วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่285 หิมะตกครั้งแรก
ผู้ชายคนนี้ ตอนที่ไม่รักเธอ จะทำให้เธอแทบอยากจะฆ่าเขา แต่ตอนที่รักเธอ เขาก็รักปานจะสิงตัวเธอ
ความรักที่เรียบง่ายทำให้ความเจ็บปวดของมู่เวยเวยบรรเทาลงไปได้มาก บางทีน้องสาวคนเล็กในท้องเธอก็ได้ยินเสียงร้องเพลงเหมือนกัน ค่อยๆสงบลง
หลังจากร้องจบหนึ่งเพลง เย่ฉ่าวเฉินก็เริ่มร้องเพลงอีกเพลง ซึ่งยังคงเป็นเพลงคลาสสิกของโจวเจี๋ย
หลังจากร้องเพลงทั้งสี่เพลง รถก็ไปโรงพยาบาล ท้องของมู่เวยเวยก็ไม่ปวดมากแล้ว
“ยังไงก็ตรวจดูสักหน่อย ไหนๆก็มาแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความสบายใจ เห็นได้ชัดว่าใบหน้าที่เจ็บปวดของเธอเปลี่ยนไป
“โอเค”
เมื่อไปถึงที่ห้องตรวจครรภ์ ตามกำหนดการล่วงหน้า หลังจากการตรวจโดยละเอียดแล้วหมอก็พูดอย่างจริงจังว่า ” เมื่อกี้มันเป็นอาการหดตัวผิดปกติ ไม่ใช่ปวดท้องจะคลอด พวกคุณ……แอบทำอะไรดึกๆกันหรือเปล่า?”
ใบหน้าของมู่เวยเวยเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เธอก้มหัวลงและไม่กล้า พูดเย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างจริงจัง “พวกเรายังไม่ได้ทำ แค่หยอกๆเอง”
หมอก็แอบรู้อยู่เหมือนกัน เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่ฉ่าวเฉินพูด ใบหน้าของเขาก็ไม่แดงและหัวใจไม่เต้นแรงพูดว่า “อย่าทำแบบนี้อีก อีกแค่สามสัปดาห์ก็จะคลอดแล้ว หากมดลูกของคุณผู้หญิงตั้งครรภ์อ่อนไหวเกินไปจะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ง่าย ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่ฉ่าวเฉินก็จริงจังขึ้นมาทันที “ฉันรู้แล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีก”
“เอาล่ะ กลับกันเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ว่าช่วงนี้ต้องระวังหน่อย อย่าสัมผัสที่ท้องบ่อยนัก มันทำให้เกิดการหดตัวผิดปกติได้ง่าย อย่างไรก็ตามการหดตัวผิดปกติก่อนคลอดถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามีอาการปวดมากมาเป็นระยะๆให้รีบมาโรงพยาบาลทันที ”
“เข้าใจแล้วครับหมอ”
เย่ฉ่าวเฉินช่วยมู่เวยเวยออกจากห้องตรวจ เธอมีน้ำโห และแอบหยิกหลังเขาทีนึง
“โอ้ยๆ คุณเมียยกโทษให้ฉันด้วย” เย่ฉ่าวเฉินบีบคอและร้องขอความเมตตาอันที่จริงมันไม่ได้เจ็บมากแค่เล่นตามกับเธอ
“ครั้งหน้ายังกล้าอีกไหม?” ใบหน้าของมู่เวยเวยยังแดงก่ำ
เย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างรีบร้อน “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ครั้งหน้าไม่กล้าละครับ”
จากนั้นมู่เวยเวยก็ปล่อยเขาไปและแสยะยิ้มว่า “เพราะเธอแท้ๆ ทำให้อายคนเขาไปหมดเลย”
เย่ฉ่าวเฉินรีบปลอบภรรยาของเขา“ไม่อายสักหน่อย หมอเป็นผู้รอบรู้อยู่แล้ว มีเหตุการณ์ไหนที่ไม่เคยเห็นบ้าง? มากสุดก็แค่ขำเราเอง”
“ยังจะเถียงอีก?”
“ก็ได้ก็ได้ ไม่เถียงแล้ว กลับบ้านกันเถอะ” เย่ฉ่าวเฉินโอบเอวเธอแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยรอยยิ้ม
โชคดีที่ไม่มีอันตรายมิฉะนั้นเย่ฉ่าวเฉินคงรู้สึกผิดไปจนตายแน่
ดูเหมือนว่าเย่ฉ่าวเฉินจะไม่สามารถสัมผัสมู่เวยเวยได้ หญิงสาวสุดที่รักของเธอกำลังเปาะบาง
กลับมาที่รถ จางเหอถามอย่างเป็นห่วง “คุณชาย คุณนายเย่เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่เป็นอะไร หมอบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ” เย่ฉ่าวเฉินอธิบายสั้นๆ เขาได้รับสายตาเตือนจากมู่เวยเวย
“งั้นก็ดีแล้ว” จางเหอถอนหายใจอย่างโล่งอก และสตาร์ทรถเพื่อกลับบ้าน
ในตอนนั้น เย่ฉ่าวเฉินก็เพิ่งสังเกตว่าตัวเองสวมเพียงเสื้อยืดบางๆ เขามัวแต่กังวล ก็เลยรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ แต่ตัวเองเพียงหยิบเสื้อตัวหนึ่งมาสวมก็รีบไป
กลับมาถึงบ้าน ผู้ดูแลหวังเปิดไฟรอพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนกลับมาแล้ว สีหน้าของคุณนายเย่ก็ไม่ได้แย่แล้ว โล่งใจและกลับไปนอนต่อ
หลังจากผ่านมาทั้งคืน มู่เวยเวยก็เหนื่อยมาก เธอหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น
ในช่วงเวลานี้ เย่ฉ่าวเฉินเข้ามาดูหลายครั้งเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร
สักพัก มู่เวยเวยก็บ่นหิวและออกไปหาอะไรกิน เธอประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหมอหานนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
“หมอหาน ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่? ”
หมอหานดูหงุดหงิด“ก็คุณเย่นั่นแหละ โทรหาฉันตั้งแต่เช้าให้มาหาที่บ้าน แล้วบอกให้ฉันมาอยู่ที่บ้านจนกว่าคุณจะคลอด แต่ฉันไม่ได้เอาอะไรมาเลย”
“เอาล่ะเอาล่ะ ผ่านมาครึ่งวันแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับถ้วยชา ตะโกนเรียกจางเหอ “ส่งหมอกลับไปเอาของ อย่าลืม ต้องพาคนกลับมาด้วย”
“เข้าใจแล้ว” จางเหอตอบด้วยรอยยิ้ม
หมอหานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ออกไป
มู่เวยเวยถามอย่างไม่เข้าใจ“หมอหานเป็นไรอะ? เขาไม่อยากมาที่นี่หรอ?”
“ตอนนี้ผู้ชายคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษในโรงพยาบาลหลายแห่ง เขายุ่งกับการหาเงินทุกช่วงเวลา ฉันจะพาเขามากักอยู่ที่นี่มานานกว่าครึ่งเดือน เขาจะมีความสุขได้ยังไง”
“อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง” มู่เวยเวยพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ฝืนสิ มาเพราะให้ชื่อเสียงเธอ”
เย่ฉ่าวเฉินดูหมิ่น “ชื่อของฉันมีค่ากว่าเงินสินะ”
มู่เวยเวยขี้เกียจจะเถียงกับเขา เข้าไปในห้องครัว
วันแล้ววันเล่า ตามที่แพทย์บอกการหดตัวผิดปกติของมู่เวยเวยมีบ่อยขึ้น แต่ว่าที่บ้านมีหมอหานอยู่ด้วย เธอก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
ทำให้หมอหานลำบากเลย เขาเป็นศัลยแพทย์ที่ดี แต่เย่ฉ่าวเฉินทำให้เขาเป็นแพทย์สูติแล้วครึ่งหนึ่ง
ผิงอันรู้ว่าแม่ของเธอไม่สบาย จึงไม่ค่อยมารบกวนเธอ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเวลาเล่นกับเจ้าซามอยด์มากขึ้น
หลานตัวน้อยของตระกูลมู่ก็ได้ครบเดือนแล้ว มู่เวยเวยก็กำลังจะคลอดลูกในอีกสี่วันข้างหน้า ตอนนี้เธอยังเดินไหวอยู่ เธอพาเย่ฉ่าวเฉินและลูกชายไปร่วมงานงานเลี้ยงครบเดือนของหลานชาย
เนื่องจากมู่เทียนเย่และเสี่ยวซีหรานยังไม่ได้จัดงานแต่งงาน เสี่ยวซีหรานเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบความตื่นเต้นวุ่นวาย ดังนั้นคนที่มาในวันนี้จึงเป็นญาติทั้งหมด ยกเว้นตระกูลเย่ฉ่าวเฉินและพ่อแม่ตระกูลเสี่ยว
“ว้า วข้างนอกหิมะตกเหรอ?” ผิงอันพิงกระจกรถและส่งเสียงตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหิมะและความตื่นเต้นของเขาก็เกินคำบรรยาย
มู่เวยเวยหันออกไปนอกหน้าต่างและตอบคำถามของลูกชายขว่า “ใช่แล้ว นี่คือหิมะ”
“ เมือง A ไม่ได้หิมะตกมาหลายปีแล้ว และนี่หิมะแรกในฤดูหนาว สวยงามมาก” เย่ฉ่าวเฉินโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอและมองดูหิมะแรกที่โปรยลงมาที่หน้าต่าง
อุณหภูมิบนพื้นดินยังคงสูงอยู่เล็กน้อย เกล็ดหิมะจะละลายทันทีที่กระทบพื้น
“ พ่อครับ เมื่อไหร่จะปั้นตุ๊กตาหิมะแบบในทีวีได้?” ผิงอันมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินด้วยสายตาที่โหยหา
“รอให้หิมะตกเยอะกว่านี้ เยอะกว่านี้ก็ปั้นได้แล้ว”
ผิงอันตบมือและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอให้หิมะตกหนักๆเลย ผมก็จะปั้นตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ได้เลยใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
เขาได้รับคำตอบยืนยันและพิงไปที่หน้าต่างอีกครั้ง
สวรรค์ดูเหมือนจะได้ยินคำปรารถนาของผิงอัน ในช่วงเวลาสั้นๆเม็ดหิมะเล็กๆก็กลายเป็นเกล็ดหิมะรูปเพชรขนาดใหญ่และในไม่ช้าพื้นก็ปกคลุมไปด้วยหิมะ
ความเร็วของรถช้าลง ปกติใช้เวลายี่สิบนาทีก็ถึง แต่วันนี้จางเหอใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าจะถึง
ผู้ดูแลบ้านและมู่เทียนเย่รอพวกเขาอยู่ที่ประตู
ผิงอันไม่สนใจลุงคนโปรดของเขา ทันทีที่ลงจากรถก็ลงกลิ้งไปมาที่หิมะ หัวเราะดีใจและหยิบหิมะมาหนึ่งกำมือแล้วโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า
เย่ฉ่าวเฉินกลัวว่าเขาจะเป็นหวัดและตะโกนใส่เขาว่า ” อยากมาหาน้องชายไม่ใช่หรอ? เดี๋ยวค่อยมาเล่น รีบเข้าบ้านก่อน”
ผิงอันก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขามาที่นี่ทำไม เขากระทืบเท้าและวิ่งไปหามู่เทียนเย่ “คุณลุง สัตว์เทพสองตัวนั้นล่ะ?”
มู่เทียนเย่ย่อตัวลงและจับมือเล็กๆที่เย็นเฉียบของเขา เขาหายใจเป่าออกและทำให้มืออุ่นขึ้นและพูดว่า ” น้องๆอยู่ในบ้าน หนาวแล้วล่ะสิ ดูจมูกแดงไปหมดแล้ว”
ผิงอันยิ้มคิกๆ ปล่อยมือและวิ่งเข้าบ้าน “ฉันไม่หนาว”
เย่ฉ่าวเฉินช่วยมู่เวยเวยลงจากรถ ส่วนมู่เทียนเย่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า ” หิมะตกขนาดนี้ก็ไม่ต้องมาก็ได้ อันตรายเกิน”
“ ออกเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้วเพิ่งเริ่มตก จะว่าไป วันครบเดือนของหลานชายทั้งที น้าอย่างฉันจะไม่มาได้ยังไง”
“เธอกลมีเหตุผลล้านแปดตลอด รีบเข้ามาบ้านก่อน ข้างนอกหนาวมาก”
ข้างในบ้าน ผิงอันมองดูตัวน้อยทั้งคู่อย่างสงบ อยากสัมผัสพวกเขา แต่ก็กลัวมือที่เย็นเฉียบของตัวเองทำให้น้องเป็นหวัด เมื่อเห็นเสี่ยวซีหรานเดินมา อมยิ้มแล้วพูดว่า ” คุณป้าครับ น้องๆน่ารักมากเลย น่ารักกว่าผมอีก”
เสี่ยวซีหรานก้มลงจูบหน้าผากของเขา “ พูดเก่งจริงๆเลย แต่ว่าหนูกับน้องๆน่ารักเท่ากันเลย”
“ คุณป้า พวกเขาจะเดินแล้วพูดได้เมื่อไหร่?” ผิงอันถามอีกครั้ง
” ปีหน้าของฤดูนี้ เป็นเวลาที่จะเดินได้”
ผิงอันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ อีกตั้งนานเลยอะ”
” ทำไมล่ะ?”
“ ผมอยากจะพาพวกเขาไปเล่น ” ผิงอันกระพริบตา ที่จริงมีอีกประโยคหนึ่งคือเขาอยากได้ยินคนอื่นเรียกเขาว่าพี่ชาย เขาเห็นในทีวีพี่ชายมีอำนาจมากและสามารถกำกับให้น้องๆทำอะไรก็ได้
แน่นอนว่าเสี่ยวซีหรานไม่รู้ความคิดที่ของเขา ยิ้มบานและพูดว่า “ได้สิ ถ้าพวกเขาเดินได้แล้วป้าจะพาไปหา หนูเป็นพี่ชายต้องปกป้องน้องๆนะ”
ผิงอันตบหน้าอกตัวเอง ” ฝากไว้กับผมได้เลย ”
มู่เวยเวยเข้ามาและพูดสวัสดีพ่อแม่ของเซียวซีหราน เธอตกใจมากเมื่อเห็นเสี่ยวซีหราน “พระเจ้า พี่สะใภ้ ทำไมเธอผอมลงไวขนาดนี้?”
เสี่ยวซีหรานยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ” ต้องเลี้ยงลูกสองคนทุกวัน ต่อให้เป็นไอ่หมูตอนหนึ่งร้อยแปดสิบกิโล ก็ผอมลงได้ง่ายๆเลย”
“ งานหนักจริง ” มู่เวยเวยเดินเข้ามาหาเธอแล้วกระซิบ “ แต่ว่าส่วนที่ไม่ควรผอมก็อย่าให้ลดนะ เดี๋ยวหุ่นไม่ร้อนแรง”
เซียวซีหรานมีผิวหนังที่หนากว่ามู่เวยเวยมากและพูดโดยไม่อาย ” ให้ฉันสอนความลับให้เอาปะ ”
ดวงตาของมู่เวยเวยเป็นประกาย “ เอาแน่นอน ”
เสี่ยวซีหรานกวักมือเรียกและกระซิบที่หูของเธอ ใบหน้าของมู่เวยเวยแดงด้วยความอับอาย เย่ฉ่าวเฉินดูก็รู้ว่าเสี่ยวซีหร่านไม่ได้คุยเรื่องที่เป็นสาระ
รอยยิ้มขดที่มุมปากของมู่เทียนเย่ บรรยากาศนี้อบอุ่นมาก ภรรยาและน้องสาวของเขาเป็นเพื่อนรักกัน ลูกชายทั้งสองของเขาก็สุขภาพดีและมีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ ยังเป็นคู่คอยอยู่เคียงข้างกันแต่เสียอยู่อย่างเดียว……พ่อกับแม่ไม่อยู่
ถ้าพ่อแม่ยังอยู่ เห็นหลานๆน่ารักขนาดนี้ พวกเขาต้องมีความสุขมากแน่ๆ
“ กำลังคิดอะไรอยู่? ทำไมสีหน้าของแกเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน” เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองเขาอย่างงงงวย
มู่เทียนเย่ขจัดความเศร้า วันนี้เป็นวันดีต้องมีความสุขต่อให้จะคิดถึงพ่อแม่ก็ตาม
“ ฉันกำลังคิด ทำไมแกถึงมาแบบมือเปล่า?” มู่เทียนเย่ล้อเล่น
“ใครบอกว่าฉันมามือเปล่า? ฉันเอาของขวัญที่ไม่เหมือนใครมาด้วย”
” ของอะไรวะ? ทำไมฉันไม่เห็น?”
เย่ฉ่าวเฉิ ชี้ไปที่เกล็ดหิมะที่บินอยู่นอกหน้าต่างและพูดอย่างมีชัยว่า “หิมะแรกที่อยู่ข้างนอกเป็นของขวัญของฉัน”
มู่เทียนเย่นิ่งเงียบไปสักครู่แล้วหันกลับมาด่า “เชี่ยเอ้ย เย่ฉ่าวเฉินเป็นแบบประธานมาโดยตลอด กลายมาเป็นนักกวีตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ขอบคุณสำหรับคำชม” เย่ฉ่าวเฉินพร้อมยอมรับคำชมของเขาแม้ว่าม่เทียนเย่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น
มู่เทียนเย่มองบน
เย่ฉ่าวเฉินมาที่รถเข็นเด็ก หยิบกล่องเล็กๆละเอียดอ่อนออกมาจากกระเป๋าของเขา เปิดกล่องมีหยกสีขาวสองชิ้นอยู่ภายใน ซึ่งดูเหมือนเป็นหยกที่ดีที่สุดละเอียดอ่อนและบริสุทธิ์ ไม่มีรอยแม้แต่น้อย
เย่ฉ่าวเฉินหยิบหยกที่ร้อยเชือกขึ้นมาและห้อยไว้รอบคอของเด็กๆ พร้อมพูดว่า “ชายคนหนึ่งสวมเจ้าแม่กวนอิมและผู้หญิงสวมพระพุทธรูป ฉันหวังว่าเจ้าแม่กวนอิมหยกนี้จะสามารถปกป้องพวกหนูทั้งสอง เติบโตอย่างมีความสุข ”
มู่เทียนเย่เฝ้าดูเขาสวมจี้หยกอีกอันพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา พูดไปว่าผู้ชายคนนี้มามือเปล่าได้อย่างไง?
เจ้าตัวน้อยดิ้นไปมา มือเล็กๆทั้งสี่จับไปมั่วในอากาศ ดวงตาของเขาเป็นประกายยิ้มให้ผิงอันและเย่ฉ่าวเฉิน
ตอนเที่ยง ทักคนมารวมตัวกัน บรรยากาศคึกคัก
หิมะนอกบ้านเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และหิมะบนพื้นหนากว่าสิบเซนติเมตรแล้ว หิมะนี้ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
เย่ฉ่าวเฉินเอาหนามในปลาออก เอาแต่เนื้อให้มู่เวยเวย กินเสร็จ ท้องของเธอก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที เหมือนเด็กคนหนึ่งตีท้องและตะเกียบก็ตกลงบนโต๊ะ
“ เจ็บท้องอีกแล้วเหรอ?” เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างเป็นห่วง
มู่เวยเวยกัดฟันและพยักหน้าเธอมีลางสังหรณ์ว่าเด็กกำลังจะคลอดลูก จับแขนของเย่ฉ่าวเฉินเขาหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “รีบไปโรงพยาบาล ฉันคิดว่าฉันกำลังจะคลอด”
ประโยคนี้ทำให้หลายคนตกตะลึง สองวินาทีต่อมามู่เทียนเย่วิ่งออกจากห้องอาหารและตะโกนว่า ” รีบไปเตรียมรถ ไปโรงพยาบาลทันที”
เหตุการณ์เหมือนตอนเสี่ยวซือหร่าน แม่เสี่ยวก็มีประสบการณ์ รีบเดินไปเพื่อสงบสติอารมณ์ของเธอ ” ไม่ต้องกลัว หายใจเข้าลึกๆ ”
มู่เวยเวยอ่านหนังสือมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะคลอดบุตรในทุกวันนี้ แต่เมื่อต้องต่อสู้จริง สมองกลับว่างเปล่าปฏิกิริยาที่ตรงที่สุดคือมันเจ็บมาก มันเจ็บมากกว่าวันนี้รวมกัน
“โอ้ย -” มู่เวยเวยทนไม่ได้ตะโกนออกมา เย่ฉ่าวเฉินกระวนกระวาย รีบอุ้มภรรยาของเขาแล้วเดินออกข้างนอก ตะโดนถาม “ รถล่ะ? เตรียมเสร็จหรือยัง?”
มู่เทียนเย่กำลังกระโดดอย่างกระวนกระวายท่ามกลางสายลมและหิมะ นอกบ้านอากาศเย็นเกินไปและหิมะก็ตกหนัก ทำให้รถแข็งสตาร์ทไม่ติด
“รอไม่ได้แล้ว ใช้รถของฉัน จางเหอ เอารถมา”
จางเหอรีบไปและพูดอย่างกังวล “ไม่ได้คุณชาย เมื่อกี้ข่าวบอกว่าเมือง A ถูกปิดกั้นและทางลาดหลายแห่งถูกปิด เราไม่สามารถออกไปได้ในตอนนี้”
จางเหอ พูดถูกเมือง A ไม่ได้มีหิมะตกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าตกหน่อยกผ้เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่คิดว่ายิ่งตกยิ่งหนักขนาดนี้ ทำให้รถทุกคันหม่สามารถสัญจรได้ เบรกไม่ทำงาน สัญญาณไฟจราจรที่ทางแยกก็กลายเป็นของประดับตกแต่ง อุบัติเหตุจราจรเกิดขึ้นทีละครั้ง เสียงเตือนของทีมตำรวจจราจรถูกระเบิดและส่วนหลักของเมือง A คือ บล็อกเหมือนโต๊ะไพ่นกกระจอก
เย่ฉ่าวเฉินตกตะลึง ฉันควรทำยังไง? จะให้บินไปที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้มั้ง
เขาบินได้ถ้าอยู่คนเดียว แต่เวยเวยกำลังตั้งครรภ์ เขาไม่แน่ใจอาจจะไปลงที่ๆเป็นอันตราย ถ้าเธอย้ายไปด้วยมันอันตรายมาก
มู่เวยเวยรู้สึกเจ็บปวดที่ศีรษะของเด็กกำลังจะหลุดออกจากกระดูก
“ไม่ทันแล้ว คลอดที่นี่เลย”
“ห้ะ? ได้หรอ? มันอันตรายเกินไป” มู่เทียนเย่เป็นคนแรกที่คัดค้าน
หน้าผากของมู่เวยเวยชุ่มไปด้วยเหงื่อ ความเจ็บปวดก็ค่อยๆหยุดลงเธออ้าปากค้างและพูดกับพี่ชายของเธอว่า “ไม่เป็นไร เมื่อวานฉันไปตรวจมาแล้ว แถมหัวของเด็กก็หันลงไปแล้วด้วย ฉันเองก็เคยคลอดผิงอันมาแล้ว นี่เป็นลูกคนที่สอง มันคงไม่ยากขนาดนั้น ”
มู่เทียนเย่ต้องการคัดค้านอย่างมาก แต่เขารู้ว่าไม่มีทางเลือกในสถานการณ์ตอนนี้
เย่ฉ่าวเฉินไม่สามารถปล่อยให้เวยเวยเสี่ยงได้และตัดสินใจ ” ฉันจะใช้พลังพาเธอไปที่โรงพยาบาล”
“ไม่เอา มันเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผย” มู่เวยเวยคัดค้าน เธอมองไปที่สามีของเธออย่างลึกซึ้ง “ฉันไม่เป็นไร เชื่อใจฉัน”
“แต่……”
“โอ้ย -” เสียงกรีดร้องของมู่เวยเวยขัดคำพูดของเย่ฉ่าวเฉิน
ในวินาทีถัดมา เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่ามือของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ รีบพาฉันไปในห้อง น้ำคร่ำแตกแล้ว ” มู่เวยเวยตะโกน
ตอนนี้เหลือทางเลือกเดียว
เสี่ยวซีหรานรีบวิ่งไปข้างหน้า ” รีบตามฉันมา ”
เย่ฉ่าวเฉินอุ้มเวยเวยเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวซีหรานพาไปที่ห้องรัยแขกที่ใกล้ที่สุด ไม่มีใครเคยนอนเลยทุกอย่างสะอาดและห้องก็อบอุ่นมาก
เย่ฉ่าวเฉินวางภรรยาของเขาลงบนเตียง เธอล้มลงเพราะความเจ็บปวด ดวงตาของเธอก็เป็นสีแดงทันที
“เทียนเย่ โทรหาแม่นมทั้งสองคนมา พวกเขามีประสบการณ์มากกว่าฉัน” เสี่ยวซือหร่านตะโกนบอกมู่เทียนเย่ และพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า ” แกก็อย่ามัวอึ้ง รีบถอดกางเกงเวยเวยออก”
สมองของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ในเวลานี้และเขาทำได้เพียง ทำตามสิ่งที่เสี่ยวซือหร่านบอก
ทันทีที่ถอดกางเกงของเธอ แม่นมทั้งสองก็วิ่งเข้ามา คนหนึ่งแตะท้องของเวยเวยแล้วพูดว่า “เด็กเข้าไปในช่องเชิงกรานแล้ว ไปเตรียมน้ำร้อนและกรรไกร”
เสี่ยวซือหร่านรีบไปหาเทียนเย่ที่ประตูแล้วบอกสิ่งที่แม่นมบอกมา
“ฉ่าวเฉิน เธอออกไปได้แล้ว ” มู่เวยเวยบอก
เย่ฉ่าวเฉินจับมือเธอแน่นและส่ายหัว “ไม่ ฉันจะอยู่กับเธอที่นี่”
“ไม่เอา ตอนคลอดลูกฉันต้องขี้เหร่มากแน่ เธอออกไปเลย ฉันไม่อยากให้เธอเห็น”
“ไม่เป็นไร เธอเป็นยังไงฉันก็รักเธอ”
ความเจ็บปวดเกิดขึ้นอีกครั้งและมู่เวยเวยก็ไม่สนใจเย่ฉ่าวเฉิน เธอสบายใจแบบไหนก็เอาตามนั้นละกัน
“ หายใจเข้าลึกๆ……ค่อยๆหายใจเป็นจังหวะ…… ”
นอกห้อง มู่เทียนเย่อุ้มผิงอันและเดินไปเดินมาด้วยความกังวล
“ คุณลุง ตอนแม่คลอดผมแม่เจ็บมากไหม? ” ผิงอันถามเสียงเบาเพราะได้ยินแม่ร้องด้วยความเจ็บปวด
มู่เทียนเย่พยักหน้า“ตอนคลอดหนูยิ่งเจ็บ เพราะหนูเป็นลูกคนแรก”
ผิงอันดูเหมือนรู้สึกผิดเล็กน้อยและเงียบไปครู่หนึ่งและบอกว่า ” ต่อไปนี้ผมจะเป็นเด็กดีของแม่ ”
“เด็กดีจริงๆ” มู่เทียนเย่แตะศีรษะเล็กๆของเขา
ข้างนอกบ้านมีหิมะตกหนักและลมตะวันตกเฉียงเหนือก็พัดมาพร้อมกับเกล็ดหิมะ เพื่อตอบสนองต่อเสียงกรีดร้องของมู่เวยเวยคลื่นที่หวือหวาอยู่เหนือคลื่น ราวกับกำลังกระโดดด้วยความยินดีในการต้อนรับชีวิตใหม่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงร้องของเด็กทารกก็ดังแว่วออกมา
“คลอดแล้ว คลอดแล้ว” มู่เทียนเย่ตะโกนด้วยความดีใจ
พ่อแม่เสี่ยวและผิงอันก็มีความสุขมากเช่นกัน
“ใช่เด็กผู้หญิงไหม? เด็กผู้หญิงหรือเปล่า?” ผิงอันออกมาจากมู่เทียนเย่ เปิดปรูตูห้องโดยไม่สนใจอะไร ทันใดนั้นก็นิ่งเงียบ
มู่เทียนเย่พบความผิดปกติของเขา หัวใจของเขาเต้นรัวแล้วเดินไปถาม “มีอะไรหรอ……”
ทันทีที่ถามออกไป เขาก็ตะลึงเช่นกัน ในเวลาเดียวกันพ่อแม่ของตระกูลเซียวและทุกคนในห้องพักต่างตกตะลึง อากาศดูเหมือนจะนิ่งมีเพียงเสียงร้องไห้ของเด็กทารก
บรรยากาศที่ทำให้พวกเขาตกใจนั้นมาจากเด็กทารกที่เพิ่งคลอด
กลางอากาศ ทารกหญิงดูเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ สายสะดือเพิ่งถูกตัด ร่างกายของเธอแดงก่ำและเธอก็ร้องไห้เสียงดัง ราวกับบอกว่าเธอได้ลืมตาดูโลกแล้ว
คนแรกที่ได้สติกลับมาคือเย่ฉ่าวเฉิน เขาโยนกรรไกรในมือลง และยื่นมือไปอุ้มเด็กตัวน้อยมาในอ้อมกอด
เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ เสียงร้องไห้ของทารกหญิงค่อยๆหยุดลง เธอลืมตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีม่วงที่สวยงาม
มันเป็นตาสีม่วงจริงๆ
ไม่น่าล่ะ……
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ทารกน้อยอย่างเงียบๆ เขาฝันถึงเธอในความฝัน แต่เขาไม่เคยเห็นใบหน้าของเธอชัดเจน ตอนนี้ที่เขาเห็น เย่ฉ่าวเฉินถูกเธอทำให้ตะลึง
ถึงแม้เธอจะเป็นเพียงทารกแรกเกิด แต่ผิวของเธอก็ขาวเนียน ใบหน้าเล็กๆของเธอเหมือนถอดแบบมาจากมู่เวยเวย ดวงตาโต ปากเล็กจมูกหน่อย
มู่เวยเวยก็ฟื้นขึ้นมาและยื่นมือออกมาและพูดว่า ” ไหน ให้ฉันดูหน่อย”
เย่ฉ่าวเฉินส่งเจ้าหญิงตัวน้อยให้เธอ มู่เวยเวยเห็นดวงตาสีม่วงของเธอ ก็รู้ทันทีว่าในตัวเธอก็มีพลังเช่นกัน
แม่นมทั้งสองไม่เคยพบสิ่งอัศจรรย์แบบนี้มาก่อน พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง โอ้พระเจ้า มีคนลอยขึ้นได้ด้วยหรอเนี่ย แถมยังเป็นเด็กตัวน้อย หรือว่าเธอจะเป็นเทพเจ้ากลับชาติมาเกิด?
เมื่อคิดเช่นนี้ สายตาของแม่นมทั้งสองก็เปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความเคารพและความกระตือรือร้น
ผิงอันวิ่งเข้ามาและเอนตัวไปที่เตียง เพื่อดูน้องสาวตัวน้อย น้องสาวก็หันมามองเขาเช่นกัน หลังจากที่คนสองคนมองหน้ากัน ทันใดนั้นน้องสาวก็หัวเราะคิกคักออกมา
ผิงอันประหลาดใจและดีใจมาก “เธอยิ้มแล้วเธอยิ้มแล้ว น้องสาวชอบฉัน”
เสียงแห่งความสุขของผิงอันทำให้ทุกคนได้สติกลับมาอีกครั้ง สายตาของทุกคนก็จดจ่อไปที่เด็กหญิงตัวน้อยที่เปลือยเปล่า แต่พวกเขาก็กระตือรือร้นมากกว่าเมื่อกี้
มู่เวยเวยรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไร แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา เธอเจ็บจะปานตายแล้ว
“ฉ่าวเฉิน เธอเอาลูกไปทำอาบน้ำให้เรียบร้อย พี่สะใภ้ช่วยเอาเสื้อผ้าให้เขาด้วย ”
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า ในขณะที่กำลังอุ้มลูกน้อยออกไป ก็มีแสงของแสงแดดส่องมาที่เท้าเล็กๆของเธอจากหน้าต่าง
“พระเจ้า หิมะหยุดตกแล้ว” มู่เทียนเย่ขยี้ตา เมื่อสองนาทีก่อนยังมีหิมะขนห่านตกหนักอยู่ข้างนอก ทำไมหิมะถึงหยุดเร็วขนาดนี้ แถมพระอาทิตย์ยังออกอีกด้วย
” จริงด้วย ทำไมมันถึงหยุดกะทันหันแบบนี้ เมื่อกี้ยังคงตกหนักอยู่เลย ” แม่ของตระกูลเสี่ยวก็งงงวยเช่นกัน
เสี่ยวซีหรานกำลังจะพูด ก็เห็นใบหน้าแปลกๆของแม่นมทั้งสองที่กำลังมองเด็กน้อย รีบพูดทันทีว่า “ที่นี่ไม่มีเรื่องของพวกเธอแล้ว พวกเธอออกไปก่อน แต่จำไว้สิ่งที่เห็นในวันนี้ อย่ารั่วออกไปแม้แต่คำเดียว ไม่งั้นพระพุทธเจ้าจะลงโทษพวกเธอ” แม่นมทั้งสองนับถือศาสนาพุทธ
แม่นมทั้งสองรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วและจากไป
เรื่องในวันนี้ ทำให้พวกเขาคิดหนักไปทั้งชีวิต
เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง เย่ฉ่าวเฉินก็อาบน้ำให้ทารกและใส่เสื้อผ้า มู่เวยเวยเปลี่ยนเป็นห้องสะอาด ทุกคนมานั่งรวมกันเพื่อคุยกันเรื่องนี้
เสี่ยวซีหรานเป็นคนพูดก่อน ” ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าหิมะตกครั้งนี้มันเหมือนมีอะไรเชื่อมโยงกับเจ้าตัวเล็ก”