วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่329 ฉันต้องการให้คุณแต่งงานกับฉัน
ในตอนนี้เย่จิงเหยียนดูแลอะไรไม่ได้แล้ว ชาแล้วโอบกอดเธอ
“ลูกรักษาไว้ไม่ได้แล้วใช่ไหม?”จ้าวเสวียนน้ำตาไหลออกมาจากหางตา เธอรู้สึกทุกข์ใจมาก ถึงอย่างไรเธอก็เคยรักลูกอย่างแท้จริง
เย่จิงเหยียนเสียงแหบแห้ง ปลอบโยนเธอ”อย่าคิดไปเอง อีกสักครู่ก็จะถึงโรงพยาบาลแล้ว”
ในสมองของเขาตอนนี้เลิกคิดแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเป็นคนลงมือผลักจ้าวเสวียนลงไป
จ้าวเสวียนน้ำตายิ่งเอ่อนองมากขึ้น “ฉันชอบลูกของเรามากจริงๆ ชอบมากจริงๆ….”
เย่จิงเหยียนรู้สึกว่าหัวใจถูกมีดทิ่มแทงลงมา เจ็บปวดชา
เขาไม่ได้ชอบจ้าวเสวียน ไม่ชอบลูก แต่ว่า….ถึงอย่างไรก็เป็นลูกของเขา ตอนนี้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น เขาจะรับได้อย่างไรกัน?
ถึงโรงพยาบาล หมอและพยาบาลห้องฉุกเฉินรออย่างใจจดใจจ่อ พอรถถึงก็แบกหามจ้าวเสวียนลงมาและเข็นเข้าไป
“เหตุการณ์เป็นอย่างไร”หมอถามเย่จิงเหยียนที่มาด้วย
“เธอท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว เธอเพิ่งจะตกลงมาจากบันได”
“ทำไมถึงไม่ระวัง?”หมอตำหนิหนึ่งประโยคแล้วรีบเดินเข้าไป
เย่จิงเหยียนยืนอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน รู้สึกว่าที่มือเหนียวหนึบ ก้มศีรษะมองลงดู มือของเขาเต็มไปด้วยเลือด….
ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ
เย่จิงเหยียนพูดในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าพูดกับใคร
เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยตามมาทีหลัง มองลูกชายที่ยืนโง่มึนงงอยู่ รีบถามด้วยความเป็นห่วงว่า”จ้าวเสวียนล่ะ?”
“อยู่ด้านใน”
“สรุปว่าเกิดอะไรขึ้น?”มู่เวยเวยถามด้วยความโมโห
เย่จิงเหยียนอ้าปากค้าง นานถึงพูดออกมา”ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่ไม่อยากดื่มกาแฟที่เธอชง ก็เลยใช้มือผลักออก เธอก็….ผมไม่ได้ต้องการเอาชีวิตของลูก”
มู่เวยเวยจ้องลูกชายด้วยความไม่พอใจ ทั้งโกรธและเสียใจ พูดอย่างไม่คิดว่า”ตอนเริ่มแรกลูกก็ไม่ได้ชอบลูกของตัวเอง ตอนนี้ดีแล้ว สมใจปรารถนาของลูกแล้ว”
“ผิงอันก็ไม่ได้ตั้งใจ เธออย่าว่าเขาเลย” เย่ฉ่าวเฉินพูดแทนลูกชาย “เธอดูว่าเขาก็ทุกข์ใจเหมือนกัน”
“ทุกข์ใจแล้วทำอะไรได้?ทุกข์ใจแล้วหลานของฉันกลับมาได้ไหม?”มู่เวยเวยพูดอย่างเดือดดาล อยากที่จะตีลูกชายสักสองครั้งถึงจะระบายความโกรธนี้ออกมาได้
เย่ฉ่าวเฉินปลอบใจเธอไม่หยุด”โอเคแล้วๆ อย่าโกรธเลย เด็กคนนี้กลับไปแล้วค่อยจัดการ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
“เขาทำเพื่อต้วนอีเหยาเรื่องอะไรก็สามารถทำได้หมด ตอนนี้สมใจปรารถนาแล้ว ลูกก็ไปหาเธอได้แล้วใช่ไหม?ขนาดชีวิตของลูกตัวเองยังดูแลไว้ไม่ได้ ทั้งที่ลูกรู้…..”มู่เวยเวยยิ่งพูดยิ่งโมโห กลัวว่าภรรยาจะพูดให้ลูกชายเสียใจ เย่ฉ่าวเฉินก็พาเธอออกไปจากบริเวณห้องโถงของแผนกฉุกเฉิน
“คุณห้ามฉันทำไม?ฉันไม่ถูกใจเขาไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว โตขนาดนี้แล้ว ทำไมทำเรื่องสะเพร่าได้ขนาดนี้?”มู่เวยเวยระบายอารมณ์ใส่สามี
“ใช่ๆๆ เรื่องนี้ผิงอันทำไม่ถูกจริงๆ เธอใจเย็นๆ”
มู่เวยเวยโกรธอยู่ในใจไม่มีที่ระบาย หันกลับมาที่สามี”เป็นเพราะคุณ ตั้งแต่เด็กก็ตามใจเขา เรื่องอะไรก็ฟังเขา”
“เพราะฉันๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน โอเคแล้วนะไม่โกรธแล้ว “เย่ฉ่าวเฉินปลอบใจภรรยา รอเธอจิตใจสงบขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า”เธอดูท่าทางของลูกเมื่อกี้สิ เห็นได้ชัดว่าตกใจกับเรื่องนี้ เธอพูดว่าเขาอีกก็เป็นปมในใจ โทษตัวเองไปตลอดชีวิต เธอยอมที่จะเห็นชาตินี้ผิงอันมีบาปในใจเหรอ?”
“ฉัน…..”มู่เวยเวยตาแดงก่ำ อีกนิดหนึ่งน้ำตาก็ไหลหล่นลงมา “แต่ครั้งนี้เขาทำเกินไป ตัวเองทำผิดแล้วไม่ยอมรับ ยังทำเย็นชากับจ้าวเสวียน ฉันรู้สึกไม่เหมาะสมแทนจ้าวเสวียน”
“เวยเวย เธอเป็นคนจิตใจดี รู้หน้ารู้คนไม่รู้ใจนะ”เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างลึกซึ้งมีนัย
“คุณหมายความว่าอย่างไร?”มู่เวยเวยมองสามีอย่างตื่นตัว รีบเก็บน้ำตากลับคืนไป
เย่ฉ่าวเฉินโอบที่ไหล่เธอแล้วพูดว่า”เด็กคนนี้ไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่เธอมองหรอกนะ เธออยู่ที่โรงพยาบาลทหารก็วางแผนอยู่นาน ครั้งก่อนที่ฉันไปเยี่ยมผิงอัน เธอก็ตามอยู่ด้านหลังของรถตลอด ฉันเห็นว่าไม่ได้ทำอะไรกับผิงอัน ก็ไม่ได้สนใจอะไร ที่แท้เธอก็ตามต้วนอีเหยาไปนะ”
“แล้วนี่สามารถเห็นอะไรชัดเจน?”มู่เวยเวยปากแข็งตอบโต้กลับ”ถึงเธอจะไปหาต้วนอีเหยา ก็ดูตามหลักเหตุผลสามารถอภัยให้ได้”
เย่ฉ่าวเฉินมองภรรยาที่เป็นเช่นนี้ คาดว่าเขาพูดอะไรก็ไม่ฟังแล้ว ทางที่ดีก็ประนีประนอม”โอเค ไม่พูดเรื่องเหล่านี้แล้ว ไปดูผิงอันกันเถอะ เด็กคนนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง”
มูเวยเวยยิ่งเอนเอียงไปหาลูกชาย ต่อให้เขาทำเรื่องที่ผิด หลังจากที่โกรธเขาแล้วก็ยังเป็นห่วงอยู่ท่าทางลูกอยู่
“รออีกสักครู่เข้าไปแต่อย่าทำให้เขาหวาดกลัว”
“เข้าใจแล้ว”
เย่จิงเหยียนยืนอยู่ที่เดิมจะเคลื่อนไหวก็ไม่เคลื่อนไหว ท่าทางเฉยชาไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เย่ฉ่าวเฉินเดินไปตบที่ไหล่ของเขาแล้วพูดว่า”ไปล้างมือก่อนเถอะ”
เย่จิงเหยียนหันศีรษะกลับไปสบตากับพ่อ สีหน้าไร้ความรู้สึก พูดออกมาคำหนึ่งว่า”พ่อ”
“พ่อรู้ว่าลูกทุกข์ใจ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ที่ลูกสามารถทำได้คือพยายามเปลี่ยนแปลงกลับมา”
เย่จิงเหยียนชะงักงัน หมุนตัวเดินไปทางห้องน้ำ
เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก
หมอพูดอย่างราบเรียบว่า”เด็กรักษาไว้ไม่ได้ พวกเราทำการผ่าตัดขูดมดลูกให้คนไข้แล้ว หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาอารมณ์จะแปรปรวน พวกคุณที่เป็นญาติก็อยู่เป็นเพื่อนเธอ ทำให้รักษาสภาพจิตใจให้ดีขึ้นมา”
“ขอบคุณมากครับหมอ”
“คนไข้จะพักฟื้นที่โรงพยาบาลหรือว่ากลับบ้าน นี่เป็นเข็มยาฆ่าเชื้อกับเข็มยาบำรุง แขวนไว้ทุกวันก็พอแล้ว “หมอถาม
มู่เวยเวยมองลูกกับสามี แล้วพูดขึ้นว่า”กลับบ้าน”
“อย่างนั้นก็รอคนไข้รู้สึกตัวขึ้นมาหน่อยนะ หลังจากยี่สิบนาทีก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะหมอ”
ตอนที่จ้าวเสวียนตื่นขึ้นมาจากยาชา มองเห็นเย่จิงเหยียนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ถามเสียงเบาว่า”ลูกของพวกเราล่ะ?”
เย่จิงเหยียนรู้สึกทิ่มแทงหัวใจทันที พูดกับแววตาที่คาดหวังของเธอว่า”ขอโทษนะ”
น้ำตาคลอไหลลื่นแทรกซึมผ่านเส้นผม”ฉันเสียลูกไปแล้ว”
มู่เวยเวยที่เห็นเธอเสียใจเช่นนั้น ดวงตาก็แดงก่ำด้วย กุมที่มือเย็นยะเยือกของเธอ”จ้าวเสวียน ตระกูลลเย่ของพวกเราทำไม่ดีต่อเธอ พวกเราจะรับผิดชอบเธอให้ถึงที่สุด”
“แต่ฉันต้องการแค่ลูก เขาใกล้จะสามเดือนแล้ว ฉันพูดคุยกับเขาทุกวัน เล่านิทานให้เขาฟัง…..”จ้าวเสวียนเล่าแล้วก็ร้องไห้ ทำให้คนที่อยู่ในที่นั้นอดไม่ได้ที่จะเศร้าใจไปด้วย
“โอเคแล้วสาวน้อย อย่าเสียใจไปเลยนะ เพิ่งจะผ่านการผ่าตัดมาร้องไห้แล้วทำให้ไม่สบายดวงตานะ”มู่เวยเวยยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอซับน้ำตา “เธออายุยังน้อย ต่อไปก็ยังสามารถมีลูกได้”
เสียงร้องไห้ของจ้าวเสวียนรบกวนจิตใจของเย่จิงเหยียน เขารู้สึกว่าที่พยายามหลีกเลี่ยงและใช้สายตาเย็นชาเป็นความผิดพลาด
ถ้าหากว่าเขาทำดีกับลูกมากๆ ก็จะไม่มีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นในวันนี้
“โอเคแล้วนะ พวกเรากลับบ้านกัน”มู่เวยเวยเสยผมเธอขึ้นและพูดด้วยความรักใคร่เอ็นดู
เย่จิงเหยียนประคองเธอออกจากห้องฉุกเฉินอย่างเงียบๆและให้เธอนั่งลงที่รถเข็น
คืนที่มืดมิด บรรยากาศไม่มีแม้แต่ลมพัดโชย ขนาดนั้นพระจันทร์ยังหลบซ่อนอยู่ในก้อนเมฆ ถึงจะมืดเพียงใด ก็ไมีมีใครเห็นแสงสีแดงของกล้องที่อยู่บริเวณไม่ไกลนี้
กลับถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ จ้าวเสวียนเหนื่อยมาก ร้องไห้แล้วนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
เย่ชวูเสวียกลับมาถึงคฤหาสน์ในเวลาสี่ทุ่ม หลังจากรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากจางเห่อก็รู้สึกวิตกกังวลจนถึงตอนนี้
“พูดมาเถอะ จะทำอย่างไร”มู่เวยเวยเริ่มเอ่ยปากพูดก่อน
ที่เหลืออีกสามคนไม่มีใครพูด เพราะว่าเรื่องนี้ต้องดูท่าทีของเย่จิงเหยียน
“ทำไมไม่มีใครพูดสักคน?”มู่เวยเวยกวาดสายตามองหนึ่งรอบ สายตาจ้องที่ลูกชายของตัวเอง”ผิงอัน คิดว่าอย่างไร?”
เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากให้ลูกชายพูดในเวลาที่กำลังตื่นตระหนกแล้วจะมาเสียใจที รีบพูดตัดบทว่า”เอาอย่างนี้เถอะ วันนี้ทุกคนเหนื่อยมามากแล้ว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว อย่างนี้พวกเราก็พักผ่อนกันก่อนสักหนึ่งคืน คิดทบทวนให้ดีๆ พรุ่งนี้ค่อยตกลงกัน และพวกเราก็ต้องฟังความคิดเห็นของจิงเหยียนถูกหรือไม่?”
เย่ชูวเสวียเป็นคนที่จงรักภักดีสนับสุนนพ่อ รีบยกมือขึ้นพูด”หนูเห็นด้วยๆ ตอนกลางคืนเป็นช่วงที่คนอารมณ์ผันแปร ไม่เหมาะที่จะมาทำข้อตกลง รอพรุ่งนี้เถอะค่ะ”
มู่เวยเวยจ้องเขม็งใส่สามี “คุณนี่สามารถที่จะไกล่เกลี่ยมั่วๆ”
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเหอๆ”ที่หรูอี้พูดมีหลักการทางวิทยาศาสตร์นะ ตอนกลางคืนไม่เหมาะที่จะทำข้อตกลง ตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว นอนเถอะๆ”
“ได้ พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ ” ในที่สุดมู่เวยเวยก็ยินยอมโอนอ่อน
“ฝันดีนะคะคุณพ่อคุณแม่”เย่ชูวเสวียกล่าวส่งทั้งสองด้วยความเคารพนลนอบ เย่ฉ่าวเฉินแอบส่งสายตาให้ลูกสาว เด็กน้อยพยักหน้าแล้วยกนิ้วขึ้นทำสัญลักษณ์โอเค
รอทั้งสองคนหายลับไปจากบริเวณนั้น เย่ชวูเสวียรีบพูดด้วยท่าทีจริงจังว่า”พี่ชาย พี่ห้ามคิดจริงจังเด็ดขาด จ้าวเสวียนขอเรื่องอะไรก็ตอบตกลงได้หมด มีแค่หนึ่งสิ่งที่ไม่ได้ นั่นก็คือแต่งงานกับเธอ”
เย่จิงเหยียนพิงที่โซฟา เย่ฉ่าวเฉินเงยศีรษะขึ้นมองหลอดไฟคริสตัลขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่
“พี่ ฉันพูดกับพี่อยู่นะ ได้ยินไหม”เย่ชวูเสวียโยกไหล่ของพี่ชายไปมา”พี่ต้องห้ามเอาชีวิตของตัวเองทั้งชีวิตเข้าไปพ่วงไว้ ไม่คุ่มค่ารู้ไหม?”
เย่จิงเหยียนเงียบอยู่นานถึงพูดว่า”หรูอี้ เทน้ำให้พี่สักหนึ่งแก้วได้ไหม? พี่คอแห้ง”
“อ้อ ได้สิ”เย่ชวูเสวียเทน้ำให้พี่ชายอย่างว่าง่าย
เย่ฉ่าวเฉินดื่มน้ำดัง”เอื๊อกๆๆๆ”เหมือนกับได้สิติขึ้นมามาก เช็ดที่ริมฝีปาก แล้วพูดว่า”พี่รู้ นี่มันเป็นสองเรื่อง”
เย่ชวูเสวียถอนหายใจยาว ตบที่หน้าอกแล้วพูดว่า”พี่รู้ก็ดีแล้ว เมื่อกี้พ่อยังส่งสายตาให้ฉันมาโดยเฉพาะเลย ให้ฉันเกลี้ยกล่อม กลัวว่าพี่จะหัวร้อนแล้วพูดเลอะเทอะ”
“พี่ไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ โอเคแล้ว ไปนอนเถอะ”เย่จิงเหยียนลูบศีรษะของเธอเหมือนกับวัยเด็ก
“อย่างนั้นพี่ก็อย่าดึกมากแล้วกัน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว”
“รู้แล้ว”
เย่ชวูเสวียกระโดดลงจากโซฟา มองพี่ชายด้วยความเป็นห่วงและหายไปในอากาศ
เย่จิงเหยียนรู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรง ขนาดแรงที่จะเคลื่อนไหวนิ้วหัวแม่มือยังไม่มี หลับตาลง ฉากที่บันไดปรากฎต่อหน้าเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น และยังมีเลือดเหนียวหนืดที่มือทั้งสองข้าง
เรื่องเกิดขึ้นเร็วมาก ตลอดจนกระทั่งเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองสิ่งอื่น
ถ้าหากเมื่อกี้เขาสามารถหยุดเวลาได้ อาจจะสามารถช่วยเหลือหนึ่งชีวิตไว้ แต่ทว่าก็เป็นแค่คำว่าถ้าหาก…….
กลางดึก ด้านนอกมีลมเบาๆ ฟ้าใกล้สว่าง พายุฝนโหมกระหน่ำ
จางเห่อลุกจากเตียงมาดูเย่จิงเหยียนที่ขดตัวบนโซฟา รู้สึกรักและทะนุถนอม หาผ้าห่มหนึ่งผืนมาห่มให้
เย่จิงเหยียนไม่ได้หลับลึก รับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวลืมตางัวเงียขึ้นมาดู เสียงแหบแห้งเรียกจางเห่อว่า”คุณลุงเห่อ”
จางเห่อพูดเสียงเบาว่า”ยังเช้าอยู่เลย นอนต่ออีกสักนิดเถอะครับ”
“ด้านนอกฝนตกเหรอ?”เย่จิงเหยียนได้ยินเสียงฝนเลยถามเขา เขารู้สึกว่าตัวเองกลับมาวัยเด็ก เวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน ก็เป็นจางเห่อที่ดูแลเขากับหรูอี้ในค่ำคืนที่ฝนตกอย่างนี้
“อืม ฝนตกแล้ว”
“คุณลุงเห่อ รออีกสักพักฟ้าสางแล้ว คุณช่วยสั่งคนส่งอาหารไปที่โรงพยาบาลสองชุดนะ”วันนี้ เขารู้สึกว่าท่าทางไม่ดีไม่เหมาะที่จะไปพบต้วนอีเหยา
จางเห่อผงกศีรษะ ใช้ผ้าห่มปิดที่บริเวณคางของเขาแล้วพูดว่า”ทราบแล้วครับ วางใจได้”
เย่จิงเหยียนตอบอืมออกมาแล้วหลับตาลงอีกครั้ง เขารู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมาก
หนึ่งชั่วโมงถัดมา มู่เวยเวยลงมาจากด้านบนมองเห็นลูกชาย ความโกรธเมื่อคืนหายไปหมดสิ้น
เขาก็คงรับไม่ได้มาก คาดไม่ถึงในระหว่างเมื่อคืนจะทำให้เขาหน้าซีดไร้เรี่ยวแรงมากขนาดนี้
“เธอยืนทำ….”
“ชู่วว์——”มู่เวยเวยแสดงออกให้สามีเงียบๆ ชี้แล้วชี้อีกที่ลูกชายที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาแล้วพูดว่า”พูดเบาๆ ผิงอันยังนอนอยู่เลย”
“เจ้าเด็กคนนี้น่าจะไม่ได้นอนทั้งคืน ด้านนอกฝนตกขนาดนี้ ก็ไม่กลัวว่าจะเป็นหวัด”เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วพูด
มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะย้อนคิด “เมื่อวานฉันบังคับเขามากเกินไป”
“พอแล้ว เธอก็อย่าโทษตัวเอง เรื่องนี้เขาทำไม่ถูกจริงๆ ไปเถอะๆ ให้เขานอนสักพักหนึ่ง พวกเราไปห้องอาหารกินข้าวก่อน”
จนถึงตอนเช้าเก้าโมงกว่า เย่จิงเหยียนถึงงัวเงียตื่นขึ้น และในเวลานั้น หมอประจำตระกูลกะเอาขวดยาแขวนให้จ้าวเสวียนเรียบร้อนแล้ว
เย่จิงเหยียนกลับมาล้างหน้าบ้วนปากที่ห้องของตัวเองเรียบร้อย ตั้งใจที่จะไปพูดคุยกับจ้าวเสวียน ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องเธอนานมากถึงเคาะประตู
จ้าวเสวียนหันศีรษะกลับไปมองเขา แววตาลึกๆสว่างไสว ในที่สุดเขาก็มาแล้ว
นอกเหนือจากนี้ ในห้องยังมีมู่เวยเวยที่พูดคุยเป็นเพื่อนเธอ
“พวกเธอคุยกัน ฉันจะออกไปก่อน”
“ไม่ต้องหรอกแม่ แม่นั่งฟังอยู่ที่นี่ก็ดี”เย่จิงเหยียนรั้งไว้
เขานั่งห่างจากจ้าวเสวียนให้ไกลที่สุด ขมวดคิ้วขึ้น เย็นชาไม่มีความอบอุ่นใดๆพูดว่า”เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเป็นความผิดของฉัน เธอมีเงื่อนไขอะไรก็พูดมาได้เลย ฉันจะทำให้เธอพึงพอใจ”
จ้าวเสวียนชะงักงันมองที่เขา เธอต้องการก็คือคำนี้ คิดแล้วคิดอีกพูดว่า”เงื่อนไขอะไรก็ได้ใช้ไหม?”
“ไม่ นอกจากเรื่องหนึ่ง”เย่จิงเหยียนจ้องมองตาเธอ ไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด
“อะไร?”จ้าวเสวียนถูกเขาจ้องจนเสียความมั่นใจ ถามเขาด้วยความดื้อรั้น
“แต่งงานกับเธอ”เย่จิงเหยียนพูดคำนี้ออกมาอย่างเย็นชา “นอกจากเงื่อนไขนี้ ก็คือให้ฉันแต่งงานกับเธอ นอกนั้นคือได้หมดทุกอย่าง”
จ้าวเสวียนยิ้มอย่างทุกข์ระทม พูดถากถางเขาว่า” บังเอิญจัง ฉันก็มีเพียงเงื่อนไขนี้ ก็คือให้คุณแต่งงานกับฉัน”
“เปลี่ยนอันอื่นเถอะ” เย่จิงเหยียนพูดตามตรง
“คุณทำร้ายจนฉันสูญเสียลูกไป ฉันให้คุณแต่งงานกับฉันก็ไม่ได้?แม้เพียงแต่งงานหลอกๆกับฉันสองปีแล้วค่อยหย่าก็ไม่ได้?”
เย่จิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึม ด้วยท่าทางเจราจาต่อรอง”ไม่ได้ การแต่งงานสำหรับฉันเป็นเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์ ฉันไม่มีทางเอาเรื่องแต่งงานมาเป็นเกมส์ แล้วก็ไม่อยากโกหกเธอ อภัยให้ฉันด้วย”
จ้าวเสวียนยิ้มเย็น”เอาเถอะ ในเมื่อคุณปฏิเสธเงื่อนไขข้อเดียวของฉัน อย่างนั้นฉันก็จะคิดให้ดีว่าอยากจะต้องการอะไร พรุ่งนี้ฉันจะให้คำตอบคุณ”
“ขอบคุณ” พูดสองคำนี้ เย่จิงเหยียนก็ลุกขึ้นเดินออกไป
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบมู่เวยเวยไม่ได้พูดอะไร จ้าวเสวียนพูดสิ่งที่ต้องการออกมากับคำปฎิเสธของเย่จิงเหยียนทั้งหมดอยู่ในการคาดการณ์ของเธอแล้ว เพราะฉะนั้นเธอไม่สะทกสะท้านมาก