วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่322 หัวใจที่อ่อนแอรู้สึกพอใจแล้ว
ในขณะที่เย่ชวูเสวียกำลังขึ้นบันไดเลื่อน เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงบ่ายทั้งวันเสียเวลาไปกับเขา
เย่ชวูเสวียลองใช้พลังครั้งแรก ไม่ค่อยคล่องนัก หลังจากผ่านไปสามสี่นาที ขาของหนานกงเจาก็ขยับได้ เขารีบไปที่ประตูห้างสรรพสินค้า แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่ชวูเสวียซะแล้ว
การพบกันครั้งแรกนี้ ทำให้หนานกงเจา มุ่งมั่นที่จะเอาชนะใจเธอ ตอนนี้เขาไม่สามารถมองเห็นผู้หญิงคนไหนได้ ทั้งหัวใจมีแค่เย่ชวูเสวียคนเดียว
หลังจากวุ่นวายไปทั้งเช้า การกล่าวสุนทรพจน์ก็สิ้นสุดลง ต้วนอีเหยาที่กำลังกังวลก็รู้สึกโล่งไปครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งอาจจะโล่งลงตอนพวกเขาขึ้นเครื่องบิน
ผู้นำและภรรยาของเขากำลังอำลาเจ้าหน้าที่ของเมือง A และ ต้วนอีเหยาก็เห็น เย่จิงเหยียนในฝูงชน ในขณะที่กำลังจับมือเขา ผู้นำยังคุยกับเขาอีกสองสามคำ
ตามกฎแล้ว เย่จิงเหยียนไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโอกาสนี้
เมื่อรู้ว่าผู้นำชอบอะไรในตัวชายคนนี้ ถึงโทรเรียกเขามาที่นี่เป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีสื่อต่างๆตามมา
ต้วนอีเหยาเป็นคนพาภรรยาของผู้นำขึ้นรถ ในขณะที่กำลังไปถึงประตูรถและเปิดประตู ทันใดนั้นก็เห็นคนก่อการร้าย ต้วนอีเหยาเงยหน้าไปมองด้วยความตกใจ รีบไปยืนอยู่ข้างหลังของภรรยาผู้นำ วินาทีต่อมา มีกระสุนนัดหนึ่งยิงเข้าที่หลังของเธอ
“ปั๊ง” เสียงกระสุน ——
ต้วนอีเหยาก้าวไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้ภรรยาของผู้นำล้มลง เธอจึงคว้าประตูไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ภรรยาหันหน้าไปทางเธอด้วยความประหลาดใจ ได้ยินน้ำเสียงเบาๆของต้วนอีเหยา “รีบเข้าไป” จากนั้นเธอก็ทนความเจ็บปวดไว้และพูดกับคนในสาย “เหล่ยหยิ่ง แจ้งเตือน ทางทิศสี่นาฬิกาของฉันมีมือปืนหนึ่งคน”
“รับทราบ”
ตอนนี้บรรยากาศอบอุ่นมาก ผู้นำยังคงกล่าวสุนทรพจน์ตอนสุดท้าย จึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ และตวนอี้เหยาสวมชุดสูทสีดำและมองไม่เห็นเลือด ยกเว้นเย่จิงเหยียน
เธอถูกยิง? หัวใจของเย่จิงเหยียนกังวลขึ้น
ช่วยอะไรไม่ได้มาก ก้าวไปข้างหน้าและอุ้มเธอจากด้านหลัง ต้วนอีเหยากำลังจะบอกว่าปล่อยมือ กระสุนนัดหนึ่งก็ยิงเข้ามาที่ร่ายของชายผู้นั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเย่จิงเหยียนทำให้ทักคนตกใจ เขาอุ้มต้วนอีเหยาไว้เพื่อไม่ให้เธอล้มลง พูดด้วยความกังวล “ผู้นำ เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน มันไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอเธอ ฉันไปส่งพวกคุณที่สนามบินได้ไหม?”
ผู้นำมองเขาอย่างใจเย็นและพูดว่า “ได้” จากนั้นเขาก็โบกมือให้ทุกคนและรีบเข้าไปในรถของเขา
ขบวนรถที่เหมือนกันสิบกว่าคันออกเดินทาง
“เสี่ยวต้วน เป็นยังไงบ้าง? ยังทนไหวไหม?” ภรรยาของผู้นำถามอย่างกังวล
“คุณนาย ฉันไม่เป็นอะไร” ต้วนอีเหยากัดฟันตอบ
“ ฉันจะให้คนขับรถไปที่โรงพยาบาลก่อน”
ต้วนอีเหยาส่ายหัว “ไม่ ไปสนามบินก่อน”
“ยัยเด็กบ้าพูดอะไรเนี่ย? พวกเธอสองคนบาดเจ็บขนาดนี้ ไปโรงพยาบาลก่อน”
ต้วนอีเหยามีท่าทีแน่วแน่มาก“ ไม่ ฉันทนไหว ไปสนามบินก่อน ไปที่โรงพยาบาลอันตรายเกินไป”
“อีเหยาพูดถูก ไปที่สนามบินก่อน ความปลอดภัยของคุณและผู้นำเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” ในขณะที่กำลังพูดเย่จิงเหยียนก็ลุกมาจากด้านหลัง และถอดเสื้อโค้ทของต้วนอีเหยาออก
ในขณะเดียวกันเสียงของผู้นำดังมาจากรถคันข้างหน้า “อายิง เสี่ยวต้วนกับเย่จิงเหยียนเป็นยังไงบ้าง?”
อายิงเป็นชื่อเล่นของภรรยาผู้นำ
ภรรยาของผู้นำชินกับเหตุการณ์แบบนี้ เธอตอบอย่างใจเย็น “พวกเขาทั้งสองถูกยิง เลือดไหลเยอะมาก ฉันบอกให้ไปโรงพยาบาลก่อน แต่พวกเขาไม่ยอม”
ต้วนอีเหยาอดทนต่อความเจ็บปวดและพูดว่า “ผู้นำ พวกเราทนได้ ส่งพวกคุณไปที่สนามบินก่อนแล้วเราค่อยไปโรงพยาบาล”
“งั้นก็ได้ พวกคุณอดทนไว้ก่อน ฉันจะให้รถพยาบาลจากโรงพยาบาลทหารไปรอที่สนามบิน”
“ค่ะ”
ในเวลานี้ทุกคนต้องทำสถานการณ์ให้ปกติ หากโลกภายนอกรู้ว่าผู้นำและภรรยาของเขาถูกโจมตีในเมือง A ทั้งโลกจะอยู่ในความโกลาหลและผู้คนจะแตกตื่น
“อดทนไว้นะ ฉันจะช่วยเธอห้ามเลือด” เย่จิงเหยียนถอดเสื้อสูท เสื้อเชิ้ตข้างในเต็มไปด้วยเลือด เขาก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บ เขาพยายามฉีดเสื้อของเขาออกมาเพื่อเอาไว้มัดที่แผลห้ามเลือดไว้
มัดจนต้วนอีเหยากลายเป็นเกี๊ยวน้ำ เย่จิงเหยียนยังคงกังวล กดบาดแผลของเธอไว้แน่นๆ ปลอบเธอตลอดเวลา “ไม่ต้องกลัว ยังไกลหัวใจ”
ต้วนอีเหยามองไปที่สีหน้าประหม่าของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา “ฉันได้รับบาดเจ็บมากมายขนาดนั้น ไม่กลัวนานแล้ว ไม่ต้องสนฉัน หันไปสิ้ ฉันขอดูบาดแผลเธอหน่อย”
“ไม่ต้องดูหรอก ฉันไม่เป็นไร” เย่จิงเหยียนกัดฟันของเขาแม้ว่าเขาจะเจ็บปวดมาก
ยิ้มไปยิ้มมาก็มีน้ำตาไหลรินออกมา “เด็กโง่เอ้ย ผลุนผลันเข้ามาทำไม?”
เย่จิงเหยียนเช็ดน้ำตาของเขาด้วยหลังมือที่สะอาด “จะให้ยืนดูเธอตายนิ่งๆหรือไง?”
“ต่อให้ฉันจะตาย นี่ก็คือภารกิจของฉัน”
“ไม่ ตราบใดที่ฉันอยู่ ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอตายหรอก” เย่จิงเหยียนอดไม่ได้ที่จะไอและมีเลือดไหลออกมา
ต้วนอีเหยากอดเขา น้ำตาไหลออกมาทันที “เธอไม่ต้องพูดแล้ว”
เย่จิงเหยียนยิ้ม “ อีเหยา ทุกครั้งที่เธอไปทำงาน ฉันคิดเสมอ ถ้าฉันได้อยู่เคียงข้างเธอมันจะดีแค่ไหน ได้ยืนเคียงข้างเธอและแบกรับความเจ็บปวดเพื่อเธอ ในที่สุดครั้งนี้ฉันก็ได้ทำ ถึงแม้จะทำได้ไม่ค่อยดี แต่ฉันก็มีความสุขมาก”
“กำลังจะตายอยู่แล้วยังจะมามีความสุขอะไรกันเล่า?” ต้วนอีเหยาร้องไห้และดุเขา
“ตายในอ้อมกอดเธอก็ยังดี” น้ำเสียงของเย่จิงเหยียนอ่อนลง “อีเหยา ฉันรักเธอคนเดียวจริงๆ”
“ฉันรู้ ฉันรู้แล้ว” หญิงสาวร้องไห้และขอร้องเขา เพราะเธอพบว่าแผลของเย่จิงเหยียนอยู่ใกล้หัวใจและเลือดไหลไปทั่วพื้น
“เรื่องครั้งก่อนฉันขอโทษ……”
“ฉันให้เธอไม่ต้องพูดแล้วไง อยากตายขนาดนั้นเลยหรอ?” ต้วนอี้เหยาเอามือปิดแผล แต่เลือดยังไหลออกมาไม่หยุด
หลังจากผ่านชีวิตแห่งความตายมาหลายครั้ง ต้วนอีเหยารู้สึกตื่นตระหนกเป็นครั้งแรกเธอกลัวว่าเลือดในร่างกายของเย่จิงเหยียนจะไหลหมดตัว
หัวของเย่จิงเหยียนเริ่มมึนหัวและใบหน้าของเขาซีดราวกับแผ่นกระดาษ แต่เขาก็ยังกดจุดที่ได้รับบาดเจ็บของเธอไว้แน่น เขาจะไม่ยอมให้เธอตาย
คนทั้งสองเปรียบเสมือนหงส์คู่หนึ่งกำลังกอดกันในดงเลือดสีแดงสด
ภรรยาของผู้นำรู้สึกแปลกใจในตอนแรก จากนั้นก็กังวลเร่งให้รถคันหน้าเร่งความเร็วอยู่ตลอดเวลา
ในที่สุดฉันก็มาถึงสนามบิน และทหารยามใกล้เคียงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า สถานที่เกือบทั้งหมดจะเห็นคือตำรวจติดอาวุธ ตอนนี้ต่อให้เป็นแมลงสักตัวก็บินผ่านเข้ามาไม่ได้
รถพยาบาลทหารสองคัน กำลังรออย่ ทันทีที่รถจอดพยาบาลชายหลายคนก็รีบมาพาพวกเขาไป
ในเวลานี้ รถคันที่ภรรยาผู้นำนั่งมาราวกับว่าเป็นทะเลสีเลือด และเย่จิงเหยียนก็เป็นลมไป แต่มือก็ยังไม่ปล่อยออกจากเธอ
ต้วนอีเหยาถูกวางบนเปล เมื่อเห็นเหล่ยหยิ่งก็กัดฟันและถาม “จับตัวคนร้ายได้ไหม?”
“จับได้แล้ว”
“งั้นก็ดีแล้ว”
ต้วนอีเหยาถูกพาเข้าไปในรถ และเธอก็เหลือบมองไปที่เย่จิงเหยียนถูกพาขึ้นไปในรถพยาบาลอีกคัน
ต้องรอดให้ได้ เธอยังรอกินอาหารที่เขาไปเรียนมาใหม่
ในขณะที่ทั้งสองคนอยู่ระหว่างการผ่าตัด การสอบสวนขนาดใหญ่ก็เริ่มขึ้นอย่างลับๆในเมือง A ทันใดนั้นแม้แต่ประชาชนก็รู้สึกถึงความตึงเครียด
“ เธอพูดว่าอะไรนะ?” เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นจากโซฟา ความประหลาดใจ
“มันเป็นเรื่องจริง เพิ่งมีข่าวจากโรงพยาบาลทหารขอให้คุณและภรรยารีบไปที่นั่น”
ขาของมู่เวยเวยอ่อนแรง เธอแทบจะทรุดลงกับพื้น เย่ฉ่าวเฉินรีบพยุงเธอ “เวยเวย! เธอพักผ่อนอยู่บ้าน ฉันจะไปโรงพยาบาลเอง”
“ไม่ ฉันจะไปด้วย” มู่เวยเวยพยายามลุกขึ้นยืนโซเซและรีบออกไป
ความเร็วของรถเร็วมากและใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความกังวล “ที่โรงพยาบาลยังบอกอะไรอีกไหม?”
” บอกแค่ว่าคุณชายได้รับบาดเจ็บ อย่างอื่นก็ไม่ได้พูดอะหร” จางเหอตอบขณะที่กำลังขับรถ
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว“ เขาไม่ไปทำงานไม่ใช่หรอ? ได้รับบาดเจ็บได้ไง? แถมยังถูกส่งไปที่โรงพยาบาลทหาร”
“อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เย่ฉ่าวเฉินจับมือภรรยาของเขาไว้แน่นและปลอบเธอด้วยเสียงเบาๆ เขาหันออกไปมองนอกหน้าต่าง หัวใจของเขาก็เต้นรัว “ทำไมบนถนนยังมีรถตำรวจมากมายขนาดนี้ ผู้ใหญ่ท่านนั้นไปตั้งแต่เที่ยงแล้วไม่ใช่หรอ ?”
“นั่นหนะสิ ฉันก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกัน”
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่รถตำรวจที่ส่งเสียงหวีดหวิว โดยพลันนึกอะไรบางอย่างหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาแล้วโทรหาบริษัท “เลขาหวังเหรอ? ฉันเอง”
“ สวัสดีครับคุณเย่”
“ตอนเช้าประธานเย่ได้ฝากอะไรไว้ไหม?”
เลขาธิหวังพูดด้วยความเคารพว่า “ประธานเย่มีประชุมตอนเช้า เมื่อประชุมเสร็จเขาก็บอกว่าจะออกไปข้างนอก แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหน”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินกลายเป็นเคร่งขรึม เป็นไปได้ที่ผิงอันได้รับบาดเจ็บอาจจะเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น?
ไม่หรอกมั้ง เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดา จะไปมีอะไรเกี่ยวข้องกับคนชั้นสูงแบบนี้ได้ยังไง?
เย่ฮวางกรุ๊ป
เลขาหวังวางสายโทรศัพท์และออกไปข้างนอก ตั้งแต่คุณเย่เกษียณและมอบอำนาจให้กับลูกชาย เขาก็ไม่เคยเจอคุณเย่อีกเลย ตอนนั้นเขาเป็นแค่เลขาตัวเล็กๆ ไม่คิดว่าคุณเย่จะมีเบอร์โทรศัพท์ของเขา คิดๆแล้วก็มีความสุข
ด้วยความอารมณ์ดีจึงเก็บของและออกจากสำนักงาน ด้านนอกคือสำนักเลขาธิการ เขามอบเอกสารให้กับจ้าวเสวียน “ช่วยเอาเอกสารพวกนี้ไปคัดลอกให้หน่อย เอาสิบห้าฉบับ”
จ้าวเสวียนยืนขึ้นและพูดอย่างเขินอาย ” คุณหวัง คุณให้คนอื่นไปเถอะ ฉัน……”
เลขาหวังขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง? ฉันสั่งเธอไม่ได้แล้ว?”
“ไม่ใช่ ฉันไม่สามารถไปที่เครื่องถ่ายเอกสารได้ในขณะนี้” จ้าวเสวียนพูดเบาๆ
เลขาหวังไม่ได้มีความอดทนต่อเธอมากนัก “ตกลงเธอหมายความว่ายังไง พูดให้ชัดเจน อย่ามาอ้ำอึ้ง”
จ้าวเสวียนดูลำบากใจ ในใจไม่อยากที่จะบอกเรื่องนี้กับคนในบริษัท “ คุณหวัง ฉันท้องและรังสีจากเครื่องถ่ายเอกสารมีมากเกินไป มันไม่ดีกับเด็กในท้อง”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สำนักเลขาธิการทั้งหมดก็เงียบลงและเพื่อนร่วมงานสองคนที่เพิ่งได้ยิน เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความตกใจ เลขาหวังประหลาดใจเป็นพิเศษ“ เธอพูดว่าอะไรนะ? เธอท้อง?”
“อืม” จ้าวซวนพยักหน้าและยิ้มเขินๆ “เกือบสองเดือนแล้ว ประธานเย่กลัวทุกคนจะตกใจที่ ก็เลยไม่อยาก…… ”
“เดี๋ยวก่อน” เลขาหวังเข้าใจประเด็นสำคัญ “เธอเข้ามาคุยกับฉันหน่อย”
จ้าวเสวียนเผลอพูดประโยคนั้นออกมา ทำให้หัวของเพื่อนร่วมงานอีกสองคนแทบระเบิด เมื่อทั้งสองคนจากไป พวกเขาก็พูดอย่างจริงจังว่า “จ้าวเสวียนเมื่อกี้เธอพูดอะไร? เป็นลูกของประธานเย่หรอ?”
“ ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น เธอจะท้องกับประธานเย่ได้ยังไง?”
“ ฉันไม่เชื่อ ปกติประธานเย่ปฏิบัติต่อเธอยังไง? ไม่เคยสนใจเธอเลยด้วยซ้ำไม่ใช่หรอ? ไม่ได้การละ ฉันจะไปแอบฟัง ” เลขาหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นและอีกคนก็ตามไป เอาหูแนบที่ประตู
บทสนทนาระหว่างคนสองคน
“ที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง? เด็กในท้องเป็นลูกของใคร?” เลขาหวังถามอย่างสงสัย
จ้าวเสวียนรู้สึกภาคภูมิใจ แต่เธอก็แสดงสีหน้าลำบากใจว่า “เด็กคนนี้เป็นลูกของประธานเย่”
“เธอกำลังพูดโกหกหรือเปล่า?” เลขาหวังอยู่ในความสับสน
จ้าวเสวียนยิ้มเบาๆ “คุณหวัง ฉันจะกล้าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่นได้ยังไง?ตอนนี้ฉันอาศัยยู่ที่บ้านตระกูลเย่ มาทำงานทุกวันก็รถของบ้านตระกูลเย่มาส่ง”
“แต่ว่า……” เลขาหวังยังคงไม่เชื่อ ” แต่ว่าท่าทีของประธานเย่ที่มีต่อเธอ……”
เลาขาหวังยังพูดไม่จบ ทัศนคติของเย่จิงเหยียนที่มีต่อเธอนั้นไม่สนใจใยดี แน่นอนว่าจ้าวเสวียนเองก็รู้ดี
จ้าวเสวียนพูดให้ตัวเองดูน่าสงสาร “ เพราะฉันไม่อยากทำให้ประธานเย่เดือดร้อน ก็เลยให้เขาปฏิบัติกับฉันเหมือนเมื่อก่อน”
เลขาหวังเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างรวดเร็ว สองคนที่แอบฟังก็เงียบ
“คุณหวัง คุณนายเย่ชอบเด็กคนนี้มาก ฉันไม่อยากให้คนแก่ผิดหวัง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คุฯให้คนอื่นไปทำแทนได้ไหม?” จ้าวเสวียนพูดอย่างมีชั้นเชิง ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ
เลขาหวังหยุดด้วยท่าทางที่สุภาพ “ได้สิ ต่อไปเรื่องพวกนี้เธอก็ไม่ต้องมาทำแล้ว ฉันจะลดพาระงานลงให้”
“ ขอบคุณนะคุณหวัง”
“เอาล่ะ เธอออกไปก่อนเถอะ”
จ้าวเสวียนเดินออกมา มองเพื่อนร่วมงานทั้งสองดูเหมือนกำลังทำงาน แต่ทันทีที่เธอนั่งลง พวกเขาไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้และถามอย่างตื่นเต้นว่า ” จ้าวเสวียน เธอท้องกับประธานเย่จริงๆหรอ?”
จ้าวเสวียนยกคางขึ้น “แน่นอนสิ พวกเธอดูสิ ช่วงนี้ฉันไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูงแล้ว”
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดด้วยความอิจฉาว่า ” พระเจ้า เธอเหมือนนกธรรมดาที่กำลังจะกลายเป็นนกฟีนิกซ์เลยล่ะสิ แล้วเธอยังจะมาทำงานเลขาทำไมกัน อยู่บ้านดูแลบ้านดูแลลูกก็พอแล้วนิ?
จ้าวเสวียนลูบท้องของเธออย่างมีความสุข “ ประธานเย่ก็บอกแบบนี้เหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกว่าอยู่บ้านมันน่าเบื่อเกิน มาทำงานที่บริษัทก็ยังมีอะไรทำ ให้เวลาผ่านไปเร็วหน่อย”
“ก็ว่าวันนี้ฉันเห็นเธอลงมาจากรถหรู ฉันก็คิดว่าเธอได้แฟนรวยซะอีก ไม่คิดว่าจะได้เป็นคุณนายของเย่ฮวางกรุ๊ป อีกหน่อยอย่าลืมพี่น้องแบบเรานะ”
“ใช่สิใช่สิ ยังไงเราก็อยู่แผนกเดียวกัน”
จ้าวเสวียนชอบคำเยินของพวกเขา ความไร้เดียงสาของเธอก็พอใจมาก แต่เธอก็ยังต้องแสร้งทำเป็นถ่อมตัวว่า “ฉันไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานรู้เรื่องนี้ ฉันรู้สึกอาย พวกเธอต้องช่วยฉันเก็บความลับนี้ไว้นะ”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่บอกใครหรอก”
เพื่อนร่วมงานถามอย่างสงสัย “เอ้อ เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ เธอไปมีอะไรกับประธานเย่ได้ยังไง?”
จ้าวเสวียนหน้าแดง “เมื่อไม่นานมานี้ ฉันวิ่งเข้าไปหาประธานเย่ระหว่างทางที่เลิกงาน เขาอารมณ์ไม่ดีและอยากดื่ม ฉันก็เลยไปเป็นเพื่อน แล้วพวกเราทั้งสองคนก็ดื่มมากไป…… ”
“อ๋อ~ แบบนี้นี่เอง” ความอิจฉาในสายตาของเพื่อนร่วมงานแทบจะทะลุออกไป “ว่าแต่เธอก็ท้องป่องแล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานกันล่ะ?”
หัวใจของจ้าวเสวียนซีดลง แต่ไม่แสดงออก “ตระกูลเย่เป็นตระกูลที่มีฐานะ การแต่งงานของประธานเย่ก็ต้องยิ่งใหญ่ เขาไม่อยากให้ฉันเหนื่อย ก็เลยรอให้ลูกคลอดก่อนแล้วค่อยแต่ง”
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ถึงตอนนั้นก็อุ้มลูกในงานแต่งด้วย น่าจะมีความสุขสองเท่าเลย”
“จริงด้วยจริงด้วย ขอแสดงความยินดีด้วยนะ”
หลังจากที่ผู้หญิงทั้งสามคนคุยกันอย่างเพลิดเพลิน จ้าวเสวียนก็ขอให้พวกเธอเก็บเป็นความลับ แต่ในใจหวังให้พวกเขาไปประกาศให้ทุกคนในบริษัทรู้ เพื่อนร่วมงานทั้งสองก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทันทีที่พวกเขาออกไปก็ไปบอกให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นฟัง และคนอื่นก็บอกต่อๆกัน
ข่าวซุบซิบในบริษัทเกิดขึ้นเร็ว เป็นข่าวที่น่าเสทือนใจ เพราะว่าจ้าวเสวียนกำลังตั้งครรภ์ลูกของประธานเย่ จึงกระทบหูของทุกคนราวกับลมกระโชกแรงซึ่งทำให้เกิดการพูดคุยกันอย่างเข้มข้น
บางคนไม่เชื่อ เพราะพวกเขาคิดว่สประธานเย่ชอบคนสวย จะมาสนใจจ้าวเสวียนได้ยังไง?
บางคนก็อิจฉา อิจฉาทำไมพวกเขาถึงไม่เจอสิ่งดีๆแบบนี้บ้าง
บ่ายวันนี้สำนักเลขาธิการมีชีวิตชีวากว่าปกติมาก พวกเขามาหาจ้าวเสวียนเพื่อถามความจริง จ้าวเสวียนรู้เจตนาของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงจงใจใส่กรดโฟลิกที่หญิงตั้งครรภ์กิน วางที่โดดเด่นบนโต๊ะ เหยียดขาออกเพื่อให้ทุกคนเห็นรองเท้าส้นแบนของเธอ
ในไม่ช้า จ้าวเสวียนเบี้ยตัวน้อยที่คลุมเครือก็กลายเป็นจุดสนใจของคนในบริษัทอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่ไม่รู้จักเธอต่างถามว่าเธอเป็นใคร และยังมีข่าวลือออกมาอีกว่าที่จ้าวเสวียนสามารถเข้าเยาฮวางได้ เพราะเธอเคยรู้จักกับประธานเย่ตอนเด็ก ประธานเย่ไม่ได้ชอบเธอมากนัก เห็นเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา เขาน่าจะชอบนางฟ้าคนสวยๆ แต่คนที่เขาชอบกลับเป็นจ้าวเสวียน
ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเสวียนยังย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเย่อย่างเปิดเผย แบบนี้ กลัวว่าแฟนของเขาจะรับไม่ได้ อยู่ๆก็มาเห็นจ้าวเสวียนกลายเป็นคุณนายเย่ฮวางในไม่ช้า”
เรื่องซุบซิบทุกประเภทแพร่กระจายไปสิบสิบนาทีและตลอดช่วงบ่าย เย่ฮวางถูกปกคลุมไปด้วยความร้อนรนและคนส่วนใหญ่ไม่มีสมาธิที่จะทำงาน
เมื่อต้องเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวเสวียนพอใจมาก เมื่อเธอเดินไปไหนแม้แต่ขึ้นลิฟต์ ทุกคนก็ยิ้มให้เธอด้วยความกรุณาและจัดสถานที่ให้เธอเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเบียดเสียดจะกระทบกับเด็กในครรภ์
“จ้าวเสวียน เธอจะไปยังไง? เดี๋ยวฉันไปส่ง” คนในลิฟต์พูด
ทุกคนก็ได้ยิน จ้าวเสวียนแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้และยังคงปฏิเสธอย่างสุภาพ “ขอบคุณนะ ไม่เป็นไร ฉันมีรถมารับ”
ทุกคนพูดในใจว่า “อ่อ” ลิฟต์ก็มาถึงชั้นหนึ่ง จ้าวเสวียนเดินออกจากลิฟต์ก่อน เธอเหลือบมองไปที่ประตูของบริษัทอย่างประหม่า จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที คนขับรถของตระกูลเย่รออยู่แล้ว
เมื่อขึ้นรถ จ้าวเสวียนยิ้มและโบกมือให้ทุกคน เมื่อรถคนที่เฝ้าดูอยู่ก็เริ่มจับกลุ่มคุยกัน
“นี่เป็นรถขอบตระกูลเย่ ฉันเคยเห็นประธานเย่ขับมา”
“เชี่ย เธอได้เข้าไปอยู่ตระกูลเย่แล้วจริงๆหรอ?”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี่? ฉันอยู่ข้างทหารหญิงคนนั้น เธอทั้งเท่และดี” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดอย่างน่าสงสาร
ใครบางคนพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ ไม่ว่าทหารหญิงจะเก่งแค่ไหน เธอก็อยู่แต่ข้างนอกทั้งปี ไม่เจอกันเป็นเดือนๆ ไม่ว่าความสัมพันธ์จะดีแค่ไหนก็สู้คนที่เจอกันทุกวันไม่ได้หรอก”
“พูดถูก ใลคนสองคนต้องอยู่ด้วยกัน แต่พวกเขายืนอยู่กันคนละจุด”
คนกลุ่มหนึ่งออกจากบริษัทด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนหลังจากเรื่องซุบซิบ
จ้าวเสวียนนั่งอยู่ในรถไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มที่มุมปากของเธอได้ ถ้าคนขับไม่อยู่ข้างหน้า เธอก็คงหัวเราะสะใจออกมาแล้ว
ทำงานมาตั้งนาน วันนี้เป็นวันที่โล่งที่สุด
โทรศัพท์ของจ้าวเสวียนดังขึ้นและเธอคิดว่ามันเป็นสายของมู่เวยเวย เมื่อเธอหยิบมันออกมา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันทีและเธอก็วางสาย
จากนั้นส่งข้อความถึงอีกฝ่าย
โทรหาฉันมีธุระอะไร? ไม่สะดวกรับโทรศัพท์
หนึ่งนาทีต่อมามีข้อความตอบกลับมา: อยากชวนเธอไปกินข้าว คืนนี้ว่างไหม?
จ้าวเสวียนตอบกลับโดยไม่คิด: ไม่ว่าง ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก อย่าติดต่อมาอีก
ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ จ้าวเสวียนจะไม่ปล่อยให้แฟนเก่าของเธอขัดขวางแผนของเธอ
เวลาผ่านไปหลายนาที อีกฝ่ายตอบมาเพียงคำสั้นๆ: โอเค
บางครั้งจ้าวเลเสวียนก็ใจร้ายกับแฟนเก่าคนนี้มาก เธอบอกปล่อยก็คือปล่อย ตราบใดที่เธอไม่หาเขา เขาก็จะไม่มีทางได้เจอเธอ แต่ก็เป็นเรื่องดีของเขาแล้วล่ะ ถ้าเด็กคนนี้คลอดออกมาเด็กเกิดมาเขาจะมีความมั่งคั่งมหาศาลในตระกูลเย่ ใช้สิ่งที่ดี ไปโรงเรียนที่ดีที่สุด และเติบโตขึ้นมีมรดกก้อนโตให้สืบทอด ดีกว่าอยู่กับพ่อที่ต้องประหยัดไปวันๆ
กลับไปที่บ้านเย่ จ้าวเซวียนพบว่านอกจากคนรับใช้แล้ว เย่ฉ่าวเฉินกับภรรยาของเขาไม่อยู่ที่บ้าน เย่ชวูเสวียก็ยังไม่กลับมา
“ คุณลุงกับคุณป้าไปไหน” จ้าวเสวียนถามแม่ครัว
แม่ครัวกำลังทำอาหาร “ฉันไม่รู้”
จ้าวเสีวยนคิดในใจ คงจะไปงานเลี้ยงกันล่ะมั้ง เมื่อไหร่เธอจะไปงานเลี้ยงสุดหรูด้วยได้? เมื่อมองลงไปที่เด็กในท้องและยิ้ม รอให้เด็กคนนี้คลอดออกมา เธอก็คงเดินข้างเย่จิงเหยียน ได้อย่างเปิดเผย
ในขณะที่เธอกำลงัคิดถึงอนาคตที่สดใส ทางนุ้นกำลังดิ้นรนจากความตาย
ในขณะที่เย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยเดินไปที่ทางเข้าห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล พวกเขาก็เห็นชายวัยกลางคนในชุดทหาร มีดาวที่ส่องแสงบนไหล่บ่งบอกยศของเขา นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สองคนยืนอยู่ข้างๆ
เมื่อได้ยินเสียง ชายวัยกลางคนหนึงก็หันกลับมา ใบหน้าแข็งกร้าวและแววตาเฉยเมยทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ชายวัยกลางและถามว่า “สวัสดี คุณเป็นพ่อแม่ของ เย่จิงเหยียนหรือเปล่า?” ทหารต้วนถาม
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและยื่นมือออกมา “ฉันคือพ่อของเย่จิงเหยียน เย่ฉ่าวเฉินและนี่คือแม่ของเขา”
“สวัสดี ฉันเป็นพ่อของ ต้วนอีเหยา ทหารต้วน” ทหารต้วนจับมือของเขาแล้วปล่อย
เย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยมองหน้ากัน ที่แท้เขาเป็นพ่อของต้วนอีเหยา แต่ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่?
“คุณ……เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของเรา?” เย่ฉ่าวเฉินถาม
ทหารต้วนไม่ได้มีการแสดงออกบนใบหน้าของเขามากนัก เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “เรื่องนี้ที่จริงเป็นความลับสุดยอด แต่ทั้งสองเป็นพ่อแม่ของเย่จิงเหยียน ดังนั้นพวกเราจะไม่ปิดบังพวกคุณ เชิญตามมาทางนี้”
เย่ฉ่าวเฉินหายใจเข้าอย่างแรงและพามู่เวยเวยไปทางนั้น
“ตอนเที่ยงวันนี้ท่านผู้นำและภรรยาของเขาออกจากเมือง A พวกเขาถูกโจมตีโดยอาชญากร ต้วนอีเหยาและ เย่จิงเหยียนถูกยิง เพื่อช่วยชีวิตภรรยาของเขา แน่นอนเย่จิงเหยียนก็มาช่วย อีเหยา” ทหารต้วนพูดสั้นๆ คำพูดเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่โยนลงไปกลางทะเลสาบทำให้เกิดคลื่นนับไม่ถ้วน