วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่343 ปกป้องภรรยา
ต้วนจื่ออิ๋งชำเลืองมอง “คอลเลคชั่นล่าสุดของ Chanel สวยมาก”
“สายตาดีเหมือนฉันเลย” เย่ชวูเสวียหยิบเสื้อผ้าให้เธอและเปิดลิ้นชักหลายๆชั้น มีกางเกงชั้นในหลากสไตล์วางไว้อย่างเป็นระเบียบ เธอเหลือบมองไปที่หน้าอกของต้วนจื่ออิ๋งและพูดว่า “ใกล้เคียงกับฉันแหละ มันเป็นของใหม่ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จก็มาเลือกใส่ได้เลยนะ ห้องอาบน้ำอยู่ทางนุ้น รีบไปอาบเถอะ เอ้อ รองเท้าอยู่ในตู้ตรงนั้น ฉันจะไปก่อนนะ ”
“เดี๋ยวก่อน……” ต้วนจื่ออิ๋งจับมือเธอ “ขอบคุณนะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เราเป็นเพื่อนกันนิ” “เย่ชวูเสวียพูดด้วยรอยยิ้ม” ใช่สิ วันนี้เป็นวันเกิดแม่ฉัน ถ้าอาบเสร็จแล้วตามมานะ พวกเราจะรออยู่ที่นั่น”
ต้วนจื่ออิ๋งไม่รำคาญและตกลงทันที “โอเค เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”
“ งั้นฉันไปก่อน”
เย่ชวูเสวียเดินออกจากห้องและถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าเธอและพ่อแม่ของเธอไม่ต้องกังวลว่าพี่ชายของเธอจะเป็นโรคซึมเศร้า เพราะพระเจ้าส่งยาที่ดีที่สุดมาให้
ในห้องน้ำ ต้วนจื่ออิ๋งอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี เธอไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ เธอได้รับการช่วยเหลือจากการว่ายน้ำและได้พบกับครอบครัวที่ต้อนรับอย่างดี เป็นเรื่องที่ดีที่สุดเลย
แต่ว่า ต้วนอีเหยาที่พวกเขาพูดถึงคือใครกัน ฟังที่เย่ชวูเสวียพูดแล้ว เธอน่าจะมีรูปร่างคล้ายๆผู้หญิงคนนั้น
ที่ริมทะเลสาบ เย่ชวูเสวียวิ่งไปหามู่เวยเวย และเล่าทุกอย่างให้แม่เธอฟัง
หลังจากมู่เวยเวยฟังแล้ว มองลูกชายของเธอด้วยความประหลาดใจ เย่จิงเหยียนก็พลิกเคบับในเตา สีหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเคย
“ผิงอัน ไม่คุยกับทุกคนหน่อยหรอ?” มู่เวยเวยเดินมาถาม
เย่จิงเหยียนให้ไม้เสียบเนื้อย่างกับมู่ยวูฉีที่อยู่ข้างๆเขา“ ไม่มีอะไรจะพูด ก็แค่ช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ของถูกขโมย ฉันก็พาเธอกลับมา อ่อ เธอดูคล้ายกับอีเหยาเล็กน้อย นามสกุลต้วน แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอีเหยา”
“เป็นแบบนี้นี่เองงั้นเดี๋ยวฉันจะไปดูสักหน่อยว่าเหมือนอีเหยาขนาดไหน…… ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ต้วนจื่ออิ๋งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ โดยสวมกระโปรงผ้าโปร่ง พร้อมรองเท้าผ้าใบ ทุกคนหันหน้าไปมอง พวกเขาก็หยุดนิ่งไปสองสามวินาที มันคล้ายมากจริงๆ แค่เพียงเธอมีผมยาว ต้วนอีเหยาผมสั้น
“สวัสดี ฉันชื่อ ต้วนจื่ออิ๋ง ขอขอบคุณทุกคนที่ต้อนรับ” ต้วนจื่ออิ๋งพูดอย่างเป็นการเองโดยไม่แสดงความขลาดอายแม้แต่น้อย นี่เป็นเพียงครั้งแรกที่เธอได้เห็นผู้คนที่มีมูลค่าสูงจำนวนมากอยู่ด้วยกันเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“มาเร็วมาเร็ว ไม่ต้องเกรงขนาดนั้นหรอก” เย่ชวูเสวียโบกมือให้เธอ และก็เริ่มแนะนำญาติๆให้กับเธอ
ต้วนจื่ออิ๋งเคยเห็นโลกใบใหญ่ ก็เลยไม่ได้ตกใจ เมื่อเธอเห็นเจ้าฝาแฝดตัวเล็กก็ตะลึง พวกเขาเป็นแฝดที่น่ารักมาก
ในช่วงเวลานี้ เย่จิงเหยียนได้ทำหน้าที่เป็นคนย่างอยู่ข้างๆ เขาคิดในใจ รู้สึกหนักใจและเสียใจเล็กน้อย บางทีเขาไม่ควรพาเธอกลับมา ควรให้เงินเธอไปพักในโรงแรม
ตอนนั้นมันหุนหันเกินไป
ต้วนจื่ออิ๋ง มีบุคลิกที่มีชีวิตชีวาและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เธอหยิบไวน์แดงขึ้นมาหนึ่งแก้วแล้วพูดว่า “คุณป้า วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ ฉันขอให้คุณมีชีวิตที่สวยงาม สุขภาพและอายุที่ยืนยาว”
“ขอบคุณ” มู่เวยเวยตอบกลับพร้อมกับจิบไวน์อย่างมีความสุข “ทำไมเธอกล้าหาญขนาดนี้ กล้าเดินทางคนเดียวหรอ? พ่อแม่คงเป็นห่วงแย่แล้ว”
ต้วนจื่ออิ๋งยิ้ม “ พ่อแม่ของฉันมัวยุ่งอยู่กับงาน ฉันก็เลยหนีออกมา พวกเขาชินกับมันแล้ว”
“เป็นแบบนี้เองหรอ” มู่เวยเวยพูดด้วยรอยยิ้ม ” งั้นสองสามวันนี้ก็อยู่ที่นี่สิ ให้จิ่งเหยียนกับเย่ชวูเสวียพาไปเที่ยวรอบๆ ”
ต้วนจื่ออิ๋งมองไปที่เย่จิงเหยียน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยแสงแห่งความสุขและทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของตระกูลเย่
“ขอบคุณค่ะคุณป้า ฉันกลัวว่าจะทำให้คุณลำบาก”
“มันไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้างั้นเป็นอันตกลงนะ” มู่เวยเวยปรบมือและพูดกับลูกชายของเธอ “ผิงอัน ที่แม่พูดได้ยินไหม?”
เย่จิงเหยียนเข้าใจความตั้งใจของแม่ แต่เขาต่อต้าน ต้วนจื่ออิ๋งยังไงก็ไม่ใช่ต้วนอีเหยา “แม่ ฉันกำลังทำโครงการใหญ่ ช่วงนี้ไม่มีเวลา”
“ แกยุ่งอยู่ตลอดเวลา ที่บริษัทไม่มีแกแล้วจะอยู่ไม่รอดหรอ?” มู่เวยเวยพูดอย่างไม่มีความสุข
เย่ฉ่าวเฉินเดินไปหาลูกชายของเขา พร้อมกับไวน์หนึ่งแก้วและปลอบโยน “พ่อเข้าใจอารมณ์ของลูก แต่วันนี้วันเกิดแม่ เชื่อฟังเธอหน่อย ต้องให้เธอมีความสุขสิ”
เย่จิงเหยียนทำอะไรไม่ถูก“ โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
ทันใดนั้นเสี่ยวซีหรานก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อนได้และพูดอย่างเศร้าๆว่า“ ครั้งสุดท้ายที่เราปิ้งย่างริมทะเลสาบ ฉันจำได้ว่ายังส่งมันไปให้ฉ่าวเหยียน ไม่คิดว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ยี่สิบปีไวเหมือนโกหก ”
“จริงด้วย ฉันยังจำได้ว่าตอนนั้นเวยเวยดื่มมากเกินไปแ ฉากนั้นเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสังเวชมาก” มู่เทียนเย่แฉเจ้าของวันเกิด
“ พ่อ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ? คุณป้าคออ่อนหรอ?” มู่ยู่วฉีถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
มู่เทียนเย่หัวเราะและพูดว่า “ไม่ใช่อ่อน แต่ว่าป้าแกเวลาเมาแล้วชอบร้องเพลง แต่ร้องเพลงน่าเกลียดมาก เราทุกคนเรียกมันว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกว่ามันเพี้ยนหรือไม่เพี้ยนล่ะ”
“เพี้ยนขนาดนั้นเลยหรอ?”
“อย่าไปฟังพ่อแก พ่อแกพูดไร้สาระ ไม่ได้เพี้ยนขนาดนั้น” มู่เวยเวยพูดขึ้นมาเพื่อตัวเอง
มู่เทียนเย่พูดติดตลกว่า ” ถ้างั้นเดี๋ยวเธอก็โชว์สักเพลงสิ จะว่าไปสมองของฉันก็ไม่ถูกเธอทำลายด้วยเสียงมานานแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินเป็นปีศาจที่บ้าคลั่ง ปกป้องภรรยาของเขา แน่นอนว่าเขายืนอยู่เคียงข้างภรรยา “พี่ใหญ่ วันนี้เป็นวันเกิดของภรรยาฉัน ช่วยให้เกียรติเธอหน่อยได้ไหม?”
“ทำไม เธอก็เป็นน้องสาวฉันเหมือนกัน”
“ เธอเป็นคนของตระกูลเย่นานแล้ว”
ต้วนจื่ออิ๋งมองไปที่ครอบครัวที่อบอุ่นและรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เธอเติบโตมาไม่เคยสัมผัสกับความรักแบบนี้ พ่อแม่ของเธอยุ่งอยู่เสมอ ทั้งครอบครัวแทบจะไม่ค่อยมีเวลานั่งทานข้าวด้วยกันเลย
หลังจากเย่จิงเหยียนย่างเนื้อของเขาเสร็จ ก็นั่งลงข้างๆเจ้าสัตว์เทพแฝด เติมไวน์แดงให้ตัวเองหนึ่งแก้วและพูดด้วยรอยยิ้มจางๆว่า “พ่อกับคุณลุงเลิกเถียงกันได้แล้ว วันก่อนผมโทรหาคุณอาเล็ก เขาบอกว่าเขาจะกลับมาในปีนี้ ทุกคนก็จะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ”
“หึ! ไอ้เด็กคนนี้กลับมาจนได้ มาดูกันครั้งนี้ฉันจะสั่งสอนเขายังไง” เซียวซีหรานพูดอย่างดุดัน นึกถึงปีที่ผ่านมาคนที่เย่จิงเหยียนกลัวที่สุดก็คือเธอ แต่ก็เป็นเธอที่คุยด้วยได้มากที่สุด
สายตาของต้วนจื่ออิ๋งยังคงจ้องมองเขาอยู่ สังเกตเห็นท่าทางของเขามีเสน่ห์ ไม่เหมือนเด็กผู้ชายทุกคนที่เธอเคยเห็น ด้วยความดึงดูดใจอย่างมากของผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่
ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ต้วนจื่ออิ๋งก็รู้สึกได้ว่าเธอหลงรักคนที่ช่วยเธอไว้
ต้วนจื่ออิ๋งเป็นผู้หญิงที่กล้าที่จะรักและเกลียด เมื่อตัดสินใจได้แล้วเธอจะลงมือ แอบถามคนรอบข้างว่า “ชวูเสวียพี่ชายของเธอมีแฟนหรือยัง”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่ชวูเสวียจางลงเล็กน้อย “ตอนนี้ไม่มี แต่เมื่อก่อนเคยมี”
“ฉันไม่สนว่าเมื่อก่อนเคยมี แค่ตอนนี้ไม่มีก็พอละ” ดวงตาของต้วนจื่ออิ๋งเต็มไปด้วยประกาย
เย่ชวูเสวียเห็นว่าเธอมั่นใจว่าจะชนะใจพี่ชายของเธอ ในขณะที่มีความสุขเธอก็เช็ดเหงื่อ
ตอนนี้หัวใจของพี่ชายกลายเป็นหิน ไม่รู้ว่าความกระตือรือร้นของผู้หญิงคนนี้จะทำให้เขาอบอุ่นอีกครั้งได้ไหม
งานเลี้ยงวันเกิดในคืนนั้นจบลงดึกมาก ตระกูลมู่ไม่ได้กลับไป ทุกคนค้างคืนที่บ้านตระกูลเย่
เย่จิงเหยียนล้างกลิ่นควันที่ติดตัวออกและนั่งบนระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ คืนนั้นเงียบสงบและดวงจันทร์ก็เหมือนเส้นด้าย แต่หัวใจของเขากลับโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
อีเหยา ฉันคิดถึงเธอมาก เธอจะรู้บ้างไหม?
บางทีเขาอาจจะคิดถึงเธอมากเกินไป ในคืนนี้ต้วนอีเหยาเดินเข้ามาในความฝันของเย่จิงเหยียนอีกครั้ง เธอสวมชุดสีเขียวอ่อนยืนอยู่ในร้านขายดอกไม้โบราณและยิ้มอ่อนๆให้เขา
เย่จิงเหยียนวิ่งเข้าไปกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา และเรียกชื่อของเธอ
ต้วนอีเหยาตบไหล่ของเขาเบาๆ แล้วชี้ไปที่หูของเธอ และเย่จิงเหยียนก็ถามว่า “เธอไม่ได้ยินฉันเหรอ?”
เธอพยักหน้า
“ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ถ้าเธอไม่ได้ยินต่อไปนี้ฉันจะเป็นหูให้เธอเอง ”
ความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้งปรากฏขึ้นในดวงตาของต้วนอีเหยา เธอผลักแขนของเย่จิงเหยียนออก แล้วหันหลังวิ่งเข้าไปในร้านดอกไม้ เย่จิงเหยียนรีบไล่ตาม แต่เธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“อีเหยา อีเหยา-” เย่จิงเหยียนตะโกนในร้านดอกไม้ แต่ไม่มีใครตอบ
ตื่นขึ้นมาจากความฝัน แสงยามเช้าสาดส่องไปทั่วห้อง เย่จิงเหยียนนึกถึงฉากในความฝัน มันเหมือนเรื่องจริงมาก
เป็นไปได้ไหมที่อีเหยายังไม่ตายตั้งแต่แรก? แต่แค่ได้รับบาดเจ็บไม่อยากมาพบเขา? เพราะงั้นก็เลยโกหกว่าเธอตายแล้ว?
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เย่จิงเหยียนก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างดุเดือด หัวใจเต้นแรง เขารีบโทรไปเบอร์หนึ่งที่เขาจำได้ มีข้อความแจ้งเตือนว่า: ขออภัยไม่มีหมายเลขนี้ให้บริการ
___
นั่งลงบนโซฟา เย่จิงเหยียนจับศีรษะของเขาแน่น นี่เขากำลังหวังอะไร?
อีเหยาได้จากไปแล้ว ไม่มีเธอบนโลกนี้อีกแล้ว……
นี่คือสิ่งที่พูดจากปากพ่อเธอ ต้องไม่มีอะไรผิดพลาดสิ
หลังจากแช่ตัวอยู่ในห้องสักพัก เย่จิงเหยียนก็เริ่มอาบน้ำ
ทุกคนกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ข้างล่าง เย่จิงเหยียนทักทายพวกเขา จากนั้นก็นั่งทานอาหาร
“ผิงอัน สาวน้อยคนนั้นยังไม่ตื่นเลย ลูกไปปลุกเธอสิ” มู่เวยเวยจงใจสร้างโอกาสให้กับพวกเขา
เย่จิงเหยียนหยุดทานโจ๊ก มองไปที่มู่เวยเวยอย่างจริงจังและพูดว่า “แม่ ผมรู้ว่าแม่กำลังจะทำอะไร แต่เธอไม่ใช่อีเหยา”
มู่เวยเวยตกตะลึง ทุกคนก้มหน้าและไม่พูดอะไร ต้วนอีเหยาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในใจเขา ไม่มีใครกล้าแตะต้องมัน
เมื่อคำพูดออกไป เวยเวยก็พูดต่อจนจบ“ แต่อีเหยาจากไปแล้ว ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่พูดอะไรอีก แต่เธอกลับมาไม่ได้ แล้วแกล่ะ? แกจะอยู่โสดแบบนี้ไปตลอดชีวิตหรอ? แกคิดว่าทำแบบนี้อีเหยาจะเห็นด้วยอย่างงั้นหรอ?”
ดวงตาของเย่จิงเหยียนค่อยๆชุ่ม หัวใจของเขาเจ็บมาก เขากัดฟันและไม่พูดอะไร
“ในใจของแกกำลังรู้สึกยังไงพวกเรารู้ เพราะงั้นเลยอยากให้แกลองอยู่กับผู้หญิงคนนี้ดู เธอหน้าตาคล้ายอีเหยา แกก็คิดซะว่าเธอมาแทนอีเหยาก็ได้นิ”
“นี่ไม่ยุติธรรมกับต้วนจื่ออิ๋ง” เย่จิงเหยียนพูดอย่างเย็นชา
“ถ้าเธอยินยอมล่ะ?” มู่เวยเวยถามกลับ เพราะทุกคนก็เห็นความรักที่หญิงสาวแสดงออกมาเมื่อคืน
เย่จิงเหยียนเงียบอยู่นาน“ แม่ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกได้ไหม? ขอล่ะ”
มู่เวยเวยถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเธอได้ยินว่าลูกชายของเธอไม่ขัดขืน
“ผิงอัน แม่ไม่ได้บังคับลูก แค่เสียดายถ้าลูกพลาดโอกาสนี้”
“แม่ ผมรู้แล้ว” เห็นได้ชัดว่าเย่จิงเหยียนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก
ทันทีที่พูดจบ เสียงใสๆก็ดังขึ้น “อรุณสวัสดิ์ทุกคน ต้องขอโทษด้วยนะ ฉันตื่นสาย”
“ไม่เป็นไร พวกเราทุกคนก็เพิ่งตื่น” มู่เวยเวยทักทายเธอพร้อมชี้ไปที่ที่นั่งว่าง ข้างๆเย่จิงเหยียนและพูดว่า “มานั่งที่นี่สิ”
หลังจากต้วนจื่ออิ๋งทักทายทุกคนแล้ว เธอก็หันหน้าไปยิ้มและพูดกับเย่จิงเหยียนว่า “พี่จิงเหยียน สวัสดีตอนเช้า”
“อืม” เย่จิงเหยียนตอบกลับสั้นๆ
“วันนี้พี่ว่างไหม?” ต้วนจื่ออิ๋งมองเขาด้วยความกระตือรือร้น “ฉันได้ยินมาว่ามีหมู่บ้านโบราณในเมือง A ที่น่าสนใจมาก”
เย่จิงเหยียนโพล่งออกมา “ฉันมีธุระ”
ต้วนจื่ออิ๋งไม่ท้อแท้แต่อย่างใดและถามต่อไปว่า “แล้วพรุ่งนี้ล่ะ วันมะรืนนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นพี่คงไม่ไปทำงานในวันมะรืนใช่ไหม?”
“คริคริ -” เย่ชวูเสวียอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ และพูดโดยไม่อายว่า “ต้วนจื่ออิ๋ง เธอก็รุกแรงเกินไปแล้วมั้ง”
ต้วนจื่ออิ๋งหน้าแดงและพูดอย่างกล้าหาญว่า “ฉันไม่กลัวว่าพวกเธอจะมองเป็นเรื่องขำ ฉันชอบพี่ชายจิงเหยียน ถ้าคุณชอบใครสักคนก็ต้องเข้าหา เขาเป็นคนดีมาก ถ้าฉันไม่รีบ และถูกฉคนอื่นฉกไปจะทำยังไง? ฉันจะเสียใจไปตลอดชีวิตแน่เลย ”
คำพูดที่กล้าหาญของต้วนจื่ออิ๋ง ทำให้ทุกคนตกตะลึง แม้แต่เย่จิงเหยียนก็ตกตะลึงไปหลายวินาที
เขาเป็นคนดีไหม? ไม่ดีเลยสักนิด ถ้าดีทำไมถึงเอาแต่ทำให้อีเหยาเสียใจ ตั้งแต่เธอจากไปเขาก็ไม่เคยให้อภัยตัวเอง
“โอ้ย เป็นวัยรุ่นนี่มันดีจริงๆเลบ” เสี่ยวซีหรานอารมณ์ดีมาก พูดถึงแรงบันดาลใจทั่วไปของคนวัยกลางของคนหลายคน
ต้วนจื่ออิ๋งหันศีรษะและถามเย่จิงเหยียน “พี่จิงเหยียน พี่จะว่างเมื่อไหร่ล่ะ”
เย่จิงเหยียนหยุดและพูดว่า “วันหยุดสุดสัปดาห์ละกัน วันหยุดฉันจะพาเธอไป”
“เย้!” ต้วนจื่ออิ๋งส่งเสียงเชียร์ เขายอมตกลงที่จะไปด้วย นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้เกลียดตัวเอง นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี
การปรากฏตัวของต้วนจื่ออิ๋งทำให้โต๊ะอาหารมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย เธอมีพลังมากและดูเหมือนว่าเธอจะมีพลังงานมหาศาล
หลังอาหารเช้าเสร็จ ครอบครัวเซียวก็กลับไป เย่จิงเหยียนก็กำลังจะไปทำงานเช่นกัน ต้วนจื่ออิ๋งดึงแขนเสื้อของเขาอย่างรวดเร็ว เย่จิงเหยียนเหลือบมองลง เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็นและยังคงดึง
“พี่จิงเหยียน ฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อย ฉันจะโทรหาแม่ของฉัน ให้โอนเงินมาให้ฉันหน่อย” เสียงของต้วนจื่ออิ๋งนั้นคมชัดราวกับเสียงหัวเราะในภูเขา เย่จิงเหยียนต้องการบอกว่าเธอควรไปหาชวูเสวีย แต่เมื่อมองไปที่เธอด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนต้วนอีเหยา เขาก็ปฏิเสธไม่ออกจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและป้อนรหัสผ่านให้เธอ
ต้วนจื่ออิ๋งปล่อยแขนเสื้อออก มองหาเบอร์ที่โทรหาแม่เมื่อวาน จู่ๆก็เห็นสายบนล่าสุดของเขา ซึ่งโทรออกเมื่อเช้านี้ชื่อผู้ติดต่อที่บันทึกไว้นั้นดูน่าสนใจมาก ที่รักของฉัน
หัวใจของต้วนจื่ออิ๋งสั่นไหว แฟนของเขา? ชวูเสวียบอกว่าเธอไม่มีแฟนไม่ใช่หรอ?
ต้วนจื่ออิ๋งไม่ถามอะไร และโทรออกหาแม่เธอ “แม่คะ หนูเอง……หนูค้างที่บ้านเพื่อนเมื่อคืน……กินข้าวแล้ว แม่โอนเงินให้หนูหน่อย ตอนนี้หนูไม่มีอะไรเลย……โอเค เดี๋ยวหนูจะส่งไปให้ ใช้เบอร์โทรนี้เลยค่ะ รักแม่นะ”