วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่271 ฉันพลัดหลงกับผิงอัน
“ เรื่อนนี้ไม่มีปัญหาหรอก อย่างที่เธอบอก ถือว่าฉันไปเรียนรู้แล้วกัน ฉันก็รู้ว่าควรสนใจเรื่องไหน”
“ งั้นเอาเถอะ ทันทีที่รู้สึกว่าร่างกายไม่ไหวต้องรีบหยุดทันทีโอเคไหม?” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างจริงจัง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของลูก
“ รู้แล้วหน่ะ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
มู่เวยเวยพิงไหล่ของเขาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ มันจะดีมากถ้าเป็นแบบนี้ตลอด ไม่มีอันตรายไม่มีการบาดเจ็บ ทำงานเลิกงานไปวันๆ และดูผิงอันค่อยๆโต
ในขณะที่กำลังรับประทานอาหารค่ำ เย่ฉ่าวเฉินบอกข่าวดีกับผิงอันและโทรหาพ่อแม่ของเพื่อนตัวน้อยของเขาทุกเขา
ทุกคนมีความสุขมากที่ได้รับคำเชิญ มันเป็นเกียรติมากที่ได้รับคำเชิญจากเย่ฉ่าวเฉิน
เดิมทีมู่เวยเวยต้องการเรียกซีหรานมาด้วยกัน แต่นึกขึ้นได้ว่าท้องของเธอใหญ่ขึ้นมากแล้ว และมีผู้คนมากมายในสวนสนุก หากกระทบโดนเธออาจจะเป็นอันตรายได้
เช้าตรู่ของวันหยุดสุดสัปดาห์ ผิงอันรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเขาพูดมากตลอดทาง จนทำให้มู่เวยเวยรู้สึกเวียนไปทั้งหัว
เมื่อไปถึงสวนสนุก เพื่อนๆคนอื่นมารออยู่ที่นั่นแล้ว ทันทีที่กลุ่มเพื่อนเจอกันก็เริ่มวิ่งไล่จับ
“สวัสดี ไม่เจอกันนานเลย”
“คุณชายเย่ คุณนายเย่สวัสดี” หลังจากทักทายกัน ทุกคนก็เดินไปที่สวนสนุก
ทันทีที่พวกเขาเห็นตัวการ์ตูนต่างๆ เด็กผู้ชายก็วิ่งเข้าไปหา
ผู้ดูแลสวนสนุกรู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินกำลังมา เขาจึงยืนรออยู่ที่ประตูเพื่อทักทายเขา
“ คุณเย่ คุณมาแล้ว” ผู้จัดการทักทายอย่างอบอุ่น
“ไม่ต้องดูแลเรา ไปทำหน้าที่ของคุณเถอะ” เย่ฉ่าวเฉินจับมือของมู่เวยเวยด้วยความอบอุ่นที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผู้จัดการก็ดีใจและพูดว่า “รับทราบ”
เย่ฉ่าวเฉินต้องดูแลมู่เวยเวย และกลัวผิงอันจะเกิดอะไรขึ้นด้วย เขาจึงพูดกับจางเหอและเสี่ยวฟางที่อยู่ข้างหลังว่า “พวกเธอสองคนไปอยู่กับผิงอัน ที่นี่คนเยอะ อย่าให้เขาวิ่งไปไหน ”
“ครับ คุณชาย”
เย่ฉ่าวเฉินกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขนของเขาเพราะกลัวว่าจะมีคนมาโดนตัวเธอ “เหนื่อยหรือยัง?”
“ใครจะไปอ่อนแอขนาดนั้น เดินมาได้ไม่กี่ก้าวเอง” มู่เวยเวยมองไปที่สวนสนุกที่มีชีวิตชีวาและพูดด้วยอารมณ์ดี “ฉันก็มีส่วนร่วมในการสร้างมันนะ”
“ใช่แล้ว โชคดีที่เธอไม่คัดค้านไม่งั้นฉันคงลำบากแย่” เย่ฉ่าวเฉินแกล้งพูดหยอกเธอ
มู่เวยเวยหัวเราะ“ ตอนนั้นฉันเป็นแค่หุ่นเชิด ต่อให้คัดค้านเธอก็ไม่มีประโยชน์ ใช่สิ สวนสนุกที่ฮ่องกงที่นั่นล่ะว่ายังไง?
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างดูถูก “จะยังไงอีกล่ะ? หลังจากที่คุณจากไป ฉันก็กักขังฉู่เซวียนไว้ นายท่านฉู่ยกหุ้นให้ฉันครึ่งนึงเพื่อที่จะช่วยชีวิตลูกชายของเขา”
มู่เวยเวยค่อนข้างประหลาดใจ“ ถ้าอย่างนั้นก็ทำเงินได้มากเลยสิ”
“ดูเหมือนว่าตอนนี้ผลลัพธ์จะออกมาดี แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้รับหุ้นครึ่งนั้นไว้ ฉันขอแค่ให้เธอและผิงอันกลับมาหาฉัน”
มู่เวยเวยยิ้ม สายตาของเธอไล่มองผิงอันดูเขาวิ่งไปมาท่ามกลางตัวการ์ตูนต่างๆ
เป็นเวลานานแล้วที่ฉันไม่เห็นเขายิ้มมีความสุขแบบนี้ เด็กยังไงก็ต้องมีช่วงเวลาของเด็ก
ใกล้เที่ยง มีผู้คนเข้ามาในสวนสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผิงอันเล่นจนเหนื่อยแล้วก็เดินไปหามู่เวยเวย เงยหน้าขึ้นให้แม่เช็ดเหงื่อ ดื่มน้ำสองสามคำ แล้วไปวิ่งเล่นต่อ
พนักงานที่สวมตุ๊กตาเป็ดโดนัลด์เดินผ่านมู่เวยเวยและสัมผัสเธอโดยบังเอิญ เย่ฉ่าวเฉินรีบพยุงเธอและตำหนิอย่างเย็นชา“ เดินดูตาม้าตาเรือหน่อย”
พนักงานที่อยู่ในชุดตุ๊กตารีบขอโทษ “ฉันขอโทษ ขอโทษ”
“ ไปเถอะ ทีหลังระวังหน่อย”
“ครับ” เป็ดโดนัลด์จากไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เย่ฉ่าวเฉินก้มลงถามมู่เวยเวยว่ามีเป็นอะไรไหม เขาก็หันกลับมาดูทั้งสองคน
ในจังหวะที่มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้น สายตาไปสบกับเป็ดโดนัลด์ดั๊กโดยบังเอิญ หลังจากทั้งสองมองหน้ากันไม่กี่วินาที เป็ดโดนัลด์ก็หายไปในท่ามกลางผู้คน
สัญชาตญาณที่อธิบายไม่ได้อยู่ในใจของผู้หญิง เธอรู้สึกว่าเป็ดโดนัลด์ตัวนี้แปลกๆ เสียงก็ค่อนข้างคุ้นเคยราวกับว่าเธอได้ยินมันที่ไหนสักแห่ง
“ มองอะไรหรอ?” เย่ฉ่าวเฉินมองตามสายตาของเธอ ไม่เห็นมีอะไรเลย
“เปล่า ไม่มีอะไร” มู่เวยเวยคิดกับตัวเองว่าน่าจะเป็นอาการเบลอของคนตั้งครรภ์ คิดมากเกินไป
“เดี๋ยวฉันพาเธอไปนั่งพักตรงนุ้น” เย่ฉ่าวเฉินพยุงตัวเธอและเดินไปยังพื้นที่นั่งเล่นพร้อมร่มกันแดด
ผิงอันกำลังเล่นอยู่ในพื้นที่ดิสนีย์ข้างๆ ซึ่งเต็มไปด้วยตัวการ์ตูนคลาสสิกของดิสนีย์และเด็กๆก็เล่นกับเจ้าหญิงเจ้าชายและมิกกี้เมาส์
ในขณะเดียวกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเด็กทั้งสองคนล้มลงกับพื้นและร้องไห้เสียงดัง ผู้ปกครองหลายคนรีบเข้าไปดู จากนั้นพวกเขาก็ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ไม่ระวังทำให้เด็กๆล้ม
เจ้าหน้าที่สวมเสื้อผ้าตุ๊กตาที่มีน้ำหนักมาก ต้องขอโทษอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ปกครองไม่พอใจบอกว่าเด็กได้รับบาดเจ็บและเรียกร้องค่าชดเชย
การถกเถียงดังกล่าวทำให้ ทำให้ทุกคนให้ความสนใจไปที่การทะเลาะ ทันใดนั้นก็มีมือข้างหนึ่งจับแขนผิงอัน
ผิงอันหันไปมือ มันคือเจ้าเป็ดโดนัลด์
“เด็กน้อย จำฉันได้ไหม?”
ผิงอันส่ายหัวด้วยความสับสน เมื่อเป็ดโดนัลด์เปิดตาออกมา ความทรงจำของเขาก็ปรากฏขึ้น เขาก็ตะโกนด้วยความประหลาดใจว่า “ ตูตู”
“จู่ๆ—” เป็ดโดนัลด์พูดกับเขาเบาๆ และพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ตูตู จะพาไปที่ๆหนึ่งโอเคไหม?”
ผิงอันลังเล“ไม่ได้ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะเป็นห่วง”
“ช่วยตูตูทำอะไรหน่อย ถ้าเสร็จแล้วตูตูก็จะพากลับมาหาพ่อแม่”
ผิงอันคิดสักพักก็ยังไม่เห็นด้วย“ ไม่ได้ ”
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การตัดสินใจของเขาเพราะวินาทีต่อมา เป็ดโดนัลด์ก็จับเขาไว้ในอ้อมแขน ปิดปากไว้หลบเข้าข้างทางและหนีไปจากด้านหลัง
การถกเถียงก่อนหน้านี้ยังคงทะเลาะกันอยู่ จางเหอมองหาผิงอันในฝูงชนที่แออัด หลังจากมองหาจนทั่วก็พบว่าผิงอันหายไปแล้ว
หัวใจของเขาเต้นแรงรัวๆและเขาพูดกับเสี่ยวฟางที่อยู่ข้างๆเขา “ทำไมไม่เห็นคุณชายน้อยแล้ว?”
เสี่ยวฟางก็ผงะและรีบเดินออกไปจากฝูงชน ปรากฏว่า ไม่มีร่องรอยของผิงอันแล้วจริงๆ
เวรเอ้ย! เสี่ยวฟางอุทานออกมาอย่างรุนแรงในใจ
จางเหอไม่กล้าที่จะรอช้า รีบเดินไปหาเย่ฉ่าวเฉินที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร หอบและพูดว่า ” คุณชาย คุณชายน้อยหายไปแล้ว”
“อะไรนะ?” เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก “นานแค่ไหนแล้ว?”
“สองนาทีก่อนยังเห็นเล่นกับสโนไวท์อยู่เลย” จางเหอใจแทบจะวิ่งทะลุออกมา
ทันใดนั้นมู่เวยเวยก็จำได้ว่าเสียงของเจ้าเป็ดโดนัลด์คล้ายเสียงใคร
เธอจับมือเย่ฉ่าสเฉินและพูดอย่างลุกลี้ลุกลน “เป็ดโดนัลด์ที่ชนฉันเมื่อกี้ เสียงเหมือนของกาวีนเลย”
“ แน่ใจหรอ?”
“ฉันไม่ค่อยแน่ใจ เสียงเขาเบามาก แต่หลังจากที่เขาชนเราและเดินจากไป เขาก็หันมามองพวกเราจากไกลๆ” มู่เวยเวยนึกถึงรายละเอียดนี้
เย่ฉ่าวเฉินกำหมัดแน่น “โอเค เดี๋ยววันนี้เรามาคิดบัญชีเก่าและใหม่ด้วยกันเถอะ จางเหอ ระดมทุกคนและปิดทางเข้าสวนสนุกทั้งหมด”
“ครับ” จางเหอรับคำสั่งและจากไป
เย่ฉ่าวเฉินโทรหาเย่ยิงทันที “ฉู่เซวียนยังอยู่ที่เมืองFไหม?”
“อยู่ ฉันเฝ้าติดตามเขาตลอด”
“จับมันกลับมาที่เมืองA” น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินโกรธมาก
“ครับ เจ้านาย”
จากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็โทรหาผู้จัดการของสวนสนุกอีกครั้ง “แจ้งเจ้าหน้าที่ทุกคนในสวนสนุก ให้ตามหาเด็กคนหนึ่ง ฉันจะส่งรูปถ่ายให้คุณ และสังเกตมาสคอตเป็ดโดนัลด์ให้ดี”
ผู้จัดการถามอย่างงงๆ “ประธานเย่ ลูกใครหาย?”
“ของฉัน” เย่เฉาเฉินกัดฟันและวางสายโทรศัพท์
ในไม่ช้า รูปถ่ายล่าสุดของผิงอันก็ถูกส่งไปที่โทรศัพท์ของพนักงานทุกคนในสวนสนุก พร้อมกับประโยคที่แนบมาด้านล่าง: นี่คือลูกของประธานเย่ ใครหาเจอมีรางวัลให้
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เย่ฉ่าวเฉินก็มีเวลาดูแลมู่เวยเวยที่อยู่ข้างๆ เห็รใบหน้าของเธอซีดเซียว จึงถามว่า ” ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”
มู่เวยเวยหายใจเข้าลึกๆ สะบัดมือแล้วพูดว่า “ไม่ต้อล ฉันสบายดี หาตัวผิงอันก่อน”
หลังจากหลายสิ่งหลายอย่าง มู่เวยเวยไม่ใช่ผู้หญิงที่เธอเคยเป็นอีกต่อไป หัวใจของเธอแข็งแกร่งมากและเธอสามารถทนต่อแรงกระแทกได้
” หาตัวผิงอันเป็นเรื่องสำคัญ แต่เธอก็สำคัญเหมือนกันนะ จางเหอและคนอื่นๆกำลังไปหาแล้ว ที่นี่อันตรายเกินไป ฉันจะพาเธอกลับไปพักที่ห้อง” สิ่งที่เย่ฉ่าวิฉินกลัวที่สุดคือกลัวว่ากาวินจะมากับพรรคพวก เขาจะไม่ยอมให้มู่เวยเวยเป็นอะไรไปอีก
มือของมู่เวยเวยสั่น เธอก็อยากไปหาผิงอันเหมือนกัน แต่เธอรู้ดีการที่เธอไม่เป็นอะไรคงเป็นการช่วยที่ดีที่สุด จึงทำได้แค่พยักหน้าตอบว่า “โอเค”
เย่ฉ่าวเฉินเป็นกังวลและกอดเวยเวยไว้แน่น “ฉันอุ้มเธอไปน่าจะไวกว่า”
ลมพัดผ่านใต้เท้าของเย่เฉาเฉิน พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะของทุกคน รีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของเขา วางลายนิ้วมือของเธอแล้วเปิดประตูเข้าไป วางมู่เวยเวยลงบนโซฟาและจูบที่หน้าผากเธอ “รออยู่ที่นี่ก่อนนะ ฉันจะให้พนักงานหญิงมาอยู่ด้วย อย่าคิดฟุ่งซ่าน เชื่อฉัน ฉันจะพาลูกกลับมา ”
“เธอรีบไปเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร” มู่เวยเวยเร่งให้เขาออกไป
เย่ฉ่าวเฉินไม่กล้ารอช้า รีบออกจากห้องทำงาน ปิดประตูข้างทาง
มู่เวยเวยอยู่ไม่สุข นั่นเป็นลูกชายของเธอ จะให้เธอไม่เป็นห่วงได้ยังไง?
เวยเวยเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไป มีเพียงครอื่นมากมายในสายตาของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่า กาวีนจับผิงอันไปทำไม? จับไปเป็นตัวต่อรองหรอ หรือว่าเอาไปเป็นที่ระบายความโกรธของเขา หรือแค่อยากพาผิงอันไป? ทั้งสามข้อก็เป็นไปได้หมด
เพราะความกังวลใจของเธอทำให้ท้องของเธอเจ็บอย่างกะทันหัน มู่เวยเวยหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้งอย่างรวดเร็ว กลับไปที่โซฟา เสียงเคาะประตูดังขึ้น
มู่เวยเวยพิงเอวของเธอแล้วเดินไปหลังประตูและถามอย่างระมัดระวัง “ใคร?”
เสียงผู้หญิงอ่อนโยนดังมาจากนอกประตู “คุณนายเย่ พวกเราเป็นพนักงานของสวน ประธานเย่ให้พวกเรามาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
พวกเรา? แล้วมากี่คนกันแน่?
มู่เวยเวยเปิดประตู เห็นว่ามีเด็กสาวสองคนในชุดทำงาน ยืนอยู่ข้างนอกคนหนึ่งถือจานผลไม้สดในมือ
“สวัสดีค่ะ คุณนายเย่” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งทักทายอย่างสุภาพ มู่เวยเวยก็เหลือบมองไปที่ทับทรวงบนเสื้อผ้าของเธอ เธอเป็นพนักงานของสวนสนุก
เธอเปิดประตูให้เด็กสาวทั้งสองเข้ามาและปิดประตู
“รบกวนหน่อนนะ” เธอบอก
สาวๆวางของในมือลงบนโต๊ะดูเธอ ยืนนิ่งและรีบพูดว่า “คุณนายเย่ รีบนั่งลงก่อน”
มู่เวยเวยนั่งบนโซฟาอีกครั้ง อาการปวดท้องของเธอดูจะบรรเทาลงมาก เพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจเธอจึงถามทั้งสองคนว่า “พวกเธอทำตำแหน่งอะไรกันในสวนสนุก?”
“ ฉันอยู่ในสำนักงาน มีหน้าที่ต้อนรับ เสิร์ฟชาและน้ำเปล่าให้แขกเป็นหลัก”
อีกคนพูดว่า “ฉันเป็นล่าม แต่ฉันทำงานแค่ช่วงบ่ายเท่านั้น”
“อ๋อ พวกเธอยังสาวอยู่เลย มีแฟนกันหรือยัง?”
ทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ข้างนอกกำลังลุกเป็นไฟ
เวลาผ่านไปกว่าสิบนาที ผิงอันดูเหมือนจะหายไปจากอากาศ ไม่มีข่าวใดๆ แม้ว่าสวนสนุกจะมีขนาดใหญ่ แต่พนักงานก็เยอะเหมือนกันทักคนช่วยกันมองหาเด็กท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา
เมื่อเย่ฉ่าสเฉินกำลังจะคลั่ง จางเหอก็วิ่งไปพร้อมกับชุดเป็ดโดนัลด์ในมือ “คุณชาย ฉันเจอสิ่งนี้ในถังขยะ”
“ ตรงไหน?” เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างประหม่า
“ที่ม้าหมุน”
ทันใดนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็จำอะไรบางอย่างได้ หันหลังกลับและวิ่งไปที่ห้องตรวจสอบ จางเหอตามไปทันทีโดยไม่พูดอะไร
ห้องตรวจตรานั้นน่ากลัว เย่ฉ่าวเฉินวิ่งเข้ามาและพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า “เปิดกล้องวงจรที่อยู่ใกล้กับม้าหมุนทั้งหมดให้ฉันหน่อย”
เจ้าหน้าที่ได้รับข้อความจากกลุ่มเหมือนกัน ว่าลูกชายของประธานหายไป เขาจึงไม่กล้าขัดคำสั่งและรีบคลิกเมาส์อย่างชำนาญ จอภาพทั้งหมดในมุมทั้งสี่ของพื้นที่ม้าหมุนแสดงอยู่บนหน้าจอ
“ย้อนเวลากลับไปประมาณยี่สิบนาที” น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินตึงเครียด เขาใช้เวลาประมาณห้านาทีในการวิ่งมา จางเหอใช้เวลาค้นหายี่สิบนาทีก็นานที่สุด
หน้าจอเดินถอยหลังอย่างรวดเร็ว เย่ฉ่าวเฉินจ้องที่หน้าจอและถามจางเหอ “ถังขยะที่แกเจออยู่แถวไหน?”
“ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของม้าหมุน”
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินคำพูดของจางเหอ ก่อนที่เย่ฉ่าวเฉินจะสั่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “มุมตะวันออกเฉียงใต้คือจอภาพหมายเลข 3”
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบสายตาไปที่หมายเลข 3 และหน้าจอก็เล่นได้ตามปกติ แต่ถังขยะอยู่ที่ไหน?
“ ถังขยะอยู่ไหน? ” เขาถามอย่างสงสัย
จางเหอ มองเข้าไปใกล้ๆและพูดว่า “อยู่หลังป้าย มันถูกบังไว้”
ภาพค่อยๆซูมใกล้ สามนาทีต่อมา ชายสวมกางเกงขาสั้นสีขาวแขนสั้นสีดำเดินเข้ามาที่ถังขยะ เขาถือชุดเป็ดโดนัลด์สีสดใสในขณะที่อีกคนอุ้มเด็ก เด็กคนนั้นเอนศีรษะลงไหล่ของเขา เย่ฉ่าวเฉินจำศีรษะเล็กๆของผิงอันได้ และเสื้อผ้าที่เขาใส่ในวันนี้
“ปั๊ง!” เย่ฉ่าวเฉินตบโต๊ะและพูดอย่างโหดเหี้ยม “ไอ่สารเลวนี่จับผิงอันไปทำไมวะ?
ไม่นาน ชายคนนั้นก็อุ้มผิงอันออกไปและหายตัวไป
เขามักจะหันหลังให้กล้องจึงมองไม่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
ม้าหมุนอยู่ใจกลางสวนสนุกมีถนนทุกทิศทาง และเป็นเครื่องเล่นยอดนิยมทำให้ผู้เล่นหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการตรวจสอบค้นหาภาพในบริเวณใกล้เคียงหลายแห่งแต่พบใคร
“ทำไมถึงไม่เห็นแล้ว?” เขาพูดกับตัวเอง
เย่ฉ่าวเฉินอย่างเย็นชาว่า “มีสองเหตุผล ประการแรกคือเขาหาที่ไม่มีกล้องวงจรปิดส่องไม่ถึง สองก็คือเขาหลบกล้องวงจรทุกอัน”
ตามบุคลิกของกาวินแล้ว เขาไม่มานั่งรอความตายหรอกแต่จะมีทางเลือกที่สองเสมอ เพราะงี้เขาต้องคุ้นเคยกับสวนสนุกนี้แน่
ก็เป็นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ของเขากับฉู่เซวียนยังดีขนาดนั้น ฉู่เซวียนเองก็เป็นคนที่ร่วมออกแบบสวนสนุกนี้ด้วย แบบแผลนทั้งหมดเขาก็มี ถ้ากาวีนอยากได้ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
เย่ฉ่าวเฉินบังคับตัวเองให้สงบลง เขาต้องการเคลื่อนย้ายไปหาผิงอันเดี๋ยวนี้ และพาเขากลับมา
แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เขาไม่ได้กลัวความลับของเขาจะถูกเปิดเผย เขาเป็นห่วงผิงอัน ข่าวลือเพิ่งถูกหยุดพูดไปเพราะฉ่าวเหยียน หากจู่ๆเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอีก แล้วผิงอะนจะทำยังไง? ชีวิตของเขายังไม่ได้เริ่มต้น เขาไม่อยากให้ทั้งชีวิตของผิงอันต้องตกอยู่ในสายตาตัวประหลาดของคนอื่น
“ฮัลโหล? ฉันเอง หาคนที่ใส่กางเกงสีดำ เสื้อแขนสั้นสีขาว สูงประมาณ 182 เมตร ชายร่างผอมที่มีเด็กอยู่ในมือ เด็กน่าจะหลับหรือหมดสติ” เย่ฉ่าวเฉินพูดกับคนที่ถือสายตรงข้าม
“ ครับ ประธานเย่”
ข้อความถูกส่งออกไปทุกตัวอักษรไม่ขาดสักคำให้ทุกคน จางเหอ เรียกเข้ามาใกล้
เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองที่จอภาพสักพักและพูดกับ จางเหอ “แกเฝ้าดูจอนี้ ถ้าเห็นมันแล้วรีบโทรหาฉัน”
“เข้าใจแล้ว คุณชาย” จางเหอประหม่าและกังวลพอๆกับเย่ฉ่าวเฉิน แต่ก็มีความรู้สึกผิดเช่นกัน ผิงอันถูกจับเพราะความประมาทของเขา
จางเหอชอบเจ้าผองอันมาก ชอบฟังเสียงเขาตะโกนเรียก “ลุงจาง” อย่างไพเราะ ชอบให้เขาวิ่งไปรอบๆ หัวเราะตลอดเวลา เขาเป็นมิตรกับทุกคน แม้แต่สาวใช้ที่บ้าน เขาก็จะยิ้มและตะโกนว่า “พี่สาว” ในตระกูลเย่ผิงอันเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน
จางเหอไม่กล้าคิด ถ้าเกิดคุณชายน้อย……แล้วคุณชายกับคุณนาย และทั้งครอบครัวของตระกูลเย่จะต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณนายที่กำลังตั้งท้องอยู่อีก
และทั้งหมดนี้เป็นเพราะความประมาทของเขา จางเหอคงให้อภัยตัวเองไม่ได้
เมื่อเวลาผ่านไป ดูเหมือนกาวินจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีใครรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร หากเขาต้องการหลบหนีก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและกางเกงเท่านั้น ส่วนเด็กๆ มีเด็กหลายพันคนที่มาเล่นในสวนสนุกในวันนี้ จะตามตัวพวกเขาเจอนั้นเป็นเรื่องที่ยาก
ขณะที่สวนสาธารณะกำลังจะปิด ผู้คนไปที่ทางออกและมีบอดี้การ์ดมากกว่าหลายสิบคนยืน อยู่ที่ทางออกเพื่อตรวจดูเด็กแต่ละคนที่ออกไปอย่างเข้มงวด
เด็กส่วนใหญ่กำลังวิ่งและเดินไปรอบๆพ่อแม่ เด็กบางคนก็เล่นจนเหนื่อย ก็ถูกอุมอยู่อ้อมแขนของพ่อแม่ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสนี้ไป บอดี้การ์ดจึงตรวจเช็คดีๆอีกครั้ง
ในขณะนั้น ผู้ปกครองหลายคนก็ไม่พอใจ เริ่มโวยวายออกมา “พวกแกกำลังทำอะไร?”
“ขออภัย มีเด็กหลงทางในสวนสนุก เรากำลังตามหาเขา” บอดี้การ์ดอธิบาย
พวกเขาทุกคนเป็นพ่อแม่และแน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจหากเด็กหายจะเป็นยังไง จึงไม่ได้ว่าอะไร
เวลาประมาณห้าโมงเย็น ครอบครัวหนึ่ง ทั้งสามคนมาที่ทางออก ผู้ชายสวมหน้ากากเสื้อลายดอกและกางเกงขายาว ผู้หญิงผิวขาวสวยอุ้มเด็กที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมแขน
“ขอโทษนะครับ โปรดหันหน้าเด็กมาหน่อยครับ ”
หญิงสาวลังเล “ พวกแกจะทำอะไร?”
“หาเด็กคนหนึ่งที่หายไป” บอดี้การ์ดพูดอีกครั้งด้วยใบหน้าจริงจัง “โปรดให้ความร่วมมือด้วยและหันหน้าของเด็กมาทางนี้ ”
หญิงสาวท้วงอย่างรุนแรงว่า“เด็กหายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา? ลูกฉันเพิ่งจะหลับไป พวกแกทำแบบนี้จะทำให้เขาตื่นได้”
“แค่ขอดูหน้า ไม่ได้จะทำอะไรซะหน่อย”
“ พวกแกมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้? ตำรวจก็ไม่ใช่?”
“คุณผู้หญิง……”
ก่อนที่จะพูดจบ รถออฟโรดสีดำก็พุ่งออกมาจากด้านข้าง ผู้คนกรีดร้องและหนีออก แต่ชายและหญิงยังคงนิ่งเฉย ราวกับกำลังรอรถออฟโรด
บอดี้การ์ดเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงเอื้อมมือไปคว้าเด็กในอ้อมแขนของเธอ แต่ก็ถูกผู้หญิงคนนั้นเตะ
ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วร่างกายบอดี้การ์ด จับสะโพกของเขาแล้วตะโกนว่า “ สองคนนี้มีพิรุธ จับพวกเขาไว้”
บอดี้การ์ดหลายสิบคนวิ่งเข้ามา เมื่อได้ยินเสียง ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใกล้ พวกเขาก็ถูกชายสวมหน้ากากต่อยจนล้มลงกับพื้น การเคลื่อนไหวของเขาโหดเหี้ยมมากซึ่งทั้งหมดนี้มุ่งเป้าไปที่ดวงตาและลำคอ
ที่ๆอันตรายแห้งนี้
ขณะนี้ รถออฟโรดได้ขับผ่านผู้คนและหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน หญิงสาวรีบขึ้นรถไปพร้อมกับเด็ก ผู้ชายจัดการบอร์ดี้การ์ดที่เหลือแล้วโดดขึ้นรถ
กระบวนการนี้ใช้เวลาไปสักพัก
เย่ฉ่าวเฉินยังคงมองไปรอบๆในสวนสนุก และในไม่ช้าเขาก็ได้รับข่าวจากทางออก หัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่หยุด รีบวิ่งไปที่ทางออก
ทางออกถูกรายล้อมไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เย่ฉ่าวเฉินดึงตัวออกจากผู้คน บอดี้การ์ดหลายสิบคนทั้งหมดล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เย่ฉ่าวเฉินจับขึ้นมาหนึ่งคนและถามว่า “พวกมันไปไหนแล้ว?”
บอดี้การ์ดชี้ไปยังทิศทางที่รถกำลังจะออก “ทางนั้น……”
“รถอะไร?”
“รถออฟโรดสีดำ”
“ลักษณะพวกมันเป็นไง?”
“ผู้หญิง……ผู้หญิงสวยมากและผู้ชายสวมหน้ากาก”
“ แม่งเอ้ย ” เย่เฉาเฉินพูดคำหยาบคาย ทิ้งบอดี้การ์ดลง แล้ววิ่งไปที่ลานจอดรถ เขาต้องการหาพื้นที่โล่งๆที่ไหนสักแห่ง
เมื่อเข้าไปในรถ หายใจเข้าลึกๆเย่ฉ่าวเฉิน บังคับตัวเองให้สงบลง
ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีม่วงเล็กน้อยและ เย่ฉ่าวเฉินก็เอาแต่รำพึงว่า “ผิงอัน ผิงอัน ผิงอัน”
ในวินาทีถัดมา เย่ฉ่าวเฉินหายตัวไปและปรากฏตัวบนถนนที่ว่างเปล่า
มาที่นี่ได้ยังไง? พวกมันจะพาผิงอันมาที่นี่หรอ?
ในขณะที่กำลังสงสัย รถออฟโรดสีดำก็ขับมาจากมุมถนน
ตัวเองมาถึงก่อนหรอเนี่ย?
คนในรถตกใจอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่ เย่ฉ่าวเฉินกำลังจะหยุดเวลา เขาก็ถูกยิงและล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
เลือดสีแดงไหลออกมาจากอก เย่ฉ่าวเฉินพยายามลุกขึ้นจับหน้าอก จากนั้นเขาก็เห็นดวงตาที่เขาเคยเห็นมาก่อน
“ เย่ฉ่าวเฉิน ไม่คิดสินะว่าแกจะมีวันนี้” กาวินยิ้มอย่างเศร้าสร้อยพร้อมกับถือปืนจ่อหัว
“มึงหนีไม่รอดหรอก กูจะจับมึงให้ได้” เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันและพูด
กาวินขำก้ากออกมาสองครั้ง “จะจับฉัน? ใช้พลังวิเศษของแกหนะหรอ? มาสิ้ ฉันรออยู่”
เย่ฉ่าวเฉินกำหมัดแน่น หากตอนนี้เขายังสามารถใช้พลังวิเศษได้แม้แต่น้อย เขาก็คงไม่ถูกไอ้พวกนี้เหยียบย่ำ
“ทำไมล่ะ? ไม่ได้แล้วหรอ?” กาวินยิ้มเยาะ “ได้ยินมาว่ามันทรงพลังมาก ไม่เห็นจะวิเศษเท่าไหร่นิ”
“ ไอ่สารเลว แกจับผิงอันมาทำไม?” เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างรวดเร็ว เขาเป็นห่วงลูกชายของเขาที่สุด
“ผิงอัน? อ่อ หมายถึงหนูน้อยสินะ เขาสบายดี ฉันก็แค่ให้หลับผักผ่อน”
เย่เฉาเฉินรู้สึกใจสลายเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ทางทีดีอย่ามาแตะต้องตัวเขา ไม่ว่าจะขึ้นฟ้าลงสวรรค์ ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปแน่”
“โอ้ว No ชอบลหนูน้อยขนาดนี้ ฉันจะทำร้ายเขาได้อย่างไง? แต่ฉันคิดว่านักวิทยาศาสตร์การเปลี่ยนแปลงในต่างประเทศน่าจะสนใจเขามาก คุณและโจรสลัดปล้นทรัพย์สินทั้งหมดของฉันไป ฉันจะเรียกเขาว่าพ่อตัวชำระหนี้ละกัน”
นักวิทยาศาสตร์การเปลี่ยนแปลง?
พระเจ้า คนพวกนั้นจะเอาผิงอันเป็นตัวทดลอง หั่นเขาทีละชิ้นๆ
เย่ฉ่าวเฉินมีอารมณ์ที่รุนแรงมาก ยิ่งเขากดดันมากเท่าไหร่เลือดก็จะหลั่งออกมามากขึ้น “ไอ่สารเลว ฉันไม่ปล่อยให้พวกแกได้ทำแบบนั้นหรอก”
“จริงหรอ? แต่ฉันว่าแกคงไม่ได่เห็นแล้วล่ะ ฉันจะส่งแกไปสบายเดี๋ยวนี้แหละ” กาวินเหนี่ยวไกปืนและเล็งไปที่หัวของเย่ฉ่าวเฉิน
ในขณะเดียวกัน เย่ฉ่าวเฉินก็ได้ยินเสียงแว่วเข้ามา “พ่อ รีบหนีไป”
มันเป็นเสียงของผิงอัน เขาตกใจในใจและมองเข้าไปในรถ ผ่านเหล็กสองชั้น เขาดูเหมือนจะเห็นดวงตาแปลกๆของลูกชายของเขาเปล่งประกาย
“ พ่อครับ รีบหนีไป” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
เย่ฉ่าวเฉินคุยกับเขาทางโทรจิต “ผิงอัน พ่อจะไม่ทิ้งลูกอยู่คนเดียว”
“ผมจะไม่เป็นไร โอ้ย เดี๋ยวผมส่งพ่อไป ”
เสียงยังหม่ทันหายไป เย่ฉ่าวเฉินก็หายไปจากเท้าของกาวินโดยทันที
เมื่อเย่ฉ่าวเฉินกำลังเดินทางผ่านช่วงเวลาและอวกาศ เขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความสุขในหัวใจของเขา น่าเศร้าที่เขาหมดหนทาง เมื่อผิงอันถูกจับไป จึงทำให้เขารู้ว่าพลังเขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น
กาวินสาปแช่งและหันไปที่รถ แต่ผิงอันที่ควรจะหลับอยู่กลับจ้องเขาด้วยดวงตากลมโตที่ไร้เดียงสา
“ หนูน้อย หนูตื่นเมื่อไหร่กัน?” กาวินถามด้วยความประหลาดใจ เข็มที่ฉีดใส่เขา น่าจะทำให้ผิงอันหลับถึงพรุ่งนี้สิ
ผิงอันราวกับว่าเขาไม่เห็นอะไรเลยในตอนนี้กระพริบตาโตและพูดว่า ” ตูตู ฉันหิวแล้ว อยากหม่ำๆ”
กาวินหยิบถุงพลาสติกออกมาจากด้านหลัง ซึ่งเต็มไปด้วยขนมต่างๆ ดูเหมือนจะเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาหยิบบิสกิตหนึ่งถุงออกมาและเปิดให้เขา“ กินสิ”
ผิงอันเขาเหลือบไปมองและไม่ตอบ “แม่บอกว่าเด็กห้ามกินอันนี้ เดี๋ยวจะอึๆไม่ออก”
กาวินกำลังจะยัดขนมเข้าปากเขา ใบหน้าของเขาเริ่มแข็งเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็ใส่บิสกิตลงในถุงพลาสติกเหมือนเดิม
“แล้วหนูอยากกินอะไรล่ะ?” เขาถามอย่างเป็นมิตร
ผิงอันจับคางของเขาและคิดอยู่นานและพูดว่า “ฉันอยากกินโจ๊ก โจ๊กที่คุณย่าทำ อร่อยมากเลย”
“หนูน้อย ตอนนี้ไม่มีโจ๊กของคุณย่า” กาวินวางของลงระหว่างพวกเขาสองคนกำลังสนทนา “ไม่อยากกิน งั้นก็หิวต่อไปละกัน”
ผิงอันดูเหมือนจะถูกกระตุ้นด้วยคำพูดเหล่านี้ ทันใดนั้นก็น้ำตาคลอ ดวงตาก็เต็มไปด้วยน้ำตา“ ตูตู ไม่รักหนูแล้วหรอ?”
หัวใจของกาวินเบาลงและน้ำเสียงของเขาก็อ่อนลง“ หนูน้อย ตูตูรักหนูมากนะ แต่ต้องเชื่อฟังตูตู เข้าใจไหม?”
“ ถ้าฉันไม่ฟังล่ะ?” ผิงอันถามทั้งน้ำตา
กาวินขู่เขาด้วยคำพูด “ถ้าหนูไม่ฟัง ฉันก็จะโยนหนูไปที่ภูเขาไปให้เป็นอาหารหมาป่าเลย”
“ หมาป่าคืออะไร?” ผิงอันกลายเป็นเด็กขี้สงสัย
“หมาป่าเป็นสัตว์ที่โหดร้ายมากและกินเด็กที่ไม่เชื่อฟัง”
ผิงอันรีบพูดด้วยความหวาดกลัวบนใบหน้าของเขา “ตูตูอย่าโยนหนูไปนะ หนูจะเชื่อฟังแล้ว” แต่เขากำลังแอบยิ้มอยู่ในใจ คิดว่าเขาเป็นเด็กอายุหนึ่งขวบหรอ?
“เก่งมาก ไปหาอะไรกินเองในนั้นนะ” กาวินพูดพร้อมกับชี้ไปที่ถุงอาหาร
ผิงผิงดึงขนมต่างๆออกมา หยิบโยเกิร์ตออกมาเสียบหลอด ดูดพร้อมถามกาวินว่า “ตูตู จะพาหนูไปไหน”
“พาไปเที่ยวที่สนุกๆ ”
“แล้วจะส่งฉันกลับบ้านเมื่อไหร่?” ผิงอันถามอย่างระมัดระวัง
กาวินเหลือบมองเขาและพูดอย่างเย็นชา“ยังคิดอยากกลับบ้านหรอ?”
ผิงอันพูดอย่างเคร่งขรึม “แน่นอนสิ แม่ของฉันกำลังจะให้คลอดน้องสาวตัวเล็กและฉันสัญญากับแม่ว่าจะดูแลน้องสาว”
กาวินหัวเราะเยาะและเกลี้ยกล่อมให้เขา “ถ้ามีเวลาฉันจะพาไปหาพวกเขา”
ผิงอันพูดอย่างเชื่อฟัง “อืม” หันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงในดวงตาของเขาหรี่ลง
ผิงอันตื่นขึ้นเมื่อเสียงปืนดังขึ้นในตอนนั้น
จากนั้นเขาก็เห็นพ่อของเขานอนจมกองเลือดและได้ยินเสียงของ “ตูตู” สิ่งที่เขาพูดทำให้รู้ทันทีว่าตูตูเป็นคนโหดร้ายขนาดไหน
จะว่าไปทางนี้
ผิงอันใช้กำลังเพียงเล็กน้อยเพื่อส่งเย่เฉาเฉินไปถนนที่มีผู้คน เมื่อเย่เฉาเฉินพยายามที่จะคลานออกมาจากพื้นหญ้า คู่รักที่อยู่ริมถนนเห็นก็กรีดร้อง
ราวกับหาคนๆนึงปรากฏมาจากความมืด เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเหนื่อยล้าและกระหายน้ำ เท้าของเขาก็หนักหน่วง ยังไงเขาก็ต้องลุกขึ้นให้ได้ ผิงอันยังรอเขาอยู่
ในขณะนั้น ห้องทดลองก็ปรากฏขึ้นในคืนที่มืดมิด โดยมีแสงไฟส่องสว่างอยู่ด้านใน เย่ฉ่าวเฉินวิ่งไปข้างหน้าและดูผู้คนที่มีลักษณะคล้ายแพทย์หลายคนถือเครื่องมือต่างๆในมือและกำลังทำอะไร เย่ฉ่าวเฉินพยายามลืมตาดู ผู้คนบนแท่นทดลองนั้นปลอดภัยอย่างแน่นอน เขาบาดเจ็บและมีเลือดไหลออกมา น้ำตาของเขายังคงไหล เขาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เขาอยากจะไปจากที่นี่ แต่คนที่อยู่ข้างๆกลับหัวเราะฮ่าฮ่าฮ่าเสียงดัง
เย่ฉ่าวเฉินทำแก้วตกและตะโกนบอกพวกเขาว่าอย่าแตะต้องลูกชายของเขา เขาเดินไปชนประตู ร่างกายไม่สามารถขยับได้เพราะเลือดออกยังออกไม่หยุด
จากนั้นเขาก็เห็น
มีด
จากดวงตาสีม่วงของผิงอัน
“ผิงอัน -” เย่ฉ่าวเฉินอุทานและลุกขึ้นจากความฝันของเขาทันที
“ฉ่าวเฉิน ฉ่าวเฉิน”
เสียงกังวลของมู่เวยเวยเข้าหูเธอ เย่ฉ่าวเฉินลืมตาขึ้นและเห็นใบหน้าที่เป็นห่วงของภรรยา
“เวยเวย” เขาเรียกเธออย่างแห้งๆและสังเกตสภาพแวดล้อม น่าจะเป็นในโรงพยาบาล
มู่เวยเวยเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาด้วยผ้าขนหนูและปลอบประโลมเบาๆ “โอเคโอเค ไม่เป็นอะไรแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินจับมือของเธอและพูดด้วยเสียงสั่นว่า “ฉันขอโทษ ขอโทษ ฉันพลัดหลงกับผิงอันแล้ว”
น้ำตาหยดลงบนหลังมือของเธอและมู่เวยเวยก็รู้สึกอึดอัดในใจมากขึ้น เธอนั่งบนขอบเตียงและกอดเขาไว้ในอ้อมแขนของ ลูบหลังและพูดว่า“ เชื่อในตัวผิงอัน เขาฉลาดกว่าที่เราคิดและแข็งแรงมาก แต่ว่าเธอต้องรีบดีขึ้น ถ้าเธอยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วใครจะช่วยผิงอัน? ใครจะมาดูแลฉันกับลูกในท้อง?”
เย่ฉ่าวเฉินกัดริมฝี หากมู่เวยเวยดุเขาในตอนนี้เขาอาจจะรู้สึกดีขึ้น แต่ยิ่งเธอเข้าใจและอ่อนโยนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดและเศร้าในใจมากขึ้นเท่านั้น
ทำไมต้องพาพวกเขาไปเที่ยวที่สวนสนุกด้วย? ถ้าไม่ไป เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น