเย่ฉ่าวเฉินฟังแล้วกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
แท้จริงแล้วสำหรับพนักงานเขาเป็นคนแบบนี้หรือ?
“แต่ว่า……แต่ว่า……”ฟานเสี่ยวเหมยคิดคำพูดตั้งนาน แต่ก็พูดไม่ออก
มู่เวยเวยยกมือขึ้นจากไหล่ของเย่ฉ่าวเฉิน จากนั้นก็เลื่อนมาจับที่คางของเขาและพูดต่อว่า“สาวน้อย ฉันดูแล้วเธอคงอยากพักที่นี่เป็นเวลานาน แม้ว่าเธอคิดอยากจะแย่งเย่ฉ่าวเฉินไปจากฉัน ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ เอาอย่างนี้ไหม สองสามวันนี้เธอก็อยู่เมือง Aเที่ยวไปก่อน อยากซื้ออะไรหรืออยากไปเที่ยวที่ไหนก็ไปได้”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็หันไปทางพ่อบ้านหวังและพูดขึ้นว่า“ลุงหวัง รบกวนไปหยิบกระเป๋ามาให้ฉันหน่อย”
พ่อบ้านหวังไม่รู้ว่าเธอต้องการจะทำอะไร เขารีบไปหยิบกระเป๋าที่อยู่ในห้องโถงมาให้กับเธอ จากนั้นมู่เวยเวยก็บัตรออกมาจากกระเป๋าและยัดใส่ในมือของคุณฟางพร้อมพูดขึ้นว่า“ในนี้มีเงินอยู่ห้าแสนบาท ค้าใช้จ่ายต่างๆอยู่ในบัตรใบนี้ หากว่าไม่พอฉันจะให้คุณอีก เป็นผู้หญิงค่อนข้างลำบากนะ ต้องซื้อเสื้อผ้าสวยๆ กระเป๋า เครื่องสำอาง แต่งหน้าทำผมทำให้ตัวเองดูดี ถึงจะมีผู้ชายมาชอบเยอะๆ”
ฟานเสี่ยวเหมยมองมู่เวยเวยและรู้สึกว่าเธอมีความเหยียดหยามตัวเองเล็กน้อย ไม่ใช่แค่มู่เวยเวยคนเดียวที่เหยียดหยาม ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเหยียดหยามเธอด้วย มู่เวยเวยไม่ควรมองว่าฟานเสี่ยวเหมยเป็นศรัตรูหรอกหรอ ?ทำไมถึงได้ทำดีกับเธอย่างกะทันหัน
หลังจากดื่มไวน์เสร็จยังไม่มีความรู้สึกเมามาก แต่สักพักกลับรู้สึกขึ้นเมาอย่างดื้อๆ มู่เวยเวยรู้สึกเวียนศีรษะ เพื่อไม่เป็นการทำให้เธอเสียภาพพจน์มาก เธอใช้มือจับที่เก้าอี้จากนั้นก็พยายามยืนขึ้นและเตรียมตัวไปจากที่นี่ “อย่างนั้น พวกคุณทานกันต่อได้เลย วันนี้ฉันเหนื่อยมากมาทั้งวันแล้ว ขอตัวไปพักที่ด้านบนก่อนนะ”
เมื่อหันหลังกลับเดินไปได้เพียงสองก้าว ขาของเธอก็เดินไม่ค่อยถนัด เธอเดินไถลไปทางด้านหน้าเกือบจะล้ม แต่ยังดีที่สายตาและมือของเย่ฉ่าวเฉินไว เขารีบเข้าไปประคองที่เอวของเธอไว้
มู่เวยเวยจับที่มือมองเขาแล้วพยุงตัวเองขึ้น เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยพร้อมกับสายตามองไปที่เขา“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร”เย่ฉ่าวเฉินอยู่ใกล้เธอมาก ใกล้ขนาดที่ว่ามองเห็นตัวเองในดวงตาของเธอ ร่างกายของหญิงสาวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของตัวเธอ ทำให้ร่างกายของเขาร้อนขึ้นมาทันที สายตาของเขาลดลงไปมองที่ปากที่มีสีเหมือนเชอร์รี่ของเธอ
ชมพูระเรื่อ แถมยังมันวาว ชั่งดูน่าลิ้มลองเสียจริง
เย่ฉ่าวเฉินถูกความรู้สึกของตัวเองปลุกให้มีสติกลับมา เขารีบปล่อยมือจากเธอ
มู่เวยเวยดื่มมากเกินไปจริงๆ เธอเห็นภาพใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินลอยขึ้นมา เธอจึงหัวเราะฮิๆและพูดว่า“หา และแล้วก็ลับมาแล้ว ดีจริงๆเลย”
เย่ฉ่าวเฉินกลับไปที่เดิม เมื่อได้สติกลับมา หญิงสาวคนนั้นที่มาลวนลามเขาได้ค่อยๆเดินไกลออกไป จากนั้นไม่นานก็มีเสียงเพลงที่เธอร้องดังเข้ามา
“พวกเราประชาชนตาดำๆหนะ วันนี้ชั่งมีความสุขเหลือเกิน พวกเราประชาชนตาดำๆหนะ วันนี้ชั่งมีความสุขเหลือเกิน……”
ร้องวนไปเวียนมาก็ประโยคเดิม และยังร้องเสียงเพี้ยนอีกต่างหาก ฟานเสี่ยวเหมยกับพี่ชายก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เย่ฉ่าวเหยียนยักไหล่“ดูสิ ฉันเคยพูดว่าไงนะ?อย่าให้เธอได้เมานะ คนที่รับกรรมก็คือพวกคุณไง”
แต่เย่ฉ่าวเฉินกลับคิดว่า มู่เวยเวยที่เป็นแบบนี้ดูน่ารักมากๆ
นางเอกของงานไปแล้ว งานก็ค่อยๆจบลง
“วันนี้ทุกคนยุ่งมาทั้งวันแล้ว คิดว่าทุกคนคงจะเหนื่อยกันมาก รีบไปพักผ่อนกันเถอะดีไหม”เย่ฉ่าวเหยียนเดินจนลืมว่าผิงอันเดินอยู่ทางด้านหน้า เขาจึงก้มตัวลงไปถามผิงอันว่า“เด็กดี วันนี้นอนกับอาดีไหม?”
“ไม่ดี”ผิงอันปฏิเสธออกมาทันที
“อย่างนั้นเธออยากจะนอนกับใครล่ะ”
ผิงอันจับที่ปลายนิ้วโป้งของชายคนที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง“ผมจะนอนกับคุณพ่อ”
เย่ฉ่าวเหยียนลูบๆที่จมูกเล็กๆของเขา“เด็กคนนี้ ทันทีที่คุณพ่อกลับมาก็ไม่ชอบคุณอาซะแล้ว?”
“ก็ชอบอยู่ แต่อยากนอนกับคุณพ่อ”
“ไม่ต้องทำตัวใส่ซื่อขนาดนั้น?”เย่ฉ่าวเหยียนลูบไปที่เส้นผมอ่อนๆบนศีรษะของเขา“เอาล่ะ ฝันดีนะครับ”
“ฝันดีครับคุณอา”ผิงอันพูดอย่างอ่อนหวาน
เย่ฉ่าวเหยียนบิดขี้เกียจและเดินจากไป ฟานเสี่ยวเหมยที่เดินอยู่ไม่ห่างทางด้านหน้าของเย่ฉ่าวเฉิน พูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจว่า“พี่ฉ่าวเฉิน ทำไมถึงได้ให้เธอมาจับที่หน้าของพี่ล่ะ ฉันไม่ชอบเลย”
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ “ก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอเมาหรอกหรอ”
“อย่างนั้นก็ไม่ได้ ”ฟานเสี่ยวเหมยน้อยในหน้าบูดหน้าเบี้ยว“พี่เป็นของฉันนะ”
เย่ฉ่าวเฉินก้มหน้ามองผิงอันที่มีสายตาอันเย็นชากำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่ เขารู้สึกตกใจจึงรีบสลัดมือของฟานเสี่ยวเหมยออก “เอ่อ วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนล่ะ”เมื่อพูดจบ เขาก็อุ้มผิงอันและรีบเดินดุ่มๆจากไปโดยไม่สนใจว่าฟานเสี่ยวเหมยจะมีสีหน้าอย่างไร
พ่อบ้านหวังที่เห็นเหตุการณ์รีบเดินตามเย่ฉ่าวเฉินไป
เมื่อถึงชั้นบน เย่ฉ่าวเฉินกำลังกังวลอยู่ภายในใจ ทำไมระยะเวลาตอนที่อยู่กับฟานเสี่ยวเหมยถึงได้ไม่มีความรู้สึกอยากจะทำอะไรเธอแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าเธอจะอยู่บนร่างกายของเขา แต่เขาก็ไม่มีความรู้สึกสนใจในตัวเธอเลย แต่เมื่อกี้ที่มู่เวยเวยเข้ามาอยู่ใกล้ๆเขา เขากลับรู้สึกว่าอยากจะจูบเธอล่ะ ?
หรือว่าจะเป็นความทรงจำของร่างกาย?
พ่อบ้านหวังพาทั้งสองคนมาที่ห้องที่มู่เวยเวยเคยอยู่ เพราะว่าเป็นสถานที่ที่คุ้นเคยในอดีต ของทุกชิ้นในภายห้องสามารถบอกได้ถึงความคิดของเธอ
“คุณชาย คุณก็พักที่นี่เถอะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกผมได้”
“ตกลง”
พ่อบ้านหวังปิดประตูและแสยะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ คุณชายของพวกเราสุดยอดจริงๆ แบบนี้แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามาตอนดึก ก็คงจะถูกชายไล่ออกไปแน่
ผิงอันหาวด้วยความง่วง หัวของเด็กน้อยซบลงไปที่หัวไหล่ของเย่ฉ่าวเฉิน จากนั้นก็พูดเบาๆว่า“คุณพ่อ เย็นวันนี้ผมไม่อยากอาบน้ำและจะนอนเลยได้ไหม?”
ตอนที่ยังจำความได้ไม่ว่าผิงอันจะขออะไรเขาก็รับปากหมด รวมทั้งครั้งนี้ก็ด้วย
“แน่นอนสิ นอนเถอะลูกรัก ”เย่ฉ่าวเฉินประคองเขานอนลงบนเตียง และค่อยๆถอดเสื้อผ้าให้เขาอย่างระมัดระวัง
เมื่อถอดออกเสร็จ ผิงอันค่อนๆกลิ้งตัวเข้าไปในผ้าห่ม โผล่แต่เพียงหัวน้อยๆของเขาออกมา
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินเข้าไปยังห้องอาบน้ำ
น้ำอุ่นๆค่อยๆไหลลงมากระทบศีรษะ ใจในรู้สึกเงียบสงบขึ้นมาเล็กน้อย
วันนี้เป็นความทรงจำที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตนี้ เดิมทีกำลังมีความสุขกับการจัดงานแต่งงาน แต่ก็ถูกคนทำลายลงไปเสียก่อน จากนั้นก็มีภรรยา มีลูกชาย และยังมีสิ่งที่คิดไม่ถึงอย่างธุรกิจระดับประเทศ
ราวกับว่าเหมือนอยู่ในละครจริงๆ หลับไปหนึ่งคืนตื่นขึ้นมา บางครั้งก็อาจจะไม่มีอะไรเหลือแล้วก็ได้
ตอนที่เขากลับมาที่เตียง เย่ฉ่าวเฉินหอมเบาๆลงไปที่แก้มของผิงอันและกำลังจะเตรียมเข้านอน นึกไม่ถึงว่าผิงอันจะลืมตาขึ้นมา
“ทำไมยังไม่นอนล่ะ?”เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความประหลาดใจ
ผิงอันมองไปที่ตาของเขาและถามขึ้นว่า,“พ่อ พ่อไม่รักแม่แล้วหรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกช็อก ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามลูกว่าอย่างไร“ทำไมลูกถึงถามแบบนี้ล่ะ?”
“เพราะเมื่อก่อนพ่อดีกับแม่มากๆเลย เพื่อจะให้ได้แม่ไปครอบครองคนเดียวพ่อยังชอบกันท่าให้ผมออกไป แต่ว่าวันนี้พ่อไม่มองแม่เลยและก็ไม่ยิ้มให้เธอด้วย”ผิงอันไม่ใช่เด็กธรรมดา เขามีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก และก็มีความรู้สึกไวต่อสิ่งรอบข้าง
เย่ฉ่าวเฉินถูกลูกพูดให้จนเกิดความรู้สึกใจฝ่อ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนอกจาก“พ่อขอโทษ พ่อจำเรื่องราวที่เกิดเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว”
“ดังนั้น พ่อจึงเอาพี่สาวคนหนึ่งกลับมาด้วยอย่างนั้นหรอ?”ผิงอันถามด้วยความรู้สึกเยือกเย็น “พ่อต้องการจะให้เธอเป็นแม่ใหม่ของผมหรอ?”
“ไม่นะ ไม่ใช่แน่นอน ”เย่ฉ่าวเฉินตอบคำถามอย่างมีสติ
ผิงอันพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า“ถ้าพ่อไม่ต้องการแม่แล้ว ผมก็ไม่ต้องการพ่อ ผมจะไปกับแม่ เพราะผมเป็นลูกรักของแม่”
คำพูดของลูกทำให้เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด เขาไม่นึกเลยว่า ผิงอันเด็กอายุแค่นี้ จะมองเรื่องราวต่างๆพวกนี้ได้ทะลุปรุโปร่ง
“ใครบอกลูกว่าพ่อไม่ต้องการแม่แล้ว?”เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความสงสัย
“ผมเดาเอา เท่านี้ก็แล้วกัน ผมง่วงแล้ว”ผิงอันพูดจบก็หันหลังและหลับตาให้กับเย่ฉ่าวเฉิน
อันที่จริง ผิงอันก็ไม่ได้อยากนอนกับพ่อที่แยกจากกันไปตั้งนานแบบนี้ เขาชอบกลิ่นหอมอ่อนๆของแม่มากกว่า ที่เขามานอนก็เพราะว่าเกลียดพี่สาวคนนั้นก็เท่านั้น เขาไม่สามารถให้ยัยพี่สาวคนนั้นมาแย่งพ่อของเขาไปได้
น้อยมากที่ผิงอันจะเกลียดใครคนหนึ่ง แต่เขากลับเกลียดฟานเสี่ยวเหมย บางครั้งอาจเป็นเพราะว่าเด็กไม่ค่อยคิดซับซ้อนอะไรมาก หลังจากที่ฟานเสี่ยวเหมยมองเห็นผิงอันครั้งแรก เขาก็รู้ได้ทันทีว่าพี่สาวคนนี้ไม่ชอบเขา
ในเมื่อเธอไม่ชอบเด็กที่น่ารักที่สุดในโลกอย่างผิงอัน อย่างนั้นเด็กน้อยทำไมต้องชอบเธอด้วยล่ะ?
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ด้านหลังของเขา กลับมีอารมณ์ที่สงบขึ้น
เดิมทีคิดว่าวันนี้จะนอนไม่หลับซะแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวยังไม่ทันได้คิดให้ละเอียด เขาก็หลับไปอย่างสงบแล้ว
และห้องข้างๆที่หลับแบบหอมหวานเหมือนกันอย่างมู่เวยเวย เธอเข้าใจถึงเรื่องราวต่างๆ ประกอบกับการที่เธอดื่มเหล้า เมื่อเธอมาถึงที่ห้องก็ม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม จากนั้นก็นอนหลับไป
หนึ่งคืนผ่านไปไร้ซึ่งความฝัน
เช้าของวันรุ่งขึ้น เย่ฉ่าวเหยียนและเย่ฉ่าวเฉินสวมเสื้อผ้าเต็มยศลงมาทานอาหารที่โต๊ะอาหารก่อน เย่ฉ่าวเฉินมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้เวลาใกล้จะแปดโมงแล้ว แต่มู่เวยเวยยังไม่ลงมา
“ฉ่าวเหยียน มู่เวยเวยคนนั้นยังจะไปบริษัทอยู่ไหม?ทำไมถึงยังไม่ตื่นล่ะ?”
เย่ฉ่าวเหยียนพูดอย่างไม่มีท่าทีเร่งรีบ“ไม่เป็นไร พวกเรารอไปก่อน ช่วงนี้เธอนอนหลับไม่ค่อยดี บ่อยครั้งที่ตื่นตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่เธอจะนอนหลับได้สงบแบบนี้ ก็ชั่งเธอเถอะ”
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกแปลกๆ และอดที่จะถามไม่ได้“นายกับเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากอย่างนั้นหรอ ถึงได้รู้เรื่องเธอมากมายขนาดนั้น?”
“แคกๆ——”เย่ฉ่าวเหยียนสำลักเอานมออกมา เย่ฉ่าวเฉินรีบดึงกระดาษส่งให้เขา “ฉันก็ถามไปเรื่อยเปื่อย นายจะตื่นเต้นไปทำไม?”
เย่ฉ่าวเหยียนเช็ดปากและเช็ดเสื้อเสร็จจากนั้นจึงพูดว่า “พี่ พี่คิดมากเกินไปแล้ว มู่เวยเวยตื่นเช้าขึ้นมาขอบตาดำอย่างกับหมีแพนด้า ผมถามเธอถึงได้รู้ ยังมีอีกเรื่องเดิมทีความสัมพันธ์ของเราทั้งสองก็ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจึงพูดออกไปว่า“อ้อ อย่างนั้นหรอ”
เย่ฉ่าวเหยียนชำเลืองมองตาของเขา ในใจคิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาได้ เข้าแสยะยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าไปมา “นายอยากรู้ไหมว่าทำไมความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเวยเวยถึงได้ดีขนาดนี้?”
“ไม่ใช่เป็นเพราะฉันหรอกหรอ?”
เย่ฉ่าวเหยียนพูดอย่างลำพองว่า“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เรื่องมันยังมีอีกมาก หากจะสรุปก็สรุปได้ว่า เริ่มแรกนายทำไม่ดีกับมู่เวยเวยเอาไว้มาก และฉันก็คอยแอบช่วยเหลือและคอยอยู่ข้างเธอ จากนั้นพวกเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ”
“ฉันไม่ดีกับเธอหรอ?”เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความสงสัย จากที่ลูกชายและพ่อบ้านหวังเล่าเขาควรจะเป็นคนที่รักมู่เวยเวยมากนี่น่า
เย่ฉ่าวเหยียนพยักหน้าลงหนึ่งครั้ง “ใช่ แต่ก่อนไม่ดีมากๆ นายยังจำเฉียวซินโยวได้ไหม?อ๋อ ชั่งมันเถอะ แม้กระทั่งฉันกับมู่เวยเวยนายยังจำไม่ได้ จะจำผู้หญิงคนนั้นได้ยังๆไง”
“เฉี่ยวซินโยว?เกิดอะไรอย่างนั้นหรอ?”
“ผู้หญิงมารยา เธอเข้ามาที่บ้านของเราเพื่อให้ร้ายมู่เวยเวย”เย่ฉ่าวเหยียนเหลือบไปมองพี่ชายที่มีท่าทีมึนๆงงๆเขาจึงพูดต่ออย่างไม่เกรงใจว่า“แต่ว่าตอนนั้นนายไม่มีมันสมองอยู่เลย ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรนายก็เชื่อไปหมด จุ๊ๆ ไอคิวสมองของนายตอนนั้นมันโง่ขนาดที่ว่าแตะ0เลยแหละ”
เย่ฉ่าวเฉินนึกถึงประโยคเมื่อคืนที่มู่เวยเวยพูดในงานแต่ง ไม่ใช่ว่าเอาผู้หญิงกลับมาเป็นครั้งแรกแล้ว หรือว่าผู้หญิงที่เธอพูดจะเป็นเฉี่ยวซินโยว?
“พวกคุณกำลังพูดเรื่องสนุกๆอะไรกัน?”เรื่องที่พวกเขาคุยกันได้ยินมาถึงหูของมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินหันกลับมามอง หญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงดูเรียบร้อย ผมสั้นประบ่าดูสวยงาม ผิวกระจ่างใสดูมีออร่า ดูราวกับว่าทั้งร่างกายของเธอเปร่งแสงได้
เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองเธอและเป็นอีกครั้งที่ใจของเขาเต้นแรงขึ้น
เธอเดินเข้ามาลากเก้าอี้ตัวที่อยู่ด้านข้างของเย่ฉ่าวเฉิน เย่ฉ่าวเหยียนถามเธอขึ้นว่า“เมื่อคืนเธอคงจะนอนหลับสบายนิ รอบๆตาที่มันดำๆก็ไม่มีแล้ว สีหน้าท่าทางก็ดูดีขึ้นมาก”
“ขอบคุณที่ชมนะ ไม่มีความกังวลใจอะไรแล้ว แน่นอนว่าต้องนอนหลับสบายอยู่แล้ว”มู่เวยเวยคีบซาลาเปาน้ำมองดูรอบๆและไม่เห็นว่าผิงอันอยู่ที่นี่ จึงหันกลับไปมองเย่ฉ่าวเฉินที่มีท่าทีเหม่อลอย “ผิงอันล่ะ?”
“อยู่กับพ่อบ้านหวัง”เย่ฉ่าวเฉินดึงเก็บสายตาที่ผิดปกติของตัวเองเอาไว้ แต่ในใจเต้นตึกๆๆ
เป็นเพราะอะไรกันแน่นะ ?เพียงแค่เธอมานั่งข้างๆตัวเองเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่า……หัวใจจะเต้นตึกๆแรงแบบนี้?
“เมื่อกี้พวกคุณพูดอะไรกันอยู่หรอ?”
เย่ฉ่าวเหยียนพูดอย่างไม่สนใจอะไร“กำลังพูดเรื่องเฉียวซินโยวเพื่อเป็นการเตือนความจำของพี่ว่าตอนนั้นเขาโง่แค่ไหน”
มู่เวยเวยยิ้มแบบจืดๆพร้อมกับพยักหน้าและพูดขึ้นว่า“อือ โง่มากจริงๆ”
“ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้ถามเธอเลย เธอทำไมถึงได้ยกโทษให้พี่ชายฉันล่ะ เขาทำกับเธอถึงขนาดนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะยกโทษให้เขา ตอนที่ฉันได้ยินข่าวเรื่องนี้เข้า ฉันคิดว่าพ่อบ้านหวังพูดโกหกซะอีก”
มู่เวยเวยมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินและพูดขึ้นว่า“เขาขอร้องฉันหลายต่อหลายครั้ง และใช้ความตายเพื่อบีบบังฉัน ฉันไม่มีทางเลือกเลยใช้มีดแทงไปที่หน้าอกของเขาหนึ่งครั้ง ก็เหมือนกับว่าความแค้นระหว่งเราได้จบลงไปแล้ว”
“แคกๆๆ——”เย่ฉ่าวเฉินเกิดสำลักออกมา มู่เวยเวยตบไปที่หลังของเขาเบาๆ และยกแก้วน้ำป้อนเข้าไปที่ปากของเขา“ดื่มน้ำก่อน ค่อยๆนะ ”
เย่ฉ่าวเฉินพยุงที่มือของเธอดื่มน้ำเข้าไปสองสามคำ เมื่อหยุดไอแล้วเขารู้ว่าหน้าอกทางด้านขวามีรอยแผลเป็น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนี้
เย่ฉ่าวเหยียนก็รู้สึกช็อกมากเช่นกัน“ฉากนั้นคงต้องเป็นอะไรที่ดุเดือดมากแน่ๆ”
“ก็ไม่ขนาดนั้น”มู่เวยเวยพูดถ่อมตัว “เฮ้ย เป็นเพราะฉันใจอ่อนเกินไป ตอนนั้นควรจะเอามีดแทงไปที่อกด้านซ้าย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะไม่มีเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจต่างๆเกิดขึ้นตามมามากมายแบบนี้ คุณว่าจริงไหม?”
เย่ฉ่าวเหยียนได้ยินเรื่องพวกนี้ก็แอบยิ้มออกมา ในขณะที่เย่ฉ่าวเฉินกลับมีสีหน้าที่ซับซ้อน
เขาคิดทบทวนอยู่ภายในใจว่า ถ้าหากเขาเป็นมู่เวยเวยและอยู่ดีๆสามีพาผู้หญิงอีกคนกลับมาบ้าน เขาก็คงจะรู้สึกทุกข์ใจมากแน่ๆ
แต่ทว่า เมื่อได้ฟังพวกเขาพูดแบบนี้แล้ว ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าแต่ก่อนระหว่างเขากับมู่เวยเวยถึงได้เกิดเรื่องที่รุนแรงจนขนาดต้องเสียเลือดเสียเนื้ออย่างนั้นเลยหรอ ?
“เอาล่ะๆ เรื่องพวกตอนเย็นกลับมาค่อยคุยกันต่อ ทานให้เสร็จและไปทำงานกันก่อนเถอะ”เย่ฉ่าวเหยียนบอกเป็นล่วงหน้าถึงเรื่องที่จะกลับมาพูดคุยกันต่อ
บางครั้งอาจเป็นเพราะเตียงของบ้านกระกูลเย่นอนหลับได้อย่างสบาย จนกระทั่งทั้งสามคนขึ้นรถออกจากบ้านตระกูลเย่ไป สองพี่น้องตระกูลฟานก็ยังไม่ทันตื่น
เมื่อมาถึงบริษัท เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย มู่เวยเวยก็รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาได้ เธอจับมือข้างหนึ่งของเขาและพูดว่า“ทั้งบริษัทแห่งนี้คุณเป็นหัวหน้าใหญ่ อย่ากลัวไปเลย?”
ทันทีที่มือเขาถูกสัมผัสเหมื่อนกับต้องเวทมนต์ ราวกับว่ามือของเธอได้กดเอาความรู้สึกที่กังวลใจของเขาเอาไว้
“ไปกันเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”
เย่ฉ่าวเหยียนเปิดประตูให้เขาทั้งสองคน เย่ฉ่าวเฉินหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้งก่อนลงจากรถ ด้วยความคุนชินมู่เวยเวยเดินอ้อมเข้ามาและเอามือประกบจับเข้ากับมือของเขา
เย่ฉ่าวเหยียนก้มหน้ามองทั้งสองคนจับมือกันแน่น ทำให้เขารู้สึกจิตใจสงบขึ้นด้วย
ยามรักษาความปลอดภัยมองเห็นท่านปะธานและภรรยาของท่านประธานปรากฎตัวขึ้น เขายืนตะลึงตัวแข็ง เมื่อทั้งสามคนเดินผ่านไป เขาพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เสียมารยาทไป
พนักงานหญิงที่หน้าเคาท์เตอร์หยุดชะงัก ไม่ใช่ว่า……
“อรุณสวัสดิ์ประธานเย่ อรุณสวัสดิ์คุณนายเย่ อรุณสวัสดิ์ประธานเหยียน”
มู่เวยเวยยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
ไม่นานจากนั้น ข่าวเรื่องประธานเย่จูงภรรยาก็ถูกส่งเข้าQQและส่งกระจายต่อกันไปจนทั่วบริษัท พนักงานที่กำลังทำงานต่างรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ อดไม่ได้ที่จะออกไปดูประธานเย่ที่หายตัวไปซะนาน
เมื่อเข้ามาในลิฟท์ เย่ฉ่าวเฉินถามพวกเขาว่า“หากว่ามีคนมาทักทายผม ผมควรจะทำยังไง?”
“อย่างนั้นก็ยิ้มใช้กับคนที่เข้ามาทักทาย หรือว่าพยักหน้าเพื่อเป็นการรับรู้ ถ้าไม่ยินยอมล่ะก็ ก็ทำเป็นไม่เห็นล่ะกัน”มู่เวยเวยตอบ
“ทำเป็นไม่เห็น?อย่างนั้นมันไม่เป็นการเสียมารยาทไปหน่อยหรอ?”
มู่เวยเวยแขวะเขาหนึ่งระโยค“เหอะ มารยาทคำนี้ยังสามารถหลุดออกจากปากของคุณได้อีกหรอ ปกติคุณก็ไม่ใช่ว่าชอบทำแบบนั้นหรอ”
เย่ฉ่าวเฉินเงียบ เขาไม่อยากที่จะคุยกับเธอแล้ว ไม่ถึงนาทีก็แขวะเขาอยู่เรื่อย
เมื่อออกมาจากลิฟท์ เลขาหลิวเป็นคนแรกจากเลขาทั้งสี่ที่โค้งคำนับพร้อมกับพูดขึ้นว่า“อรุณสวัสดิ์ประธานเย่ อรุณสวัสดิ์คุณนายเย่ อรุณสวัสดิ์ประธานเหยียน”
เย่ฉ่าวเฉินส่งเสียง“อืม”เบาๆหนึ่งครั้ง
มู่เวยเวยหัวเราะคิกคักพร้อมพูดว่า“อรุณสวัสดิ์ทุกคน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ลำบากทุกคนแล้ว”
เลขาหลิวมองเห็นทั้งสองจับมือกันแน่นก็แอบคิดอยู่ในใจว่า สองคนนี้พึ่งจะกลับมาก็ทำให้คนอื่นรู้สึกอิจฉาซะแล้ว
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันควรทำค่ะ”เลขาหลิวพูดพร้อมกับก้มตัวลงเล็กน้อย
มู่เวยเวยค่อยๆดึงมือของเย่ฉ่าวเฉิน เป็นการส่งสัญญาณว่าให้เดินต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อผลักประตูห้องประธานเย่เข้าไป ความรู้สึกคุ้นเคยกระทบกลับเข้ามาโดนที่หน้าอย่างจัง ราวกับว่าเย่ฉ่าวเฉินเคยมาที่นี่นับหมื่นพันครั้ง……