วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่327 ไม่ได้อยากโกหกเธอ
เย่จิงเหยียนตบไหล่ชิงหลงและพูดว่า ” พวกเธอกินกันเลย ฉันไปก่อน”
“ไม่ไปส่งละนะ”
เย่จิงเหยียนเดินลงไปข้างล่างและจากไป แต่ด้วยความรีบร้อนเขาไม่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากข้างทาง…….
ต้วนอีเหยากำลังเพลิดเพลินกับซุปไก่ ในขณะที่ชิงหลงกำลังกินเกี๊ยวกุ้ง ทั้งสองกำลังลิ้มรสความอร่อย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กระตือรือร้นเดินมาทางนี้ และเดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง
ทั้งสองคนที่กำลังรับประทานอาหารมองหน้ากัน ต้วนอีเหยายกคางขึ้น ชิงหลงวางเกี๊ยวกุ้งลง เช็ดมือของเขาแล้วหยิบปืนพกออกมาและเดินไปที่ประตู
สองนาทีผ่านไป คนที่อยู่ข้างนอกก็ยังไม่เคาะประตู
ชิงหลงรออย่างอดทน ฟังเสียงหายใจแล้วน่าจะเป็นผู้หญิง
แปลกจัง ทำไมถึงมีผู้หญิงมาหาลูกพี่
“ก๊อกก๊อกก๊อก……” ในที่สุดเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ชิงหลงยืนอยู่หลังประตู เปิดประตูอีกบานด้วยเท้าของเขา ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามา ปืนก็เล็งไปที่ขมับของเธอ
จ้าวเสวียนกรีดร้องด้วยความตกใจและเกือบล้มลงกับพื้น
“ เธอเป็นใคร?” ชิงหลงถามอย่างเย็นชา
จ้าวเสวียนยืนพิงกำแพงและตัวสั่นกุมท้องของเธอและพูดอย่างสั่นๆว่า “ฉัน ฉันเป็นเลขาของเย่จิงเหยียน”
เมื่อได้สามคำนี้เย่จิงเหยียน ชิงหลงก็วางปืนลง เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้อ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องชักปืน
“ เขาเพิ่งกลับไป”
จ้าวเสวียนตกตะลึงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกเล็งด้วยปืน ชายตรงหน้าของเธอนั้นแข็งแกร่งและท่าทางโหดร้าย เธอจะไม่กลัวได้ยังไง?
“ฉันไม่ได้มาหาเขา”
“ แล้วเธอมาหาใคร”
จ้าวเสวียนชี้ไปที่ด้านในห้อง “ฉันมาหาทหารต้วน”
ชิงหลงขมวดคิ้ว ลูกพี่รู้จักผู้หญิงที่มีเสน่ห์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ลูกพี่ เป็นผู้หญิง บอกว่ามาหาพี่” ชิงหลงยืนอยู่ที่หน้าประตูและตะโกนเข้าไปข้างใน
“ให้เธอเข้ามา” เสียงของต้วนอีเหยาตอบมา
“เข้ามาสิ” ท่าทีของชิงหลงไม่เป็นมิตร เพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มาที่นี่เพื่ออะไรบางอย่างและดวงตาคู่นั้นก็กระสับกระส่ายด้วย
จ้าวเสวียนหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินเข้าไปข้างใน ต้วนอีเหยากำลังนั่งทานอาหารเช้า อาหารบนโต๊ะน่ากินมาก
ต้วนอีเหยาได้ยินเสียงของเธอตั้งแต่เมื่อกี้ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจที่เห็นเธอ พูดกับชิงหลงว่า “แกออกไปก่อน”
เธอไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ ถ้าชิงหลงรู้ก็เท่ากับว่าพ่อเธอต้องรู้ด้วย เพราะงั้นพวกเขาต้องคัดค้านเรื่องที่เธอจะอยู่กับเย่จิงเหยียนแน่นอน
ชิงหลงลังเลเล็กน้อย ต้วนอีเหยาโยนช้อนซุปลงแล้วพูดว่า ” แกคิดว่าเธอจะทำอะไรฉันได้? เอาเกี๋ยวกุ้งกับซาลาเปาไปกินด้วย ฉันอิ่มแล้ว”
“อืม มีอะไรก็เรียกฉันนะ”
“อือ”
หลังจากชิงหลงออกไป ต้วนอีเหยาก็มองไปที่เธอ เมื่อมองใกล้ๆแล้วหญิงสาวคนนี้ค่อนข้างดูดี มีผิวบอบบางและเนื้อนุ่ม แต่ดูเหมือนเธอจะอ้วนกว่าครั้งที่แล้วมาก
ต้วนอีเหยาชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามและพูดว่า “นั่งสิ”
จ้าวเสวียนไม่คาดคิดว่าเธอจะเห็นท่าทีของเธอที่สงบขนาดนี้ นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อเด็กในท้อง
“มีอะไร?” ต้วนอีเหยายังคงกินอาหารเช้าราวกับว่าเธอไม่ได้จริงจังกับเธอ
จ้าวเสวียนแสร้งทำเป็นอ่อนแอและพูดเบาๆว่า “ทหารต้วน เธอออกไปจากจิงเหยียนได้ไหม?”
ต้วนอีเหยาหัวเราะในใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา ทันทีที่อ้าปากก็พูดถึงจิงเหยียน……เรียกราวกับว่าสนิทกัน
“สาวน้อย ที่พูดมาเธอไม่รู้สึกว่ามัน……ไร้สาระหรอ?”
จ้าวเสวียนบีบน้ำตาสองหยด “ ทหารต้วน ฉันไม่อยากปิดบังเธอ ฉันท้องและตอนนี้ท้องได้สองเดือนแล้ว เป็นลูกของจิงเหยียน เพราะงั้น……”
ช้อนในมือของต้วนอีเหยาแข็งนิ่ง จิตใจของเธอว่างเปล่าและมีเพียงประโยคเดียวที่สะท้อนออกมาว่า “ฉันท้อง”
เธอท้อง? ทำไมเย่จิงเหยียนไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้?
เมื่อมองไปที่สีหน้าของเธอ จ้าวเสวียนก็รู้ว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้จึงพูดว่า“ ตั้งแต่ฉันยังเด็กพ่อแม่ฉันก็หย่าร้างกัน ฉันเติบมากับแม่ ดังนั้นฉันจึงไม่อยากให้ลูกของฉันโตมาแบบไม่มีพ่อ เจ้าทหารต้วน เธอยังสาวและสวย ยังหาใหม่ได้ ยังมีผู้ชายที่เหมาะสมกับเธออีกมาก อย่ามาแย่งกับฉันได้ไหม? ฉันไม่มีจิงเหยียนไม่ได้จริงๆ
ต้วนอีเหยาได้ยินสิ่งที่เธอพูด เธอรู้สึกว่าหายใจไม่ออก แต่เธอไม่สามารถแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเธอได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามฝืนเอาไว้
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเธอกำลังโกรธจนอยากจะฆ่าคน คนนั้นก็คือเย่จิงเหยียน
ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นจับที่อกโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฟังผู้หญิงตรงข้ามเพื่อพูดต่อ ” เธอคงยังไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันเข้าไปอยู่ที่บ้านตระกูลเย่แล้ว เพราะจิงเหยียนชอบเด็กคนนี้มากและเขาอยากให้ฉันให้กำเนิดเด็กคนนี้ แต่เขาก็รู้สึกผิดกับเธอ ฉันไม่อยากให้เขาลำบากใจก็เลยมาคุยกับเธอ เธออย่าโกรธฉันเลยนะ”
เมื่อเห็นใบหน้าของต้วนอีเหยาเคร่งขึ้นเรื่อยๆ จ้าวเสวียนก็ภูมิใจในตัวเธอมาก แต่เธอก็พูดด้วยความคาดหวังว่า “แต่ถ้า……ถ้าเธอไม่อยากไปจากจิงเหยียน ฉันก็แค่หวังว่า……” น้ำตาไหลออกมา ” ฉันก็หวังว่าเธอจะทำดีกับลูกฉัน เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ”
ต้วนอีเหยามีคลื่นแห่งความโกรธอยู่ในใจ เธออดทนกัดฟันแล้วพูดว่า “เธอกลับไปเถอะ ฉันจะพิจารณา”
บรรลุเป้าหมายของจ้าวเสวียน แล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ค่อ เธอลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ขอโทษที่รบกวนมื้อเช้าของเธอนะ ลาก่อน”
เมื่อจ้าวเสวียนจากไป ต้วนอีเหยาไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้อีกต่อไป เธอรู้สึกรำคาญมากขึ้นเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะ เธอคว่ำโต๊ะด้วยมือทั้งสองข้าง ช้อนตะเกียบและกล่องอาหารกลางวันคว่ำลงพื้น พื้นเต็มไปด้วยอาหารและน้ำซุป
ชิงหลงได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นความยุ่งเหยิงบนพื้น ชิงหลงรีบถาม “ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมโมโหขนาดนี้?”
ต้วนอีเหยารู้สึกเจ็บใจมาก เท้าของเธออ่อนลงและถอยหลังไปสองก้าว ชิงหล รีบพยุงเธอ “ลูกพี่ ใจเย็นๆก่อน ตกลงเกิดอะไรขึ้น บอกฉันสิฉันจะช่วยระบายอารมณ์ให้”
ต้วนอีเหยาหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร…… ” ก่อนที่เธอจะพูดจบ ดวงตาของเธอก็ปิดลงและหมดสติไป
“ลูกพี่!” ชิงหลงอุทานออกมา และรีบอุ้มเธอวิ่งไปที่ห้องICU “หมอครับ หมอ…… ”
มีหมอวิ่งออกมาจากห้องทำงานสองสามคน ทุกคนเห็นว่าต้วนอีเหยาหมดสติ สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป รีบผลักประตูเข้าห้องICU หมอในห้องถามชิงหลงว่า “เกิดอะไรขึ้นกับผู้พัน?”
ชิงหลงกังวลมากจนดวงตาของเขาเป็นสีแดง“ ฉันไม่รู้ จู่ๆเธอก็เป็นลม”
หมอไม่กล้ารอช้า รีบทำการตรวจ
บริษัทเย่ฮวาง
การมาถึงของเย่จิงเหยียนสะกิดตาของทุกคน ประธานหนุ่มและหล่อนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาคนมากว่าคนอายุมาก แม้ว่าประธานคนเก่าจะมีเสน่ห์มากก็ตาม
ทันทีที่เขามาถึงบริษัท เย่จิงเหยียนบอกกับเลขาหวังว่า “แจ้งผู้บริหารระดับสูงทุกคนให้มีการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการที่อเมริกา”
“รับทราบ”
ก่อนจะไปที่ห้องประชุม เย่จิงเหยียนส่งข้อความไปหาต้วนอีเหยาว่ากินข้าวเสร็จหรือยัง?
ไม่มีการตอบกลับใดๆ เย่จิงเหยียนเปิดโทรศัพท์เข้าสู่โหมดเงียบ หาเอกสารเพื่อเข้าร่วมการประชุม
ขณะที่เดินผ่านสำนักเลขาธิการ บังเอิญเจอจ้าวเสวียนที่กำลังวิ่งเข้ามา
“ประธานเย่…..” จ้าวเสวียนตะโกนมองเขาอย่างคาดหวัง แต่เย่จิงเหยียนไม่สนใจเธอ ตรงไปที่ลิฟต์
เลขาหวังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หืม? พวกเขาสองคนทะเลาะกันหรอ?
จ้าวเสวียนบอกว่าความสัมพันธ์ยังดีอยู่ไม่ใช่เหรอ?
อารมณ์ของเจ้านายเดายากจริงๆ
จ้าวเสวียนกลับไปที่ที่นั่งของเธอด้วยความอายเล็กน้อย เธอกลัวเย่จิงเหยียนเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า แต่เธอคิดถึงเด็กในท้องของเธอ ยังไงเขาก็ไม่กล้าทำอะไรเธอเพราะมีมู่เวยเวยคอยหนุนอยู่ข้างหลัง
บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก อาจเป็นเพราะนายท่ายเย่หลายวันมานี้ทำให้ทุกคนรู้สึกหดหู้ วันนี้เย่จิงเหยียนกลับมาทุกคนก็ถอนหายใจ
การอภิปรายโครงการมีความกระตือรือร้น ประสิทธิภาพได้รับการปรับปรุงอย่างมากและหลายสิ่งได้รับการยืนยันอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งสิ้นสุดการประชุม ในเวลาอาหารกลางวันเย่จิงเหยียนได้เปิดโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เย่จิงเหยียน ก็กดเบอร์โทรหาต้วนอีเหยา
ตุ๊ดตุ๊ดตุ๊ด –
สายถูกโดยอัตโนมัติ ดูเหมือนว่าโทรศัพท์จะถูกโยนอยู่ข้างๆไม่มีคนรับ เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว เธอกำลังทำอะไรอยู่? ทำไมไม่รับโทรศัพท์?
ในเวลาเดียวกันเลขาหวังเดินเข้ามา “ประธานเย่ อาหารเที่ยงของคุณจะให้ทางโรมแรมส่งมาหรือทานที่บริษัท?”
“ กินที่บริษัท” หาอะไรกินง่ายๆ แล้วรีบทำธุระของวันนี้ให้เสร็จ เขาจะได้รีบไปที่โรงพยาบาล
“โอเคครับ”
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่โรงอาหารของพนักงาน แต่บรรยากาศสไตล์และรสชาติอาหารเทียบได้กับร้านอาหารระดับไฮเอนด์ด้านนอกอย่างแน่นอน เย่จิงเหยียนหยิบอาหารสองสามอย่างและเดินไปที่หน้าต่าง จ้าวเสวียนรู้สึกตัวและนั่งคุยกับเพื่อนร่วมงานสองสามคนในสำนักเลขาธิการ ถ้าเธอไปนั่งข้างๆเยาจิงเหยียนต้องถูกไล่ออกมาแน่นอน อาจจะโดนเขาไล่อย่างหยาบคาย กว่าเธอจะทำให้ตัวเองมีภาพลักษณ์เป็นแฟนของเจ้าของบริษัทได้ ถ้าถูกเปิดเผย ต้องกลายเป็นเรื่องตลกของทุกคนแน่
“เห้ย ทำไมเธอไม่ไปนั่งกับประธานเย่ล่ะ มานั่งอยู่กับพวกเราทำไมกัน” เพื่อนร่วมงานกระซิบด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเสวียนยิ้มอย่างเฉยเมยและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า ” กลับบ้านทุกวันก็กินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว ก็ตอนนี้ฉันอยากนั่งกับพวกเธอ ทำไม ไม่ต้อนรับแล้วหรอ?”
“ต้องยินดีต้อนรับสิ เธอเป็นคุณนายในอนาคตของเรา ทำไมเราจะไม่ต้อนรับล่ะ” เพื่อนร่วมงานรีบพูด
จ้าวเสวียนรู้สึกผิดเล็กน้อยเธอยิ้ม ก้มหัวลงและทานต่อ
เย่จิงเหยียนรู้สึกว่ามีสายตาจำนวนมากกำลังมองมาที่เขา ตอนที่เขากินเขาคิดว่าทุกคนไม่ได้เห็นเขามานานแล้วจึงมองเขา แต่เขาไม่รู้ว่าทุกคนมองมาที่เขาเพราะ พวกเขาสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่นั่งกับจ้าวเสวียน
ชั้นดาดฟ้าของเย่ฮวางกรุ๊ป เป็นสถานที่สำหรับเดินเล่นหลังอาหาร จากด้านบนจะเห็นวิวของเมือง A เย่จิงเหยียนมาที่ดาดฟ้าเพื่อเดินเล่นคนเดียวหลังจากรับประทานอาหาร เขาโทรหาต้วนอีเหยาอีกครั้ง แต่ไม่มีคนรับสาย
ในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อย จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า
กำลังจะโทรไปที่บ้านเพื่อถามว่าส่งอาหารกลางวันไปหรือยัง ในเวลาเดียวกัน ก็แอบได้ยินพนักงานสองคนคุยกัน
“นี่มันแปลกเกินไปแล้ว ไม่เห็นประธานเย่จะปฏิบัติกับเธอต่างจากปกติยังไงเลย”
“ นั่นหนะสิ เธอคิดว่าที่เธอท้องเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถ้าลูกในเธอท้องเป็นลูกของประธานเย่จริง ก็คงนอนอยู่แต่ในบ้านเฉยๆแล้ว ทำไมยังมาทำงานเหมือนพวกเราเข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็นล่ะ?”
เลือดพุ่งไปที่สมองของเขา สีหน้าของเย่จิงเหยียนเคร่งทันที ท้อง? ประธานเย่? พวกเขาพูดกำลังพูดถึงจ้าวเสวียน?
“ ตอนแรกฉันคิดแบบนั้น แต่ก็มีรถของตระกูลเย่มารับมาส่งทุกวันเลยนะ คงไม่ผิดหรอกมั้ง?”
“จ้าวเสวียนก็ยอดเยี่ยมเหมือนกันนะ ผู้ชายอย่างประธานเย่ยังตกไปอยู่ในมือเธอได้ คราวนี้เธอกลายเป็นนกฟีนิกซ์จริงๆแล้วแหละ ” น้ำเสียงของเพื่อนร่วมงานหญิงนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา
เย่จิงเหยียนตัวแข็งในขณะที่ฟังพวกเขา เขาไม่จำเป็นต้องหาต้นตอว่าข่าวลือนี้มาจากไหน ถ้าจ้าวเสวียนไม่พูดเอง ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอท้อง
จ้าวเสวียน เธอทำได้ดีมาก ทำให้โลกทั้งใบรู้ว่าเธอท้องกับเขา
“เห้ย ประธานเย่——” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งก็พบว่าเย่จิงเหยียนมีใบเคร่งขรึม ” คุณ คุณทำไม…… ”
เย่จิงเหยียนยกเท้าขึ้นและเดินไปที่ประตูโดยไม่พูดอะไร
“เมื่อกี้เราไม่ได้พูดเรื่องไม่ดีของประธานเย่ใบ่ไหม” เพื่อนร่วมงานหญิงหลายคนกระตุกอย่างประหม่า
” น่าจะไม่มีนะ เราพูดแต่จ้าวเหยียน……”
“ซวยแล้วซวยแล้ว ประธานเย่โกรธเราแล้วมั้ง”
เย่จิงเหยียนโกรธมากแต่คนที่เยาโกรธคือจ้าวเสวียน เดินตรงไปที่สำนักเลขาธิการด้วยความโกรธ จ้าวเสวียนกำลังเล่นโทรศัพท์อย่างชิวๆ
“เธอเข้ามาพบฉันที่ห้องทำงานหน่อย”
จ้าวเสวียนรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก แต่เมื่อเธอเห็นการแสดงออกของเขาก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว
ความโกรธของเย่จิงเหยียนเต็มไปหมด เขาระบายออกมาด้วยการเตะไปที่เก้าอี้หมุน ส่งเสียงดังทำให้จ้าวเสวียนที่เพิ่งเข้ามาหดตัวลง
“จ้าวเสวียน! แม่งเอ้ย เธอต้องการอะไรกันแน่? ทำให้โลกรู้เกี่ยวกับการตั้งท้องของเธอ คิดว่าฉันจะชอบเธองั้นหรอ?” เย่จิงเหยียนคำรามใส่เธอ
จ้าวเสวียนปิดประตูด้วยและในที่สุดเขาก็รู้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวล เธอจึงมองเขาอย่างสงบ “ฉันแค่อยากเก็บเด็กคนนี้ไว้”
“เด็กก็ยังอยู่ดีในท้องเธอไม่ใช่หรือไง?”
ดวงตาของจ้าวเสวียนเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที“ ไม่ ฉันคนเดียวจะปกป้องเขาไว้ได้ยังไง เธอเกลียดเด็กคนนี้ขนาดไหน ฉันกังวลมากเท่านั้น ฉันกลัวว่าวันหนึ่ง ฉันกลัวว่าวันหนึ่งเธอจะพรากเขาไปจากฉัน ฉันไม่มีปัญญาปกป้องเขาไว้ ก็เลยต้องใช้วิธีนี้ไง”
เย่จิงเหยียนเดินไปที่ห้องด้วยความโกรธ จิตใจของเขาสับสน “ถ้าเธออยากได้เงิน ฉันก็ให้ได้ อยากได้เท่าไหร่ฉันก็ให้ได้ ทำไมต้องใช้เด็กคนนี้เป็นหารต่อรอง? เธอรักเด็กคนนี้จริงๆหรอ? เธอแค่ใช้มันเป็นเครื่องมือสนองความต้องการของเธอเท่านั้น”
“ไม่ ฉันรักเขาจริงๆ ฉันจะมอบความรักทั้งหมดให้กับเขา” จ้าวเสวียนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะโต้กลับ
เย่จิงเหยียนจ้องมองเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “แต่ฉันจะไม่มีวันรักเขา กรือแต่งงานกับเธอ เขาเกิดมาในครอบครัวที่ไม่มั่นคง เธอคิดว่านี่คือสิ่งที่เธอรักเขาหรอ?”
จ้าวเสวียนตกตะลึง น้ำตาไหลอย่างไม่สามารถควบคุมได้“ เย่จิงเหยียน เขาเป็นลูกของเธอ เธอจะโหดร้ายกับเขาแบบนี้ได้ยังไง?
ดวงตาของเย่จิงเหยียนกระพริบและจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “เด็กควรจะเกิดมาด้วยความรัก ไม่ใช่เพราะผิดพลาดแบบนี้ จ้าวเสวียน เธอยังมีโอกาส ฉันหวังว่าเธอจะคิดอย่างรอบคอบ เด็กคนนี้…… ”
จ้าวเสวียนถอยหลังกลับไป “ เป็นไปไม่ได้ ฉันจะไม่ฆ่าเด็กคนนี้ เธอตัดใจเรื่องนี้ไปซะเถอะ” หลังจากพูดแบบนั้น จ้าวเสวียนก็เปิดประตูและออกไป ตอนบ่ายก็ไม่ทำงาน เรียกแท็กซี่และกลับบ้านตระกูลเย่
เป็นเรื่องน่าขัน บ้านของเขากลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอ
……
โรงพยาบาลทหาร
หลังจากช่วยเหลือ ต้วนอีเหยาก็ลืมตาขึ้น เธอโกรธมากก็เลยทำให้เป็นลม
“ลูกพี่ ตื่นแล้วหรอ ตกใจแทบแย่” ชิงหลงยืนอยู่ข้างเตียง เขาไม่เคยเห็นลูกพี่โกรธถึงขนาดคว่ำโต๊ะแบบนี้มาก่อน
“ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรถึงทำให้โกรธมากขนาดนี้?” ชิงหลงถามต่อไปเขาต้องการระบายความโกรธให้ลูกพี่
ต้วนอีเหยาจ้องมองไปที่เพดานอย่างว่างเปล่า หัวของเธอเต็มไปด้วยสิ่งที่จ้าวเสวียนพูดก่อนที่เธอจะเป็นลม
เธอบอกว่าเธอท้อง เธอบอกว่า เย่จิงเหยียนชอบเด็กคนนี้มากและเธอขอให้ตัวเองออกจากเย่จิงเหยียน
ทันใดนั้น ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน เขามีลูกด้วยกันแล้ว
เหอะ ก็เป็นมือที่สามหรอกหรอ?
ต้วนอีเหยากลายเป็นมือที่สามหรอ?
ตลกสิ้นดี!
เธออยู่นิ่งๆไม่พูดอะไร ชิงหลงก็แทบจะบ้าอยู่ข้างๆ “เพราะผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรใช่ไหม? เธอเป็นเลขาของเย่จิงเหยียนใช่ไหม? ฉันจะไปหาเธอ”
“หยุดนะ” ต้วนอีเหยาพ่นคำสองคำออกมาอย่างสบายๆๆ และหยุดชิงหลงที่กำลังวิ่งไปที่ประตู
“ลูกพี่!” ชิงหลงรู้สึกเสียใจ ลูกพี่ของเขายอมให้คนอื่นรังแกตั้งแต่เมื่อไหร่?
“เธอออกไปก่อน ฉันจะอยู่คนเดียวสักพัก” ต้วนอีเหยาพูดเบาๆ
ชิงหลงชกกำแพงอย่างแรงและรีบวิ่งออกไปจากห้องผู้ป่วย
ต้วนอีเหยาหันหลังกลับไปที่ประตู เธอโกรธมาก เธอโกรธที่เยาจิงเหยียนมีลูก เธอโกรธที่เขาไม่บอกเรื่องนี้กับเธอ เธอเข้าใจเขา แต่ก็ให้อภัยกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้
เธอจะไม่แคร์จ้าวเสวียนเลยก็ได้ ทำราวกับว่าเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แต่เด็กล่ะ? เขาก็เป็นสิ่งมีชีวิต เธอไม่อยากทำลายชีวิตของผู้หญิงคนนั้นและเด็กเพื่อความสุขของตัวเอง
สิ่งที่เธอต้องการปกป้องในชีวิตของเธอคือความสุขของคนธรรมดา ดังนั้นเธอจะปล่อยให้เด็กไม่มีพ่ออย่างโหดร้ายได้ยังไง? สิ่งนี้ขัดต่อความประสงค์ของเธอ
เธอไม่สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้
เธอถอนหายใจหนัก เธอมั่นใจว่าเธอรักเย่จิงเหยียน แต่ราคาของความรักครั้งนี้มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เธอจะทนได้
เมื่อนึกถึงการที่ต้องไปจากเขา น้ำตาของต้วนอีเหยาก็ไหลลงมาที่มุมตาของเธอ แม่งเอ้ย ทำไมทุกครั้งที่กำลังจะมีความสุขก็จะมีอะไรมาพรากความสุขนั้นไปวะ?
ชาติที่แล้วต้วนอีเหยาเธอไปทำกรรมอะไรไว้?
จางเหอส่งอาหารกลางวันมาให้ เขาไม่เห็นต้วนอีเหยา ดังนั้นเขาจึงเอาให้อาหารชิงหลงและจากไป เขาก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนเย็น เย่จิงเหยียนมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับอาหารที่ปรุงด้วยยาจากร้านอาหารระดับไฮเอนด์และเครื่องเคียงชั้นดีสองสามอย่าง ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามา เขาก็ตะลึง
“อีเหยา?” เย่จิงเหยียนเรียกหาเธอ แต่ไม่มีคนตอบ
ในตอนนี้เย่จิงเหยียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เนื่องจากโต๊ะอาหารที่มักจะเต็มไปด้วยผลไม้ในตอนนี้ไม่มีอะไรเลยและยังมีกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อในห้อง
ความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของเขาเย่จิงเหยียน วางอาหารบนโต๊ะอาหารและวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ อุปกรณ์อาบน้ำทั้งหมดของเธอหายไป
คนล่ะ?
หัวใจของเย่จิงเหยียนเต้นระรัวและเขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เมื่อนึกถึงวันนี้ที่ติดต่อเธอไม่ได้ เขายิ่งกังวล
คงไม่ใช่ว่า……ไปแล้ว?
เมื่อนึกถึงแบบนี้ ทั้งตัวของเย่จิงเหยียนก็รู้สึกไม่ดี เขารีบออกไปที่ห้องของชิงหลง ไม่มีใครอยู่และผ้าห่มก็เรียบร้อยพับอยู่เหมือนเต้าหู้
จากไปแบบไม่ลาสักคำเลยหรอ?
เย่จิงเหยียนเอ่ยในลำคอของเขา และเดินไปที่สถานีพยาบาลด้วยความตื่นตระหนก “พยาบาล ต้วนอีเหยาอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มีใครอยู่ในห้อง?”
พยาบาลกำลังเขียนเวชระเบียนเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าเธอเป็นคนรู้จักจึงพูดอย่างเรียบๆว่า “อยู่ห้อง IUC”
ยังไม่ไป?
เย่จิงเหยียนมีความสุขเพียงไม่กี่วินาที จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกังวลใจ ICU? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? อาการแย่ลงหรอ?
เขารีบวิ่งไปยังห้องไอซียูและพุ่งเข้าหาชิงหลงทันทีที่เขาเปิดประตู และเขาก็ถูกผลักออกไปโดยตรง
“ อีเหยาเป็นอะไร? ทำไมเธอถึงอยู่ในห้องICU?” เย่จิงเหยียนคว้าแขนของชิงหลงและถามซ้ำ
ไฟที่ชิงหลงเก็บมาตลอดทั้งวันได้ปะทุออกมาอย่างกะทันหัน เขาผลักเย่จิงเหยียนเข้ากับกำแพงและเอาแขนโอบคอเขา “เกิดอะไรขึ้นกับลูกพี่? ฉันน่าจะต้องเป็นคนถามแก”
“ฉัน?” เย่จิงเหยียนสับสน สงสัยว่าเขาหมายถึงอะไร
ชิงหลงหายใจแรง ดวงตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ”ใช่เลขาหญิงคนนั้นของแกมาหาลูกพี่แต่เช้า ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร ลูกพี่ถึงโกรธจนเป็นลม แกกล้าพูดหรอว่าไม่เกี่ยวกับแก?”
เย่จิงเหยียนอึ้งและพึมพำ ” เธอหมายถึง อีเหยาเป็นลม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับแก ตั้งแต่วันนี้ แกช่วยอยู่ห่างๆจากลูกพี่ด้วย อย่ามาปรากฏตัวต่อลูกพี่อีก” พูดเสร็จชิงหลงก็ปล่อยเขาและคำราม “ออกไป!”
หัวใจทั้งหมดของเย่จิงเหยียนถูกบับเข้าด้วยกัน เธอเป็นลม……จ้าวเสวียน จ้าวเสวียน เธอทำอะไรให้อีเหยาใจสลายกันแน่?
หายใจเข้าลึกๆ เย่จิงเหยียนพูดว่า “ชิงหลง เรื่องนี้ฉันจะอธิบายกับอีเหยาเอง ให้ฉันเข้าไปเถอะ”
ทันทีที่ชิงหลงได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเขา เขาก็ยิ่งรู้สึกรำคาญและปฏิเสธที่จะให้เขาเข้าไป “ ออกไป! ลูกพี่ไม่อยากเห็นหน้าแก”
“ชิงหลง ขอร้อง วันนี้ฉันต้องเจออีเหยาให้ได้”
“ ถ้าฉันยังอยู่ อย่าหวังว่าจะได้เข้าไป”
เย่จิงเหยียนรู้สึกกระวนกระวายและหัวใจเต้นแรง ในพริบตา เขาหายไปต่อหน้าชิงหลง ทิ้งเขาไว้ด้วยความงุนงง!
เมื่อกี้……เกิดอะไรขึ้น?
มาถึงที่เตียง ต้วนอีเหยานอนตะแคงหลับตา ไม่แน่ใจว่าเธอหลับไปจริงๆหรือไม่อยากเห็นเขา เย่จิงเหยียนมองเห็นหมอนที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ หัวใจของเขาราวกับว่าจะแตกสลาย
คุกเข่าบนพื้น จิงเหยียนกระซิบเบาๆ “อีเหยา”
ต้วนอีเหยากะพริบตาของเธอและหันหลังให้เขา
ดวงตาของเย่จิงเหยียนมีคยามเจ็บปวด เดินไปข้างเตียงและเข้ามาหาเธอ คุกเข่าบนพื้น เขาอยากจับมือของเธอ แต่เอามือเข้าไปไว้ในผ้าห่มทันทีที่เขาสัมผัสเธอ
“อีเหยา……ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรปกปิดเธอเรื่องของจ้าวเสวียน” เย่จิงเหยียนเสียใจอย่างมากและโทษว่าเขาขี้ขลาดเกินไป เขาควรพูดถึงเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ มันออกจากปากของจ้าวเสวียนไม่รู้ว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
“ อีเหยา ฉันไม่กล้าบอกกับเธอ ความสัมพันธ์ของเราเพิ่งจะดีขึ้น ฉันกลัวว่าเมื่อพูดไปแล้วเธอจะไม่ต้องการฉัน อีเหยาฉันกลัวจริงๆ ฉันจะเสียเธอไม่ได้”
ต้วนอีเหยาลืมตาขึ้นทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเฉยเมย “เธอไม่พูดเรื่องนี้มันจะให้ทำดีขึ้นหรอ? จะโกหกฉันไปถึงเมื่อไหร่?
เย่จิงเหยียนจ้องตาเธอ “ ฉัน……แค่อยากรอให้เธออาการดีขึ้นหน่อย…… ”
“พอ!” ต้วนอีเหยาตะคอกอย่างเย็นชา “ตอนนี้ฉันรู้แล้ว เธอจะทำยังไงต่อไป?”